Invincible Combat Strength System ระบบสงคราม - ตอนที่ 118
ICSS บทที่ 118: หยินเชาไต้ฟูขึ้นมาที่โลกงั้นเหรอ?
“โอ้! โอ้!
ร่างของหนิงเทียนหลินกำลังเต้นอยู่ท่ามกลางฝูงสัตว์
ที่นี่เต็มไปด้วยฝูงวัวที่เพิ่งถูกส่งมา หนิงเทียนหลินกำลังถือมีดเล่มใหญ่ที่ทำมาจากโลหะผสมไว้ในมือ ซึ่งใช้คะแนนพลังงานแลกมาจากระบบการต่อสู้ ถึงแม้มันจะไม่ใช่อาวุธเวทมนตร์แต่มันก็คมมากกว่าดาบธรรมดาทั่วไป!
เขาไม่มีทักษะในการฆ่าวัวเลยและใช้พลังงานเกือบทั้งหมด ตอนที่เขาเฉือดเขาปล่อยให้หัวของวัวลอยปลิดปลิวไปแยกออกจากร่างและขนาดใช้หลังมีดเขาก็เฉือดวัวตัวใหญ่ยักษ์ได้สบายๆ
ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง วัวมากกว่า 50 ตัวก็ตายด้วยน้ำมือของเขา
อาจจะเป็นเพราะสิ่งกระตุ้นที่ทำให้วัวพวกนี้วิ่งอย่างบ้าคลั่งไปทั่งโรงงาน เหมือนกับวัวบ้า วัวไม่เพียงแค่วิ่งตรงเข้ามาหาหนิงเทียนหลิงผู้ที่เป็นคนสร้างเรื่องนี้แต่ยังวิ่งวนไปทั่วด้วย
“คาดไม่ถึงเลยว่าวัวพวกนี้จะมีวิญญาณด้วย”
เพราะหนิงเทียนหลินเปิดดวงตาแห่งหยินและหยาง ภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเขาค่อนข้างจะดำมืด ยกเว้นเนื้อและเลือดและวิญญาณโปร่งใสมากมายที่ยืนอยู่ข้างๆวัวพวกนี้ พวกมันมีสายตาแห่งความสูญเสียและสับสนเล็กน้อย
“โลกของนาย ไม่วาสิ่งมีชีวิตไหนๆก็มีวิญญาณทั้งนั้น” ในเวลานี้เสียงของระบบการต่อสู้ก็อธิบายออกมา “ไม่ต้องพูดถึงคนเลย แม้แต่มด, แมลงสาบ, แมลง ต่างก็มีวิญญาณทั้งนั้น”
“วิญญาณของพวกมันก็จะได้ลงไปที่นรก, ไปเกิดใหม่หรือยังคงอยู่ในรูปแบบเดิมด้วยเหมือนกัน หลังจากที่ไปเกิดใหม่ พวกมันก็อาจจะได้เป็นมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆก็ได้”
“แบบนี้…” คำพูดของระบบการต่อสู้เตือนเขาถึงเรื่องตำนานหกวิญญาณ ที่วิญญาณมากมายได้รับการเกิดใหม่ ไม่เพียงแค่มนุษย์ อย่างไรก็ตามทันทีหลังจากนั้น เขาก็รู้ถึงปัญหาเพราะตอนนี้ระบบการต่อสู้ใช้คำว่า “โลกของนาย!”
จึงถามออกไป “นายหมายถึงว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลกของเรามีวิญญาณแต่สิ่งมีชีวิตอื่นๆในดาวดวงอื่นไม่เป็นแบบนี้เหรอ?”
ถ้าเป็นแบบนี้มันก็เจ๋งไปเลยสิ! ชีวิตของเอเลี่ยนไม่มีวิญญาณเหรอ? มันตายได้ไหม?
