I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 440 แขกกิตติมศักดิ์มาถึงแล้ว!
ลั่วล่างยิ้ม ดูงดงามอย่างยิ่งยวดจนทำให้ผู้คนไม่น้อยที่ยังคงติดอยู่ในร้านอุปกรณ์มองตาค้างไปทันที เขาพยักหน้ากล่าวว่า “พอใจแล้ว ลูกพี่” เขาสามารถจัดการคนที่จ้องพวกเขาสองพี่น้องตาเป็นมันด้วยตัวเองได้ ย่อมไม่มีเรื่องอะไรที่น่าดีใจยิ่งกว่านี้แล้ว
“งั้นก็ดี” หลิงหลานค่อยหันหน้าไปเอ่ยกับจ้าวจวิ้นที่อัดลูกทีมของเจี่ยงเส่าอวี่จนสลบไปนานแล้วว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
จ้าวจวิ้นสะบัดมือ เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าว่า “ยังสู้ไม่สะใจเลยจริงๆ ไว้ครั้งหน้า ลั่วล่าง พวกเรามาแลกกันนะ?”
“ครั้งหน้า?” ลั่วล่างหน้าดำทะมึนโดยพลัน แม่งเอ๊ย หมอนี่ยังอยากให้เขาโดนคนแทะโลมอีกเหรอ?
พอเห็นใบหน้าดำทะมึนของลั่วล่าง จ้าวจวิ้นก็รู้ว่าตัวเองพูดผิดไปแล้ว เขารีบเอ่ยว่า “ฉันหมายความว่า ไว้ต่อสู้ผดุงความยุติธรรมในครั้งหน้า ให้ฉันสู้กับคนที่เก่งก่อนนะ” จ้าวจวิ้นกล่าวจบก็ใช้น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวแน่วแน่มาพูดย้ำอีกครั้งเพื่อสื่อถึงหัวใจที่บริสุทธิ์ของเขาว่า “เป็นการต่อสู้เพื่อผดุงความยุติธรรมนะ!”
ลั่วล่างแค่นเสียงเหอะ ถึงแม้ไม่พอใจคำอธิบายของจ้าวจวิ้น แต่ก็ยังปล่อยจ้าวจวิ้นไป จ้าวจวิ้นลอบปาดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผาก ดีใจที่ตัวเองผ่านด่านแล้ว เจ้าหนูลั่วล่างนี่ ไม่ว่าอะไรก็ดีไปหมด แต่ดันอ่อนไหวกับเรื่องนี้ แค่เกี่ยวข้องนิดหน่อยก็ทำให้เขาคลุ้มคลั่งได้แล้ว
ขณะที่หลิงหลานกำลังคิดจะพาจ้าวจวิ้นกับลั่วล่างออกไปจากร้านอุปกรณ์ หน้าประตูพลันมีคนเดินเข้ามาอีกหลายคน คนที่นำหน้าคือหลี่หลานเฟิง ด้านหลังยังมีสาวงามสองคนตามมาด้วย
ลั่วเฉาชะโงกศีรษะออกมาจากด้านหลังหลี่หลานเฟิงอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นหลิงหลาน ดวงหน้าพลันแดงฉานขึ้นมาทันที นี่ทำให้หลิงหลานพูดไม่ออกอยู่บ้าง ผ่านมาหลายปีแล้วนะ เมื่อไหร่หนูน้อยลั่วเฉาคนนี้จะเลิกหน้าแดงได้สักที?
