Immortal and Martial Dual Cultivation - ตอนที่ 297 หนึ่งกระบวณท่าตัดสิน
ตอนที่ 297 หนึ่งกระบวณท่าตัดสิน
พื้นของลานประลองแตกออกเป็นชิ้นๆ ชิ้นก้อนดินขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนลอยผ่านไปในอากาศ,และหมู่หมอกควันปกคลุมทั่วท้องฟ้า พื้นที่ยกระดับขึ้นมาสิบเมตรราบเรียบ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองกระบวณท่าน่ากลัวถึงเพียงใด
ในตอนที่เซียวเฉินเห็นคลื่นกระแทกพุ่งตรงมาทางเขา,เขาก็ร้องตะโกนขึ้น เขาแทงออกด้วยกระบี่ของเขาและทําลายการโจมตีที่พลุ่งพล่าน สัมผัสวิญญาณของเขาจับลงไปที่ร่างของมู่หลงชงและเขาพุ่งตรงเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ก้อนดินก้อนกินที่ขวางทางของเซี่ยวเฉินถูกฟันแยกเป็นชิ้น ไม่มีอะไรที่สามารถขัดขวางไม่ให้เข้าพุ่งตรงไปข้างหน้า
มู่หลงชงสีหน้ามืดมัว เขาส่งเส้นกระบี่ฉออกไปสองสามเล่มและทําลายก้อนหินกับคลื่นกระแทกที่กําลังบินมาทางเขา เขาสามารถรู้สึกถึงร่างของเซี่ยวเฉินในสายลม
มู่หลงชงสูดจมูกเย็นชาและกดเท้าดีดตัวออกจากพื้น,กระโดดขึ้นหน้าไป
“จิ๋ว!”
ท่ามกลางสายลมรุนแรงที่พัดกระหน่ําและหมู่เมฆหมอกควัน,พวกเขาทั้งสองมองเห็นอีกฝ่ายที่กําลังกระโดดเข้ามาในเวลาเดียวกัน เจตนาฆ่าฟันของพวกเขาปะทะกันกลางอากาศพร้อมกับพวกเขาเข้าจู่โจมอย่างไม่มีความลังเล
“แครั้งพ์แครั้ง!แตรั้ง!”
ทั่วทั้งสนามประลองถูกปกคลุมไปด้วยละอองกระแสไฟฟ้าและพลังงานสายลม ยังมีชิ้นก้อนดินขนาดใหญ่เหวี่ยงไปในอากาศ เมื่อรวมเข้ากับหมู่หมอกควัน,มันดูสับสนวุ่นวายเย็นอย่างมาก
ผู้ชมทั้งหมดบนอัฒจันทร์ต่างลุกขึ้นหลี่ตามอง,พยายามดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ทําไมข้าไม่เห็นสิ่งที่กําลังเกิดขึ้น? ข้าได้ยินแต่เสียง”
“ข้ามองเห็นเล็กน้อย,แต่พวกมันรวดเร็วเกินไป ข้ามองเห็นเพียงร่างเลือนลาง”
“มีฝุ่นควันมากเกินไป สายลมและกระแสไฟฟ้าก็ขัดขวางวิสัยทัศน์ของข้า อย่างไรก็ตาม,พวกเขาต่อสู้กันดุเดือดรุนแรงมาก! บ้าไปแล้ว!”
ผู้บ่มเพาะพลังหลายคนทําทุกอย่างเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่มีผู้บ่มเพาะพลังที่อ่อนแอ จํานวนมากที่ไม่อาจมองเห็นได้ว่ากําลังเกิดอะไรขึ้น มีเพียงสานุศิษย์แก่นกลางที่มีการบ่มเพาะพลังลึกล้ําเท่านั้นที่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้เลือนลางๆ
ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรอย่างสมบูรณ์ นอกจากคนของสภาสูง,มีเพียงหลิวหรูเยวที่สามารถมองเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน”
“พี่สาว,สถานการณ์เป็นอย่างไร?” หลิวสุยเฟิงถามหลิวหรูเยว่อย่างเป็นกังวล
หลิวหรูเยวมีสีหน้าซับซ้อน ดวงตาที่แน่วแน่ของนางในตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสนและความเจ็บปวด นางกล่าวด้วยน้ําเสียงสั่นเทา “หรือพวกเขาทั้งสองจะเป็นบ้าไปแล้ว? มันออกมาเป็นแบบนี้ได้เช่นไร?”
