Immortal and Martial Dual Cultivation - ตอนที่ 305 ส่วนที่หลงเหลือของสาขานิกายหลี่เพลิง
- Home
- Immortal and Martial Dual Cultivation
- ตอนที่ 305 ส่วนที่หลงเหลือของสาขานิกายหลี่เพลิง
ตอนที่ 305 ส่วนที่หลงเหลือของสาขานิกายห ลี่เพลิง
ทันใดนั้น,สายตาของเซียวเฉินไปสะดุดอยู่ที่สัญญาฉบับหนึ่ง สัญญาภารกิจระดับดําอันนี้เห็นชัดว่าแตกต่างจากอะนอ่าน
ด้านหลังของหัวกระดาษ มีการเพิ่มดาวสีดํามาห้าดวง ห้าดาวแสดงถึงความยากของภารกิจภายในภารกิจระดับดํานี่เป็นเป็นความยากสูงที่
สุด
ภารกิจที่ยากที่สุดที่เชี่ยวเฉินทํามาในตลอดสองเดือนก็คือสามดวง ภารกิจนั้นต้องให้เซี่ยวเฉินใช้ความแข็งแกร่งถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ก่อนที่ จะทําได้สําเร็จอย่างยากลําบาก
อย่างไรก็ตาม,รางวัลจากภารกิจห้าดาวนี้มหาศาลยิ่ง มันคือสามพันหินวิญญาณระดับกลาง
ที่สะดุดตาของเซี่ยวเฉินก็คือชื่อของผู้ออกภารกิจนี้ มันคือตัวนมู่ฉิงแห่งตระกูลด้วนมู่จากแคว้นตงหมิง!
รายละเอียดของภารกิจก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนมันกล่าวไว้เพียงเป็นภารกิจคุ้มกันและต้องการผู้บ่มเพาะพลังที่ระดัขอบเขตต่ํากว่ากษัตริย์ยุทธเท่านั้น
ในตอนที่เซียวเฉินเห็นภารกิจนี้เขาไม่ลังเลที่จะหยิบมา
ไม่ว่าจะเป็นรางวัลหรือผู้ออกภารกิจเซียวเฉินสนใจเป็นอย่างยิ่งด้วยความแข็งแกร่งของตระ กูลต้วนมู่,พวกเขาถึงกับต้องส่งคําขอมาที่ศาลากระบี่สวรรค์ ภารกิจคุ้มกันนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
นอกจากนั้น เงื่อนไขของภารกิจนี้ก็น่าสนใจผู้ที่รับภารกิจจะต้องอยู่ระดับขอบเขตที่ต่ํากว่ากษัตริย์ยุทธ
เซี่ยวเฉินไขความซับซ้อนนี้ได้อย่างรวดเร็วจุดหมายมันจะต้องมีม่านพลังที่ปิดกั้นไม่ให้ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธหรือสูงกว่าเข้าไป
“น่าสนใจ ภารกิจนี้อาจจะมีอะไรให้ประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึง”เซียวเฉินจัดเรียงภารกิจอย่างเหมาะสมและยิ้มขึ้นเขากล่าว“ข้าควรพักผ่อน เสียก่อนในวันนี้และเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น”
แคว้นตงหมิง,เมืองหลวงของเขตซีสู่ย,ตระกูลต้วนมู่ลานหลัก
สําหรับหนึ่งในสองตระกูลชั้นสูงแห่งแคว้นตงหมิง,ตระกูลต้วนม่มีพื้นที่กว่าหลายหมื่นตารางกิโลเมตรมีศาลาและลานจํานวนมากมายมหาศาล
ในตอนนี้,หญิงสาวภูเขาน้ําแข็งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ในห้องโถงหลักสายตาของนางเย็นยะเยือกอย่างไม่น่าเชื่อ;เพียงเหลียวตามองก็เย็นไปถึง กระดูก ผู้นี้คือราชินีแห่งตระกูลต้วนมู่ –ตัวนมู่ฉิง
บางครั้ง,จะมีข้ารับใช้เร่งเข้ามา คนเหล่านี้ไม่กล้าแม้แต่จะเหล่ตามองไปที่ต้วนมู่ฉิงในตอนที่พวกเขาเข้ามาถึง,พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้นในทันที
