Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 372 ทักษะยุทธของเยว่เฉินซี
ตอนที่ 372 ทักษะยุทธของเยว่เฉินซี
การประมือแลกเปลี่ยนคําแนะนําดําเนินต่อไป:บรรยากาศมีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆหลังจากจบแต่ละคู่,ก็จะมีบางคนในฝูงชนแสดงความคิดเห็นออกมา
จากกลุ่มนี้ มีห้าหกคนที่ดึงดูความสนใจของเซี่ยวเฉิน คนเหล่านี้สําเร็จสภาวะของพวกเขาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมที่สําคัญยิ่งกว่านั้น,พวกเขามีความเข้าใจเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
ยกตัวอย่าง,มีมือดาบคนหนึ่งจากอาณาจักรต้าเซียผู้ที่สําเร็จสภาวะแห่งสายลมเขาได้หลอมรวมลักษณะไร้ร่องรอยและไร้รูปเข้ากับทักษะดาบของเขา
ในตอนที่นักดาบผู้นี้ใช้ดาบของเขา,มันไร้ร่องรอยยากที่จะติดตาม เขาผสานเข้ากับทักษะยุทธของเขาได้อย่างลงตัว อย่างน้อยที่สุด,เซียวเฉินก็ไม่พบจุดอ่อนใดๆ
ยังมีผู้บ่มเพาะพลังจากอาณาจักรต้าชู เขาได้สําเร็จสภาวะแห่งสายลมเช่นกันแต่อย่างไรก็ตาม,ความรวดเร็วของสภาวะแห่งสายลมไม่ใช่หัวใจหลักของเขา
กลับกัน,ผู้บ่มเพาะพลังจากอาณาจักรต้าชูผู้นี้มุ่งเน้นไปที่พลังและความบ้าคลั่งธรรมชาติของสภาวะแห่งสายลม เขาหลอมรวมเข้ากับทักษะดาบที่พลุ่งพล่านของเขา
ในตอนที่ผู้บ่มเพาะพลังคนนี้ลงมือ,สายลมรุนแรงโหร้องและก่อเกิดพายุที่น่ากลัวมันราวกับว่าดาบสายลมสามารถระเบิดออกได้
มีแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญที่สําเร็จสภาวะแห่งน้ำ พวกเขาได้หลอมรวมลักษณะพิเศษของสายน้ำไหลนิรันดร์เข้าไปในกระบวณท่าของพวกเขา
ในตนอที่พวกเขาเคลื่อนไหว, พวกเขาไม่ทิ้งร่องรอย แสงดาบที่เฉียบคมราวกับปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ทําให้ยากที่จะติดตามการเคลื่อนไหวของเขา
นี้เป็นการเปิดหูเปิดต่ครั้งใหญ่ให้กับเซี่ยวเฉิน เขารู้สึกเหมือนกับได้รู้แจ้งถึงความเข้าใจในสภาวะแห่งสายฟ้าของเขา
เซี่ยวเฉินหลอมรวมสภาวะแห่งสายฟ้าเข้ากับทักษะกระบีของเขามานานแล้วสิ่งที่เขามุ่งเน้นคือความบ้าคลั่งและความรุนแรงตามธรรมชาติของสายฟ้า
สายฟ้าธรรมชาติมีคุณลักษณะสองอย่างนี้ ในตนอที่หมู่เมฆชนปะทะกัน,มันจะสะสมพลังงานอย่างต่อเนื่องและปล่อยออกมา,แสดงถึงความบ้าคลั่งและรุนแรงตามธรรมชาติ
เมื่อเปรียบเทียบกับสภาวะอื่นๆพลังโจมตีและทําลายล้างของมันยิ่งใหญ่กว่ามากจุดอ่อนของมันคือมันยากที่จะร้อยเรียวเข้าด้วยกัน
พลังทําลายล้างที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้จะผลาญพลังปราณไปไม่น้อยในแต่ละการโจมตีนอกจากนั้นยังจะต้องสร้างแรงเหนี่ยวนําอย่างต่อเนื่องดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับสภาวะอื่นๆมันขาดความต่อเนื่องและยืดหยุ่น
เซียวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง, เกี่ยวกับสภาวะอห่งสายฟ้า,ข้าสามารถมองเห็นเพียงจากมุมรุนแรง,และบ้าคลั่งของมัน ข้าได้ใช้ออกมันจนไปถึงขีดสุดแล้ว
