Immortal and Martial Dual Cultivation - ตอนที่ 371 สิทธิ์ที่จะโอ้อวด
ตอนที่ 371 สิทธิ์ที่จะโอ้อวด
ก่อนหน้านี้ เซี่ยวเฉินได้ปฏิเสธจินอูจี๋ ในใจของจินอูจี๋,เขาหวังว่าไปสุ่ยเหิงจะสั่งสอนเซี่ยวเฉิน
แต่อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินเป็นสหายของซูเสียวเสี่ยว นอกจากนั้น,เยว่เฉินซียังนั่งอยู่ตาของเขา ณ จุดนี้,หากเขาออกตัวอย่างเถรตรง,เขาอาจจะถูกอีกฝ่ายสังเกตเห็น
อย่างไรก็ตาม, เซี่ยวเฉินเมินเฉยคําของเขาไปเสียสนิท เขามองเห็นกระแสไฟฟ้าสีม่วงบางๆปรากฏขึ้นลบตัวของผู้ที่มาทักทายเขาและตื่นเต้นขึ้นมาในทันที
อีกฝ่ายเป็นมือดาบที่บรรลุถึงสภาวะแห่งสายฟ้า เซียวเฉินยืนขึ้นและมองไปยังไปสู่ยเหิง เขากล่าวขึ้น “ข้ารับคําท้า!”
สภาวะแห่งสายฟ้าเป็นสภาวะที่บรรลได้ยากเย็นที่สุด มันมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับสภาวะพลังงานอื่นๆ
สภาวะแห่งสายฟ้าไม่ได้มีลูกเล่นมากมาย มันพึ่งพาพลังโจมตีที่บริสุทธิ์และบ้าคลั่ง นี่เป็นการโจมตีที่บริสุทธิ์ที่สุดแห่งเต๋สวรรค์
ตั้งแต่ที่เซียวเฉินสําเร็จสภาวะแห่งสายฟ้า,เขาไม่เคยปะมือกับผู้บ่มเพาะพลังคนใดที่สําเร็จสภาวะแห่งสายฟ้าเช่นเดียวกัน ดังนั้น,ไป๋สู่ยเหิงจึงทําให้เขาเกิดความสนใจ
ไปสู่ยเหิงกล่าวอย่างเฉยเมย “ปากของเจ้าเต็มไปด้วยคําโอ้อวดหรูหรา ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้า มีความแข็งแกร่งถึงเพียงใด อย่าได้กล่าวหาว่าข้าใช้ขอบเขตพลังข่มเหงเจ้า วางใจได้; ข้าจะใช้พ ลังเพียงห้าสิบเปอร์เซ็นต่อสู้กับเจ้า”
เซี่ยวเฉินถือกระบี่เงาจันทร์เอาไว้ในมือและเดินตรงไปยังพื้นที่ว่าง เขากล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย “ไม่จําเป็น เข้ามาซะ”
“ดี! ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาโอ้อวด!”
“บูม!”
แสงไฟฟ้ากระพริบไหว,และไปสู่ยเหิงชักดาบของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าร้องคําราม ในพื้นที่,ทําให้แก้วหูของเหล่าผู้ชมสั่นสะเทือน
ในมือของไป๋สู่ยเหิง,ดาบของเขาเราก็เป็นเส้นสายฟ้าขณะที่เขาชักมันออกมามันดูรุ่งโรจน์ยังไม่น่าเชื่อ
ไป๋สู่ยเหิงเลื่อนผ่านระยะหนึ่งร้อยเมตรภายในก้าวเดียว เขาส่งด่านที่เจิดจ้าด้วยแสงกระแสไฟฟ้าตรงไปที่หัวของเซี่ยวเฉิน
ดาบเล่มนี้แบกความเร็วและความบ้าคลั่งโดยธรรมชาติของสายฟ้า ก่อนที่ดาบจะไปถึงมันก็เกิดเป็นสายลมรุนแรง
นี่ทําให้ผมของผู้คนที่อยู่ด้านหลังของเซียวเฉินปลิวไหว พวกเขาช่วยไม่ได้ที่จะต้องหรี่ตาลง
ช่างเป็นดาบที่ทรงพลัง หลังจากที่ไม่ได้พบไป๋สู่ยเหิงมาเป็นเวลาสองสามปี,ความแข็งแกร่งของเขาเติบโตขึ้นอีกครั้ง คนพวกนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าโฉวหลิงเหิง
ในตอนที่ผู้ชมมองเห็นสายลมที่รวดเร็วและดาบที่น่าตกตะลึง,พวกเขาต่างอุทานขึ้นในใจของพวกเขา
สีหน้าของเซี่ยวเฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในตอนที่ดาบอยู่ห่างออกไปจากตัวเขาประมาณห้าเมตร,เขาใช้มือขวาชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาด้วยความรวดเร็ว
“เคร้ง!”