“เรียนท่านหญิง,จีชางคงแห่งตระกูลจากแคว้นหนานหลิงได้มาถึงแล้วเขากําลังรออยู่ที่ ลานด้านหน้า”
“ฮวาหยุนเฟยแห่งตระกูลฮวาจากแคว้นตงหมิงได้มาถึงแล้วเขากําลังรออยู่ที่ลานหน้า”
“ฉ่ฉาวอวิ่น,ศิษย์อันดับหนึ่งแห่งนิกายดาบเงาหมอกได้มาถึงแล้ว เขากําลังรออยู่ที่ลานหน้าเช่นกัน”
“มู่เยี่ยนเสวี่ย,ศิษย์อันดับสองแห่งพระราชวังจิตวิญญาณค่ําคืนได้มาถึงแล้ว นางกําลังรออยู่ที่ลานหน้า”
“หยิงเสี่ยว,ขุนนางกุยยีแห่งตระกูลราชวงศ์ได้มาถึงแล้วเขากําลังรออยู่ที่ลานหน้า”มีทั้งหมดสิบคนเข้ามารายงานก่อนที่จะหยุดลง 4 แต่ละชื่อที่ถูกรายงานคือชื่อของผู้มีอิทธิพลในอาณาจักรต้าฉินพวกเขาเป็นเหล่ารุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นวันนี้พวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันที่ตระกูลชั้นสูงด้วนมู่
หากคนนอกรับรู้ถึงสถานการณ์เช่นนี้,เขาจะต้องตกตะลึงหนักเขาต้องสงสัยว่ากําลังจะเกิดอะไรขึ้น?ตระกูลต้วนมู่รวบรวมอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหมด ภายในอาณาจักรต้าฉิน
ตัวนมู่ฉิงค่อยๆยืนขึ้นและถาม “นอกจากมู่เฉิงเสวี่ย,ผู้ที่กําลังปิดประตูฝึกฝน;มีใครอีกที่ยังมาไม่ถึง?”
หญิงกลางคนที่อยู่ด้านข้างของห้องโถงกล่าว“นอกจากเขาแล้ว มีเพียงมู่หลงชังแห่งศาลากระบี่สวรรค์นอกจากนั้น,ข้าได้ยินมาว่าศาลากระบี่สวรรค์ทําคําเชิญของพวกเราเป็นาวภารกิจ และจ่ายมันออกไป,ราวกับไม่มีอะไร”
ตัวนมู่ฉิงสีหน้าไม่เปลี่ยน นางกล่าวอย่างไม่แยแส “ไม่ต้องไปสนใจมู่หลงชงได้ออกจากศาลากระบี่สวรรค์ไปแล้วพวกเขาจะต้องไม่อาจส่งใครที่เหมาะสมมาได้พวกเขาเหมือนจะส่งใครสักคนมาพอเป็นพิธี
หลังจากที่ต้วนมู่ฉิงกล่าวจบ,นางพากลุ่มสตรีมมีขอบเขตพลังสูงและมุ่งหน้าไปที่ลานด้านหน้า
ก่อนที่ด้วนมู่ฉิงจะมาถึงลานหน้า,นางรู้สึกถึงกระแสพลังอันแข็งแกร่งหลายจุดกําลุงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า,ไม่เปิดทางให้กันและกันพวกมันเข้าร่วมการทํานั่นที่มองไม่เห็นท้องฟ้าถึงกับเผลี้ยน
เหล่าผู้คนที่ได้มาถึงทั้งหมดล้วนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นเป็นปกติ, ที่พวกเขาจะไม่ยอมให้คนอื่นมากดข่มพวกเขาปลดปล่อยกระแสพลัง ออกมาอย่างจงใจ
ผู้คนนับพันนั่งอยู่ในลานหน้า,แยกออกเป็นคนละมุม คนจากแคว้นตงหมิงนั่งอยู่มุมหนึ่ง;คนจากแคว้นหนานหลิงก็นั่งอยู่มุมหนึ่ง,เช่นเดียวกับคน จากแคว้นซีเหอท้ายที่สุด,เหล่าคนจากราชวงศ์ก็เลือกอยู่อีกมุมหนึ่ง
จากคนนับพัน ผู้ที่มีขอบเขตพลังต่ําที่สุดคือระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง แน่นอน,มีหลายคนที่บรรลุถึงสภาวะพวกเขาสามารถสังหารระดับขอบเขตกษัตริย์ทั่วไปได้อย่างง่ายดาย
มันช่างเงียบเชียบในลานหน้า อย่างไรก็ตามมีความขัดแย้งซ่อนเร้นอยู่ภายในความเงียบสงบนี้ เหล่าทายาทตระกูลชั้นสูงต่างประเมินฝ่ายตรง ข้าม”
ก๊ก! คึก! ก๊ก!”
