Immortal and Martial Dual Cultivation - ตอนที่ 317 หุ่นเชิด
ตอนที่ 317 หุ่นเชิด
ดาบฉีสีเงินสองเส้นทะลวงผ่านอากาศและพุ่งไปที่สามคนที่อยู่ด้านหน้าสุด
“เป็นดาบฉีทค่หนาแน่นอะไรเช่นนี้! มันเกือบจะเทียบเท่ากับระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด” เซียวเฉินกล่าว,ค่อนข้างที่จะตกตะลึง,ขณะที่จ้องมองไปที่ดาบ
แม้ว่าเซี่ยวเฉินอยากที่จะได้หุ่นเชิดทั้งสามตัว แต่เห็นชัดว่าหุ่นเชิดมีมีไม่พอ หากเขาต้องแข่งขันกับคน,เขาจะเสียพลังอย่างมาก
ซากนิกายหลเพลิงแห่งนี้ไม่น่าจะมีของเพียงสองสามชิ้น มันยังไม่ใช่เวลาที่จะทุ่มสุดตัว
“ฟุ!”
ขณะที่เซียวเฉินไตร่ตรอง,มีแสงสีเย็นลอยตรงมาทางเขา เขาดีดตัวออกจากพื้นและถอยกลับไปหลายสิบเมตร
เมื่อเซี่ยวเฉินมองดู,เขาเห็นว่ามันเป็นนักรบชุดเกราะเหล็ก หลังจากที่มันซัดผู้บ่มเพาะพลังคนหนึ่งหมอบไป,มันก็แยกตัวออกมาและมุ่งหน้ามาทางเซี่ยวเฉิน
เซี่ยวเฉินรักษาความนิ่งสงบ เขายิ้มขึ้นเบาๆ “ได้เวลาพอดี ข้าอยากจะตรวจสอบเคล็ดลับเบื้องหลังหุ่นรบพวกนี้”
“เครั้ง! เครั้ง!”
ร่างอันหนักอึ้งของอัศวินเกราะเหล็กกระโดดผ่านพื้นดิน ทุกก้าวที่มันเดินส่งเสียงกระทบไพเราะออกมา
“วาดกระบี่!”
เขาชักกระบี่ออกมา เซี่ยวเฉินกวาดวาดกระบี่ของเขา มองดูราวกับเส้นสายฟ้า,ความเร็วและพลังของมันขึ้นสู่จุดสูงสุด จากนั้นเขาก็ซัดดาบในมือของอัศวินเกราะเหล็กลอยหลุดไป
มันอ่อนแอเกินไป:อัศวินเกราะเหล็กพวกนี้ไม่ได้มีค่ามากมนยอะไรนัก,เซี่ยวเฉินส่ายหัวและเก็บกระบี่ลงฝึก
เซียวเฉินก้าวขึ้นหน้าและเบี่ยงหัวของเขส,หลบการโจมตีของอัศวินเกราะเหล็ก เขากํามือและชกมันอย่างแรง
“บูม บูม! บูม!”
