I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 444 วิกฤติของหลิงหลาน!
ในเมื่อหลิงหลานรู้ความสามารถของพ่อเธอ ก็เปิดใช้งานเขตแดนของตัวเองโดยไม่เกรงใจเลยสักนิดเดียว เขตแดนของหลิงหลานเป็นธาตุน้ำแข็ง เมื่อเปิดใช้งานเขตแดน อุณหภูมิภายในห้องประลองก็ดิ่งฮวบลง ถึงขนาดที่บนพื้นปรากฏน้ำแข็งที่จับตัวกันหนึ่งชั้น
“พลังที่ปลุกคือพันธะน้ำแข็งสินะ ดังนั้นเขตแดนก็เลยสืบทอดความสามารถของศักยภาพนี้มาด้วย และเกิดธาตุน้ำแข็งออกมางั้นเหรอ?” หลิงเซียวสัมผัสพลังงานเขตแดนของหลิงหลานอย่างเงียบเชียบ ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิดว่า ธาตุน้ำแข็งด้านในมีเยอะมาก ถ้าเขตแดนแข็งแกร่งขึ้น อุณหภูมิภายในเขตแดนก็จะยิ่งลดลง เมื่อลดต่ำจนถึงระดับหนึ่ง ถึงขนาดที่สามารถแช่แข็งคู่ต่อสู้ในเขตแดนได้ เอาชนะโดยที่ไม่ต้องรบได้ทันที
ถึงแม้สายพลังธาตุน้ำแข็งจะเย็นไปหน่อย แต่ยังคงอยู่ในการเปลี่ยนแปลงของสายพลังธาตุน้ำ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงแล้ว การปลุกพรสวรรค์ของสายพลังธาตุน้ำเป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย
อารมณ์ของหลิงเซียวเพิ่งจะผ่อนคลายลง เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีอีกครั้ง เพราะหลังจากที่เปิดใช้เขตแดนแล้ว ไอพลังบนร่างหลิงหลานก็เริ่มแผ่ออกมา อันที่จริงพลังที่เข้ากับธาตุน้ำแข็งควรจะเป็นสงบนิ่งมั่นคง แต่พลังของหลิงหลานกลับดูบ้าคลั่งเล็กน้อย พลังที่แข็งแกร่งสายหนึ่งเล็ดลอดออกมารางๆ นี่ตรงข้ามกับความหนาวและสงบนิ่งของธาตุน้ำแข็งอย่างแน่นอน...
ในที่สุดหลิงเซียวก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพลังของหลิงหลานถึงเกิดปัญหา หากต้องอยู่ร่วมกับพลังงานเขตแดนที่เข้ากันไม่ได้อย่างสิ้นเชิง แล้วจะสามารถอยู่ร่วมกันในร่างเดียวได้อย่างไร…การค้นพบนี้ทำให้หลิงเซียวหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมา ถ้าเกิดไม่สามารถแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้ ต้องมีสักวันที่หลิงหลานถูกพลังที่ไม่ลงรอยกันสองสายนี้ระเบิดฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ
“เปิดใช้งานเขตแดน!” หลิงเซียวเปิดใช้งานเขตแดนตัวเองโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย และครอบคลุมร่างของหลิงหลานให้อยู่ในนั้น รวมถึงเขตแดนของเธอกับพลังที่ต่อต้านรางๆ อยู่บ้างนั้นด้วย เขาไม่อาจปล่อยให้พลังของหลิงหลานระเบิดออกมาได้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ
เขตแดนของหลิงเซียวกางออกอย่างไร้สุ้มไร้เสียง แทบจะไม่รู้สึกถึงตัวตนของมันเลย ทว่าทั่วทั้งห้องประลองที่เดิมทีดูเหมือนห้องประลองที่หนาวเหน็บสุดขีดเนื่องจากเขตแดนของหลิงหลาน เวลานี้อุณหภูมิเริ่มกลับมาสูงขึ้นช้าๆ แล้ว ไม่นานในอากาศก็อบอวลไปด้วยกลิ่นอายอบอุ่น สบายจนทำให้ผู้คนอยากละทิ้งการต่อต้านทุกอย่าง และง่วงงุนขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อหลิงเซียวเปิดใช้เขตแดน หลิงหลานก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นสายหนึ่งจู่โจมเข้ามา ความรู้สึกที่เหมือนกับถูกชโลมด้วยสายลมฤดูใบไม้ผลิทำให้เจตจำนงการต่อสู้ของเธอเริ่มหายไป รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างหาใดเปรียบ หลิงหลานรู้ว่านี่ไม่ถูกต้องอยู่บ้าง แต่ในใจก็ไม่มีความคิดอยากต่อต้านเลย
‘ปัง’ เขตแดนของหลิงหลานแหลกเป็นผุยผงอย่างเงียบงัน ผลลัพธ์นี้ทำให้หลิงหลานตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าเขตแดนของตนจะทนรับไม่ได้แม้กระทั่งการโจมตีเดียวเช่นนี้ ทำได้เพียงยืนหยัดอยู่ภายใต้เขตแดนของหลิงเซียวไม่กี่วินาทีเท่านั้น
การค้นพบนี้ทำให้หลิงหลานหดหู่ใจอยู่บ้าง เธอหมดความคิดที่จะต่อต้านแล้ว ขณะที่กำลังคิดจะเอ่ยปากบอกยอมแพ้ พลังที่แต่เดิมถูกเธอฝืนข่มกลั้นมาโดยตลอดพลันระเบิดขึ้นมา พลังที่บ้าคลั่งแฝงไปด้วยความแข็งกร้าวและไม่ยอมศิโรราบ ความหดหู่โศกเศร้าของหลิงหลานถูกขับไล่ออกไปได้สำเร็จภายใต้ผลกระทบของพลังสายนี้ เธอตกใจและได้สติกลับมาทันที
เธอได้รับอิทธิพลจากเขตแดนของหลิงเซียวโดยไม่รู้ตัว สูญเสียจิตใจที่ไม่ย่อท้อในกาลเก่าไปแล้ว และเลือกทิ้งอาวุธยอมแพ้…หลิงหลานตะลึงงันต่อเขตแดนของหลิงเซียว พลังของเขตแดนพ่อเธอคืออะไรกันแน่? ทำไมถึงได้แปลกพิลึกขนาดนี้?
แต่หลิงหลานไม่มีเวลาไปขบคิดปัญหาเรื่องนี้ เพราะเธอสังเกตเห็นว่า วิกฤติที่แท้จริงโผล่ออกมาแล้ว!
ว่าไปแล้วพลังของหลิงหลานก็คือวิถีของหลิงหลาน วิถีของเธอคือวิถีครอบงำ ซึ่งกำหนดให้แข็งแกร่งไม่ยอมศิโรราบต่อผู้ใด แต่เขตแดนของหลิงเซียวมีความสามารถสลายเจตจำนง นี่ย่อมทำลายรากฐานวิถีครอบงำของหลิงหลาน มันรู้สึกว่าตัวเองถูกยั่วยุ ดังนั้นมันเลยก้าวข้ามการควบคุมของหลิงหลานเจ้านายผู้นี้ และทำการตอบโต้กลับขึ้นมาเอง
ดังนั้น ถึงแม้หลิงหลานจะได้สติกลับมาแล้ว แต่เธอกลับพบว่าเธอสูญเสียการควบคุมพลังของตัวเอง รู้สึกได้เพียงพลังของตัวเองระเบิดออกมาโดยที่ไม่สามารถยับยั้งได้ และบ้าคลั่งรับการโจมตีของเขตแดนหลิงเซียวที่บีบเข้ามา
ส่วนทางด้านหลิงเซียว เมื่อเขาเพิ่งจะเปิดใช้งานเขตแดน พลังของหลิงหลานที่เดิมทียังคงคลุมเครือเล็กน้อยก็เผยออกมาจนหมด หลิงเซียวสัมผัสได้ถึงแหล่งต้นตอของพลังหลิงหลานแล้ว “พลังนี้แฝงไปด้วยการไม่ยอมจำนน และยังมีร่องรอยความแข็งกร้าวและครอบงำอยู่ราง ๆ ด้วย…น่าแปลก หลานเอ๋อร์ฝึกฝนพลังแบบนี้ออกมาได้ยังไง?”
