Kill the Hero - ตอนที่ 39.1
Kill the Hero 039-1
“ที่นี่แหละ”
คลังเก็บไอเทมของปาร์คยองวานอยู่ใต้คฤหาสน์ของเขา
ที่หลบระเบิดนิวเคลียร์ที่แชบอลสร้างขึ้นก่อนหน้านี้ ปาร์คยองวานได้รับการปรับปรุงให้เป็นคลังเก็บของ
มีการจัดแสดงไอเทมจำนวนนับไม่ถ้วนภายในคลัง
‘มันเป็นแค่ที่เก็บ’
ไม่มีไอเทมในตำนาน
เขาไม่ได้คาดหวังไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
เรื่องที่คลังเก็บของแห่งนี้ไม่มีไอเทมในตำนานแน่นอน
‘ฉันคงเลือกได้แค่บางอย่างที่ใส่ได้’
คิมวูจินถูกจำกัดให้เลือกเฉพาะไอเทมที่เขาสวมใส่ได้
ที่ปาร์คยองวานให้ไอเทมแก่นั้น เพื่อที่เขาจะเอาชีวิตรอดได้ในดันเจี้ยน แน่นอนว่าปาร์คยองวานไม่ได้ตั้งใจจะให้ฟรี
‘ฉันแค่เลือกของที่แพงที่สุดเท่าที่จะหาได้’
แน่นอนว่าคิมวูจินตั้งใจจะใช้ไอเทมพวกนี้เหมือนขนมขบเคี้ยว ดังนั้นเขาจึงเลือกของที่แพงที่สุดเท่าที่เขาจะใส่ได้
อาวุธ เกราะ หมวก ถุงมือ และรองเท้า เขาเลือกพวกมันอย่างพิถีพิถัน
“ดูเหมือนว่านายจะชอบของแพงจริง ๆ นะ”
เมื่อเห็นของพวกนั้น ปาร์คยองวานก็พูดด้วยน้ำเสียงเสียดสีเล็กน้อย
คิมวูจินตอบกลับ
“แพงเพราะดีไงครับ”
“มีเหตุผล”
ปาร์คยองวานตอบกลับพร้อมขมวดคิ้ว
‘ชิ’
จากมุมมองของปาร์คยองวาน สถานการณ์แบบนี้ไม่น่าพอใจอย่างยิ่ง
หมายถึง มันเป็นเงินของเขา แต่คิมวูจินกลับใช้ไปนี่
อย่างไรก็ตาม มีสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาทนมันได้
เพื่อจะใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของสมาคมหัวกะโหลก ไม่มีเหยื่อไหนที่ดีเท่ากับคิมวูจินแล้ว
‘เพื่อจะทำให้สมาคมหัวกะโหลกยอมแพ้ การลงทุนมากขนาดนี้ เป็นเรื่องปกติ’
แน่นอนว่าปาร์คยองวานไม่ได้ตั้งใจจะทำสงครามกับสมาคมหัวกะโหลก
‘ใครอยู่เบื้องหลังพวกนั้น? ’
ปาร์คยองวานไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าใครเป็นผู้สนับสนุนสมาคมหัวกะโหลกตั้งแต่แรก ตรงกันข้าม นั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมปาร์คยองวานถึงเดิมพันกับคิมวูจิน และปัจจุบันปาร์คยองวานมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ทรงอิทธิพลในเกาหลี
อย่างไรก็ตาม ปาร์คยองวานไม่พบว่าใครอยู่เบื้องหลังสมาคมหัวกะโหลก
‘พวกนั้นต้องได้รับการสนับสนุนจากอำนาจของต่างชาติ’
นั่นหมายความว่า เป็นไปได้ที่มหาอำนาจจากนอกเกาหลีได้บุกเข้ามาในประเทศแล้ว
เพื่อจะเจรจากับพวกนั้น เขาจำเป็นต้องสร้างช่องทางการติดต่อ
ถ้าฉันกะเทาะมันไปเรื่อย ๆ ในที่สุด พวกเขาก็จะมาหาฉันพร้อมกับก้มหัวลง
แน่นอนว่า ปาร์คยองวานไม่ได้ตั้งใจจะเจรจาอย่างยุติธรรม