ลั่วเฉาย่อมไม่รู้ความกลัดกลุ้มใจของหลิงหลาน เมื่อเธอเห็นหลิงหลาน หัวใจก็เต้นกระหน่ำ หน้าร้อนผ่าวขึ้นมา ลั่วเฉาไม่กล้ามองหลิงหลานอีกเพื่อให้หัวใจของตัวเองผ่อนคลายลงหน่อย ได้แต่เบนสายตาออกไป เมื่อเห็นเจี่ยงเส่าอวี่กึ่งนอนอยู่บนพื้น นิ่งไม่ขยับเขยื้อน เธอก็เอ่ยถามพี่ชายตัวเองด้วยความงุนงงว่า “พี่คะ นั่นใครเหรอ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ลั่วล่างรีบกันสายตาของลั่วเฉา เอ่ยด้วยสีหน้ารังเกียจว่า “สวะคนหนึ่งน่ะ ไม่ต้องสนใจเขา พวกเราไปกันเถอะ”
เสียงอ่อนนุ่มของลั่วเฉาทำให้เจี่ยงเส่าอวี่ที่กำลังก้มหน้าครุ่นคิดเงยหน้าขึ้นมาฉับพลัน เขาเห็นลั่วเฉา ดวงหน้าที่เหมือนกับลั่วล่างทุกกระเบียดนิ้วนั้นทำให้เขาหงุดหงิดใจอย่างยิ่งยวด ถึงแม้สองคนนั้นหน้าเหมือนพิมพ์เดียวกัน แต่นิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แยกออกได้ง่ายมาก ทำไมตอนนั้นเขาถึงหน้ามืดตามัวถูกหลอกลวง มองความแตกต่างนี้ไม่ออก เชื่อว่านั่นคือลั่วเฉาอย่างสุดหัวใจจนหุนหันลงมือ? ถ้าเกิดตอนนั้นใจเย็นอีกสักหน่อยละก็ บางทีอาจจะไม่ต้องตกที่นั่งลำบากแบบนี้ก็ได้
ลั่วล่างกำลังคิดจะจูงน้องสาวเดินจากไป เขาเพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องที่ไม่ได้บอกลูกพี่ตัวเอง เขาก็รีบตะโกนเรียกหลิงหลานว่า “ลูกพี่ รอเดี๋ยวก่อน”
หลิงหลานหันหน้ากลับมา มองลั่วล่างอย่างเรียบนิ่ง รอคอยคำอธิบายของเขา
ลั่วล่างวิ่งไปทางฝั่งชางฉยงอย่างรวดเร็ว แล้วก็กวักมือเรียกหลิงหลาน บ่งบอกให้เธอเข้าไปดู
หลิงหลานเดินเข้าไปดู ก่อนจะอึ้งไปทันใด เธอไม่คาดคิดว่าในโลกความเป็นจริงก็มีอาวุธที่มีรูปลักษณ์เหมือนกับปู้หุ่ยที่ฉางซินหยวนสร้างขึ้นในโลกหุ่นรบ และก็ไม่รู้ว่าจะเหมือนกันแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น หรือว่าวัตถุดิบและองค์ประกอบจะเหมือนกันหมด
ลั่วล่างรวดเร็วมาก เมื่อเห็นลูกพี่สนใจชางฉยง เขาก็รีบมาหาพนักงานขายที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้าง ให้เขาเปิดบาเรียป้องกัน เพื่อให้ลูกพี่ของเขาทดสอบสินค้า
การต่อสู้เมื่อสักครู่ทำให้พนักงานขายรู้ว่าเด็กหนุ่มที่งดงามราวกับบุปผาคนนี้คือยอดฝีมือพลังปราณ เขาจะกล้าชักช้าที่ไหน รีบวิ่งเข้ามาเปิดบาเรียป้องกันทันที
หลิงหลานยื่นมือไปแตะ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความอ่อนและความยืดหยุ่นของตัวดาบชางฉยง จากนั้นเธอก็ดูคู่มืออธิบายด้านข้าง ก่อนจะรู้ว่า ชางฉยงเล่มนี้มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับปู้หุ่ยในโลกหุ่นรบมาก นี่ทำให้เธอดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง ควรรู้เอาไว้ว่า เธอใช้ปู้หุ่ยจนชินแล้ว ถ้าเกิดโลกความเป็นจริงก็มีอาวุธเย็นที่คล้ายกับปู้หุ่ย ต่อให้เจอไพ่ราชาชั้นยอด หลิงหลานก็มั่นใจว่าสู้ได้
