ตอนที่ 2 กลั่นแกล้ง
ก่อนที่ผมจะไปถึงสถานที่จัดงานอีเว้นท์ผมก็รู้ตัวดีว่ามันก็คงจะคับคั่งมากเป็นพิเศษ
ถึงอย่างนั้นแต่ปริมาณของฝูงชนขนาดนี้ก็ทำให้ผมต้องรู้สึกประหลาดใจ
การต่อแถวเรียงคิวอย่างเป็นระเบียบนั้นไม่มีอยู่จริง
นี่มันคือความอลม่านอย่างสมบูรณ์แบบชัดๆ……
ส่วนหมายเลขตั๋วที่ผมได้ก็คือเบอร์ 332 ถ้าหากใช้เวลาสัก 30 วินาทีต่อคิวผมก็ยังต้องรออีกราวๆ 3 ชั่วโมงได้
อากิระเธอมีแฟนๆที่เป็นผู้หญิงอยู่จำนวนไม่น้อยเลย ซึ่งมันก็ถือว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับไอดอล 3 มิติ
เพราะมีผู้หญิงต่อคิวอยู่ด้วย ผมก็ยกไหล่ขึ้นทุกครั้งที่แถวมันขยับขึ้นไปด้านหน้าและก็เผอิญมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ใกล้ๆพอดี
อาจจะเป็นเพราะว่าผมมัวแต่ประหม่า การก้าวเดินของแถวดูเหมือนว่าจะรวดเร็วกว่าช่วงเวลาที่ผ่านไปจริงๆ
และเมื่อถึงตาผมที่ได้เข้าไปผมก็เห็นร่างของอากิระบนแท่นที่ยกขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อย
เธอทักทายแฟนๆโอตะแต่ละคนอย่างสุภาพอ่อนน้อมพร้อมกับจับมือพวกเขาและฟังข้อความสั้นๆจากพวกเขาและก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
เธอคือไอดอลในอุดมคติสำหรับผม
ผมหยิบกระดาษโน๊ตชิ้นเล็กๆออกมาจากกระเป๋าแล้วมองดูที่มัน
[ผมชื่นชอบความทุ่มเทของคุณมากๆเลยครับ ผมจะขอเป็นกำลังให้คุณต่อไปนะครับ]
ผมพูดถ้อยคำนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ภายในใจ
นี่คืองานจับมือและมันคงจะเป็นหายนะแน่ๆถ้าเกิดผมไปติดแหง่กค้างอยู่บนเวทีหรือไม่ก็ไปล้มลุกคลุกคลานเพราะมันจะไปรบกวนชาวบ้านชาวช่องเขา
มาทำให้มันจบไวๆเถอะ แค่พูดสนับสนุนเธอสักสองสามคำแล้วก็จะได้จบๆ
ผมยังคงจดจ้องไปที่กระดาษโน๊ตของผมอย่างประหม่าในขณะที่ผมค่อยๆเดินขยับขึ้นไปตามแถว
และเมื่อถึงตาของผมผมก็เงยหน้าขึ้นและก็เห็นว่ามันถึงเวลาแล้วที่เหล่าแฟนๆจะได้ย้ายสถานที่
อากิระโบกมือให้กับเหล่าแฟนๆที่เดินออกมาจากเวทีและเมื่อเธอหันหน้ากลับมามองที่ด้านหน้าเธอก็เหลือบมองมาที่ผมพอดี
มันทำให้ผมใจเต้นไปหมดกับการที่พวกเรานั้นเกือบจะได้สบตากันแม้ว่าจะแค่บังเอิญก็ตาม
แต่แล้วสายตาของเธอซึ่งอีกไม่นานผมก็คิดว่าเธอจะหันกลับมาที่ด้านหน้าอีก
ก็จ้องมองมาที่ผมอยู่ราวๆสองถึงสามวินาที
ผมเบือนหน้าหนีและพวกคนที่อยู่ทางข้างหลังของผมก็มองผมอย่างงงๆและไม่แม้แต่จะมองเธอเลย
พอผมเหลือบไปมองอากิระอีกครั้ง เธอก็ยังคงจ้องมองผมอยู่
ผมรู้สึกได้ว่าเวลานั้นได้หยุดเดินลง
เธอจ้องมองมาที่ผมอย่างใจจดใจจ่อถึงขนาดที่เป็นเรื่องยากที่จะมาโบกมือให้แล้วบอกว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน
พวกเราสบตากัน
หลังจากที่จ้องมองผมค้างไว้สองถึงสามวินาที เธอก็ฉายรอยยิ้มเทพธิดาของเธอออกมา
ผมรีบเบือนหน้าหนี
นี่เธอยิ้มให้ผมงั้นอย่างนั้นรึ? ทำไมล่ะ?
