Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 369 เยวเฉินซี
ตอนที่ 369 เยวเฉินซี
เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างไม่แยแส “อย่าฝัน แม้ว่าข้าจะให้เจ้าไป,เจ้าก็ต้องการวิธีการควบคุมที่สอดคล้องกันก่อนที่เจ้าจะสามารถควบคุมมันได้”
เซี่ยวเฉินเข้าใจถึงเรือสงครามสีเงินล่านี้หลังจากที่เขากําจัดสัมผัสวิญญาณโบราณที่อยู่ด้านในของมัน เขาพยายามอย่างมากเพื่อที่จะกู้คืนมันกลับมาในตอนนั้นเขาจะขายมันให้กับคนอื่นได้อย่างไร?
ไม่นานนัก,ภาพเมืองแห่งหนึ่งที่มีขนาดใหญ่สองเท่าของเมืองซีเหอได้ปรากฏขึ้นในสายตาของเซี่ยวเฉิน เขาค่อยๆลดระดับความเร็วและร่อนลงจอดที่ด้านนอกของเมือง
เวลาผ่านไปเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น พวกเขายังมีเวลาอีกเยอะก่อนที่จะถึงช่วงบ่าย ภายใต้การนําทางของซูเสี่ยวเสี่ยว,หลังจากที่พวกเขาเข้ามาในเมือง,พวกเขามุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่คึกคักที่สุดในเมือง
ทันทีที่ทั้งกลุ่มเดินมาถึงทางเข้าโรงเตี้ยม,พนักงานในร้านอาหารมองไปดูที่ภาพเหมือนเปรียบเทียบกับกลุมของเขา เขาเดินเข้ามาถึงตรงหน้าของซูเสี่ยวเสี่ยวและลดศีรษะลงในทันที เขายิ้มและกล่าวขึ้น “ท่านจะต้องเป็นแม่นางเสียวเสี่ยว นายน้อยจินจองที่นั่งทั้งหมดบนชั้นสี่เอาไว้แล้ว พวกเขากําลังรอคอยท่านอยู่, โปรดตามข้ามา”
ภายในร้านขนาดค่อนข้างใหญ่:มันมีพื้นที่มากกว่าสองร้อยตารางเมตร แต่ถึงกระนั้น,ที่ชั้นหนึ่งก็ยังแน่นไปด้วยฝูงชน:มันคึกคักเป็นอย่างมาก ฝูงชนล้นไปถึงชั้นสองและชั้นสาม
มีโต๊ะว่างเพียงสองสามที่ เสียงตะโกนโหวกเหวกดังไปทั่วทั้งโรงเตี้ยม สถานการณ์ดีขึ้นหลังจากที่พวกเขาขึ้นไปถึงชั้นสาม
บูธและห้องส่วนตัวจะจัดอยู่ที่ชั้นสาม ผู้คนธรรมดาไม่สามารถขึ้นมาถึงชั้นนี้ แต่กระนั้น มันก็แทบจะไม่มีที่ว่าง
“สมบัติของราชาทุ่งหญ้าดึงดูดผู้คนเข้ามามากมายอย่างคาดไม่ถึง น่าประหลาดใจไม่น้อย”
คนที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้คือเจ้าหมูจิน ผู้ที่หัวเราะอย่างไร้ยางอาย
บริกรน่าทางพวกเขายิ้มและกล่าวขึ้น “ใช่แล้ว,ต้องขอบคุณเจ้าอ้วนที่เอาแผนที่ออกมาปล่อยทุกคนด่าสาปด่าเจ้าอ้วนนั้น,แต่สําหรับธุรกิจร้านอาหารห้องพักกลับขอบคุณยิ่ง ตั้งแต่เดือนที่แล้ว,ธุรกิจของพวกเขารุ่งเรืองมาก”
เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้น,เซี่ยวเฉินและซูเสียวเสี่ยวหัวเราะคิกคัก เจ้าหมูหน้าเสียใน ทันที;รอยยิ้มของเขาแข็งค้าง
เมื่อบริกรเห็นว่าสีหน้าของจินตาเป่าผิดปกติ,เขารีบกล่าวขึ้น “ท่าน,ข้าไม่ได้หมายถึงท่าน ข้าพูดถึงเจ้าอ้วนที่เอาแผนที่ออกมาขาย คนอย่างทานไม่นับว่าอ้วนสัดส่วนของท่านสมส่วนและงดงาม เจ้าอ้วนนั้นเทียบกันท่านไม่ได้
เมื่อพวกเขาได้ยินดังนั้น,แม้แต่ซูเสี่ยวเสี่ยวที่ปกติจะไม่ค่อยพูดจาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ นางกล่าว “เจ้าออกไปได้แล้วพวกเราขึ้นไปเองได้”
ด้วยความเกรงว่าเจ้าหมูจะไม่อาจระงับความโมโหเอาไว้ได้,ซูเสี่ยวเสี่ยวรีบกล่าวให้บริกรคนนั้นออกไป
จินต้าเป่ารู้สึกหดหูเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม,บริกรคนนั้นออกไปไกลแล้ว แต่กระนั้น,บริกรคนนั้นก็กล่าวเรื่องดีๆกับเขาเอาไว้เยอะแม้ว่าเขาอยากจะโกรธ,เขาก็โกรธไม่ลง