“วิญญาณ เจ๋งจริงๆเลย”
ดูเหมือนจะทำให้เกิดความทรงจำที่ห่างไกลและระบบการต่อสู้ก็พูดออกมาอย่างช้าๆ “นายคิดว่าจะเก็บวิญาณได้ง่ายๆงั้นเหรอ? การมีอยู่ของวิญญาณในโลกของนายหมายความว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะไม่มีวันตาย! แม้ว่าพวกเขาจะตาย ก็ยังจะตายอยู่ ในหยินเชาไต้ฟู จะเป็นอีกชีวิตหนึ่งเลย!
“ถ้านายโชคดีก็คงใช้เวลาไม่กี่ปีแล้วนายก็จะได้เกิดใหม่ ถึงแม้จะไม่มีความทรงจำแต่แก่นแท้ก็ยังเหมือนเดิม ทุกอย่างคือเรื่องของวิญญาณ”
แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่คำพูดของระบบการต่อสู้ยังคงทำให้หนิงเทียนลินรู้ว่าไม่ใช่ว่าทุกชีวิตในจักรวาลจะมีวิญญาณ เช่นที่หยินเชาไต้ฟู ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเป็นเพียงโลกนี้หรือเปล่า แต่ชีวิตของดาวดวงอื่นๆจะตายไปด้วยเมื่อพวกเขาตาย
“ว้าว!”
ในขณะนี้พลังงานที่ค่อนข้างเย็นอยู่ดีๆก็ปรากฏขึ้นมาทั่วโรงงาน ถ้าไม่ใช่หนิงเทียนหลินที่ตอนนี้การรับรู้ทางจิตของเขารุนแรงมากจนทำให้เขารู้สึกถึงสิ่งนี้ได้ในทันที พร้อมกันนั้นก็มีอากาศร่างๆปรากฎขึ้นมา
เขาถึงขนาดรับรู้ได้เลยในหัวใจ ตอนนี้เขายังไม่ได้เปิดดวงตาแห่งหยินและหยางเขาจึงมองไม่เห็นอากาศสีเทา!
และในไม่ช้าวิญญาณสีเทาเหล่านี้ก็ห่อหุ้มผีของวัวที่ตายแล้วทั้งหมด จากนั้นผีของวัวเหล่านี้ก็เริ่มจางหายไปและในเวลาไม่ถึงครึ่งนาทีพวกมันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“วิญญาณจางๆพวกนี้คืออะไร?”
“วิญญาณของวัวหายไปไหนล่ะ?”
หนิงเทียนหลินสงสัยในเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ
“อากาศสีเทาเป็นวิธีการตรวจจับของหน่วยงานภาครัฐ ทำให้ง่ายที่จะตรวจจับว่าตรงไหนที่มีวิญญาณ จากนั้นอากาศสีเทาเหล่านี้จะนำผีไปยังสถานที่เฉพาะ เมื่อเราตายเราจะไม่ถูกอากาศที่เยือกเย็นพวกนี้พาไปยังนรกหรอกเหรอ?”
ระบบการต่อสู้อธิบาย
“คนเพิ่งตาย ยังจมอยู่ในความเศร้าโศกเลยไม่ได้สังเกตเรื่องนี้เลย”
หนิงเทียนหลินคิดเรื่องนี้อยู่สักพักและในตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจเรื่องคนนำสารในตำนานเลย เขาติดอยู่ที่ดินแดงขาวดำในหยินเชาไต้ฟูแต่ยังไงไม่รู้ว่าตัวเองเข้าไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง
“ตอนนี้โลกของนายอยู่ในยุดสุดท้าย ประตูของหยินและหยางจะถูกปิด มีเพียงปีละครั้งเท่านั้นที่จะได้ติดต่อกับคนอื่นๆ ในเวลานั้นวิญญาณต่างๆที่อยู่ในนรกจะสามารถขึ้นมาที่สวรรค์ได้ ในเวลาปกติเป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นไปที่สวรรค์”
“ความปีติยินดีหรือบางสิ่งบางอย่างเมื่อนานมาแล้ว”
“ในเวลานั้น ความคิดเรื่องผู้นำสารสามารถนำวิญญาณที่ตายแล้วไปสู่ความเป็นความตายได้เลย แม้จะมีคนตายเป็นหมื่นๆ ที่สามารถกลับมาได้ในทันที แต่ตอนนี้มีเพียงยมฑูตไม่กี่คนที่สามารถทำได้”
“ทุกอย่างบนโลกไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ที่ต้องตายวันละเป็นแสนๆคนทุกวัน บวกปลาอีกหลายล้านตัว, แมลง, นกและสัตว์อื่นๆอีก นายคิดว่าพวกเหล่าเทพจะจับวิญญาณพวกนั้นยังไงล่ะ? ไล่จับที่ละดวงงั้นเหรอ? เหนื่อยตายเลย!”