ฝุ่นละอองลอยไปทุกแห่ง,กระแสไฟฟ้าแตก กระจัดกระจายไปในอากาศ และสายลมที่พัดผ่านรุนแรง มู่หลงชงและเชี่ยวเฉินทั้งคู่ต่างเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดท่วม เสื้อผ้าของพวกเขาขาดลุ่ยอยู่ไม่เป็นชิ้นเดียวอีกต่อไป
พวกเขาทั้งสองเคลื่อนไหวไปตามพื้น ความรวดเร็วของพวกเขาทัดเทียมกัน มันเป็นการยากที่จะหลบเลี่ยงกระบวณท่าของฝ่ายตรงข้าม ขณะที่พยายามจะสร้างบาดแผลให้กับพวกเขา
สถานการณ์ในตอนนี้คือ:หากเจ้าตีโดนข้า,ข้าก็ตีโดนเจ้า
ดวงตาของพวกเขาแดงก่ํา พวกเขาเพิกเฉยกับบาดแผลบนร่างกายและหมุนเวียนพลังปราณจนถึงขีดสุด เซี่ยวเฉินสามารถทนรับทางกายภาพได้มากกว่ามู่หลงชง มู่หลงชงมีขอบเขตการบ่มเพาะพลังที่ลึกล้ํากว่า,เขามีพลังปราณมากกว่าเซี่ยวเฉิน เขามีพลังปราณให้รีดออกมาใช้มากกว่า
หากทั้งสองยังแลกหมัดกันต่อไปไม่หยุด,พวกเขาทั้งสองจะจบลงที่บาดเจ็บสาหัสและตกตาย ไปด้วยกัน
“ฟั ฟิว!”
สายฟ้าฟาดลงมาและทําลายก้อนดินสลาย กลายเป็นฝุ่นนับไม่ถ้วน เซียวเฉินผสานสภาวะแห่งสายฟ้าเข้าไปในกระบี่ของเขาและรับกระบี่จู่โจมของมู่หลงชง,ที่แฝงไปด้วยสภาวะแห่งสายลม
อาวุธทั้งสองเข้าปะทะกันส่งเสียงเหล็กกระทบดังกราว สองสภาวะเข้าปะทะเข้าด้วยกันและทําให้เกิดคลื่นกระแทกรุนแรง ฝุ่นดินในระยะหนึ่งร้อยเมตรถูกระเบิดออกไป
พวกเขาทั้งสองถอยกลับออกไปหนึ่งร้อยเมตร หยดเลือดไหลลงส่งเสียง กิ่ง กิ่ง
มู่หลงชงกล่าวเสียงเย็น “หนึ่งกระบวณท่าตัด สิน”
“ดี!” เซี่ยวเฉินตอบกลับอย่างเฉยเมยและจับกระบี่ของเขาเอาไว้แน่น เลือดบนด้ามกระบี่เชื่อมติดกับมือของเขา มันราวกับว่ากระบี่เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งในเลือดเนื้อของเขา
พวกเขาต่อสู้ประมือกันมาถึงจุดที่พวกเขาเข้าใจแล้วว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปจะไม่เห็นผลแพ้ชนะ ทางที่ดีที่สุดก็คือตัดสินกันไปในกระบวณท่าเดียว
ในจังหวะที่สิ้นเสียงของเซี่ยวเฉิน,มู่หลงชงเรี่มรวบรวมความแข็งแกร่งของสายลมที่ด้านหลังของเขา ในทันใดนั้น,ฝุ่น,ดิน,ละอองไฟฟ้าทั้งหมดที่ด้านหลังของเขาถูกขจัดออกไปอย่างหมดจด
เหลือเพียงสภาวะแห่งสายลมบริสุทธิ์อยู่ที่ด้านหลังของเขา หมู่เมฆวนวนอยู่บนท้องฟ้า,ก่อตัวเป็นห่วงโซ่ต่อไปไม่สิ้นสุด พวกมันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว,ท้องฟ้าเปลี่ยนสรมีสายลมกําลังเร่งขึ้น และหมู่เมฆกําลังโลดแล่น