ส่วนราคาที่แพงลิ่วของชางฉยงนั้น หลิงหลานไม่ใส่ใจเลย เธออาจจะขาดแคลนทุกอย่าง มีเพียงเครดิตเท่านั้นที่ไม่ขาด ใครใช้ให้เธอมีเสี่ยวซื่อ นิ้วทองคำที่เก่งกาจช่วยเธอลงทุนทางด้านการเงินล่ะ สิบกว่าปีมานี้ ทรัพย์สินด้านในบัญชีที่เสี่ยวซื่อสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษนั้นมีตัวเลขนับไม่ถ้วนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พ่อแม่ของเธอยังโอนเครดิตก้อนมหึมามาให้ทุกปีด้วย แค่เครดิตที่พ่อแม่ให้มาก็เพียงพอให้เธอซื้อชางฉยงเล่มนี้แล้ว
หลิงหลานจ่ายเงินอย่างสบายๆ และให้ร้านอุปกรณ์ส่งชางฉยงไปที่คลังหุ่นรบของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งโดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลรักษาและตรวจสอบการทำงานจะติดตั้งชางฉยงเล่มนี้ไว้บนหุ่นรบของเธอ ไม่จำเป็นต้องให้เธอสิ้นเปลืองสมองเพิ่มอีก
เมื่อจัดการทุกอย่างนี้เรียบร้อยแล้ว หลิงหลานค่อยพาพวกลั่วล่างออกจากร้านอุปกรณ์ หลังจากที่พวกเขาจากไป เจียงเส่าอวี่ถึงค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลุกขึ้นมาจากพื้นช้าๆ เขาไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวหรือคับแค้นใจออกมา เพียงแต่ปลุกพวกลูกทีมที่ถูกอัดจนหมดสติด้วยความเยือกเย็น แล้วค่อยพาพวกเขาออกจากร้านอุปกรณ์อย่างน่าอนาถ
เจี่ยวเส่าอวี่ไม่ลืมว่ายอดฝีมือเขตแดนคนนั้นยังคงอยู่ในร้านอุปกรณ์ กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขากลัวว่าหากเขาเผยความโกรธแค้นออกมาเพียงนิดเดียว จะกระตุ้นโทสะของอีกฝ่าย จากนั้นก็ลงมืออย่างอำมหิตทำลายเขาโดยสิ้นเชิง
เจี่ยงเส่าอวี่ออกจากร้านอุปกรณ์ไปได้ไกล ในที่สุดก็สัมผัสถึงสายตาจับจ้องนั้นไม่ได้แล้ว เขาถึงค่อยโล่งใจ เขาหันหน้ากลับไปมองร้านอุปกรณ์แวบหนึ่ง แววตามีจิตสังหารพาดผ่านอย่างรวดเร็ว เขาจะต้องล้างความแค้นนี้ให้ได้ การต่อสู้ประจัญบานในตอนสุดท้ายนั้น…ถ้าเกิดไม่ระวังเผลอทำใครตายขึ้นมา ก็ไม่สามารถตำหนิใครได้
……
ชายวัยกลางคนรอให้ทุกคนไปกันหมดแล้วถึงค่อยออกจากร้านอุปกรณ์ เพื่อนที่อยู่ข้างกายเห็นเขาจ้องมองไปยังทิศทางที่เจี่ยงเส่าอวี่จากไปอย่างครุ่นคิด เขาก็อดเอ่ยถามด้วยความสงสัยไม่ได้ว่า “นายสนใจคนพวกนี้เหรอ?”
“พวกเขาเป็นนักเรียนที่อยู่ระดับพลังปราณกันหมด ฉันจะไม่สนใจได้ยังไง? ไม่รู้ว่าการแข่งขันต่อสู้มือเปล่าในคราวนี้ พวกเขาจะมอบเซอร์ไพรส์ให้ฉันได้สักเท่าไหร่” ชายวัยกลางคนตอบกลับด้วยความจริงจัง บางทีอาจจะสะเทือนไปทั่วทั้งสหพันธรัฐเลยก็ได้ ถ้าเกิดคนผู้นั้นเข้าร่วมการแข่งขัน
“ฮ่าๆ ฉันลืมไปเลยว่านายเป็นกรรมการตัดสินการต่อสู้มือเปล่าในครั้งนี้ ทำไม สนใจอยากรับศิษย์แล้วเหรอ?” เพื่อนถามพลางหัวเราะ
“รับศิษย์? ฉันกลัวว่าตัวเองจะไม่มีคุณสมบัติน่ะสิ…” ชายวัยกลางคนพึมพำ เสียงแผ่วเบามากเกินไปจนเพื่อนเหมือนกับได้ยินไม่ชัด รีบถามว่า “พี่ใหญ่เชียน นายพูดอะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร บางทีนายควรตั้งใจดูศึกประลองหุ่นรบรอบนี้ให้ดี บางทีอาจจะทำให้นายตกตะลึงก็ได้” ชายวัยกลางคนพูดกับเพื่อนด้วยความจริงจัง เวลานี้ชายวัยกลางคนไม่รู้เลยว่า ศึกประลองหุ่นรบครั้งนี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงจริงๆ ทว่าไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้…