“งั้นตอนนี้พวกวิญญาณก็กลับมาที่โลกแล้วด้วยวิธีแบบนี้มากขึ้นๆ ทำให้ประหยัดกำลังคนและทรัพยากรวัสดุจำนวนมากไปได้ด้วย”
ระบบการต่อสู้รู้เรื่องยมฑูตอย่างชัดเจนจึงอธิบายให้หนิงเทียนหลินฟัง เพียงแค่ว่าหลังจากนั้นเขาก็พูดเสริมว่า “มันเป็นเพียงระบบตรวจจับก๊าซสีเทา แต่ก็มีปัญหาด้วยเหมือนกันคือมันใช้ได้กับวิญญาณธรรมดาและวิญญาณที่มีพลังสักหน่อย แต่ถ้าวิญญาณเกิดมาพร้อมกับพลังอันแข็งแกร่งหรืออะไรแบบนั้น มันก็จะสามารถต่อต้านก๊าซสีเทานี้ได้อย่างเด็ดขาดเลย มันต้องใช้คะแนนสำคัญถ้านายไม่อยากที่จะไปกับยมฑูต นายก็สามารถต่อต้านมันได้!”
“อีกอย่างคนที่ตายในสถานที่ที่ดำมืดมากๆ ที่มีเกราะกำบังของโลกก็จะสามารถหนีรอดไปได้”
“กล่าวคือยังมีผีและผีอยู่ในหยางของนาย แต่มีน้อยมากขึ้นอยู่กับว่านายมีโอกาสได้พบกันหรือไม่”
หนิงเทียนหลินพยักหน้า จดจำสิ่งที่ระบบการต่อสู้พูดออกมา นอกจากนี้ทุกระบบการตรวจสอบจะต้องมีรูรั่ว ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ จะต้องมีผีในดวงอาทิตย์ ถ้าไม่อย่างนั้นพุทธศาสนิกชน, ลัทธิเต๋า, เวทและอะไรแบบนั้นจะเจริญขึ้นมาได้อย่างไร
“ตุบ!”
หลังจากที่เข้าใจเรื่องนี้แล้ว ดาบของหนิงเทียนหลินก็กวัดแกว่งและในไม่ช้าวัวอีกตัวก็ล้มลงไปอยู่ในกองเลือด ความเมตตาที่เขามีให้พวกวัวมันหมดไปนานแล้วและเหลือไว้แต่คนที่ไม่สนใจอะไรกับเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว!
ถ้าเขาไม่ฆ่า พวกคนงานในโลกฆ่าสัตว์ก็ต้องทำอยู่ดี!
ตราบใดที่คนในโลกนี้ยังกินเนื้อ, หมู, เนื้อกะ ก็ฆ่าแบบนี้ก็ไม่มีวันหายไปได้หรอก คนบอกว่าไม่กล้าที่จะฆ่าวัว แต่กลัวเอามันใส่จานแล้วเอาไปทำอาหารได้ เวลาที่อาหารมาวางอยู่ตรงหน้าเราจะไม่กินมันงั้นเหรอ?