อัศวินเกราะเหล็กถอยหลังไปสามก้าว พลังอันหนักหน่วงทําให้เกราะของมันสั่นสะเทือน
กําปั้นของข้าในตอนนี้มีพลังถึงหนึ่งหมื่นกิโลกรัม มันสามารถต้านทานกําปั้นของข้าเอาไว้ได้ โดยไม่แตกเป็นเสี่ยงพลังป้องกันของมันไม่เลว
เซียวเฉินประเมินอยู่ในใจ เขาถอยกลับและหลีกเลี่ยงการโจมตีของอัศวินเกราะเหล็กอีกครั้ง
เซี่ยวเฉินถอยจนมาติดกําแพงแล้วเขาไม่ตั้งใจจะล่าถอยต่อไปอีก เขาเพียงยึดที่มั่นเอาไว้ เขาถือกระบี่เงาจันทร์เอาไว้ที่มือขวาและแบฝ่ามือขวาแทนกระบี่ จากนั้นเขาป้องกันการโจมตีของอัศวินเกราะเหล็กเอาไว้อย่างง่ายดาย
ความเร็วของมันไม่มากพอ:ความเร็วของมันเกือบจะได้ครึ่งหนึ่งของความเร็วเสียง อย่างไรก็ตาม,ท่าทางและการเคลื่อนไหวของมันเป็นค่อนข้างเป็นแบบแผน มันดูเหมือนจะมีทักษะหมัดมวยที่หลากหลาย
บรรพบุรุษแห่งนิกายหลี่เพลิงนั้นเป็นอัจฉริยะ พวกเขาสามารถใส่ทักษะต่อสู้ลงไปในหุ่นรบ
เซียวเฉินแลกเปลี่ยนกระบวณท่าง่ายๆกับอัศวินเกราะเหล็ก หลังจากผ่านไปหลายสิบกระบวณท่า,เขาได้เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของเกราะเหล็ก
ความรวดเร็วของมันเทียบเท่ากับขอบเขตนักบุญขั้นกลางความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่ากับระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น สรุปแล้วพลังต่อสู้โดยรวมของมันเทียบเท่ากับระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด
อย่างไรก็ตาม,แหล่งพลังงานของมันจะต้องมีจํากัด มันไม่สามารถต่อสู้ไปได้เรื่อยๆ ในตอนที่พลังงานของมันหมด มันก็จะกลายเป็นกองเศษเหล็ก
สามคนที่รุมล้อมอัศวินเกราะเหล็กอยู่เมื่อก่อนหน้านี้ตกตะลึง พวกเขาใช้พลังทั้งหมดและเกือบจะปราบมันลงไม่ได้ นี่เป็นเพราะพลังป้องกันของมันช่างน่ากลัว
อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินเล่นกับราวกับว่าอยู่ใน กํามือ,แม้ว่าใช้ใช้เพียงมือเดียวและยืนอยู่กับที่
“ปัง!”
เซี่ยวเฉินร้องตะโกน เขาไม่สนใจที่จะเล่นต่อไป เขาชกออกด้วยความแข็งแกร่งหกสิบเปอร์เซ็นต์ของเขา พลังของมันพุ่งขึ้นไปถึง 12,500 กิโลกรัมในทันที
อัศวินเกราะเหล็กถล่มลงกับพื้น มันดิ้นรนอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะแน่นิ่งไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง,เซียวเฉินก็ก้มลงและพลิกตัวเกราะเหล็ก มันมีหน้าต่างๆเล็กๆที่ปิดอยู่ตรงหลังของมัน
“ปะ ปะ!”
หน้าต่างโลหะสองบานทันใดนั้นก็เปิดออก,เผยให้เห็นภายใน มีหินวิญญาณระดับต่ําอยู่ข้างในเมื่อเซี่ยวเฉินนับดู,มีทั้งหมดยี่สิบก่อน
อย่างไรก็ตาม,หินวิญญาณมันมืดสลัวมันแทบจะไม่ต่างไปจากก้อนหินทั่วไปแล้ว พวกมันหมด ซึ่งพลังงานวิญญาณ
มันทํางานเช่นนี้นี่เอง เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง พวกเขาใช้หินวิญญาณเป็นแหล่งพลังงานนี่ใกล้เคียงกับที่คาดเดาเอาไว้ หากใช้หินวิญญาณระดับกลาง,บางทีมันอาจจะทรงพลังยิ่งขึ้น
เมื่อสามคนเมื่อครู่เห็นการกระทําของเซียวเฉิน,พวกเขาก็ตอบโต้ทันที พวกเขาเป็นคนเจอหุ่นรบตัวนี้ก่อน แต่ท้ายที่สุด,เซี่ยวเฉินทํากับราวกับว่ามันเป็นของเขา
“เจ้ารนหาที่ตาย! ช่างกล้ามาฉกของของข้า!” หนึ่งในพวกเขาตะโกนออกมา เขาฟันไปที่เชี่ยวเฉินด้วยกระบี่ของเขา
อีกสองคนก็ไม่รอช้า;พวกเขาก็ลงมือแทบจะพร้อมกัน สามกระบี่แสงยิงไปที่เซียวเฉินด้วยกระแสพลังดุร้าย
เซียวเฉินเหลียวตามอง ไม่มีความผันผวนในดวงตาอันนิ่งสงบของเขา เขาเหมือนกับไม่มีความสนใจ,สามคนนั้นอ่อนแอเกินไป
“หวี่ขุยแพรวพราว!”
