Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 3 บทที่ 39 พวกเขามาแล้ว
ถูก ไม่ผิด
บรรดาท่านหมอหลวงที่นั่นสีหน้าตื่นเต้น
อาศัยจังหวะที่ชาวบ้านทั้งหลายเพิ่งรู้ข่าว มองดูด้วยความไม่เชื่อ พวกเขารับช่วงต่อเผยแพร่การปลูกฝีให้แพร่หลาย เช่นนั้นวิชาการปลูกฝีนี้ก็อยู่ในกำมือของพวกเขาอย่างสิ้นเชิงแล้ว
“ใต้เท้า พวกเราตอนนี้เข้าวัง…” บรรดาหมอหลวงพากันเอ่ยลุกขึ้นยืน ในเวลานี้เองด้านนอกประตูเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น
ท่านหมอเกิ่งหอบฮักฮักวิ่งเข้ามา
“อาจารย์ แย่แล้ว คนมากมายไปวัดกวงหวาปลูกฝีแล้ว” เขาเอ่ย
เป็นไปได้อย่างไร?
บรรดาหมอหลวงสีหน้าตกตะลึง เจียงโหย่วซู่ก็ลุกขึ้นยืนด้วย
“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอาหลานไปปลูกฝีคนเดียว คนทั้งเมืองก็เชื่อแล้วรึ?” เขาเอ่ย
คนเมืองหลวงโง่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
ท่านหมอเกิ่งส่ายหน้าโบกมือ
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ เป็นนอกเมือง คนมากมายมาจากนอกเมืองหลวงมุ่งไปทางวัดกวงหวาแล้ว” เขาเอ่ย
นอกเมือง?
…
“ล้วนมาจากนอกเมืองหรือ?” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วประหลาดใจอยู่บ้าง
หลานชายของเขาเมื่อคืนวานก็เริ่มตัวร้อนแล้ว คนแก่คนอายุน้อยในบ้านหวิดร้องไห้ขาดใจ ดีที่เขากัดฟันไล่พวกผู้หญิงไปเรือนด้านหลัง กลัวว่าวันนี้มีคนมาเห็นจะไม่ส่งผลดี
แต่ไม่คิดว่าใกล้จะเที่ยงอยู่แล้ว ไข้ของหลานชายก็ลดไปหมดแล้วก็ไม่เห็นมาสักคน
กลัวใช่หรือไม่? ไม่เชื่อใช่หรือไม่? ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วคาดเดา ให้บรรดาพนักงานไปบอกทุกคนว่าหลายชายของเขาเริ่มมีฝีแล้ว ไม่คิดว่าพนักงานดันวิ่งกลับมาบอกว่าคนในเมืองล้วนไปดูนอกเมืองแล้ว
“คนมากมายเดินทางไปวัดกวงหวาต้องการปลูกฝี”
“ล้วนเป็นสำเนียงต่างถิ่น”
สำเนียงต่างถิ่น?
ไม่รอเหล่าพนักงานเล่ารายละเอียด ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็ตบขาลุกขึ้นยืน
“พวกเขามาแล้ว!” เขาร้องตะโกน
…
ตอนที่ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วอุ้มหลายชายตัวน้อยไปถึงวัดกวงหวาก็มองเห็นด้านหน้าวัดกวงหวาอันเงียบเหงาที่ไม่เห็นมาหนึ่งวันสองคืน ต่อแถวเป็นมังกรยาวแล้ว
“นี่ล้วนเป็นใครกัน?” เขาเอ่ยถามตกตะลึง
เขาตกตะลึงจริงๆ ดูไปแล้วเหมือนคนทั้งหยางเฉิงมากันหมด
คุณชายถึงกับทำถึงเช่นนี้เชียวรึ? นั่นต้องลงทุนลงแรงมากเท่าใดกัน
นอกจากนี้คนเหล่านี้จำนวนมากยังพาเด็กมาด้วย เห็นชัดว่ามาเพื่อปลูกฝี ไม่ใช่มาเชิญคุณหนูจวินกลับหยางเฉิงช่วยโลกช่วยผู้คน
พาเด็กมาเชียว นั่นย่อมเป็นซื้อชีวิตแล้ว
ที่จริงชีวิตของเด็กก็ขายง่ายอยู่ มีข่าวลือมาอยู่เลือนรางว่าเพราะไม่มีชาวบ้านเป็นฝ่ายมาปลูกฝี ในราชสำนักจึงตัดสินใจให้เด็กกำพร้าในสถานสงเคราะห์เด็กมาปลูกฝีแล้ว
นี่พูดไปก็คือเอาพวกเด็กกำพร้ามาลองยา