ความหดหูและเสียหน้านี้ทําให้ทุกคนไม่อาจหุบยิ้มลงได้
พวกเขาเดินขึ้นไปที่ชั้นสี่ เปรียบเทียบกับชั้นสาม,มันค่อนข้างเงียบกว่ามาก ไม่มีเสียงจอแจแม้แต่น้อย
โต๊ะทั้งหมดถูกยกออกไปเหลือเป็นที่ว่างขนาดใหญ่
โต๊ะนั่งตั้งอยู่ตามกําแพงโดยรอบ ผู้บ่มเพาะพลังจากหลากหลายอาณาจักรนั่งอยู่ที่โต๊ะ,พูดคุยกันถึงการฝึกฝนวิชายุทธด้วยเสียงเบา
เซี่ยวเฉินมองกวาดอย่างรวดเร็วและเห็นว่ามีคนประมาณหนึ่งร้อยคนอยู่ที่นี่ พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นมีเพียงเล็กน้อยที่ยังไม่ถึงระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
อย่างไรก็ตาม,กระแสพลังของพวกเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เห็นชัดว่าพวกเขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดแล้วและได้ติดขัดอยู่ที่ตรงนี้มาเป็นเวลานาน พวกเขาเหลืออีกเพียงก้าวเล็กๆที่จะขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
คนเหล่านี้ล้วนอายุถึงยี่สิบปี:เปรียบเทียบกับเหลิ่งหลิวซู,พวกเขาอ่อนด้อยกว่า แต่อย่างไรก็ตาม,กลายเป็นกษัตริย์ยุทธตั้งแต่ก่อนอายุ 25 ปี,พวกเขาควรค่าแก่คําว่า อัจฉริยะ” แล้ว
โดยเฉพาะผู้เยาว์ที่นั่งอยู่ตรงกลาง เขาดูหล่อเหลาลุ่มลึก กระแสพลังของเขาดุร้ายราวกับพยัคฆ์ ขณะที่เขานั่งอย่างนิ่งเงียบ,เขาได้ปลดปล่อยแรงกดดันบางเบาออกมา
คนผู้นี้อยู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ขั้นต้นแล้ว จากหนึ่งร้อยคนที่อยู่ที่นี่ เขาเป็นคนเดียวที่อยู่ระดับยอดขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้น
การเพิ่มขึ้นภายในขอบเขตกษัตริย์ยุทธมีความแตกต่างอย่างชัดเจนมากกว่าในขอบเขตนักบุญ ปราศจากทักษะต่อสู้ระดับสูงหรือสภาวะที่แข็งแกร่ง,มันยากอย่างยิ่งที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ขั้นพลังสูงกว่าได้
หากเซี่ยวเฉินเดาไม่ผิด,คนผู้นี้น่าจะเป็นคนที่จินต้าเป่ากล่าวถึง หนึ่งในร้อยอันดับต้นในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งก่อน,จินอูจี๋
ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังประเมินผู้คน,สายตานับไม่ถ้วนก็กําลังวัดพลังของเขาเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนที่พวกเขาเห็นว่าอยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง,ความเหยียดหยามปรากฎขึ้นในดวงตาขอบพวกเขา ไม่นานนัก,พวกเขาก็ละสายตาหันไปมองที่เสี่ยวไป เพียงจ้องมองไม่กี่ครั้งก็เกิดความปราถนารุนแรง
“ฮ่าฮ่า,ข้าคิดว่าแม่นางเสี่ยวเสี่ยวจะไม่มาเสียแล้ว พี่น้องจิน!เจ้าก็มาเช่นกัน แล้วสองคนที่อยู่ด้านหลังพวกเจ้าคือ?” เมื่อจินอูจี๋มองเห็นกลุ่มของซูเสี่ยวเสี่ยว,เขารีบลุกขึ้นและเดินตรงเข้ามาในทันที
ซูเสี่ยวเสี่ยวยิ้มเบาๆและกล่าวขึ้น “สองคนนี้คือสหายของข้าจากอาณาจักรตาฉัน ข้าขออภัยที่ไม่ได้แจ้งให้เจ้าทราบล่วงหน้า”
จินอูจี๋เพียงยิ้มและกล่าวขึ้น “ไม่มีปัญหา,สหายของแม่นางเสียวเสียวก็คือสหายของข้าเช่นกัน โปรดนั่งก่อน หลังจากที่อีกคนมาถึง,การประชุมก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ซูเสี่ยวเสี่ยวมองไปรอบๆอย่างสงสัย นางถามขึ้น “ใครยังมาไม่ถึง?”