……
กลางดึก หลิงหลานค้นดูไฟล์ผู้เข้าร่วมการประลองของโรงเรียนต่างๆ ที่เสี่ยวซื่อช่วยหามาให้เธอ ผ่านไปเนิ่นนาน เธอค่อยแตะไปที่ภาพเสมือนจริงหนึ่งในนั้นพลางกล่าวว่า “บางที นี่อาจเป็นเรื่องดี ถึงเวลาให้พวกเขารับผิดชอบด้วยตัวเองแล้ว”
เวลานี้เอง ท่าอวกาศที่ปิดมาตลอดทั้งวันพลันได้รับสัญญาณรหัสทางกองทัพยื่นคำขอเข้ามายังท่าอวกาศ เจ้าหน้าที่รีบทำการตรวจสอบรหัสลับทันที เมื่อพบว่าสัญญาณรหัสนี้เป็นบัตรผ่านที่ได้รับอนุญาตให้เข้าท่าอวกาศ พวกเขาก็เปิดเส้นทาง ให้ยานอวกาศลำนี้บินเข้ามาในท่าอวกาศโดยไม่รีรอ
เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเฝ้าตรวจตรายานรบเข้ามาในท่ามองเห็นชัดเจนจากในหน้าจอว่า ส่วนหัวของยานรบมีตราสัญลักษณ์นกฟีนิกซ์บินร่อนท่ามกลางเปลวไฟ ด้านข้างตราสัญลักษณ์พิมพ์ตัวเลขอารบิกไว้สองตัว 23 เขาลุกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นทันทีจนเกือบจะล้มเก้าอี้ของเขา ทำเอาคนที่อยู่ข้างๆ ตกใจไปด้วย
คนข้างกายยังไม่ทันได้สอบถาม เขาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาว่า “นายพลหลิงเซียว เป็นยานของนายพลหลิงเซียวนี่นา!”
เสียงร้องของเขานี้ทำให้ทุกคนในห้องเฝ้าระวังตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว มีคนไม่น้อยถึงขนาดตกลงมาจากเก้าอี้ พวกเขารีบ ตัดภาพทั้งหมดไปที่ยานรบลำนี้ ก่อนจะเห็นตราสัญลักษณ์ที่คุ้นจนไม่อาจคุ้นได้อีก ตัวเลข 23 ที่เป็นตัวแทนของกองทัพนั้นทำให้ทุกคนร้องขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่
เสียงดังเอะอะในห้องเฝ้าระวังทำให้คนรับผิดชอบท่าอวกาศตกใจเช่นกัน เมื่อเขารู้ว่ายานของนายพลหลิงเซียวร่อนลงมาในท่าอวกาศแล้ว ผู้รับผิดชอบคนนี้ก็ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน เกือบจะตบหน้าตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าเขาฝันไปหรือเปล่า โชคดีที่เขากู้สติที่เหลือเพียงนิดหน่อยกลับมาได้ รีบพาผู้ช่วยตัวเองพุ่งไปที่เขตการเดินอากาศของท่าอวกาศ เตรียมตัวไปต้อนรับการมาถึงของนายพลหลิงเซียวด้วยตัวเอง
เพื่อรับประกันความปลอดภัยของบรรดาแขกกิตติมศักดิ์ที่เข้าร่วมศึกประลองหุ่นรบ ทางกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติเลยไม่บอกรายชื่อผู้เข้าร่วมโดยละเอียดให้กับทางดาวฉี่หมิง เพียงแต่ส่งแหล่งสัญญาณรหัสผ่านทางที่ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษมาหนึ่งชุด ทางดาวฉี่หมิงเลยไม่สามารถคาดเดาจากในรหัสลับเหล่านี้ได้ว่าใครเข้าร่วมศึกประลองหุ่นรบ ได้แต่อดทนรอคอยจนกว่าแขกกิตติมศักดิ์จะมาถึง พวกเขาถึงค่อยรู้แจ้งฉับพลัน