เสียงฝีเท้าดังก้องมันคือตัวนมู่ฉิงที่กําบังเดินเข้ามาสตรีที่อยู่ด้านข้างของนางเผยรอยยิ้มและกล่าวด้วยเสียงนุ่ม “ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติตระกูลต้วนมู่และตอบรับคําเชิญในครั้งนี้”
ผู้เยาว์ในชุดคลุมยาวสีม่วง,ที่นั่งอยู่สุดทางใต้ของลานหน้า,หัวเราะคิกออกมาสองครั้งเขากล่าว “ฮ่าฮ่า,ข้าไม่ได้ให้เกียรติตระกูลต้วนมู่ข้ามาที่นี่เพื่อแสวงหาโชค”
“ไม่ต้องมากความ! ตัวนมู่ฉิง,บอกพวกเรามาว่าเกิดอะไรขึ้นกับส่วนที่เหลือของนิกายหลี่เพลิงบอกพวกเรามาให้ชัดเจน:ข้าเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ที่ นี้ต่างมาเพื่อแสวงหาโชคกันทั้งนั้น”
ผู้ที่กล่าวออกมาคือซุนเหว่ย เขาเป็นทายาทของตระกูลซุน,หนึ่งในสองตระกูลชั้นสูงแห่งแคว้นหนานหลิงเขาค่อนข้างแข็งแกร่งแต่ชื่อเสียง ของมู่หลงชงและจีชางคงกลบชื่อของเขา ดังนั้น มีน้อยคนที่จะรู้จักเขา
จากที่ซุนเหว่ยกล่าวมา,ไม่น่าประหลาดใจที่ตัวนมู่ฉิงสามารถรวบรวมผู้โดดเด่นเหล่านี้จากอาณาจักรต้าฉันดังนั้นนี่จึงเป็นการหลอกล่อมาด้วยการแสวงหาโชค
หากในสถานการณ์ที่ว่าอัจฉริยะเหล่านี้ออกวิ่งมาจากจุดเริ่มต้นเส้นเดียวกัน,จํานวนการเผชิญ โชคของพวกเขาจึงมีผลต่อระยะทางที่พวกเขาจะก้าวต่อไปได้ไกลแค่ไหน,ว่าพวกเขาจะสามารถโดดเด่นเหนือผู้อื่นได้หรือไม่
พวกเขาหลายคนเคยมีประสบการณ์ในการเผชิญโชค ผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับไม่อาจที่จีมเลือน มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่มา แสดงตัวในวันนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากมาก็ตาม
ตามเรื่องเล่า,นิกายหลี่เพลิงคือนิกายสุดท้ายที่รู้วิธีการสร้างสมบัติลับที่สมบูรณ์หลังจากที่ราชวงศ์เทียนหวี่ได้ล่มสลายไปจากนั้นมันก็จางหาย ไปอย่างลึกลับตามกาลเวลา
ไม่ต้องพูดถึงการค้นพบวิธีการหลอมสมบัติลับ,เพียงแค่ค้นพบสมบัติลับระดับสูงสองสามนก็จะเร่งความแข็งแกร่งของพวกเขาขึ้นมาได้ อย่างมาก
นอกจากนั้น พวกเขาอาจจะค้นพบทักษะต่อสู้เฉพาะของนิกายหลี่เพลิง นี่จะเพิ่มรวามแข็งแกร่งของพวกเขาขึ้นมหาศาลหนึ่งหมื่นปีก่อน,ตัวตนของนกายหลี่เพลิงยิ่งใหญ่กว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ทักษะต่อสู้ของนิกายจะต้องไม่ ธรรมดา
ตัวนมู่ฉิงมองดูซุนเหว่ยอย่างเย็นชา,แช่แข็งเขาในทันทีจากนั้น,นางก็กล่าวอย่างไม่แยแส “ในตอนที่ทุกคนมากันครบ,ข้าจะพูดถึงเรื่องนี้
เอง”
นี่ทําให้ซุนเหว่ยยุ่งเหยิง เขารีบหมุนเวียนพลังปราณของเขาและขับไอเย็นออกจากหัวใจของเขา
จีชางคง,ผู้ที่อยู่ไม่ไกลออกไป,กล่าวขึ้น “ใครกันที่ยังมาไม่ถึง?มู่หลงชงแห่งศาลากระบี่สวรรค์?”