จินอูจี๋ยิ้มอย่างมีเล่ห์ “เป็นความลับสําหรับตอนนี้ ท่านตะรู้เองในตอนที่นางมาถึง,นางเป็นตัวหลัก แต่อย่างไรก็ตาม,นางเพียงแค่ผ่านทางมาเท่านั้น”
“พี่น้องจิน,บอกพวกเรามาเถอะ!”
“ใช่แล้ว!ใช่แล้ว! พี่น้องจินหยุดล้อเล่นได้แล้ว เพียงบอกพวกเรามา!”
จินอูจี๋เป็นศิษย์อันดับหนึ่งแห่งประตูดาบสวรรค์ของอาณาจักรต้าชู พวกเขามีผู้อาวุโสระดับสูง หลายคนที่อยู่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ พวกเขานับได้ว่าเป็นขุมอานาจชั้นน่าภายในทั่วทั้งทวีป นอกจากนั้น,อันดับของพวกเขาค่อนข้างสูง
สถานะของจีนอจีนับว่าสูงมากอยู่แล้ว มิฉะนั้น,เขาสามารถรวบรวมเหล่าอัจฉริยะจากหลากหลายอาณาจักรมาได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จินอูจี๋ให้ความเคาระ,คนผู้นี้จะต้องมีสถานะสูงส่งมากอย่างแน่นอน สิ่งนี้กระตุ้นความอยากรู้ของฝูงชน
ในตอนนั้นเอง มีกระแสพลังอันแข็งแกร่งปะทุขึ้นมาในทิศทางของร้านอาหารแห่งนี้ ทุกคนนิ่งอึ้งไป,และรีบมองตรงไปที่หน้าต่าง
จินอูจี๋ชื่นชมยินดี เขากล่าวขึ้นเบาๆ “นางมาแล้ว!”
“ฟุ!”
ร่างตัวเล็กผ่านเข้ามาจากหน้าต่างของชั้นสี่ เป็นเด็กสาวที่มีใบหน้าโค้งมนสวยงามและรอยยิ้มที่อบอุ่น นางสวมชุดสีเขียวพร้อมกับลอยเข้ามา
เมื่อเด็กสาวชุดสีเขียวเท้าสัมผัสกับพื้น,นางถอนกระแสพลังของนางกลับมาและเผยรอยยิ้มเชิงขอโทษ
เด็กสาวมองไปรอบๆตัวนางและกล่าว “เยว่เฉินซีขออภัยทุกท่าน มีบางอย่างเกิดขึ้น ทําให้ข้าล่าช้า”
อย่างไม่คาดคิด นี่คือเยว่เฉินซี เมื่อทุกคนบนชั้นสี่ได้ยินนาง,พวกเขาทั้งหมดเผยสีหน้าตกตะลึง คนผู้นี้คือตัวหลักจริงๆ
ในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งก่อน,นางอยู่ในห้าสิบอันดับต้น,อันดับที่ 36
การขึ้นจากหนึ่งร้อยไปสู่ห้าสิบอันดับแรกนั้นมีอุปสรรคใหญ่ จากห้าสิบไปสู่สิบอันดับต้นยิ่งใหญ่กว่า แต่ละอุปสรรคแสดงถึงความแตกต่างในพลังต่อสู้ของพวกเขา
ที่สําคัญยิ่งกว่านั้นคือการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรในครั้งก่อน,เยว่เฉินซีอายุเพียงสิบหกปี ในตอนอายุสิบหกปี,นางอยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ขันต้น
นอกจากนั้น,เยว่เฉินซียังขึ้นไปถึงห้าสิบอันดับต้น พรสวรรค์และความแข็งแกร่งเช่นนี้อธิบายออกมาได้คําเดียวคือ “ปีศาจ”
นิกายนภาเหนือ,คือที่ที่เยว่เฉินซีสังกัดอยู่, เป็นหนึ่งในสิบนิกายใหญ่แห่งอาณาจักรต้าจิน ในทวีปแห่งนี้,พวกเขาเป็นนิกายชั้นหนึ่งและเป็นหนึ่งในหมาอ่านาจสูงสุด พวกเขามีผู้อาวุโสระดับสูงหลายคนที่อยู่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ
ด้วยพรสวรรค์ที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ถูกบ่มเพาะจากหนึ่งในนิกายที่ยอดเยี่ยมที่สุดและเข้าถึงพลังงานจิตวิญญาณที่หนาแน่นของอาณาจักรต้าจิน อนาคตของนางมั่นคง,นางเป็นดวงดาวเจิดจ้าที่กําลังพุ่งทะยาน