กระแสพลังของมู่หลงชงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาปลดปล่อยกระแสพลังของราชัน…
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงร่องรอยอํานาจของเจ้าผู้ปกครอง,มันยังคงเติมเต็มอากาศไปด้วยพลังอันไร้ขอบเขต มันขยายออกไปถึงอัฒจันทร์ที่ล้อมอยู่รอบสนามประลอง เมื่อทุกคนรู้สึกได้ถึงกระแสพลังของเจ้าผู้ปกครอง มีความรู้สึกหนึ่งที่ออกมาใจ จิตใจของพวกเขา,ทําให้พวกเขาอยากที่จะก้มหมอบกราบด้วยความเคารพเลื่อมใส
เซียวเฉินค่อนข้างตกตะลึง มู่หลงชงได้ก้าวผ่านความเข้าใจในสภาวะและสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของสิ่งที่สูงยิ่งกว่าสภาวะ นอกจากนั้น มันยังเป็นอํานาจเจ้าผู้ปกครองระดับสูง
ในเมื่อเจ้าใช้อํานาจเจ้าผู้ปกครองมากดดันข้า,เช่นนั้นข้าจะใช้พลังเทพเจ้ากดดันเจ้า,เซียวเฉินครุ่นคิดกับตัวเองด้วยสีหน้านิ่งสงบ
เมฆาอัสนี้เริ่มรวมตัวขึ้นบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุด,พวกมันก่อเกิดเป็นวังวนเมฆาอัสนีขนาดมหึมา วังวนนั้นสูงถึงหลายร้อยเมตร
มันหมุนวนไปรอบๆ, มีพลังงานธาตุสายฟ้านับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าไปข้างใน สายฟ้าพุ่งทะลุท้องฟ้าในพื้นที่โดยรอบของตัวเขา โฉบผ่านเหนือลานประลอง พลังเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ขยายออกมาจากมัน
“ทุ่ง! ปุล! วิ่ง! ทุ่ง!”
กองทหารม้าขนาดมหึมาพุ่งออกมาจากวังวน พวกเขาโห่ร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ในที่สุด,พวกมันผสานเข้าด้วยกันและก่อเกิดรูปร่างแสงกระแสไฟฟ้าอันรุ่งโรจน์ อัศวินที่ถูกห่อหุ้มด้วยกระแสไฟฟ้าสีทองและถือหอกทองคําเผยร่างครึ่งหนึ่งของเขาออกมาจากวังวน
นี่คือสายฟ้าฉับพลันคํารามฉลับดัดแปลง มันผสานอัศวินทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งและหลอมรวมพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปเปลี่ยนให้เป็นทักษะต่อสู้เป้าหมายเดียว
หอกสีทองชี้ไปยังมู่หลงชงที่อยู่บนพื้น พลังแห่งเทพเจ้าสายฟ้าขยายตัวลงมา,พยายามจะกดดันกระแสพลังของเจ้าผู้ปกครองที่มู่หลงชงเร่งจนถึงขีดสุด
สองกระแสพลังที่ไร้รูปปะทะกันในอากาศ,และเกี่ยวพันกันเกิดเป็นคลื่นในอากาศ
“สายฟ้าฉับพลันคําราม!”
“ประณามสวรรค์ปฐพี!”