ควรรู้เอาไว้ว่าเนื่องจากความอ่อนแอโดยธรรมชาติของนิสัยและร่างกายของผู้หญิง ต่อให้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งแล้ว พลังของพวกเธอก็จะโน้มเอียงไปทางสงบนิ่งอ่อนโยน ไม่มีทางปรากฏวิถีครอบงำที่แข็งกร้าวเด็ดขาดได้ ควรทราบว่า ในหมู่พลังทั้งหมด วิถีครอบงำเป็นพลังที่ควบคุมได้ยากมากที่สุด ต่อให้เป็นหลิงเซียวก็ไม่กล้าเดินไปบนเส้นทางสายนี้ หลิงเซียวตกตะลึงในความกล้าของหลิงหลาน ในขณะเดียวกันก็กังวลขึ้นมาอย่างลึกล้ำ เส้นทางของวิถีครอบงำสายนี้ไม่ง่ายเลย
ความคิดของหลิงเซียวเพิ่งจะแล่นวาบขึ้นมาเท่านั้น เขตแดนทางฝั่งหลิงหลานยืนหยัดได้ไม่กี่วินาทีก็แตกสลายจนหมดภายใต้การบีบคั้นของเขตแดนหลิงเซียว
เมื่อปราศจากการต้านทานของเขตแดน ทำให้หลิงเซียวสัมผัสได้ถึงพลังที่ผันผวนอย่างรุนแรงของหลิงหลานโดยตรงมากยิ่งขึ้น เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติทันที ก่อนตัดสินใจยับยั้งพลังที่ปั่นป่วนสุดขีดของอีกฝ่าย เขาไม่อยากทำร้ายลูกสาวของตัวเองเลย ได้แต่หวังว่าภายใต้การยับยั้งพลังของเขา จะทำให้พลังที่ปั่นป่วนของหลิงหลานสงบลงและไม่ประท้วงขึ้นตามใจชอบ อย่างน้อยที่สุด เขาไม่อยากให้เกิดปัญหาขึ้นก่อนหน้าที่เขาจะคิดวิธีออกว่าจะช่วยลูกสาวตัวเองแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยสมบูรณ์อย่างไร
การตัดสินใจเช่นนี้ของหลิงเซียวพึ่งพาได้อย่างไม่ต้องสงสัย และก็เป็นการตัดสินใจหลังจากที่เขาใคร่ครวญมาเป็นอย่างดีเช่นกัน แต่หลิงเซียวยังคงดูถูกพลังของหลิงหลานมากไป ถึงแม้ตอนที่หลิงเซียวทำการระงับพลังไว้นั้น การกระทำของเขาจะนุ่มนวลอ่อนโยนระมัดระวัง แต่พลังของหลิงหลานยังสัมผัสได้ว่าถูกดูหมิ่นก็เลยต่อต้านขึ้นมาโดยสิ้นเชิง
การเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติของพลังหลิงหลานทำให้สีหน้าของหลิงเซียวเปลี่ยนไปอย่างยิ่งยวด เขาสัมผัสได้ถึงการต่อต้านของพลังสายนี้ พลังที่เหนือกว่าหลายเท่าอาละวาดอยู่ในเขตแดนเขา ทำให้เขตแดนของหลิงเซียวที่เดิมทีแข็งแกร่งราวกับหินก้อนใหญ่เปลี่ยนเป็นสั่นคลอนปั่นป่วนขึ้นมาในชั่วพริบตา
“ฮึ่ม!” พลังที่ระเบิดออกมาทำให้หลิงหลานแค่นเสียงออกมาทีหนึ่ง มุมปากมีเลือดไหลซิบๆ ลงทันที การเพิ่มขึ้นของพลังหลายเท่าตัวอยู่เหนือกว่าขีดจำกัดที่ร่างกายของหลิงหลานสามารถรับไหวแล้วเช่นกัน เธอถูกพลังย้อนกลับ ได้รับบาดเจ็บภายในสาหัส ไม่เพียงเท่านั้น ผิวหนังทั่วทั้งร่างของหลิงหลานภายใต้ชุดเครื่องแบบเริ่มปริแตกขึ้นมา เลือดไหลซึมออกมาช้าๆ ไม่นานก็ย้อมชุดเครื่องแบบสีขาวทั้งตัวบนร่างของหลิงหลานจนเป็นสีแดงแล้ว