ข้ารับใช้วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบและกล่าว “รายงานท่านหญิง,ตัวแทนจากศาลากระบี่สวรรค์ได้มาถึงแล้ว”
ตัวนมู่ฉิงกล่าวด้วยเสียงนุ่ม “เชิญเขาเข้ามา
หลังจากที่มาถึงบ้านตระกูลต้วนมู่,เซี่ยวเฉินยื่นสัญญาภารกิจของเขาในไม่ช้า,เขาก็ถูกนําเข้าไปในบ้านจากระยะไกล,เซี่ยวเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงกระแสพลังที่กําลังปะทะกันในลานหน้า
ขณะที่เซียวเฉินรอคอย,เขาส่งสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปเป็นคลื่นทุกคนที่อยู่ในลานหน้าปรากฏขึ้นในใจของเขาในทันที
เซี่ยวเฉินถอนสัมผัสวิญญาณของเขากลับมาและยิ้มขึ้น “ขุนนางกุยยี่ จีชางคง,ฮวาหยุนเฟย,ต้วนมู่ฉิง,ฉ่ฉาวอวิน,มู่เยียนเสวี่ย…คนคุ้นหน้าคุ้นตาทั้งนั้น”
นอกจากคนพวกนี้แล้ว,เซี่ยวเฉินยังประหลาดใจที่เห็นหุ่นเซ่อซินอยู่ที่นี่ นอกจากพวกเขา เขาไม่คุ้นหน้ากับคนอื่นอีกอย่างไรก็ตามจากชุดเครื่องแบบของพวกเขา เขาสามารถเดาได้ว่าพวกเขาเป็นใครหากไม่ใช่จากสามนิกายใหญ่,พวกเขาต้องมาจากตระกูลชั้นสูง ที่คนที่นี่,อย่างน้อยที่สุด,อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง
เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดและยิ้ม ค่อยๆไปที่ ละขั้น ข้าจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ข้าสามารถใช้โอกาสนี้ในการทําความเข้าในความแข็ง แกร่งของพวกเขา
โดยไม่ได้รอนานมากนัก,ผู้ที่นําเซียวเฉินเข้ามาก็ส่งต่อคําพูดจากตัวนมาฉิง “นายน้อยเย่,ท่านหญิงหนึ่งเชิญท่านเข้าไป”
เซียวเฉินพยักหน้าและสงบอารมณ์ของเขา จากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินเข้าไป “ซิ่ว!”
