I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 438 อัจฉริยะแห่งยุค!
เจี่ยงเส่าอวี่หรี่ตาทั้งสองข้าง ในใจคิดคำนวณขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่าจะล้มเลิกเพียงเท่านี้ดีหรือไม่ เขาจ้องมองท่าทีซึนเดเระของลั่วล่าง หัวใจก็คันไม่หยุด เขาไม่อาจทำใจปล่อยผู้หญิงที่มีรสชาติแบบนี้ไปได้ บางทีในใจยังมีความหวังอยู่ เขาทำการตัดสินใจในชั่วพริบตา ตะโกนใส่ลูกทีมหลายคนที่ยังไม่ได้ถูกซัดจนหมอบรอบๆ ว่า “หมายเลขสาม”
เสียงนี้ทำให้จ้าวจวิ้นกับลั่วล่างอึ้งไป ยังไม่ทันเข้าใจความหมายคำว่า ‘หมายเลขสาม’ ของเจี่ยงเส่าอวี่ ก็เห็นเจี่ยงเส่าอวี่รวมถึงลูกทีมของเขาหลายคนนั้นหยิบวัตถุทรงกลมออกมาจากในกระเป๋าคาดเอวอย่างรวดเร็ว
เมื่อลั่วล่างกับจ้าวจวิ้นเห็น ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ของสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่นอน ทั้งคู่สบตากันก่อนจะกระโจนเข้าไปหาคู่ต่อสู้ที่ตัวเองเลือกไว้อย่างรู้ใจกัน พยายามขัดขวางไม่ให้พวกเขากระทำต่อไป
ถึงแม้ปฏิกิริยาตอบสนองของจ้าวจวิ้นกับลั่วล่างเฉียบไวสุดขีด แต่ก็เร็วไม่เท่าฝ่ายตรงข้ามอยู่ดี ทั้งสองยังไม่ทันกระโจนเข้าไปถึงเบื้องหน้าอีกฝ่าย ก็เห็นอีกฝ่ายดีดนิ้วแรงๆ ทีหนึ่ง วัตถุทรงกลมพลันพ่นควันสีเขียวใส่พวกเขาสองคน จ้าวจวิ้นกับลั่วล่างหลบไม่ทัน ศีรษะจุ่มเข้าไปในกลุ่มควันพอดี
ทั้งสองคนได้กลิ่นหอมหวานจางๆ วินาทีถัดมาก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ
ยาสลบ? ทั้งสองตื่นตกใจ กัดลิ้นตัวเองโดยไม่ลังเล อยากใช้ความเจ็บปวดมาขับไล่ความรู้สึกวิงเวียนนี้ออกไป แต่ทันใดนั้นพวกเขาพบว่ามันไร้ประโยชน์ เนื่องจากพวกเขาสูญเสียกำลังไปแล้ว ทั่วทั้งร่างไร้เรี่ยวแรง กระทั่งขยับฟันลงมาก็ไม่อาจทำได้
“ฉิบหายล่ะ!” เวลานี้ทั้งสองคนหงุดหงิดใจมาก ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะตกหลุมพรางอีกฝ่ายแล้ว เมื่อสักครู่นี้ พวกเขายังประมาทคงเกินไป
“จับพวกเขาขึ้นมา” เจี่ยงเส่าอวี่เห็นทั้งคู่ล้มลงในที่สุด มุมปากก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา สั่งพวกลูกทีมอย่างมีความสุข
“ครับ หัวหน้า!” พวกลูกทีมรีบขึ้นหน้าไปทันที หมายจะคว้าทั้งสองคนที่ล้มอยู่บนพื้นขึ้นมา ทันใดนั้นเอง เบื้องหน้าพลันมีรัศมีแสงสีขาวส่องวาบ หลังจากนั้นก็รู้สึกได้ว่าตัวเองถูกพลังมหาศาลสายหนึ่งซัดใส่ กระเด็นลอยออกไปอย่างยั้งไว้ไม่อยู่ ก่อนจะกระแทกลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง
มีลูกทีมหลายคนที่ฝีมือค่อนข้างอ่อนด้อยถึงขนาดกระอักเลือดออกมา ทั่วทั้งร่างทรุดลงไปบนพื้น ไม่อาจยืนขึ้นมาได้ชั่วขณะ
แววตาของเจียวเส่าอวี่หดลงฉับพลัน รอยยิ้มพึงพอใจแข็งทื่ออยู่บนใบหน้าอย่างรวดเร็ว ที่แท้ เวลานี้มีเด็กหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าจ้าวจวิ้นกับลั่วล่าง ใบหน้าของเขาดูเย็นชา สายตาที่เรียบนิ่งไร้การเปลี่ยนแปลงกวาดมองเข้ามา ทำให้เจี่ยงเส่าอวี่สัมผัสได้ถึงไอเย็นสายหนึ่งจู่โจมเข้าที่หัวใจ อุณหภูมิทั่วทั้งร้านอุปกรณ์หุ่นรบลดฮวบลงหลายองศาทันทีเนื่องจากการปรากฏตัวของเขา ทำให้คนที่ติดค้างอยู่ในร้านอดหนาวสั่นไม่ได้
“นายคิดจับคนของฉันไป?” อีกฝ่ายเอ่ยปากขึ้น เสียงเย็นยะเยือก สายตาเย็นเยียบ สีหน้าเย็นชา ดูเหมือนสงบนิ่ง แต่เจี่ยงเส่าอวี่ยังคงสัมผัสได้ถึงพายุคลั่งข้างใต้ความสงบนิ่งนั้น แรงกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อนย่างกรายเข้ามาอย่างเงียบงัน