ราชสำนักมีอำนาจเด็ดขาด ส่วนคุณชายมีเงิน
“ฟังสำเนียงแล้วเป็นของซานซี”
“ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีของเหอหนานด้วย”
พวกชาวบ้านได้ยินการสอบถามพากันเอ่ยตอบ
คุณหนูจวินเป็นชาวหรู่หนาน ให้คนบ้านเกิดนางมามีเหตุมีผล ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วพยักหน้า คุณชายจัดการได้รอบคอบยิ่งนัก
“ยังมีของเฉินหลิวด้วย”
“ยังมีของเมืองอิ่งชาง”
“ไช่โจว โซ่วโจว หลูโจว…”
สถานที่แต่ละแห่งๆ แจ้งออกมา ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วฟังจนตะลึงไปอยู่บ้าง นี่เหมือนจะเป็นสถานที่ผ่านตามรายทางสินะ
คนในสถานที่เหล่านี้ก็มาด้วยแล้ว? คนของหยางเฉิงกับหรู่หนานแห่มาทางเมืองหลวง ย่อมต้องพักระหว่างทางแน่นอน เหลาสุราโรงน้ำชาศาลาพักม้าร้านแวะพัก ทานอาหารดื่มน้ำชาคุยเล่น ต้องพูดถึงว่ามาจากไหนไปที่ไหนไปทำอไรแน่นอน เรื่องปลูกฝีป้องกันฝีดาษนั่นเป็นถึงเรื่องใหญ่หลวง ต่อให้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งก็ไม่มีทางปล่อยความหวังน้อยนิดนี้ไป
ดังนั้นหนึ่งเรียกร้อยขานรับ คนที่ตามมายิ่งมากขึ้นทุกที
นี่ก็สมเหตุสมผล
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วอุ้มเด็กสีหน้าเต็มไปด้วยความนับถือและประหลาดใจ หรือเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่คุณชายจัดการไว้?
“คนเหล่านี้เชื่อขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?”
“พวกเขาไม่กลัวกันรึ?”
“พวกเขาเป็นใครกัน?”
บรรดาชาวบ้านเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
ผู้ชายอ้วนคนหนึ่งจูงเด็กสี่คนกำลังเบียดไปข้างหน้าได้ยินเข้า อดไม่ได้แค่นเสียงหัวเราะ
“พวกเจ้าช่างไม่มีความรู้จริงๆ” เขาเอ่ย
แม้เขามาเมืองหลวงครั้งแรก แต่เวลานี้นาทีนี้มองเห็นชาวบ้านเมืองหลวงตระหนกตกใจกับเรื่องเล็กน้อยประหนึ่งไก่ไม้เหล่านี้ก็อดสนุกไม่ได้ ความขลาดกลัวสักนิดก็ไม่มีกลับรู้สึกเหนือกว่าอย่างยิ่ง
“คุณหนูจวินร้ายกาจมากเพียงไรพวกเจ้าไม่รู้รึ?” เขาเอ่ยต่อ เหยียดมองจากเบื้องบนมองด้วงดินเมืองหลวงฝูงนี้
เจ้าหมอนี่
ชาวบ้านเมืองหลวงถลึงตา
คุณหนูจวินร้ายกาจมากเท่าใดพวกเขาเดิมทีก็รู้
“แต่นางรักษาฝีดาษไม่หาย” ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ย “นางพูดว่ารักษาได้ต่อมาก็พูดว่ารักษาไม่ได้”
คนที่กลับกลอกไปมาคุยโวใหญ่โตเช่นนี้จะเชื่อได้อย่างไร
เจ้าคนบ้านนอกคนนี้อะไรก็ไม่รู้ล่ะสิ ได้ยินคนอื่นยุยงปุบก็ไม่กลัวตายวิ่งมา โง่ไม่โง่ มาลองยาให้คนอื่น
ผู้ชายอ้วนตบพุงหัวเราะแล้ว
“คุณหนูจวินบอกว่ารักษาไม่หาย ถ้าอย่างนั้นก็รักษาไม่หายสิ” เขาเอ่ย
นี่เรียกคำพูดอะไร? ชาวบ้านเมืองหลวงดวงตาเล็กๆ ถลึงโต สมองคนผู้นี้มีปัญหาใช่ไหม
“พวกเจ้าน่ะ ตัวมีบุญยังไม่รู้ตัว คุณหนูจวินร้ายกาจมากเท่าใด พวกเจ้ายังไม่รู้” ผู้ชายอ้วนเอ่ย มองพวกเขาจิ๊ปากส่ายศีรษะ ยื่นมือจูงเด็กๆ ข้างตัวอีกครั้ง
คุณหนูจวินร้ายกาจมากเท่าใด….