ในจังหวะที่เชี่ยวเฉินก้าวเข้ามา,เขารู้สึกได้ถึงสายตานับไม่ถ้วนยิงตรงมาจากเขา บ้างก็เหยียดหยัน,บ้างก็ดูถูก,บ้างก็เหยียดหยาม
เซียวเฉินรักษาสีหน้านิ่งสงบและมองไปที่ใบหน้าของทุกคนเขาไม่พบความแปลกประหลาดใจบนใบหน้าของจีชางคงและคนที่เหลือ,ดังนั้น เขาจึงโล่งอก
อย่างไรก็ตาม,การตอบสนองของฉ่ฉาวอวินค่อนข้างจะทําให้เขาประหลาดใจ ฉ่ฉาวอวิน เหลียวมองมาที่เขาและเมินเฉยไปจากนั้นเขาก็หลับตาและพักผ่อน
ในตอนที่เซียวเฉินรู้สึกถึงสายตาของหยุนเข่อซิน,เขาพยักหน้าเล็กน้อย เขาพบว่าขอบเขตพลัง ของนางได้ทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญนสูงในช่วงเวลาอันสั้น
มันดูเหมือนว่าหยุนเข่อซินจะเข้าใจถึงทักษะมังกรสัญจรอย่างถ่องแท้แล้ว
ทันใดนั้น จากภายในฝูงชน, ซุนเหว่ยหัวเราะออกมาเสียงดังเขาชี้ไปที่เชี่ยวเฉินและกล่าว “น่าขันด้วนมู่ฉิง,เจ้าทําให้พวกเราต้องรอคอยอยู่นานเพื่อขยะชิ้นนี้ ?เขาอยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางเขาจะต่อสู้เพื่อเผชิญโชคกับพวกเราได้อย่างไร?”
ตัวนมู่ฉิงประหลาดใจอยู่เล็กน้อยเช่นกันนางไม่คาดคิดว่าศาลากระปสวรรค์จะไร้การใส่ใจถึงเพียงนี้ถึงแม้มู่หลงชงจะไม่มาก็ไม่น่าจะยากเย็นที่พวกเขาจะส่งระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดมาสักคน
“ในศาลากระบี่สวรรค์,นอกเสียจากมู่หลงชง,จะมีคู่ต่อสู้คนใดที่คู่ควรได้อีก? มาทางไหนกลับไปทางนั้นซะ”มีเพียงสานุศิษย์ตระกูลราชวงศ์ผู้หนึ่งที่ล้อเลียน
ฮวาหยุนเฟยจากเขตตงหมิงหัวเราะก็หัวเราะขึ้นเย็นชา“แค่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางถึงแม้ว่าเขาจะเข้าไป,เขาก็เพียงเข้าไปตายต้วนมู่ฉิง,เจ้าไม่อาจเชิญชวนบุคคลเช่นนี้, ใช่หรือไม่?”
เรื่องที่เซียวเฉินล้มม่หลงชงลงได้ยังรู้กันเพียงแค่บางกลุ่มในแคว้นซีเหอ ข่าวยังไม่ได้ขยายออกไปในวงกว้าง
จากคนที่อยู่ที่นี่,นอกจากชื่อเฟิงจากตระกูลชื่อ,มู่เยียนเสวี่ย,หยุนเข่อซิน,และอีกสองสามคน,ไม่มีใครอื่นที่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซียวเฉิน
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่พวกเขาเห็นคนอื่นดูถูกเซียวเฉิน,พวกเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรพวกเขาเพียงนิ่งเงียบและมองดูสถานการณ์
ซุนเหว่ยเผยสีหน้าโหดเหี้ยมและกล่าวด้วยเสียงต่ํา“เจ้ายังไม่ไสหัวไป? เช่นนั้นอย่าได้กล่าวโทษข้าที่ลงมือ!”
สายลมรุนแรงพัดผ่านที่ลานหน้า,ทําให้กองใบไม้บินขึ้นไปในอากาศ ซุนเหว่ยกระโดดขึ้นไปและเคลื่อนผ่านใบไม้นับไม่ถ้วนที่กําลังร่วงหล่น,ส่งกําปั้นตรงไปที่เชี่ยวเฉิน
เซี่ยวเฉินรักษาสีหน้านิ่งสงบยิ่ง หัวใจของเขาไร้ทุกข์ไร้สุขเขามองดูซุนเหว่ยกําลังบินเข้ามาทางเข้าด้วยความรวดเร็วและโบกมือเล็กน้อย
พลังงานจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าทั้งหมดในอากาศเข้ามารวมตัวกับกลายเป็นลูกบอลเพลิงสีม่วงลุกโชติช่วงมันปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าและยิ่งตรงไปที่ซุนเหว่ย