พอผมคิดเรื่องนี้ผมก็หันหน้าไปมองดูเธออีกครั้งอย่างลังเล
เธอก็กำลังจับมือกับแฟนๆโอตะคนต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นี่ผมประหม่าจนถึงขั้นฝันกลางวันแล้วเหรอเนี่ย?
เพราะมันไม่มีทางที่อากิระจะปฏิบัติกับแฟนคลับคนใดคนหนึ่งของเธอเป็นพิเศษ
เธอจะยิ้มและจับมือกับแฟนๆทุกคนที่ขึ้นไปบนเวที ซึ่งไม่มีทางที่เธอจะหันมาสนใจแฟนคลับคนใดคนหนึ่งที่อยู่ในแถว
ผมก็แค่คิดไปเองแหละ
พอลองทบทวนสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ผมก็กลับมาประหม่าอีกรอบเมื่อเห็นว่าตอนนี้มีคนอีกไม่ถึงสิบคนแล้วก็จะถึงตาของผม
เวลาผ่านไปและในชั่วพริบตาก็ถึงตาของผม
ผมค่อยๆบังคับขาที่สั่นเทาให้ขยับก้าวขึ้นไปบนเวทีและก็เห็นอากิระที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของผม
ผมหายใจเข้าอย่างหอบๆโดยไม่ทันได้หายใจออก
ไอดอลสุดเพอร์เฟค เซย์ไซ อากิระ
ชั่วขณะหนึ่ง ผมรู้สึกเหมือนจะสูญเสียการทรงตัวและจะสะดุดล้มในการก้าวต่อไป
แต่ผมก็รวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีและก้าวไปด้านหน้า
อากิระกับผมกำลังเผชิญหน้ากันบนโต๊ะธรรมดาๆ
หลังจากที่จ้องผมที่พูดอะไรไม่ออกเลยเมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล
“สวัสดีค่ะ”
“สะ-สะ……..สวัสดีครับ”
“ฮะๆ คุณจะประหม่าเกินไปแล้วนะคะ!”
หลังจากที่เธอพูดหยอกล้อผมอย่างสนุกสนาน เธอก็ยื่นมือออกมาอย่างเปี่ยมสุข
อุณหภูมิร่างกายลดลงอย่างเฉียบพลัน
ผมประหม่าจนเกินไป………
ไม่เป็นไร…….นี่อากิระไง
แต่ผมก็ยังกระวนกระวายอยู่ดี
“หืม….?”
เธอเอียงหัวด้วยท่าทางงงๆ
ผมพยายามบังคับมือของตัวเองให้ยื่นออกไปด้านหน้า
ไหล่ของผมก็ตึงขึ้นด้วยความตึงเครียด
เธอค่อยๆวางมือของเธอลงบนมือของผม
ผมสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของมือของเธอมันก็ทำให้ตัวผมร้อนผ่าวไปหมด
เล่นเอาผมกังวลว่ามือของผมมันจะเหงื่อออกจนเหนียวรึเปล่า?
เมื่อเธอจับมือกำจนแน่น ผมก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกๆในฝ่ามือของผม
“……….?”
มันรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรติดอยู่ในมือของพวกเรา
“มีอะไรที่อยากจะบอกกับชั้นไหมคะ?”
เธอถามผมแล้วผมที่มัวแต่หอบอยู่ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไร
“อะ-โอ๊ะ มันก็…….อืม……”
“หืม?”
“ผมชื่นชอบ…..ความ ทะ-ทะ-ทุ่มเทของคุณนะครับ!”
ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้วพูดออกไปและในขณะที่กำลังสำลักกับคำพูดของตัวเองเธอก็ลืมตาเบิกกว้างครู่หนึ่งและยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
“ว้าว แบบนั้นมันเหมือนกับ……….การสารภาพรักเลยนะคะเนี่ย”
เมื่อเธอพูดแบบนั้นด้วยความเขินอายเล็กน้อยแล้ว เหล่าแฟนๆโอตะของเธอที่อยู่รอบๆก็ออกอาการกันยกใหญ่
ผมรู้สึกราวกับว่าผู้คนรอบข้างกำลังหัวเราะเยาะผมอยู่และจู่ๆก็รู้สึกอายขึ้นมา
อุณหภูมิของร่างกายที่ดูเหมือนจะเย็นลงไปได้แล้วในทีแรกก็เพิ่มขึ้นมาอย่างทันทีทันใด
“ผะ-ผมขอเป็นกำลังใจให้คุณต่อไปนะครับ! ไปล่ะครับ!”
ผมดึงมือกลับแล้วโค้งคำนับและกำลังจะวิ่งหนีออกมาจากเวทีและเมื่อตอนนั้นเองก็มีบางอย่างเล็ดลอดเข้ามาระหว่างมือของพวกเรา
“นี่ ! คุณได้ทำของตกไว้รึเปล่าคะ?”
