King propose - ตอนที่ 3 สับเปลี่ยน Part 6/7
ในที่สุดก็รอดพ้นจากคาบเรียนที่ดูสุ่มเสี่ยงไปได้ เข้าคาบที่ 3 . . . .
มุชิกิย้ายจากอาคารเรียนกลางไปที่ลานฝึกกับเพื่อนร่วมชั้น เป็นคาบเรียนภาคปฏิบัติของอัลเวียตเหมือนกับคาบที่ 5 และ 6 เมื่อวาน
พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็เดินเข้าไปในลานของลานฝึก แล้วหมุนไหล่เบาๆ
ชุดพละที่คุโรเอะเตรียมให้ ขนาดพอดีตัวเป๊ะเหมือนชุดนักเรียน เอาเวลาไหนไปวัดก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ช่างละเอียดอ่อนดีจริงๆ
「ตอนที่ต้องละสายตาก็เป็นห่วงอยู่นิดหน่อยค่ะ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นสินะคะ」
แล้วก็ มีเสียงพูดแบบนั้นลอยมาจากข้างหลัง พอหันกลับไปก็เจอคุโรเอะที่เปลี่ยนเป็นชุดพละเหมือนกัน
「เอ๊ะ? ไอ้ที่อัตราการปลดปล่อยพลังเวทย์เปลี่ยนไปจนเกิดการสับเปลี่ยนตัวตนเนี่ย ไม่ได้เกิดขึ้นได้แค่ตอนเปลี่ยนจากร่างคุณไซกะเป็นร่างผมเหรอครับ?」
「ควรจะเป็นเช่นนั้นค่ะ แต่ไม่ว่ายังไง ทางนี้ก็เพิ่งเคยเห็นเคสนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกันค่ะ」
คุโรเอะพูดเรื่องน่ากลัวออกมา มุชิกิยิ้มแห้งๆตอบกลับ
「เอาเถอะครับ…..แบบว่า ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงวันนี้ก็เป็นห้องเปลี่ยนชุดชาย ไม่เหมือนกับเมื่อวาน จริงๆก็สุดยอดไปเลยนะครับ ห้องเปลี่ยนชุดชายเนี่ย พื้นที่ที่ไม่มีอะไรนอกจากผู้ชายนี่มันชวนให้สงบใจดีจริงๆ」
「พูดได้ชวนเข้าใจผิดดีนะคะ」
พอคุโรเอะหรี่ตาแล้วพูดแบบนั้น อัลเวียตก็เดินออกมาจากข้างในลานฝึก
「──โอร่า จะเริ่มแล้วเฟ้ย มารวมกันเร็ว」
อัลเวียตพูดแล้วกวักมืออย่างเบื่อหน่าย พวกนักเรียนที่อยู่ในลานเดินมาเรียงแถวกันตรงหน้าเขา
「ถ้างั้น ก่อนอื่นก็อบอุ่นร่างกายให้เสร็จ แล้วฝึกการใช้แบบเมื่อวานซะ วันนี้เตรียมเป้าไว้หลายอัน แบ่งออกเป็นหลายๆกลุ่มแล้ว──」
แล้วอัลเวียตก็หยุดพูดลงตรงนั้น
แวบแรกก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากนั้นก็เข้าใจทันที
ในหมู่นักเรียนที่กำลังยืนต่อแถวกัน มีรูริที่กำลังยกมือขึ้นสูง
「ขอพูดอะไรสักอย่างได้ไหมคะ อาจารย์」
「อ๋า? ไรฟะ ฟุยะโจว」
「วันนี้มีนักเรียนใหม่ที่มาเรียนภาคปฏิบัติเป็นครั้งแรกอยู่สองคนค่ะ」
「นักเรียนใหม่? …..อ้า จะว่าไปก็ได้ยินมาเหมือนกัน」
อัลเวียตพูดพร้อมเกาหัว แล้วกวาดตามองเหล่านักเรียนที่ยืนเรียงแถวกัน แล้วหยุดลงที่มุชิกิกับคุโรเอะ
「พวกแกสินะ ──เด๊ะ แกมันสาวใช้ของคุโอซากิไม่ใช่เหรอฟะ มาทำอะไรที่นี่」