เมื่อเห็นสถานการณ์ของหลิงหลานเลวร้ายลงเรื่อยๆ หลิงเซียวก็ร้อนใจมาก เวลานี้เขาไม่มีความสงบนิ่งอย่างที่นายพลหลิงเซียวควรมีอีกต่อไปแล้วเช่นกัน หน้าผากหลั่งเหงื่อลงมาราวกับฝน แป๊บเดียวก็ทำเส้นผมของเขาเปียก ท้ายที่สุดก็เปียกชุ่มที่คอเสื้อของเขา ถ้าเกิดมีคนอยู่ละก็ พวกเขาถึงขนาดยังได้เห็นร่างกายของหลิงเซียวที่เดิมทีมั่นคงดั่งภูผา เวลานี้กลับสั่นเทิ้มเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หลิงหลานย่อมร้อนใจมากเหมือนกัน ขณะที่เธอเพิ่งจะโคจรพลังในร่างกาย อยากจะยับยั้งไอพลังสายนั้นไว้ พลังที่เดิมทีดื้อด้านก็ไม่เชื่อฟัง ขณะเดียวกันมันก็กระทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายออกมา มันดีดสตินึกคิดของหลิงหลานไปที่มิติการเรียนรู้ทันที ทำให้เธอสูญเสียการควบคุมร่างกายโดยสิ้นเชิง
……
“ลูกพี่ ตอนนี้ควรเอาไงดี?” เสี่ยวซื่อเห็นสภาพผิดปกติของหลิงหลานก็เข้าใจดี เมื่อเขาเห็นสติของหลิงหลานปรากฏตัวขึ้นในมิติการเรียนรู้ของตน เสี่ยวซื่อก็รู้ว่าเรื่องราวมันใหญ่โตเกินควบคุมแล้ว เขาวิ่งเป็นวงกลมอย่างร้อนอกร้อนใจ ถ้าเกิดหลิงหลานไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ก็ไม่สามารถระงับพลังที่อาละวาดบ้าคลั่งสายนี้ได้ ผลสุดท้าย หลิงหลานย่อมร่างกายระเบิดจนตัวตายแน่นอน
ถึงแม้ว่ามิติการเรียนรู้ซึ่งเป็นร่างหลักของเขาจะไม่สูญเสียอะไรจากการร่างกายระเบิดของหลิงหลาน อย่างมากสุดก็แค่ผลาญพลังงานจนหมดเกลี้ยงเพราะร่างกายระเบิด อย่างแย่ที่สุดก็คือตกสู่สภาพจำศีล ขอเพียงให้เวลาเขา เขาก็จะตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง หลังจากนั้นก็หาโฮสต์คนถัดไปตามขั้นตอน
แต่เสี่ยวซื่อไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เขารักหลิงหลานอย่างสุดซึ้ง เขาอยากเป็นลูกน้องที่หลิงหลานรักทะนุถนอมมากที่สุด เขาไม่อาจยอมรับการหายไปของหลิงหลานได้ เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ เสี่ยวซื่อก็คลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก มันคือความหวาดกลัวใช่ไหม?
หลิงหลานไม่ได้ตอบคำพูดของเสี่ยวซื่อ เธอแต่พยายามเชื่อมต่อร่างกายตัวเองอย่างสุดชีวิต ทว่าไม่มีการตอบรับเลยสักนิดเดียว เหมือนกับว่าร่างกายด้านนอกไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเธอเลย นี่ทำให้หลิงหลานทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว เมื่อเห็นร่างกายย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เธอก็อดผุดความคิดที่สิ้นหวังออกมาไม่ได้ หรือว่าชีวิตในชาติที่สองของเธอจะมีอายุสั้นๆ แค่สิบเจ็บปี เท่านั้นเหรอ?
“เฮอะ!” ทันใดนั้นเสียงเหอะเย็นเยียบก็ดังขึ้นในหูของหลิงหลาน เสียงเหอะเย็นๆ นี้ตรงเข้ามาในใจหลิงหลาน ทำลายความคิดสิ้นหวังของหลิงหลานไปทันที ทำให้หลิงหลานสั่นสะท้านโดยพลัน ดวงตาสองข้างที่เดิมทีลังเลหมดหนทางพลันเปลี่ยนเป็นเข้มแข็งขึ้นมา ยังไม่ถึงวาระสุดท้าย เธอจะหมดหวังได้อย่างไรกันล่ะ?