เสียงอาวุธกระทบกันดังไพเราะออกมา คนส่วนใหญ่ไม่อาจมองเห็นว่าเซียวเฉินชักกระบออก มาได้อย่างไร ในตอนที่พวกเขาได้ยินเสียงเหล็กกระทบ,ไป๋สู่ยเหิงก็ถอยหลังออกไปห้าก้าวแล้ว เขามีสีหน้าร้ายแรง
“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าหมอนั่นชักกระบออกมาตอนไหน? ข้ามองไม่เห็น”
“น่าแปลก,ตาก็มองไม่เห็นเช่นกัน ในจังหวะที่ได้ยินเสียงกระทบ,ไป๋สู่ยเหิง ก็ก้าวถอยกลับไปแล้ว”
จากหนึ่งร้อยคนที่อยู่บนชั้นสี่, มีน้อยกว่าสิบคนที่เห็นว่าเขาชักกระบออกมาได้อย่างไร
เซี่ยวเฉินชักกระบี่ที่หลังแต่ซัดออกไปก่อน ความเร็วของเขาขึ้นไปถึงสองมัคในทันที เขาใช้สภาวะแห่งสายฟ้าจี้เข้าที่จุดอ่อนในทักษะดาบของคู่ต่อสู้,ทําลายกระบวนท่าของผู้ต่อสู้ลงในทัน
ความตกตะลึงเติมเต็มใบหน้าของจินอจี้ เขาพึมพํา “เป็นสภาวะแห่งสายฟ้าที่แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้ เห็นชัดว่าเขาสําเร็จไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น,แต่มันแข็งแกร่งกว่าของไปสู่ยเหิงไปหลายเท่า คนผู้นี้ได้บ่มเพาะทักษะบ่มเพาะธาตุสายฟ้าระดับสูง
เยว่เฉินซีกว่าขึ้นเบาๆ “คนผู้นี้คือใคร? นายน้อยจนรู้จักหรือไม่?”
จินอูจี๋นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าเยว่เฉินซีจะสนใจในตัวคนผู้นี้ ความเย็นชาวบไหวในดวงตาของเขาพร้อมกับกล่าวขึ้นเบาๆ “ข้าไม่รู้จัก แม่นางเสี่ยวเสี่ยวเป็นคนพาเข้ามา”
เยว่เฉินซีกล่าว “โอ้,มาชมกันต่อเถอะ!”