แต่ว่า คุโรเอะก็โค้งให้เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร ทางอัลเวียตเองก็ไม่แสดงความตั้งใจจะดึงบทสนทนาไปมากกว่านั้น ทำเสียงฮึ่มขึ้นจมูกแล้วละสายตาไปทางมุชิกิ
「แล้ว แกล่ะ…..」
พอถูกหันมามอง มุชิกิก็ปรับท่ายืนแล้วตอบกลับ
「ครับ คุกะ มุชิกิครับ」
「อาอา ไว้อยากจำเดี๋ยวจะจำให้แล้วกันนะ」
อัลเวียตโบกมือปัดๆไปมา
「เอ้า? ทีนี้พอใจยัง? ถ้าไม่รู้วิธีอบอุ่นร่างกายก็ให้ใครสักคนสอนแล้วกัน ส่วนเรื่องฝึกการใช้เวทย์──ถ้าทำได้ก็ดีไป ถ้ายังทำไม่ได้ก็ดูคนอื่นไปก่อน การสังเกตก็ถือเป็นการเรียนรู้อย่างนึง」
「เดี๋ยวก่อนค่ะ มีเรื่องที่อย่างขออนุญาติอยู่เรื่องนึง」
「ขออนุญาติ? อะไรล่ะฟะ」
อัลเวียตทำหน้างงกับคำพูดของรูริ
จากนั้น ก็รูริหันหน้าส่งสายตาทิ่มแทงมาทางมุชิกิ
「──ขออนุญาติทำศึกจำลองกับคุกะ มุชิกิค่ะ」
「……อ๋า? 」
『…………! 』
คำพูดของรูริ ทำให้อัลเวียตขมวดคิ้วแน่น เหล่าเพื่อนร่วมชั้นก็มีสีหน้าตกใจ แม้แต่คุโรเอะเองก็พาลคิ้วกระตุกไปด้วย
คำพูดที่รูริพูดไว้ในชั้นเรียน ลอยกลับมาในหัวของมุชิกิ เหตุผลก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่รูริบอกว่าต้องการที่จะไล่มุชิกิออกจาก〈อุทยาน〉 อาจจะตั้งใจทำให้เจ็บปวด แล้วทำลายกำลังใจของมุชิกิก็เป็นได้
ที่ไม่ท้าดวลหรือซุ่มทำร้าย แต่เลือกทำศึกจำลองต่อหน้าชั้นเรียน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนิสัยซื่อตรง หรือต้องการให้อับอายต่อหน้าทุกคนกันแน่
ลานฝึกถูกหุ้มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด
──แต่ว่า
「…….นี่แก อยู่ๆพูดอะไรออกมาฟะ มันต้องไม่ได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง」
อัลเวียตเหงื่อขึ้นที่แก้ม แล้วพูดปฏิเสธไปแบบปกติ
รูริที่คิดว่าจะได้ต่อสู้อย่างแน่นอน ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
「…….ทำไมล่ะคะ?」
「ถามว่าทำไมเนี่ย…..จอมเวทย์ระดับ S มาขอทำศึกจำลองกับนักเรียนใหม่ กลับกัน ทำไมถึงคิดว่าจะอนุญาติตั้งแต่แรกฟะ เป็นพวกบ้าสงครามเรอะแกน่ะ น่ากลัวเว้ย….」
「……….」
พออัลเวียตโต้กลับอย่างสมเหตุสมผล รูริก็ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเอง
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนเห็นตาแดงขึ้นมาหน่อยด้วย
ดูน่าสงสารยังไงก็ไม่รู้
「เอ้า รีบๆอบอุ่นร่างกายได้แล้ว เสร็จแล้ววิ่งรอบลานฝึก 3 รอบแล้วกลับมารวมกันที่นี่」
ระหว่างที่บรรยากาศของลานฝึกกำลังแย่ลง อัลเวียตก็ออกคำสั่ง
เหล่านักเรียนถึงจะมีท่าทีกังวล แต่ก็เริ่มอบอุ่นร่างกายตามคำสั่ง