หลิงหลานอดหันหน้ากลับไปมองที่ประตูบานใหญ่นี้ไม่ได้ ในใจรู้สึกซาบซึ้งมาก เสียงเหอะเย็นๆ นั้น เธอจะฟังไม่ออกได้อย่างไร มันเป็นเสียงที่มาจากอาจารย์หมายเลขหนึ่ง ในตอนที่เธอสิ้นหวังอยากยอมแพ้ อาจารย์หมายเลขหนึ่งก็ลงมือเตือนสติเธอ
……
ขณะเดียวกันในมิติแห่งหนึ่งของมิติการเรียนรู้ เหล่าอาจารย์ที่เดิมทีอยู่กันคนละมิติเวลานี้ได้มารวมตัวกันในมิติของอาจารย์หมายเลขหนึ่งแล้ว พวกเขาทุกคนเผยร่องรอยความกังวลใจออกมาไม่มากก็น้อย หลิงหลานคือลูกศิษย์ร่วมกันของพวกเขา เป็นลูกศิษย์เพียงหนึ่งเดียวที่พวกเขาพึงพอใจมากที่สุดภายใต้การสั่งสอนของพวกเขา ด้วยเหตุนี้พวกเขาไม่อยากเห็นลูกศิษย์ที่ตนรักจะร่างกายระเบิดและเสียชีวิตในตอนสุดท้าย…
หมายเลขเก้าเป็นคนแรกที่อดทนไม่ไหว เอ่ยปากพูดออกมา ดวงหน้าของเธอเผยความร้อนใจ เอ่ยถามอาจารย์หมายเลขหนึ่งว่า “พี่คะ หลิงหลานจะเป็นอะไรหรือเปล่า?” เธอที่ร้อนใจเอ่ยคำเรียกขานของเธอในสมัยก่อนออกมาโดยไม่ระวัง
หมายเลขหนึ่งปรายตามองไปที่หมายเลขเก้าอย่างเย็นชา เวลานี้ดวงหน้าที่แต่เดิมเย็นเยียบหาใดเปรียบของหมายเลขเก้าก็รักษาไว้ไม่อยู่แล้วเช่นกัน เขาลอบถอนหายใจ น้องสาวของเขาคนนี้เย็นชาแค่ภายนอกเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว เธอใจอ่อนยิ่งกว่าใครๆ หมายเลขเก้าเป็นอาจารย์ที่ห่วงใยและจริงใจต่อหลิงหลานมากที่สุดในหมู่อาจารย์ทั้งหมด
ตอนแรกหมายเลขหนึ่งไม่อยากเอ่ยปาก แต่พอเห็นหมายเลขเก้าที่เป็นแบบนี้ ก็ได้แต่พูดว่า “นี่ต้องดูว่าหลิงหลานจะเลือกยังไงแล้ว นี่เป็นวิกฤติของเธอ และก็เป็นโอกาสของเธอด้วย ขอเพียงคว้าเอาไว้ได้ ปัญหาที่รบกวนหลิงหลานมาตลอดก็จะแก้ไขได้ง่ายๆ แล้ว”
กล่าวถึงตรงนี้ สายตาของอาจารย์หมายเลขหนึ่งก็ทอดมองไปไกลๆ และเปลี่ยนเป็นว่างเปล่าขึ้นมา ราวกับว่ากำลังมองสถานการณ์ในโลกภายนอก และก็เหมือนกับมองไม่เห็นอะไรเลย
“หลิงหลานสูญเสียการควบคุมร่างกายไปแล้ว ต่อให้เธอคิดอีกยังไง ก็ไร้ประโยชน์แล้ว” เวลานี้หมายเลขห้าก็สูญเสียรอยยิ้มตามปกติของเขาไปแล้วเช่นกัน เขาขมวดคิ้ว เก็บเสี้ยวความกังวลไว้ข้างใน “นอกจากนี้ พลังของหลิงหลานอาละวาดโดยสมบูรณ์แล้ว ต่อให้หลิงหลานควบคุมร่างกายใหม่อีกครั้ง ก็ไม่สามารถยับยั้งมันได้”
คำว่า ‘มนุษย์สามารถเอาชนะธรรมชาติ’ ฟังดูสวยหรูมาก แต่นี่ต้องสร้างขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่ไม่อยู่เหนือพลังของตัวเองถึงจะสามารถทำได้ สถานการณ์ของหลิงหลานในตอนนี้เกินกว่าขีดจำกัดที่เธอแบกรับไหวมานานแล้ว อาจารย์หมายเลขห้ากระตือรือร้นที่จะขุดขีดจำกัดของร่างกายมาโดยตลอด ทว่าตอนนี้เขาเองก็ไม่อาจมองในแง่ดีแล้วเช่นกัน
———————-