อย่างไรก็ตาม การได้ชมผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ที่นี่,พวกเขาได้สําเร็จถึงมุมมองที่แตกต่างออกไปในสภาวะของพวกเขา เห็นชัดว่าสภาวะแห่งสายฟ้าก็มีมุมมองที่แตกต่างออกไปอีกเช่นกัน
มันเพียงพอแล้วในตอนนี้ที่ข้าสําเร็จสองลักษณะแห่งสายฟ้าและหลอมรวมเข้ากับทักษะยุทธของข้าได้อย่างสมบูรณ์
แต่อย่างไรก็ตาม,ในอนาคต,หากข้าอยากที่จะเปลี่ยนสภาวะของข้าให้เป็นเจตจํานงข้าจะต้องได้รับความเข้าใจที่ครอบคลุมของสภาวะแห่งสายฟ้าดังนั้น,ข้าต้องเริ่มเตรียมตัวข้าจะต้องเข้าใจในสภาวะแห่งสายฟ้าให้ลึกยิ่งขึ้น
การประมือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นดําเนินต่อไป จนอจี้ก็ได้เข้าร่วมด้วยเช่นกันความแข็งแกร่งที่เขาได้แสดงออกมาสมกับชื่อเสียงหนึ่งในร้อยอันดับต้นจากการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักร
จินอจี้สําเร็จถึงสภาวะแห่งโลหะที่เฉียบคม จากสภาวะทั้งหมด,ในด้านของความเฉียบคม,สภาวะแห่งโลหะแข็งแกร่งที่สุด
สภาวะแห่งโลหะมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งและความคมที่เหนือชั้น น้อยคนที่จะสามารรับดาบของจินอจี้เขาสามารถทะลวงแม้กระทั่งการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด
กระแสพลังของจินอุจีราวกับดาบที่คมกริบ ดาบจีที่เขาส่งออกไปแสดงให้เห็นถึงความเฉียบคม
ผู้บ่มเพาะพลังที่สําเร็จลักษณะบ้าคลั่งของสภาวะแห่งสายลมเผชิญหน้ากับจินอูจได้เพียงสิบห้ากระบวณท่า เขาเจาะรูเล็กๆลงบนดาบวายุที่บ้าคลังและแตกสลายกลายเป็นพายุเล็กๆ
แน่นอน นี้เป็นผลมาจากการที่ทั้งสองฝ่ายออมพลังของพวกเขาเอาไว้ หากพวกเขาต่อสู้กันเต็มกําลัง,การต่อสู้จะยืดเยื้อนานยิ่งกว่านี้
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองสามารถทําลายร้านอาหารที่ทําขึ้นจากไม่ได้อย่างง่ายดาย
ในตอนที่จอจเลือกสถานที่อห่งนี้ เขาอยากที่จะให้ผู้บ่มเพาะพลังตระหนักถึงการควบคุมความแข็งแกร่งของพวกเขา มิฉะนั้น,หากพวกเขาต่อสู้กับเต็มกําลัง,สถานการณ์อาจจะหลุดการควบคุมไปอย่างง่ายดาย
“พี่น้องจิน,ข้าเคารพในความแข็งแกร่งของเจ้า ตําแหน่งในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งหน้าจะต้องเพิ่มขึ้นนับสิบอันดับ”เหอฮวน,นักดาบที่จินอล้มลงไปยอมรับความพ่ายแพ้ของเขา
จินอจี้รู้สึกยินดียิ่งในใจอย่างไรก็ตาม,เขาก็ยิ้มและกล่าวอย่างถ่อมตน “พี่น้องเหอ,เจ้าสุภาพกับข้าเกินไปแล้วสภาวะแห่งสายลมของเจ้ามีเอกลักษณ์;มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อสามปีก่อนมากหากเจ้าสําเร็จถึงคุณลักษณะอื่นและหลอมรวมเข้ากับทักษะดาบของเจ้า,ข้าไม่อาจเทียบเจ้าได้”
เหอฮวนคํานับมือและกล่าวขึ้น “การผสานหนึ่งคุณลักษณะของสภาวะมันยากเย็นเป็นอย่างมาก หากข้าอยากที่จะผสาน
คุณลักษณะอื่น,ข้าจะต้องตามหาทักษะดาบระดับสูงเมื่อถึงตอนนั้น,หากพี่น้องจินมีทักษะดาบดีๆ,พวกเราสามารถแลกเปลี่ยนกันได้
“ตกลง!”