เซียวเฉินชักกระบี่ของเขาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า เขาสะบัดข้อมือสามครั้ง เส้นกระบี่ฉีสีม่วงสามเส้นลอยออกไป พวกมันสลายกระบี่ฉีที่สามคนนั้นยิงออกมาอาวุธในมือของพวกเขาไม่อาจต้านทานได้และแตกสลาย
“ปัง! ปัง! ปัง!”
พลังของกระบี่ฉีสีม่วงไม่ได้ลดทอนลงพร้อมกับบินตรงต่อไป,ทะลวงโล่ปราณและสร้างบาดแผลน่ากลัวบนหน้าอกของพวกเขา;สายเลือดสาดกระเซ็นออกมาในทันที
คนทั้งสามล้มลงกับพื้น และแรงระเบิดกระพัด พวกเขาลอยไปไกล:พวกเขาร่วงลงอย่างน่าสังเวช อย่างไรก็ตาม นี่เป็นผลจากที่เซียวเฉินแสดงความเมตตาแล้ว
หากการโจมตีนี้ผสานสภาวะแห่งสายฟ้า,กระบี่ฉีทั้งสามสามารถสับพวกเขาตัวขาดครึ่งได้อย่างง่ายดาย
ณ ตอนนี้ เซียวเฉินสามารถสังหารระดับขอบเขตนักบุญที่ไม่บรรลุถึงสภาวะได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดก็ตาม เขาเหลือเพียงหนึ่งก้าวเล็กๆที่จะไม่มีใครเทียบเคียงเขาได้ในระดับขอบเขตนักบุญ
“หนีเร็ว! พวกเราไม่ควรไปยั่วยุคนผู้นี้” ทั้งสามคนเมินเฉยบาดแผลของพวกเขาและหนีไปเมื่อพวกเขาเห็นสายตาอันนาากลัวของเซี่ยวเฉิน
มองเห็นพวกเขาจากไปแล้ว,เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้สนใจจะไล่ตาม เขาเบนสายตากลับมาที่กองหินวิญญาณระดับต่ําและเผยสายตาอยากรู้อยากเห็น
“ข้าเชควรเอาออกมาดูว่าข้างในมันเป็นอย่างไรกันแน่” เซียวเฉินกล่าวเบาๆ จากนั้นเขาก็โยนหินวิญญาณออกไปที่ละก้อน ในที่สุด,ที่ด้านล่างสุด,เขามองเห็นเข็มที่ยื่นออกมา
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง,เซียวเฉินก็ลอง แตะดูด้วยนิ้วชี้ของเขา เขารู้สึกปวดเล็กน้อยเข็มแทงเข้าไปในผิวหนังของเขาทันที เมื่อมันสัมผัสกับเลือดของเขา,ข้อมูลมากมายปรากฏขึ้นในใช้จิตใจของเขาทันที
ข้อมูลมากมายกว้างใหญ่และวุ่นวายราวกับมหาสมุทร,ทําให้เซียวเฉินปวดหัวอยาางรุนแรง อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ปวดอยู่นานนัก หลังจากสามอึดใจ,อาการปวดหัวก็จางหายไป
หลังจากเรียบเรียงข้อมูล,จิตใจของเซียวเฉินก็ค่อยๆรับมันเข้ามา ทักษะดาบกระแสเมฆา,ทักษะหมัดขุนเขา,น้ําไหลนิรันดร์… สรุปของทักษะต่อสู้ปรากฎขึ้นในจิตใจของเซียวเฉิน
เซียวเฉินตอบสนอง ทักษะต่อสู้พวกนี้คือทั้งทักษะที่ได้ผสานเข้ากับอัศวินเกราะเหล็กตัวนี้ มีทักษะหมัด,ทักษะขา,ทักษะเคลื่อนไหว,ทักษะดาบ,ทักษะกระบี่,ทักษะหอก… มีทุกสิ่งอย่าง