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วมองผู้ชายคนนี้ เขาผ่านประสบการณ์มามากดูออกว่าผู้ชายคนนี้เอ่ยคำนี้ด้วยความจริงจากใจ หากไม่ใช่นับถือคุณหนูจวินจริงๆ ถ้าอย่างนั้นทักษะการแสดงของคนผู้นี้ก็ใต้หล้าไร้คู่ต่อกรจริงๆแล้ว
นี่เป็นชาวหรู่หนาน
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วคิดถึงเรื่องของคุณหนูจวินที่หรู่หนานในคำเล่าลือ สู้ผู้ดีชนบทเปิดโรงหมอจิ่วหลิงบนซากปรักหักพัง งดเว้นค่าตรวจแจกยาให้เปล่าฝีมือเยี่ยมโรคร้ายหายดี
เดิมทีคิดว่าว่าเรื่องเหล่านี้เล่าเกินจริง แต่ตอนนี้ดูแล้วชื่อเสียงของคุณหนูจวินที่หรู่หนานคงไม่ธรรมดา
บางทีคนเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ถูกนายน้อยยุยงมา
พวกเขาที่แท้เป็นใครกัน?
ได้ยินเสียงเอะอะข้างนอก พวกคุณหนูจวินกับท่านหมอเฒ่าเฝิงก็เดินออกมาด้วย มองเห็นข้างล่างบันไดคดๆเคี้ยวๆ ด้านนอกวัดคนอออยู่เต็ม ทหารของกรมทหารม้าห้าเมืองกำลังรักษาระเบียบอยู่
กวาดตาคร่าวๆ ทีหนึ่ง ไม่ต่ำกว่าหลายร้อยคน
พวกท่านหมอเฒ่าเฝิงก็ตกใจสะดุ้งโหยง
“ทำไมคนมากมายขนาดนี้?” พวกเขาเอ่ย อดไม่ได้มองคุณหนูจวิน
ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วของเต๋อเซิ่งชางพาหลานชายมาทำเป็นตัวอย่าง ถึงกับมีพลังเรียกคนมากขนาดนี้เชียวหรือ?
เวลานี้มีคนตาแหลมมองมาด้านนี้
“คุณหนูจวิน!” หูกุ้ยร้องเสียงดัง ยกมือตื่นเต้น “คุณหนูจวิน!”
คำพูดนี้ทำให้คนอื่นล้วนมองมาด้วย โบกมือร้องตะโกนเสียงดังตื่นเต้นขึ้นทันที
“คุณหนูจวินเชิญกลับไปกับพวกเราเถอะ!”
“คุณหนูจวินสหายร่วมบ้านเกิดทั้งหลายรอท่านมาปลูกฝีช่วยชีวิตอยู่นะ!”
“คุณหนูจวิน!”
“คุณหนูจวิน!”
เสียงแล้วเสียงเล่ากระจายออกไปดั่งคลื่นน้ำ เสียงเชื่อมกลืนด้านนอกวัดทั้งหมดไป
พวกท่านหมอเฒ่าเฝิงตะลึงตาโตอ้าปากค้าง
คุณหนูจวินมุมปากปรากฏรอยยิ้ม
“พวกเขามาแล้วนี่เอง” นางเอ่ย
พวกเขา?
พวกเขาเป็นใคร? พวกเขาคือเขากับพวกเขา
เขารวมถึงพวกเขาเป็นคนที่ได้นางช่วยชีวิตไว้ เคยได้ความเมตตาจากนางไป เขารวมถึงพวกเขาคือคนที่เชื่อในตัวนาง ฟังหนึ่งคำเรียกของนางร้อยคนขานรับ
……………………………………….