พอเธอพูดอย่างนั้นผมก็มองไปที่พื้นของเวทีด้วยความประหลาดใจ
มันมีกระดาษแผ่นเล็กๆพับอยู่บนพื้น
ผมคิดว่าผมคงเผลอทำไอ้เจ้าแผ่นกระดาษที่เขียนสิ่งที่จะบอกกับเธอไว้หล่นไป
ผมก็เลยรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตแต่ไอ้เจ้ากระดาษนั้นมันก็ยังคงอยู่ที่เดิมของมัน
“โอ๊ะ! นั่นมัน เอ่อ………..ดูไม่เหมือนกับของๆผมเลยครับแต่….”
“โอ้ อย่างนั้นเหรอคะ? งั้นนี่ก็น่าจะเป็นขยะ……เดี๋ยวชั้นจะเอาไปทิ้งให้ค่ะ”
เมื่อเธอพูดและคุกเข่าหยิบกระดาษผมก็เลิ่กลั่กอีกครั้ง
“ถะ-ถ้าหากว่ามันเป็นขยะ…….เดี๋ยวผมจะเอาไปทิ้งให้เองครับ!”
ผมไม่สามารถปล่อยให้ไอดอลที่ผมโอชิมาเก็บขยะแล้วก็เอาไปทิ้งให้ได้จริงๆ
“จริงเหรอคะ? น่ารักจัง ขอบคุณนะคะ”
เธอยิ้มและก็มองดูขณะที่ผมรีบหยิบเศษกระดาษที่หล่นลงตรงเวที
“เอาล่ะ ถ้างั้น…….”
ขณะที่ผมก้าวลงจากเวทีหลังจากที่ผมหยิบเศษกระดาษขึ้นมาแล้ว
“เดี๋ยวค่ะ!”
เธอดึงแขนเสื้อผมแล้วผมก็ถูกดึงตัวกลับไป
เกร็งไปหมดทั้งตัวเลย ผมไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะ Gynophobia หรือเพราะว่าความประหม่าที่โดนเธอจับกันแน่?
“ดูเหมือนว่ามันจะร่วงลงมาจากมือของคุณนะคะ”
“ฮะ?”
“เพราะงั้นชั้นก็เลยคิดว่ายังไงก็ควรเช็คดูก่อนดีกว่านะคะว่ามันเป็นขยะจริงๆรึเปล่า? ”
เธอพูดขณะที่มองมาที่ผมด้วยแววตาว่างเปล่า
ผมกำลังพูดคุยกับเธออย่างใกล้ชิด
ได้มองเข้าไปในดวงตาของเธอและพูดสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรเกี่ยวกับไอดอลอยู่
มันให้ความรู้สึกเหนือความเป็นจริง
“โอ้….ครับผม ก็จริงนะครับ………ไว้ผมจะเช็คดูนะครับ……..”
“ค่ะ! แล้วพบกันใหม่นะคะ!”
เธอโบกมือลาเบาๆ
ผมงุนงงกับสีหน้าของเธอ
เพราะผมไม่สามารถขยับร่างกายได้ดั่งใจ ผมจึงเดินลงบันไดด้วยท่าทางงึกๆงักๆดูอึดอัด
แล้วผมก็ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาจากแฟนๆโอตะคนอื่นๆ
“นี่หมอนั่นมันประหม่าเบอร์นั้นเลยจริงดิ?”
“คงจะเป็นกาจิโค่ยแหงๆ”
(**TL NOTE : กาจิโค่ย ความหมายคือประมาณ “โอตะที่รักไอดอลแบบจริงๆจังๆที่ไม่ใช่แค่ชื่นชม แต่รักแบบคนรักเลย **)
เมื่อได้ยินเสียงซุบซิบนินทาพวกนั้น ผมก็รีบบึ่งออกจากที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อปรับการหายใจที่ขาดช่วงไป
ผมจำได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างกับอากิระบนเวทีและอัตราการเต้นของหัวใจก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
การแสดงออกของเธอมันทำให้ผมทั้งกังวลและไม่สบายใจ
ผมไม่เคยเห็นหน้าตาแบบนั้นบนใบหน้าของเธอมาก่อนเลย
ผมรู้สึกหวิวๆชอบกล
เมื่อกี้นี้มันอะไรกัน? ใบหน้านั้นมันคืออารมณ์แบบไหนกันนะ?
เธอมักจะควบคุมการแสดงออกทางสีหน้าได้อย่างชัดเจนอยู่เสมอตอนอยู่บนเวที
แม้แต่เรื่องสายตาที่ไม่ได้รับการฝึกฝนมาก่อน เธอก็ยังมีการแสดงออกที่สมบูรณ์แบบบนใบหน้าของเธอเสมอ
แม้แต่ในงานจับมือในวันนี้เองการแสดงออกของเธอก็ยังเป็นการแสดงออกถึงแฟนเซอร์วิส
ผมควรจะประทับใจกับเรื่องนั้นแท้ๆ
แต่การแสดงออกบนใบหน้าของเธอมันคืออะไรกันแน่?