พวกเขาทั้งสองร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน อัศวินทองคําขยับหอกของเขาชี้ลงและควบม้าตึกทองคําอันรวดเร็ว เขาแบกพลังอันศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับทะลวงผ่านมิติ,พุ่งตรงเข้าใส่มู่หลงชง
สายลมรุนแรงที่ด้านหลังของมู่หลงชงหยุดเดิน,หมู่เมฆเหนือหัวของเขาหยุดป่วนป่วน;คงเหลือเพียงความเงียบ มีเพียงประณามสวรรค์ปฐพีที่สามารถฉีกทะลวงสวรรค์ทั้งเก้าถูกส่งออกไปอย่างรุนแรง
กระบี่แสงอันรุ่งโรจน์ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า,เร่งความเร็วตรงไปทางอัศวินทองคําและเข้าปะทะกับมัน มันกลายเป็นเส้นกระบี่ฉีที่บรรจุอํานาจของเจ้าผู้ปกครอง มันคือกระแสพลังที่มองตรงไปข้างหน้าแสดงความเย้ยหยันต่อโลกา คือกระแสพลังที่สามารถเคลื่อนสวรรค์และปฐพี
อย่างไรก็ตาม,อัศวินทองคําของเซียวเฉินถูกสร้างขึ้นมาจากพลังศักดิ์สิทธิ์ เซียวเฉินสร้างพลังศักดิ์สิทธิ์นี่ขึ้นมา,ลอกเลียนจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์หลงเหลือทิ้งเอาไว้บนเรือสงครามสีเงิน
แม้ว่ามันจะไม่ใช่พลังศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง แต่มันก็สามารถเอาชนะอํานาจเจ้าผู้ปกครองที่มู่หลงชงเพิ่งจะบรรลุได้อย่างง่ายดาย
เจ้าผู้ปกครองจะเหนือกว่าเทพเจ้าในสวรรค์ได้อย่างไร? เว้นแต่มู่หลงซึ่งจะบรรลุถึงอํานาจเทพเจ้าผู้ปกครอง,ไม่มีโอกาสที่เขาจะชนะ
อัศวินสายฟ้าทองคําเคลื่อหอกของเขาและสายฟ้าทองคํารุ่งโรจน์มารวมตัวกันที่ด้านหลังของเขา เขาเปลี่ยนกลายเป็นหอกเรืองแสงซึ่งพุ่งเข้าชนกับกระบี่ฉีที่มู่หลงชงผสานเข้ากับอํานาจเจ้าผู้ปกครอง
“ปัง! ปัง! ปัง!ปัง!”
อากาศระเบิดออก ในตอนที่ทั้งสองพลังพบกันในอากาศ,พวกมันส่งเสียงระเบิดรุนแรงออกมาเป็นทอดๆ มันราวกับเป็นดอกไม้ไฟที่ถูกปล่อยขึ้นไปบนท้องฟ้าอันเงียบสงบ ทั่วทั้งพื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นพร่ามัว
“จิ๋ว!”
อัศวินทองคําทําลายกระบี่ฉีของมู่หลงชงด้วยหอกของเขา จากนั้นเขาก็ควบอาชาทองคําลงมาจากท้องฟ้า,ทิ้งเสงสีทองเป็นสายเอาไว้เบื้องหลัง
“บูม!”
ภายใต้การควบคุมของเซียวเฉิน,อัศวินทองคําระเบิดออก พลังงานอันน่าหวาดกลัวที่รวมตัวกันที่ปลายหอก,ทําให้มู่หลงชงกระอักเลือดออกมาเต็มปาก และถูกระเบิดลอยกลับหลังไป
เซียวเฉินรู้สึกวูบหวิว:นอกจากการเผาผลาญพลังปราณไปเป็นจํานวนมาก,กระบวณท่านี้ยังทําให้จิตใจของเขาเหนื่อยล้า การลอกเลียนแบบพลังเทพเจ้าได้นําทุกสิ่งจากตัวของเขาไปเกือบหมด
เซียวเฉินวางลิ้นลงบนระหว่างฟันของเขาและกัดลงไป ความรู้สึกถึงความเจ็บปวดและความวิงเวียนของเขากลับชัดเจนขึ้น
เซี่ยวเฉินกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขากวัดแกว่งกระบี่และแทงตรงไปที่หน้าอกของมู่หลงชง
มู่หลงชงร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า นอกจากถูกเผาด้วยกระแสไฟฟ้า, จิตวิญญาณของเขายังถูกกัดกินโดยพลังเทพเจ้าที่ไหลเข้ามา เขาสูญเสียความสามารถในการต่อต้านไปโดยสิ้นเชิง
ขณะที่มู่หลงชงร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า,ความเจ็บปวดที่หน้าอกของเขาช่วยให้ เขาฟื้นสติขึ้นมา ในจังหวะนั้น,ผมของเขายุ่งเหยิง,หยดเลือดไหลรินออกมาจากมุมปากของเขา และเขาถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผลทั่วทั้งร่าง
พวกเขาทั้งสองได้ใช้พลังของสภาวะไปจนหมดสิ้น สายลมหยุดนิ่ง, หมู่เมฆหยุดปั่น ป่วน,กระแสไฟฟ้าสลายหาย,และฝุ่นดินคืนสู่พื้นในตอนนี้ มันเงียบสงัดอย่างไม่น่าเชื่อ มีเพียงเสียงเลือดของพวกเขาที่หยดลงพื้นหลงเหลืออยู่
“มู่หลงชงพ่ายแพ้ให้กับเย่เฉิน เป็นไปได้อย่างไร?”