ความจริงแล้ว วันนี้ท่าอวกาศของดาวฉี่หมิงรับแขกกิตติมศักดิ์ที่มีชื่อเสียงอำนาจมาไม่น้อยแล้ว ในหมู่ผู้บัญชาการประจำการกองทัพทั้งยี่สิบสามของสหพันธรัฐ ถึงแม้ผู้บัญชาการมากมายไม่ได้มา แต่ก็ให้รองผู้บัญชาการเป็นคนมา หรือว่าผู้บัญชาการย่อยสักคนของกลุ่มกองทัพนั้น และยังมีผู้ควบคุมระดับราชันที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากหลายคนของสหพันธรัฐอีกด้วย กระทั่งรองประธานาธิบดีของสหพันธรัฐก็มาถึงตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว พูดได้ว่า เจ้าหน้าที่เหล่านี้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆ อย่างใจเย็น ไม่ได้ตื่นเต้นมากนัก
ทว่าเมื่อเจอหลิงเซียว ทุกอย่างนี้กลับไร้ประโยชน์ หลิงเซียวไม่เพียงเป็นผู้บัญชาการที่เข้าร่วมเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ ขณะเดียวกันหลิงเซียวยังเป็นไอดอลของมหาชน เป็นเทพสงครามอมตะ พูดได้ว่าเป็นเสาหลักทางจิตวิญญาณทั้งมวลของสหพันธรัฐหัวเซี่ย ดังนั้น เจ้าหน้าที่ของท่าอวกาศถึงได้สูญเสียการควบคุมเพราะการมาเยือนของหลิงเซียว
ผู้รับผิดชอบท่าอวกาศมาถึงเขตการเดินอากาศทันที รอคอยนายพลหลิงเซียวเดินลงมาจากยานรบ คนที่ออกมาก่อน คือทหารยศพันเอกหกนาย ดวงตาทั้งสองข้างของพวกเขาเจิดจ้ามีชีวิตชีวา ต่อให้เก็บงำพลังแล้ว ก็ยังทำให้คนที่รอคอยอยู่ด้านล่างสัมผัสได้ถึงแรงกดดันไร้รูปร่าง หลังจากที่พวกเขาลงมาก็แบ่งกันยืนออกเป็นหกทิศทาง ขวางกั้นคนที่รอคอยอยู่ในเขตการเดินอากาศอยู่รางๆ
ผู้รับผิดชอบรู้ว่าหกคนนี้คือผู้คุ้มกันนายพลหลิงเซียวอย่างแน่นอน ในเมื่อพวกเขาออกมาแล้วก็หมายความว่า นายพลหลิงเซียวกำลังจะปรากฏตัวแล้ว พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจของผู้รับผิดชอบก็เริ่มเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม คนที่ออกมาถัดจากนั้นทำให้ผู้รับผิดชอบผิดหวังไปครู่หนึ่ง เนื่องจากคนที่ออกมาคือพลตรีท่านหนึ่ง เขายืนอยู่ตรงหน้าประตูยาน มองลงมาด้านล่าง เมื่อพบว่าทุกอย่างปกติดีถึงค่อยหันกลับไป
ไม่ช้า หน้าประตูยานก็มีร่างของอีกคนปรากฏตัวขึ้นมา ผู้รับผิดชอบจ้องมองไป เขาก็คือนายพลหลิงเซียว เมื่อเห็นนายพลหลิงเซียวสวมชุดเครื่องแบบนายพลที่รีดจนเรียบกริบ ดวงหน้าหล่อเหลาสง่างามเผยรอยยิ้มอ่อนโยนทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนถูกชโลมด้วยสายลมฤดูใบไม้ผลิ ผู้รับผิดชอบเห็นรอยยิ้มนี้ หัวใจที่เดิมทีเต้นกระหน่ำก็ผ่อนคลายลงมากทันที
ขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยนายพลหลิงเซียวเดินลงจากยานรบ นายพลหลิงเซียวพลันหันกาย เวลาเดียวกันก็ยื่นมือซ้ายของเขาออกมากุมมือขวาของคนผู้หนึ่ง ก่อนจะเห็นร่างระหงงดงามค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าประตูยาน เธอดูสูงศักดิ์งดงาม ดวงหน้าสวยสะพรั่งมีรอยยิ้มจางๆ กำลังมองชายข้างกายด้วยความรู้สึกล้ำลึก ทั้งคู่ดูอ่อนเยาว์อย่างยิ่ง ราวกับว่าเวลาไม่ได้ทิ้งร่องรอยให้พวกเขามากเท่าไหร่นัก หนุ่มหล่อสาวสวยราวกับกิ่งทองใบหยกก็ไม่ปาน
ทุกคนต่างรู้ว่า นี่ต้องเป็นหลานลั่วเฟิ่ง ภรรยาของนายพลหลิงเซียว รักแท้ระหว่างนายพลหลิงเซียวกับภรรยาคือสิ่งที่ผู้หญิงชาวสหพันธรัฐทุกคนต่างใฝ่ฝัน
—————————–