จะว่าไป แม้แต่รูริก็อบอุ่นร่างกายอย่างถูกต้องทั้งที่ตาแดงก่ำ ถ้าจะให้พูดก็คือ เป็นคนที่ยืดเส้นอย่างตั้งใจที่สุด ทั้งการแกว่งขาแกว่งแขนตอนวิ่งก็ทำอย่างงดงาม มุชิกิรู้สึกประทับใจกับหัวใจที่เข้มแข็งของน้องสาวตัวเอง
พออบอุ่นร่างกายทุกอย่างเสร็จ นักเรียนก็พากันกลับไปที่กลางลานฝึก
ในตอนนั้น อัลเวียตก็จัดเตรียมเป้าเคลื่อนไหว ลูกบอลที่มีแขนขาเป็นแสงประมาณ 10 ตัวสำเร็จพอดี
「──สลับกันโจมตีคนละครั้ง ใช้วิชาวิวรณ์ถึงแค่บทที่ 2 ถ้าลำบากจะจับกลุ่ม 2 ถึง 3 คนแล้วล้อมก็ได้ ใครอู้เข้าไปเตะจริงๆนะเฟ้ย」
『──ครับ/ค่ะ! 』
เหล่านักเรียนกระจายตัวกันไปตามเป้าแต่ละลูกตามคำสั่งของอัลเวียต แล้วเริ่มรวบรวมสมาธิ
「……..!」
มุชิกิมองดูภาพนั้นพลางขยี้ตา
「เป็นอะไรไปคะ คุณมุชิกิ」
คุโรเอะถามด้วยความสงสัยท่าทีของมุชิกิ มุชิกิกระพริบตาอยู่หลายทีแล้วจึงตอบกลับ
「อ๊ะ เปล่าครับ แบบว่า….ถึงจะแค่นิดหน่อย แต่รู้สึกเหมือนเห็นพลังเวทย์อยู่รอบตัวทุกคน…..」
ใช่ ตอนนี้มุชิกิไม่ได้อยู่ในโหมดไซกะ
แต่ก็ยังเห็นพลังเวทย์วนรอบตัวของเหล่านักเรียน ถึงจะเลือนรางแต่ก็สัมผัสได้
ทว่าคุโรเอะกลับไม่มีทีท่าตื่นตกใจ แล้วพยักหน้าตอบ
「ก็ไม่ใช่อะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ตามที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ อุปสรรคอย่างแรกในการเรียนรู้ศาสตร์เวทย์ก็คือ การจับความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนที่เรียกว่าศาสตร์เวทย์ค่ะ──แต่ว่า คุณมุชิกิได้ก้าวผ่านบันไดขั้นนั้นด้วยร่างกายของท่านไซกะ สมองของคุณมุชิกิ ได้กลายเป็นสมองของจอมเวทย์ไปเรียบร้อยแล้วค่ะ」
「น่ะ───」
พอถูกพูดใส่ มุชิกิก็ก้มลงไปมองที่มือของตนเอง
「ระหว่างที่ไม่รู้ตัว ร่างกายก็ค่อยๆถูกคุณไซกะพัฒนาขึ้น」
「วิธีพูดค่ะ」
คุโรเอะหรี่ตามอง แล้วกระแอมออกมา
「แต่ว่า สำหรับจอมเวทย์คนอื่นน่ะ ไม่มีเรื่องน่าอิจฉาแบบนี้เกิดขึ้นหรอกนะคะ เพราะคุณมุชิกิมีจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดมาช่วยก้าวผ่านอุปสรรคแรกของการเรียนศาสตร์เวทย์ และก้าวผ่านไปได้โดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำยังไงล่ะคะ」
「……หมายความว่า ผมเนี่ย ใช้ศาสตร์เวทย์ได้แล้วสินะครับ」
「คิดว่าคงไม่สะดวกขนาดนั้นหรอกค่ะ──แต่ถ้าแค่ระดับปล่อยพลังเวทย์ออกมาก็น่าจะทำได้ ลองดูไหมล่ะคะ?」
คุโรเอะพูดแล้วชี้ไปเป้าที่อยู่ทางขวา ลูกบอลที่มีแขนขาแสงงอกกำลังยืนอยู่อย่างเหงาหงอย
「นั่นสิครับ ยังไงก็ไม่เสียอะไรอยู่แล้ว ลองสักหน่อยดีกว่า」