แสงอาทิตย์เจิดจ้าสาดส่องลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง ในตอนที่เหล่าผู้ชมมองเห็นภาพที่อยู่บนสนามประลอง,พวกเขาตะลึงนิ่งอึ้ง
เซี่ยวเฉิน,ผู้ที่เดิมที่ไม่มีผู้ชมเข้าข้าง เอาชนะอันดับหนึ่งบนตารางเมฆาล่องลอยของศาลากระบี่สวรรค์ – มู่หลงชง!
มู่หลงชงมองดูใบหน้าไร้อารมณ์ของเซี่ยวเฉิน ผู้ที่อยู่ในสภาพล่อแล่ไม่ต่างไปจากเขา เขาเผยลอยยิ้มขมขึ้นและพึมพํา “ทําไมเจ้าไม่สังหารข้าเสีย?”
“ข้าไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับเจ้า เจ้าเคยช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ครั้งหนึ่ง พวกเราถือว่าหายกัน” เซี่ยวเฉินตอบกลับอย่างสงบ
ทันใดนั้น ความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของมู่หลงชง “หัวใจของเจ้าเห็นชัดว่าไม่ได้อยู่กับยอดเขาฉิงหยุน ทําไมเจ้าถึงได้ช่วงชิงมันไปจากข้า?”
เชี่ยวเฉินยังคงนิ่งสงบ,ไม่มีความผันผวน เขากล่าวอย่างไม่แยแส “เจ้าแน่ใจหรือว่ามันเป็นของเจ้า? ในโลกใบนี้ ไม่ใช่ทุกสิ่งที่เจ้าคิดเป็นเจ้าของ,แล้วเจ้าจะได้เป็นเจ้าของ มันจะเป็นของเจ้าก็ต่อเมื่อมันมาอยู่ในมือของเจ้าแล้วเท่านั้น”
“เช้ง!”
หลังจากกล่าวจบ,เขาดึงกระบี่กลับและเก็บลงฝัก
ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกมาจากหน้าอกของมู่หลงชง เขาตัวสั่นและล้มลงกับพื้น สุดท้าย,เขาทรุดเข่าหนึ่งข้างลงกับพื้น และแทงกระบี่ของเขาลงไปที่พื้นเพื่อรักษาสมดุล
“มู่หลงชงท้าทายไม่สําเร็จ ตําแหน่งท่านเจ้ายอดเขาฉิงหยุนไม่ได้การเปลี่ยนแปลง” หลังจากที่มู่หลงชงล้มลงไป,ชายชราก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและประกาศผลของการประลอง
สิ้นเสียงของชายชรา,กลุ่มสานุศิษย์ยอดเขาสตรีหยกออกมาพาตัวของมู่หลงชงและเซี่ยวเฉินไปรักษาบาดแผลในทันที
ฝูงชนทั้งหมดเริ่มถกเถียงกันถึงการประลองด้วยดสียงอันดัง ยังคงมีหลายคนผู้ที่ไม่อาจยอมรับผลของการประลองพวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่ามู่หลงชงจะพ่ายแพ้