เซียวเฉินมองไปยังไปสู่ยเหิงและกล่าวอย่างเฉยเมย “ใช้เต็มพลังของเจ้าซะ สภาวะของเจ้าเทียบกับข้าไม่ได้ เจ้าสามารถใช้ความได้เปรียบในด้านพลังปราณในการปะมือกับข้า มิฉะนั้น,เจ้าจะพ่ายแพ้ภายในสิบกระบวณท่า
เมื่อคนอื่นๆได้ยินเซี่ยวเฉินกล่าวว่าที่น่าตกตะลึงออกมาในที่ท่านิ่งสงบ,พวกเขารู้สึกหวั่นไหว
ในตอนที่เซี่ยวเฉินกล่าวออก,มันไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสม น้ําเสียงของเขานิ่งสงเป็นธรรมชาติราวกับกําลังกล่าวความจริง
ดูจากความมั่นใจของเซี่ยวเฉิน,คนเหล่านี้ตระหนักได้แล้วว่าเขาไม่ใช่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงทั่วไป
“โอหัง อย่าได้กล่าวราวกับว่าข้าได้พ่ายแพ้ไปแล้ว ดาบเมฆาอัสนี!” ไปสู่ยเหิงยิ้มอย่างเย็ฯชาและพุ่งตรงเข้าไปอีกครั้ง
เมฆาอัสนีปรากฏขึ้นรอบกายของไปสัยเหิง กระแสไฟฟ้าอันไร้ขอบเขตวูบไหวท่ามกลางหมู่เมฆมีกระแสไฟฟ้าล้อมรอบกายของเขา
ขณะที่เมฆาอัสนีก่าลังหมุนวน,กระแสพลังของเขาเร่งขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนราวกับดาบสมบัติที่เฉียบคม,รอคอยที่จะถูกชักออกมา
ในตอนที่ผู้คนรู้สึกได้ถึงพลังของดาบเล่มนี้ พวกเขามั่นใจในไปสู่ยเหิง ไม่ว่าสภาวะของเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด,ขอบเขตนักบุญขั้นสูงไม่อาจหลบดาบนี้ไปได้
“สับ!”
แสงดาบวูบผ่าน,และไปสู่ยเหิงปรากฎตัวออกมาจากเมฆาอัสนี,เคลื่อนไหวไปราวกับเส้นสายฟ้า
“เคร้ง!”
มีเสียงอาวุธกระทบเกิดขึ้นอีกครั้ง ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่เห็นว่าเซี่ยวเฉินเคลื่อนไหวอะไรในจังหวะ ที่พวกเขาได้ยินเสียง,ไป๋สู่ยเหองก็ถูกส่งลอยกลับไปแล้ว
มันเป็นอย่างรู้สึกที่แปลกประหลาดยิ่งมันเห็นชัดว่าเกิดอะไรขึ้นตรงหน้าของพวกเขา,แต่พวกเขาสามารถมองเห็นได้หลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียง
จินอู๋จี้พึมพํา “คนส่วนใหญ่สามารเร่งความเร็วได้ถึง 2 มัคอย่างช้าๆ มันยากเกินไปที่จะเร่งความเร็วถึงระดับนั้นได้ในทันทีข้าสงสัยว่าเขาทําได้อย่างไร”
ยิ่งเยว่เฉินซีได้มองดูเซียวเฉิน,นางยิ่งเกิดความสนใจ นางกล่าวขึ้นเบาๆ “นี่เป็นเพียงทักษะวา ดกระบี่ธรรมดา อย่างไรก็ตาม,ข้าเห็นไม่บ่อยนักที่จะมีคนฝึกฝนจนไปถึงระดับนี้”
“เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!”
ไป๋สู่ยเหิงออกอีกสามกระบวณท่า,แต่เซียวเฉินทําลานมันลงทั้งหมดในกระบี่เดียว ในแต่ละครั้ง,เซี่ยวเฉินใช้เพียงทักษะวาดกระบี่ที่เกือบจะสมบูรณ์ของเขา เขามักจะพบจุดอ่อนของคู่ต่อสู้
“สภาวะสายฟ้าที่แข็งแกร่งและทักษะกระบี่ที่รวดเร็ว,สมบูรณ์…เขาคือมือกระบี่ชุดขาว,เซี่ยวเฉิน!”
“ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน เขาสวมชุดขาวพร้อมกระบี่และผ้าคาดเอวสีฟ้าบนหน้าผากของเขาดูจากการแต่งตัวของเขา,จะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน”
ในที่สุด,มีบางคนในฝูงชนคาดเดาตัวตนของเซียวเฉิน อย่างไรก็ตาม มีหลายคนที่ไม่ไม่เคยได้ยินชื่อมือกระบี่ชุดขาวมาก่อน ดังนั้นพวกเขาถึงถามขึ้นเกี่ยวกับมัน
อาณาจักรของบุคคลเหล่านี้อยู่ห่างออกไปจากอาณาจักรตาฉิน เรื่องที่เกิดขึ้นในศาลากระบี่สวรรค์ยังกระจายไปไม่ไกลขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวของเซี่ยวเฉิน,ความเหยียดหยามของผู้บ่มเพาะพลังหลายคนจางหายไป,แลสีหน้าของพวกเขากลายเป็นร้านแรง
หากเป็นเรื่องที่เขาล้มต่วนมู่ฉิงและคนอื่นๆ, มันไม่มีอะไร ถึงอย่างไร,ความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นไม่ได้อยู่ระดับชั้นยอด แต่อย่างไรก็ตามในตอนที่พวกเขาได้ยินว่าเซียวเฉินล้มสานุศิษย์ชั้นนอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดายมันอดไม่ได้ที่พวกเขานะตกตะลึง
จินอจี้ดูเหมือนว่าเขากําลังไตร่ตรองเขาคิดกับตัวเอง,เขาคือมือกระบี่ชุดขาว,เซี่ยวเฉิน ในที่สุดข้าก็ได้พบกับเขาตัวเป็นๆ
“ข้ารับห้ากระบวณท่าของเจ้าได้เวลาที่เจ้าจะรับหนึ่งกระบวณท่าจากข้า”
ไปสู่ยเหิงก้าวถอยเล็กน้อยและรวบรวมกระแสพลังของเขาอย่างต่อเนื่อง เขากล่าวอย่างเฉยเมย “เพียงหนึ่งกระบวณท่า? การป้องกันของข้าเพียงพอที่จะตานทานนับสิบกระบวณท่าจากเจ้า”
แม้ว่าไปสุ่ยเหิงจะได้ลงมือก่อน,ความสนใจของเซียวเฉินลดหายไปอย่างรวดเร็ว;เขามันน่าติดหวัง
แม้ว่าคนผู้นี้จะสําเร็จสภาวะแห่งสายฟ้า,แต่เขาได้เดินไปผิดทางเขาเพียงไล่ตามความแข็งแกร่งของสภาวะแต่ไม่ได้จดจ่อไปกับการหลอมรวมสภาวะเข้ากับทักษะดาบของเขาอย่างสมบูรณ์
ไป๋สู่ยเหิงหยุดหลอมรวมพื้นฐานสภาวะเข้ากับทักษะดาบของเขา หลังจากที่เขาโจมตี,มันดูเหมือนทรงพลัง,กระแสพลังของเขาเปล่งประกายเขาสามารถกดสภาวะที่อยู่ในระดับที่คล้ายกันได้อย่างง่ายดาย,เขาสามารถสังหารสภาวะที่อ่อนแอกว่าเพียงเล็กนแยได้ในทันที
แต่อย่างไรก็ตาม,หากไป๋สู่ยเหิงพบกับผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งกว่าเขา,ปราศจากการหลอมรวมสภาวะเข้ากับทักษะดาบ,กระบวณท่าของเขาเต็มไปด้วยช่องว่าง
นี่เป็นเหตุว่าทําไมเซียวเฉินสามารถทําลายกระบวณท่าของเขาลงได้อย่างง่ายดาย หากเขาปะมือกับคู่ต่อสู้คนอื่น,มันจะยากยิ่งที่จะทาได้เช่นนี้
การแลกเปลี่ยนกระบวณท่าในครั้งนี้ไม่เกิดประโยชน์กับเซี่ยวเฉิน ดังนั้นเขาจึงพยายามจะจบลงให้เร็วที่สุด
“ซี่ ซี่!”