ปาร์คยองวานใช้คิมวูจิน เพื่อทำให้สมาคมหัวกะโหลกยอมแพ้ และในที่สุด พวกเขาก็จะร่วมมือด้วย
หรือก็คือ ยิ่งสถานการณ์ของสมาคมหัวกะโหลกยุ่งยากขึ้นมากเท่าไร ก็ยิ่งดีกับปาร์คยองวานเท่านั้น
นั่นคือเหตุผลที่เขาเปิดคลังเก็บของให้คิมวูจิน
‘นี่มัน? ’
และนั่นเป็นสาเหตุที่คิมวูจินได้รับโอกาสที่เขาอาจจะไม่ได้รับอีกเลยในชีวิต
เท้าของคิมวูจินหยุดลงที่มุมเก็บเครื่องประดับ
ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่สร้อยคอน่าเกลียด มันฝังหินสีดำขนาดเท่ากำปั้นทารก คิมวูจินคว้าสิ่งนั้นไว้ในมือ
[สร้อยหินต้องสาป]
– ระดับไอเทม : ยูนีค
– คำอธิบายไอเทม : หินที่ถูกสาปโดยบางสิ่ง มีพลังลึกลับอยู่ภายใน
– ต้องการ Lv10 หรือสูงกว่า
– มานา +10 เมื่อสวมใส่
– อัตราการฟื้นฟูมานาเพิ่มขึ้น 10% เมื่อสวมใส่
หน้าคุณสมบัติไอเทมปรากฏขึ้นทันที
แต่คุณสมบัตินั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของคิมวูจิน
‘มันเป็นไอเทมที่ถูกผนึกสินะ’
ที่คิมวูจินสนใจที่สุดคือ สร้อยคอหินอาจมีพลังบางอย่างปิดผนึกมัน
มันระบุไว้
หินสีดำขรุขระนี้ มีพลังบางอย่างปิดผนึกมันเอาไว้
คิมวูจินไม่รู้ว่ามันคืออะไร
‘และมันยังเป็นไอเทมปิดผนึกระดับยูนีคอีกด้วย’
เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ไอเทมนั้นเป็นไอเทมปิดผนึกเกรดยูนีค นั่นหมายความว่ามีโอกาสได้ไอเทมที่มีมูลค่ามากกว่าไอเทมเกรดยูนีค
เนื่องจากอย่างน้อยที่สุด ระดับที่จะได้รับก็คือ ระดับยูนีค นั่นหมายความว่าใคร ๆ ก็คาดหวังสิ่งที่สูงค่ากว่านั้นได้เช่นกัน
แน่นอนว่าคิมวูจินต้องหยิบสร้อยเส้นนี้ด้วย
“นั่นมีคุณสมบัติที่ไม่ดีเท่าไร”
เมื่อมองไปยังตัวเลือกของคิมวูจิน ปาร์คยองวานก็ได้ให้คำแนะนำ
คิมวูจินตอบ
“เพราะผมมีมานาไม่พอ โดยเฉพาะทักษะดูดเลือดที่คุณให้ผม มันใช้มานามากกว่าที่คิด”
เป็นคำตอบที่มีเหตุผล
“งั้นก็ดี ถ้านายชอบมัน”
‘อย่างน้อยฉันก็จะประหยัดเงินได้บ้าง’
สิ่งที่สำคัญที่สุด จากมุมมองของปาร์คยองวานคือ เขาดีใจที่คิมวูจินเลือกเครื่องประดับที่ถูกที่สุด
‘อย่างที่คิด ปาร์คยองวานไม่รู้ว่ามันถูกปิดผนึก’
ปาร์คยองวานไม่รู้ว่ามันถูกปิดผนึก
ไม่มีทางที่เขาจะรู้
ไม่ใช่แค่ไม่มีสิ่งที่บ่งบอกว่ามันปิดผนึกเท่านั้น แต่ยังต้องหาวิธีที่เหมาะสมในการปลดผนึกอีกด้วย
‘มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปลดผนึกระดับยูนีคได้ เว้นแต่มันจะเป็นสิ่งที่คล้ายกับของเหลวจากมังกรทอง’
บางอย่างที่เหมือนน้ำย่อยของมังกรทอง
หลังจากปี 2025 คิมวูจินพบแนวคิดของไอเทมที่ถูกผนึก
“นายเลือกเสร็จหรือยัง?”