ในที่สุด,ข้อมูลทั้งหมดก็จางหายไป เซียวเฉินรู้สึกความอ่อนแรงกําลังโถมเข้ามา อย่างไรก็ตาม,จิตใจของเขากลืนไปอย่างรวดเร็ว
“นี่จะต้องเป็นคําสั่งของเจ้านายชุดเกราะตัวนี้คนก่อน มันล่วงเลยมาเป็นเวลานานแล้ว มันจึงกลายเป็นอ่อนแรงลง ขั้นตอนต่อไปคือใส่คําสั่งของข้าลงไป”
เชี่ยวเฉินควบคุมจิตสํานึกของเขาและขยายมันลงไปในแขนซ้ายของเขา จากนั้นเขาก็ใส่มันลงไปภายในของชุดเกราะเหล็ก,แสดงความประสงค์ของตัวเองลงไป
เซี่ยวเฉินดึงนิ้วของเขาออก เขารู้สึกเหมือนกับได้รับร่างแยกมาในทันที อย่างไรก็ตาม,ร่างแยกนี้ยังเคลื่อนไหวไม่ได้
เชี่ยวเฉินหยิบเอาหินวิญญาณระดับต่ําออกมาจากแหวนห้วงจักรวาลและใส่มันลงไป จากนั้น,เขาก็ปิดหน้าต่างโลหะบนหลังของชุดเกราะเหล็ก เพียงนึกคิด,ชุดเกราะตัวนี้ก็ยืนขึ้นมา
เซียวเฉินลองควบคุมชุดเกราะเหล็ก;มันควบคุมได้อย่างง่ายดาย วิธีแรกคือการควบคุมได้เหมือนแขนของเขา
อีกวิธีหนึ่งคือควบคุมแบบปล่อยอิสระ เขาสามารถจับไปที่คู่ต่อสู้และปล่อยให้ชุดเกราะเหล็กออกไปสู้ด้วยตัวเอง เซี่ยวเฉินลองเล็งไปที่เสาศิลา,และมันก็พุ่งเข้าไปในทันที เมื่อเซียวเฉินตั้งเป้าหมายแล้ว,เขากก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมันอีก
เซียวเฉินยิ้มเบาๆและกล่าว “คนของนิกายหลี่เพลิงเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง พวกเขาสําเร็จมาถึงเพียงนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสืบทอดวิธีการหลอมสมบัติลับมาจากยุคโบราณแต่พวกเขายังมีวิธีการสร้างสมบัติลับแบบหุ่นเชิดนี้ขึ้นมา
ท้ายที่สุด,หุ่นเชิดหลายตัวก็หมดพลังลง นอกจากสองสามตัวที่ถูกทําลาย,คนอื่นก็เข้ารวบคุมมันได้
ดูเหมือนว่าแหลางพลังงานจะเป็ยจุดอ่อนที่ใหญ่หลวงที่จุดของหุ่นเชิดเกราะรบ หากไม่มีจุดอ่อนนี้ หุ่นเชิดเกราะรูบตัวนี้จะสมบูรณ์แบบ
เซี่ยวเฉินเบนสายตาขึ้นไป หุ่นเชิดเกราะสีเงินสองตัวยังคงดุร้ายเช่นเดิม พวกเขากวัดแกว่งดาบ,และดาบฉีก็ขยายไปในอากาศ พวกมันถึงกับแยกอากาศออกจากกัน
คนสิบคนกําลังต่อสู้อย่างดุเดือด ทักษะต่อสู้ทุกประเภทและอาวุธฉีซัดเข้าที่ฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตาม,หุ่นเชิดพวกนี้ไร้ซึ่งความเจ็บปวด;พวกมันไม่รู้สึกอะไร