ทั้งสองถอยกลับ ในตอนนั้นเอง,ผู้คนส่วนใหญ่แลกเปลี่ยนมุมมองกันมีบางคนเหลียวมองไปที่เยว่เฉินซี
ผู้นี้คือศิษย์ที่นิกายนภาสูงภูมิใจ ที่อายุสิบหกปี,นางสามารถติดหาสิบอันดับต้นในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรตอนนี้ได้ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว,ไม่รู้ว่านางเติบโตขึ้นมาถึงเพียงใด
“ข้าชื่อหลิวเมิง:ข้าอยากจะขอคําชี้แนะจากแม่นางเฉนซี” ในที่สุด ก็มีคนอดไม่ได้อีกต่อไปหลิวเมิงยืนขึ้นและแสดงความตั้งใจที่จะประมือแลกเปลี่ยนมุมมองกับเยว่เฉินซี
หลิวเมิงในตอนนี้กังวลเป็นอย่างยิ่ง อีกฝ่ายมาจากหนึ่งในสิบนิกายใหญ่แห่งอาณาจักรต้าจีนนางเป็นศิษย์ของท่านเจ้านิกายนภาสูง นางมีชื่อเสียง,ไม่เพียงแต่ภายในอาณาจักรต้าจีนแต่เป็นทั่วทั้งทวีป
หลิวเมิงมาจากสถานที่ที่แตกต่างกับเยว่เฉินซีอย่างสิ้นเชิง การได้มาเห็นนางที่นี่นับเป็นโชคของเขาแล้ว
หลิวเมิงกังวลว่าเยว่เฉินซีจะดูถูกความแข็งแกร่งของเขาและปฏิเสธ
เยว่เฉินซีมีนิสัยที่ไม่ธรรมดา นางเผยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าอันงดงามของนางและกล่าวขึ้น “ข้าไม่กล้าที่จะให้คําชี้แนะ อย่างไรก็ตาม,เป็นเรื่องดีที่พวกเราจะแลกเปลี่ยนมุมมองกัน”
อย่างไม่คาดคิด,เยว่เฉินซีตอบตกลงอย่างง่ายดาย มีผู้บ่มเพาะพลังบางคนรู้สึกเสียดายในทันที่หากพวกเขารู้เช่นนี้,พวกเขาคงจะถามนางไปก่อนแล้ว
ตอนนี้,หลิวเมิงได้เริ่มนําไปแล้ว พวกเขาทําได้เพียงนิ่งมองดู
หลิวเพิ่งคํานับมืออย่างมีความสุขและกล่าวขึ้น “แม่นางเยว่,ขอความกรุณา!”
การต่อสู้ระหว่างจินอจี้และเหอฮวนได้ยกระดับบรรยากาศในการประชุมครั้งนี้ให้สูงขึ้นมากตอนนี้เยว่เฉินซีกําลังนะลงมือ,จุดสูงสุดในการประชุมครั้งนี้ยกขึ้นไปอีก
ผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นจากหลากหลายอาณาจักร, นั่งอยู่บนชั้นสี่หลังชนกําแพง,จดจ่อสายตาไปที่คนสองคนที่อยู่ตรงกลาง พวกเขาไม่มีเหลียวมองไปทางอื่น,แม้กระทั่งลืมหายใจ
เซี่ยวเฉินก็ไม่ยกเว้น เขามีความสนใจยิ่งในตัวของเยว่เฉินซีจากอาณาจักรต้าจินนางนี้เขาอยากที่จะเห็นว่าอะไรที่ทําให้อัจฉริยะจากอาณาจักรต่าจินต่างออกไป
ทุกคนเห็นถึงความแข็งแกร่งของหลิวเมิงในการประมือครั้งก่อนของเขา เขาเป็นหนึ่งในผู้บ่มเพาะพลังไม่กี่คนที่ได้หลอมรวมความเข้าใจของตัวเองเข้ากับสภาวะของเขา
เขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะปะมือแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากับเยว่เฉินซี
พวกเขาทั้งสองคํานับและแสดงความเคารพกันและกัน จากนั้น,พวกเขาค่อยๆยืนขึ้นในตอนที่เผชิญหน้ากับเยว่เฉินซี,หลิวเมิงไม่กล้าที่จะออมมือ เขาปลดกระบี่เล่มใหญ่มหึมาบนหลังของเขาลงมาและสําแดงสภาวะแห่งไฟของเขา
สัตว์อสรชั่วร้ายก่อตัวเหนือหัวของเขา สภาวะแห่งไฟของหลิวเมิงเร่งถึงขีดสุดคลื่นความร้อน แกระจายไปทั่วในพื้นที่,ทําให้อากาศเดือดแห้ง
“ฮ่ะ!”