แน่นอนว่าคิมวูจินไม่มีอะไรจะพูดมากนัก
“ครับ ขอบคุณมากเลยครับ”
เขาแค่ต้องยิ้ม และแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ
หลังจากการปรากฏตัวของมอนสเตอร์ ธุรกิจได้พังทลายลงอย่างรวดเร็วมาก ไม่เหลืออะไรอีก นอกจากสนามกอล์ฟ
ด้วยความเป็นไปได้ที่มอนสเตอร์จะปรากฏตัวได้ตลอดเวลา จึงไม่มีคนโง่ที่ไหนจะออกไปเล่นกอล์ฟข้างนอกอย่างสบายอารมณ์ ยิ่งห่างจากเมืองสถานการณ์ก็ยิ่งแย่ลง
สนามกอล์ฟในกวางจู จังหวัดคยองกีก็เผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบเดียวกัน
สนามกอล์ฟที่ครั้งหนึ่งเคยมีค่าสมาชิกสูงกว่า 100 ล้านวอน และไม่ว่าจะเป็นวันหยุดหรือวันธรรมดา ก็จะเต็มไปด้วยรถยนต์ต่างประเทศหรูหรา ตอนนี้มีแต่วัชพืชขึ้นรกเท่านั้น
มีผู้มาเยือนมาที่สนามกอล์ฟอีกครั้ง
ลานจอดรถแน่นขนัด เต็มไปด้วยรถยนต์หรูหราราคาแพงอีกครั้ง
ถ้าคุณให้ความสนใจกับสภาพโดยรอบ คุณจะสังเกตเห็นว่าที่แห่งนี้กลายเป็นเวทีของผู้เล่น จากนั้นรถคันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางรถต่างประเทศเหล่านี้
มันเป็นไลท์คาร์ที่กันชนบุบ
เห็นได้ชัดว่าเจ้าของรถคือคิมวูจิน
คิมวูจินปรากฏตัว และพุ่งเข้ามา โดยไม่สนใจรถต่างชาติราคาแพงที่รายล้อมบริเวณนั้น
แต่แล้วคิมวูจินก็หยุดอยู่ตรงหน้ารถที่เขาจำได้
แน่นอน มันไม่ใช่เพราะรถที่เขาจอดข้าง ๆ มีราคาแพงหรือหายากกว่ารถที่เขาเคยเห็น
‘เล็กซัส? ’
รถยนต์ 5 คันที่จอดเรียงกันเป็นรถยนต์ยี่ห้อเล็กซัส
แม้ว่าทั้ง 5 คันจะรวมกัน แต่ก็เทียบไม่ได้กับบูกัตติที่คิมวูจินเกือบจะชนประตูรถแล้ว
มีเหตุผลอื่นที่ทำให้เขาหยุด
‘พวกรักชาติที่สุดยอดจริง ๆ ‘
เขาหยุดเพราะเขามีความคิดเห็นที่ดีกับผู้เป็นเจ้าของรถเหล่านั้น
เขาก้าวเท้าเร็วขึ้น
ทันทีที่เขาเข้าไปในคลับ แขกที่มาถึงแล้วก็รวมตัวกันที่นี่สองสามที่
“สมาชิกใหม่สินะ”
จากนั้นก็มีคนหนึ่งส่งเสียง และเข้าหาคิมวูจินทันที
เขาเป็นชายที่ดูเป็นมิตร อายุราว 40
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันจองฮุนยอง มาเคลียร์ดันเจี้ยนด้วยกันเถอะ”
คิมวูจินยิ้ม และจับมือเขาตอนที่จองฮุนยองยื่นมือมา
“ใช่ ฉันก็หวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณ”
ไม่มีอะไรผิดปกติ
เป็นเรื่องปกติที่สมาชิกสมาคมจะทักทายกันก่อนจะเข้าดันเจี้ยน
กรณีนี้ การเตรียมตัวสำหรับดันเจี้ยน 2 ชั้นนั้น แตกต่างมากกับการเตรียมตัวสำหรับดันเจี้ยน 1 ชั้น
ผู้ที่มั่นใจอย่างไร้เหตุผลได้ถูกกรองออกไปแล้ว ณ จุดจุดนี้ ผู้ที่รอดจากกระบวนดังกล่าวเหลือแค่ผู้ที่มีสิทธิ์ในการโจมตีดันเจี้ยน 2 ชั้นเท่านั้น
ผู้ที่ตั้งเป้าไปยังดันเจี้ยน 2 ชั้น ต้องมีสามัญสำนึกอยู่บ้าง
การวิ่งไปรอบ ๆ ด้วยความอวดดี ไม่ได้ช่วยยืดชีวิตของใคร
แน่นอนว่าบรรยากาศสงบ
ไม่มีการแสดงความเป็นศัตรูหรือการคุกคามอย่างเปิดเผย
แต่ผู้เล่นจะรวมตัวกันเพื่อสนทนา และทำความคุ้นเคยซึ่งกัน และกันมากกว่า
“เราเคยพบกันมาก่อนไหม?”
“ไม่ ฉันคิดว่านี่เป็นการพบกันครั้งแรกนะ”
“อ้อ โทษทีนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันได้ยินแบบนั้นบ่อยแล้ว”