มุชิกิพูดแล้วขยับไปยืนตรงหน้าเป้า พยายามนึกถึงความรู้สึกตอนที่ใช้เวทย์มนต์ในร่างไซกะ แล้วเริ่มรวบรวมสมาธิ
「──มุนาคาตะ การขัดเกลาพลังเวทย์ยังอ่อนหัด อย่าคิดว่าร่างวิวรณ์เป็นอาวุธ จงคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตัวเองซะ ──มาบูจิ ต่อให้ใช้ได้แค่บทที่หนึ่งก็ไม่เป็นไร ถ้าวางแผนดีๆการโจมตีให้โดนน่ะ เป็นไปได้แน่ จงหาวิธีบรรลุเป้าหมายด้วยไพ่ในมือซะ」
อัลเวียตเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วคอยพูดให้คำแนะนำกับนักเหล่านักเรียนตามลำดับ
นักเรียนทุกคน ต่างมีตราสัญลักษณ์ไม่หนึ่งอันก็สองอันลอยให้เห็นที่ไหนสักแห่งบนร่างกาย ลักษณะเฉพาะของผู้ที่กำลังใช้เวทย์วิวรณ์
แต่ว่า ลำพังจอมเวทย์ที่สามารถเรียกใช้เวทย์วิวรณ์บทที่ 2 ได้ก็ถือว่ามีค่ามากแล้ว สำหรับบทที่ 3 เนี่ย…..คนที่พร้อมจะเดิมพันชีวิตจนไปถึงขั้นนั้นได้ ในนี้จะมีสักกี่คนกันนะ──
「………..!?」
แล้ว
ในระหว่างที่อัลเวียตกำลังคิดเรื่อยเปื่อยและมองวนไปทั่วลานฝึก อยู่ๆก็รู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง รีบหันกลับไปมองทันที
ไม่ได้ตรวจจับพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งได้ และก็ไม่ได้เป็นเพราะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารเช่นกัน ถ้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น คงอธิบายเป็นคำพูดได้ลำบาก
แต่ว่า ด้วยประสาทสัมผัสของจอมเวทย์ และสัญชาตญาณของอัศวิน ทำให้อัลเวียตไม่สามารถทนใจเย็นอยู่ได้
「────」
ที่สุดขอบสายตา อัลเวียตเห็นรูริอยู่
รูริเองก็กำลังทำหน้าแบบเดียวกับอัลเวียต มีเหงื่อไหลซึมจากหน้าผาก
──นี่มัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่
อัลเวียตตกตะลึงจนเผลอกลั้นหายใจ หมุนลูกตาไปมา
ปลายทางที่หันไป มีร่างของเหล่านักเรียน ทุกคนกำลังพยายามโจมตีเป้าหมายอย่างเอาเป็นเอาตาย
นักเรียนที่กำลังใช้เวทย์วิวรณ์บทที่ 1 สร้างพายุหมุน──
นักเรียนที่กำลังกวัดแกว่งค้อนจากวิวรณ์บทที่ 2───
แล้วก็──นักเรียนใหม่ที่ทำไม่ได้แม้แต่วิวรณ์บทที่ 1 กำลังยื่นแขนสองข้างออกไปข้างหน้า
「…………」
ระหว่างที่กำลังดูคนสุดท้าย อัลเวียตก็ยกมือขึ้นมาเกาแก้มแกรกๆ
「…….เป็นไปไม่ได้หรอกน่า」
พึมพำขึ้นมาแบบนั้น แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ───แล้วในวินาทีนั้น
「อะไร…..!?」
──เสียงแสบแก้วหูของสัญญานเตือนภัย〈อุทยาน〉ก็ดังขึ้น
แล้วในความว่างเปล่าของลานฝึก ก็มีรอยแตกเกิดขึ้นจำนวนมาก