กระบีของหลิงเมิงแบกเปลวเพลิงอันไร้ขอบเขตพร้อมกับเข้าโจมตี ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปใกล,สัตว์อสูรชั่วร้ายที่เหนือหัวของเขาบินออกไปอย่างรวดเร็ว
สภาวะแห่งไฟอันบริสุทธิ์ก่อเกิดเป็นสัตว์อสูรชั่วร้ายตนนี้;พลังของมันไม่ธรรมดาในตอนที่มันจู่โจม,แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูงยังต้องระวัง
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของเยว่เฉินซี “กระบวณท่ายอดเยี่ยม!”
“บูม!”
เยว่เฉินซีกํามืออันประณีตของนางเป็นกําปั้น ในตอนที่นางเห็นสัตว์อสูรชั่วร้ายพลุ่งพล่านกําลังเข้ามาใกล์,นางไม่ได้หลบหลีก กลับกัน,นางก้าวขึ้นหน้าและชกหมัดออกไป
แสงรุ่งอรุณปรากฏขึ้นบนกําปั้นของเยว่เฉินซี มันราวกับเส้นล่าแสงดวงตะวันที่กําลังปัดเป่าความมืดสุดท้ายของค่ําคืน มันรุ่งโรจน์และเป็นประกาย
TL:ชื่อของเยว่เฉินซีแปลว่าแสงรุ่งอรุณ
มีพลังงานพลุ่งพล่านขณะที่แสงบนกําปั้นของนางระเบิดออก สัตว์อสูรเปลวเพลิงชั่วร้ายถูกบดขยี้แตกสลายกลายเป็นประกายแสงนับไม่ถ้วนในทันทีพลังงานอันยิ่งใหญ่ยังไม่ได้จางหายไป:มันเคลื่อนตรงต่อไปโจมตีใส่หลิวเมิง,ผู้ที่ตามหลังสัตว์อสูรชั่วร้ายเข้ามา
สีหน้าของหลิวเมิงเปลี่ยนเล็กน้อย เขาหยุดฝีเท้าและยืนหยัดในจุดที่เขายืนอยู่ เขาบีบอัดกระแสพลังของเขากลายเป็นเส้นสายและหมุนเวียนความแข็งแกร่งทั้งหมดในร่างของเขา,ใช้กระบี่ของเขาฟันผ่าหมัดวายนี้
แสงบนกําปั้นกระตายออกไป มันก่อเกิดเป็นผลึกแสงขึ้นในพื้นที่กว้างขวางบนชั้นสี่
เยว่เฉินซีกระโดดขึ้นไปในอากาศและโจมตี นางส่งอีกกําปั้นไปที่หลิวเมิง แสงรุ่งอรุณในหมัดวายุส่องแสงแพรวพราว
ภายใต้แสงสีทองจางๆ,ชั้นแสงนุ่มนวลปรากฏขึ้นบนเรือนร่างอันงดงามของเยว่เฉินซี:นางมองดูศักดิ์สิทธิ์และกดข่ม
มันยากที่จะจินตนาการว่าหญิงสาวผู้บอบบางอารมณ์อ่อนช้อยจะสามารถปลดปล่อยพลังงานที่แข็งแกร่งและกดข่มเช่นนี้ออกมาได้
“ปัง! ปัง! ปัง!”
หลิวเมิงสําแดงสภาวะแห่งไฟของเขาจนถึงขีดสุด กระบี่แสงร่ายรําขณะที่เขาทําอย่างที่สุดเพื่อป้องกันหมัดวายุที่โปรยลงมาจากด้านบน
เยว่เฉินซ์ไม่แม้แต่จะใช้สภาวะของนาง นางพึ่งพาเพียงปราณอันหนานแน่นและหมัดวายุที่ดุร้ายของนาง
ในตอนที่เยว่เฉินซีชกออกไปในอากาศ,นางปลดปล่อยแสงแห่งรุ่งอรุณ นางกดดันหลิวเมิง ถอยกลับ,ทีละก้าวทีละก้าว;เขาไม่มีหนทางที่จะตอบโต้
“ปัง!”
อีกหนึ่งหมัดวายุซัดลงบนกระบี่ของหลิวเมิง ในตอนที่แสงระเบิดออก,เขาถูกดันถอยหลังไปห้าก้าวสีผิวของเขาดูซีดเซียว
ความแตกต่างในความแข็งแกร่งของพวกเขากว้างเกินไป ไม่มีทางที่หลิวเมิงจะตอบโต้เยว่เฉินซีอยู่ในระดับที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หลิวเมิงสลายสภาวะของเขาและคืนกระบกลับขึ้นไปบนหลัง เขายิ้มอย่างขมขึ้นและกล่าว“ข้าแพ้แล้วสมชื่อเสียงหมัดอาทิตย์รุ่งอรุณของนิกายนภาสูง”