เพราะผมไม่สันทัดเรื่องการติดต่อกับคนอื่นๆ เพราะแบบนั้นพอได้เห็นการแสดงออกของเธอแล้วผมจึงรับรู้ได้ถึงความรู้สึกห่างเหินอย่างบอกไม่ถูก
เรื่องเดียวที่ทำให้ใจผมว้าวุ่นคือเรื่องการแสดงออกของเธอที่เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
ผมเดินกลับบ้านไปทั้งความกังวลใจแบบนั้น
“อา……”
ระหว่างทางนั้นผมก็นึกขึ้นได้ถึงไอ้เจ้าเศษกระดาษที่เก็บมาบนเวที
ผมหยิบมันออกมาจากกระเป๋าแล้วค่อยๆคลี่มันออกอย่างระมัดระวัง
“หะ?”
ประโยคนั้นเขียนด้วยตัวอักษรแฟนซีเป็นประโยคสั้นๆว่า
[คืนนี้ชั้นจะไปรอคุณที่อากิฮาบาระเวลา 20.00 ตรวจสอบสถานที่ที่อยู่ตรงด้านล่างนี้และคุณต้องมาให้ได้นะ – เซย์ไซ อากิระ]
และข้างใต้ข้อความประโยคหนึ่งบรรทัดก็มีชื่อสถานที่ที่ชี้ไปยังที่แห่งหนึ่งในอากิฮาบาระ
“นี่มันยังไงกันเนี่ย?”
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผมสับสน
นี่อากิระเขียนเจ้าสิ่งนี้อย่างนั้นรึ?
แต่ทำไมล่ะ?
คำถามง่ายนั้นได้ผุดขึ้นมาในใจของผม
และข้อสรุปที่ผมพอจะคิดได้คือ
“……..มันก็ต้องเป็นการแกล้งกันเล่นแหงอยู่แล้วล่ะนะ”
ผมสันนิษฐานไปว่าอย่างนั้น
เธอบอกว่าผมทำมันหล่น
แต่ต้องมีใครสักคนแอบเอามันมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อผมด้วยวิธีอะไรสักอย่างระหว่างที่ผมกำลังต่อแถวรอแล้วหลังจากนั้นมันก็ไปหล่นบนเวทีพอดีนั่นแหละคือทั้งหมดที่ผมพอจะคิดได้ในตอนนี้
การที่เธอจะมาเรียกให้แฟนๆโอตะไปหาเธอในลักษณะนั้นมันช่างห่างไกลจากความเป็นจริงซะเหลือเกินและผมเองก็ไม่สามารถเอาความไร้เดียงสาของตัวเองมาหลอกตัวเองให้เชื่อกับอะไรแบบนี้ได้
ผมก็หวังว่าเธอจะไม่ทำอะไรแบบนั้นจริงๆ
เซย์ไซ อากิระน่ะสมบูรณ์แบบ
ไม่มีทางที่เธอจะมาเรียกร้องอะไรแฟนๆของเธอแบบนี้แน่นอน
“แค่แกล้งกันเล่นเท่านั้นแหละหน่า”
ผมพูดแล้วขยำกระดาษที่อยู่ในมือ
จากนั้นก็โยนมันทิ้งลงถังขยะหน้าร้านสะดวกซื้อที่ผมเพิ่งจะเดินผ่านไป
ทันทีที่ทำแบบนั้นความคิดของผมที่วนเวียนวกวนเป็นวงกลมก็สงบลงได้
และรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองมีแสงสว่างขึ้นมาพร้อมกับความเหนื่อยล้าก็ถาโถมเข้ามาพร้อมๆกัน
เพราะผมเอาแต่ประหม่าตลอดเวลาเล่นเอาซะผมหมดแรงแล้วตอนนี้
“กลับดีกว่า……กลับบ้าน……..แล้วค่อยไปคิดอีกทีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่……..”
ผมอยู่เพียงลำพังภายในความคิดของตัวเองพอกลับถึงบ้าน
ในหัวของผมมีเพียงสิ่งเดียวที่ผมคิดนั่นก็คือความนุ่มนวลของมือของอากิระที่ผมได้จับเอาไว้อยู่ครู่หนึ่ง
Chapters
Comments
- ตอนที่ 2 กลั่นแกล้ง พฤศจิกายน 12, 2021
- ตอนที่ 1 งานจับมือ ตุลาคม 26, 2021
- ตอนที่ 0 บทนำ Part2 เหตุผล ตุลาคม 19, 2021
- ตอนที่ 0 บทนำ Part 1 ความหวัง ตุลาคม 17, 2021
MANGA DISCUSSION