เกิดเรื่องประหลาดขึ้นให้เห็น หุ่นเชิดเกราะเงิน,ที่เทียบเท่าได้เพียงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด,กลับกดดันสิบระดับขอบเขตนักบุญที่มีการบ่มเพาะพลังอย่างลึกซึ้งเอาไว้ได้
แน่นอน,ทั้งสิบคนนี้รู้ว่า ด้วยการผลาญพลังปราณของคู่ต่อสู้จนหมด พวกเขาก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้ พวกเขาเพียงต้องยืดเยื้อการต่อสู้ออกไปไม่มีความจําเป็นต้องลงแรงไปมากเกิน
ถึงอย่างไร ศัตรูที่แท้จริงไม่ใช่หุ่นเชิดเกราะพวกนี้ แต่กลับเป็นสหายที่กําลังต่อสู้เคียงไหล่กับพวกเขา
ไม่มีวี่แววที่หุ่นเชิดเกราะเงินจะหมดสิ้นพลังปราณ ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีหินวิญญาณระดับกลาง,เซียวเผยินครุ่นคิดกับตัวเอง
ในเมื่อหุ่นเชิดเกราะเงินสามารถเติมพลังงานได้,หุ่นเชิดเกราะสีทองที่นั่งอยู่บนบัลลังก์จะต้องทําได้ด้วยเช่นกัน ขณะที่หุ่นเชิดเกราะเงินพวกนี้เทียบเท่าได้กับระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด,ตัวสีทองจะต้องเทียบเท่าได้กับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
มันเป็นระดับขอบเขตกษัตริย์ที่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าขณะที่ต่อสู้ ทุกคนเข้าใจในความหมายของสิ่งนี้
ได้มันมาจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเขาอย่างมาก. ในการต่อสู้แย่งชิงสมบัติลับในซากนิกายหลี่เพลิงแห่งนี้ มันจะกลายเป็นไพ่ตายที่ดี
มันดูเหมือนว่าทั้งสิบคนนั้นจะไม่ใช้ไพ่ตายของพวกเขา เพื่อรับมือกับหุ่นเชิดเกราะเงินเพราะยังมีหุ่นเชิดเกราะทองบนบัลลังก์
ความสามารถโดดเด่นที่สามารถกดหุ่นเชิดเกราะเงินเอาไว้ได้อยู่หมัดทําให้พวกเขายิ่งมีความมั่นใจ พวกเขาถึงกับคิดว่าแม้แค่ตัวคนเดียวก็สามารถล้มหุ่นเชิดเกราะทองลงได้
เมื่อเทียบกับเหล่าอัจฉริยะปีศาจทั้งสิบแล้ว,พวกที่เหลืออาจจะอ่อนแอกว่า แต่อย่างไรก็ตาม,ด้วยหุ่นเชิดเกราะเหล็กที่พวกเขาได้มา,พวกเขาอาจจะตกปลาในน้ําขุ่นมาได้
TL:ประมาณว่าชุบมือเปิบครับ อาศัยจังหวะชลมุนไปฉวยมา
สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่หุ่นเชิดเกราะทองที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ พวกเขาเพียงจะรอให้หุ่นเชิดเกราะทองอ่อนแอลงก่อนที่พวกเขาจะลงมือ