ไป๋สู่ยเหิงใช้กระแสไฟฟ้ารางเป็นโล่หนาสามชั้นรอบตัวของเขา ห่อหุ้มซ้อนทับทีละชั้น
ชั้นสุดท้ายอยู่ติดแน่นกับผิวของไปสู่ยเหิง กระแสไฟฟ้าสีม่วงทําหน้าที่ราวกับชุกเกราะ
“ไปสู่ยเหิงผู้นี้…ปากเขากล่าวว่าไม่เกรงกลัว,แต่ดูสิเขาใช้แม้กระทั่งใบตายประจําตระกูลของเขา ถึงกับใช้การป้องกันสามชั้น” ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งบางคนเยาะเย้ยเขา
เซี่ยวเฉินจับกระบี่เงาจันทร์เอาไว้แน่น จากนั้น มันกระพริบสลับสีแดงและสีม่วง เซี่ยวเฉินดีดตัวออกเบาๆและใช้มังกรฟ้าเมฆาทะยาน,ส่งกระบี่จู่โจมออกไป
“ปัง! ปัง! ปัง!”
ทักษะกระบี่นี้ที่แบกทั้งสภาวะแห่งสายฟ้าและสภาวะแห่งการฆ่าล้างทะลุเกราะสายฟ้าสามชั้นได้อย่างง่ายดาย
กระบี่ที่มีพลังงานอันพลุ่งพล่าน:มันซัดไปสู่ยเหิงลอยออกไป,ตกลงพื้นอย่างน่าสังเวช
“เขาสามารถล้มไปสู่ยเหิงได้ในกระบี่เดียวชื่อเสียงของมือกระบี่ชุดขาวไม่ได้เกินจริง เขาจัดอยู่ในอันดับต้นๆของคนที่นี่ได้อย่างง่ายดาย
“ยากที่จะจินตนาการว่าเขามาจากอาณาจักรตาฉันการป้องกันของไปสู่ยเหิงไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญหน้ากับเขา”
“ความเฉียบคมของกระบี่ช่างน่าตกตะลึงไปสู่ยเหองมันอวดดีเกินไป”
เซี่ยวเฉินล้มไปสู่ยเหองได้ในกระบี่เดียว ผู้คนที่เหยียดหยามเขาเมื่อก่อนหน้านี้พากันเงียบ,พวกเขาไม่กล้าดูแคลนเขาแล้ว
ผู้คนต่างพากันแสดงความคิดเห็นกับการประมือของทั้งสอง พวกเขาประเมินความแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉิน
ตามที่เซียวเฉินคาดเอาไว้,เพื่อที่จะได้ความเคารพของพวกเขา,เขาจ่าต้องใช้กระบี่ที่อยู่มนมือนี่เป็นวิธีที่เถรตรงและน่าเชื่อถือที่สุด
เซี่ยวเฉินเผชิญหน้ากับไปสู่ยเหิง ผู้ที่กําลังลุกขึ้นยืน, และค่านับมือของเขา “ขอบคุณที่เบามือกับข้า!”
เซี่ยวเฉินออมแรงเอาไว้ในกระบี่ก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ฉีดสภาวะเข้าไปในร่างของอีกฝ่าย ดังนั้น,ฝ่ายตรงข้ามจึงมีบาดแผลภายนอกเพียงเล็กน้อย
ไปสุ่นเพิ่งรู้สึกอับอาย;เดิมที่เขาตั้งใจจะช่วยกู้เกียรติของสหาย แต่อย่างไรก็ตาม,เขาถูกล้มในกระบี่เดียว เขาเดินกลับไปยังที่นั่งอย่างเงียบเชียบ
“เขาสําเร็จถึงสภาวะแห่งการฆ่าล้าง ไม่แปลกใจที่เขาสามารถท้าทายผู้ที่มีขอบเขตพลังใกล้เคียงกับเขาได้”
เยว่เฉินซีจ้องมองขณะที่เซียวเฉินกลับมานั่งที่ นางครุ่นคิดกับตัวเอง,น่าเสียดาย,ขอบเขตพลังของเขาต่ําเกินไป นอกจากนั้น,สภาวะแห่งการฆ่าล้างของเขายังไม่สมบูรณ์เท่ากับสภาวะแห่งสายฟ้า
เขาอ่อนแอกว่าที่คาดแต่อย่างไรก็ตาม,ศักยภาพของเขาไม่อาจประเมินได้