เมื่อจินอูจี๋เห็นว่าเยว่เฉินซีมาถึงแล้ว,เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาคิดว่านางจะไม่มาเสียแล้ว เขายิ้มและกล่าวขึ้น “แม่นางเยว่ มันยังไม่ถึงเวลาบ่าย ดังนั้น ท่านไม่ได้ล่าช้า เพียงแต่พวกเราทั้งหมดมาเร็วเกินไป”
“ใช่แล้ว,แม่นางเยว่ไม่ต้องรู้สึกแย่พวกเราเพิ่งจะมาถึง
ในจังหวะที่เยว่เฉินซีมาถึง,นางกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน ไม่มีใครสนใจถึงนางจะมาสาย
จินอูจี๋เชิญเยว่เฉินซีไปที่โต๊ะตรงกลาง หลังจากที่นางนั่งลง,เขาก็ลุกขึ้นและกล่าวเบาๆ “ข้า เข้าร่วมกลุ่มในนามของข้า”
“ข้ามีสองวัตถุประสงค์ในการประชุมครั้งนี้ หนึ่งคือป้องกันการหลีกเลี่ยงการต่อสู้ถึงตาย ข้าอยากจะให้ทุกคนคุ้นเคยกับกันและกัน พวกเราจะตั้งข้อตกลงอย่างสุภาพชนที่จะไม่มีการลอบโจมตีหรือใช้วิธีการน่ารังเกียจ”
“พวกเรามาต่างสถานที่และต่างนิกายจากหลากหลายอาณาจักร มันยากนักที่พวกเราจะมีโอกาสพบกัน จุดประสงค์ที่สองของข้าคือใช่โอกาสนี้เพื่อแลกเปลี่ยนกระบวณท่า,ช่วยชี้แนะและรับข้อเสนอของกันและกัน”
สําหรับจุดประสงค์แรก,เซี่ยวเฉันคิดว่ามันไม่ค่อยเป็นประโยชน์ ไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ที่นี่ มันยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกมากมายที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนี้
ถึงแม้ว่าทุกคนที่นี่จะทําข้อตกลงกัน,เซี่ยวเฉินก็ไม่เชื่อว่าในตอนที่สมบัติที่แท้จริงปรากฎขึ้น,ทุกคนจะสนใจข้อตกลงนี้
อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินเชื่อว่าทุกคนจะยอมรับข้อตกลงเพียงผิวเผิน พวกเขาพูดอีกอย่างและจะทําอีกอย่างหนึ่ง
“ข้า,หลิวเมิง,สนับสนุนคําแนะนําของพี่น้องจิน ข้าจะเป็นคนแรกที่ทําข้อตกลงสุภาพชน หากมีใครที่นี่ได้สมบัติไป,ข้าจะไม่ใช้การลอบโจมตี” ผู้บ่มเพาะพลังที่ร่างบึกบึนพร้อมกับดาบขนาดใหญ่กล่าวเป็นคนแรก
“ข้า,หวังเหา,สนับสนุนค่าแนะนําของพี่น้องจินเช่นกัน…ข้าจะทําข้อตกลงสุภาพชน”
“ข้าหล่อ ,สนับสนุนคําแนะนําของพี่น้องจินด้วยเช่นกัน…ยินดีจะทําข้อตกลงสุภาพชน”
ตามที่เซี่ยวเฉินคาดเอาไว้,ผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดระบุว่ายินดีจะทําตามคําแนะนําของจินอูจี๋
ในไม่ช้า,ทุกคนก็แสดงความตั้งใจของพวกเขา เหลือเพียงสี่คนที่โต๊ะของเซี่ยวเฉิน ทุกคนมองไปที่พวกเขา
จินต้าเป่าและซูเสี่ยวเสี่ยวมีสถานะพิเศษและสามารถเพิกเฉย จากกระแสพลัง,เสี่ยวไปปรากฎว่าเพิ่งจะขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ:อ่อนปวกเปียกเช่นนี้สามารถเพิกเฉยได้เช่นกัน
ที่พวกเขากําลังให้ความสนใจในตอนนี้ก็คือเซี่ยวเฉิน เขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง,และกระแสพลังของเขาแข็งแกร่ง เขาแข็งแกร่งพอที่จะฝ่าคลื่นที่อ่อนแรงลงของเกาะเชียนเหลิน
แม้ว่าจะผ่านความนิ่งเงียบไปนาน,เซี่ยวเฉินก็ไม่กล่าวอะไร เขาไม่อาจทําให้ตัวเองกล่าวคําหลอกลวง
“เมินเฉยเขาไป,มันไม่มีผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรต้าฉิน แค่นักบุญขั้นสูงมาที่นี่เพื่อพอเป็นพิธีไม่มีปัญหาที่เขาจะไม่ทําข้อตกลงสุภาพชน”