เจี่ยงเส่าอวี่สามารถกลายเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนทหารชายที่สอง กลายเป็นหัวหน้านำทีมของศึกประลองหุ่นรบในครั้งนี้ได้ เดิมทีเขาก็เป็นคนที่จิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ถึงแม้การปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของหลิงหลานทำให้จิตใจของเขาเกิดความสั่นคลอน แต่เขาก็สงบจิตใจได้อย่างรวดเร็ว วิเคราะห์ภูมิหลังของอีกฝ่ายอย่างจริงจัง คิดคำนวณว่าควรจะรับมืออย่างไรต่อไป
สีขาวเป็นสีที่นำมาทำชุดเครื่องแบบน้อยมากในหมู่โรงเรียนทหารทั้งหมดของสหพันธรัฐ ชุดเครื่องแบบของอีกฝ่ายทำขึ้นอย่างประณีต ไม่มีทางเป็นชุดเครื่องแบบทั่วไปอย่างแน่นอน...ความคิดหนึ่งแล่นขึ้นในสมองของเจี่ยงเส่าอวี่ เขานึกถึงโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ทุกภาควิชาของแต่ละรุ่นต่างมีนักเรียนดีเด่นอยู่หนึ่งคน และชุดเครื่องแบบสีขาวก็คือ สีที่ใช้สำหรับนักเรียนดีเด่นโดยเฉพาะ และนึกโยงถึงข้อมูลที่เขาได้รับมา ลั่วเฉาออกมาเดินเที่ยวกับคนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง…
เจี่ยงเส่าอวี่ยืนยันเบื้องต้นได้ว่า เด็กหนุ่มที่เคร่งขรึมเย็นชาคนนี้น่าจะเป็นนักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง แต่หน้าตาของหมอนี่ดูไม่คุ้นเลย และก็ไม่ใช่เฉียวถิงที่รู้จักกันดีด้วย หรือว่าเป็นนักเรียนดีเด่นจากภาควิชาอื่น?
การคาดเดานี้ทำให้เจี่ยงเส่าอวี่ใจเย็นลงไม่น้อย ถึงแม้เขารู้สึกอยู่ตลอดว่าเหมือนกับมองข้ามอะไรบางอย่างไป ทว่า เขาที่เชื่อมั่นในตนเองมากไม่มีทางยอมให้คนอื่นมาลูบคมเป็นอันขาด ดังนั้นเขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มหยันว่า “นี่เป็นเรื่องของฉันกับโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่ง นักเรียนดีเด่นของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งอย่างนายอยากทำตัวเป็นวีรบุรุษ สอดมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้หรือไง?”
ถ้าเกิดเฉียวถิงออกหน้า บางทีเขายังไว้หน้าเฉียวถิงนิดหน่อย แต่ไอ้เด็กที่มาจากไหนก็ไม่รู้คนนี้คิดว่าอาศัยตัวเองเป็นนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนทหารที่หนึ่งแล้วจะเดินกร่างได้เหรอ? มองตัวเองสูงส่ง ดูถูกคนอื่นเกินไปแล้วจริงๆ!
“โรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่ง?” ดวงตาของหลิงหลานหรี่ลง อุณหภูมิบนตัวลดต่ำลงอีกหลายองศา เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบว่า “ฉันไม่รู้เลยว่า ลูกทีมของฉันไปเข้าโรงเรียนทหารสหศึกษาตั้งแต่เมื่อไหร่?” รังแกคนของเธอแล้วยังกล้าพูดจามั่วซั่วหาข้ออ้างไปเรื่อย ถึงแม้โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งถูกโรงเรียนทหารชายที่สองเอาชนะมาติดต่อกันเจ็ดครั้ง หรือเพราะแบบนี้เลยคิดว่ารังแกโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งของพวกเขาได้ง่ายๆ?
เวลานี้หลิงหลานเองก็คาดเดาจากชุดเครื่องแบบบนตัวพวกเจี่ยงเส่าอวี่เหมือนกันว่าพวกเขามาจากโรงเรียนอะไรพฤติกรรมของฝ่ายกำเริบเสิบสานแบบนี้เกรงว่าคงหนีไม่พ้นผลคะแนนของศึกประลองหุ่นรบเจ็ดรอบก่อน เลยทำให้พวกเขาหยิ่งจองหองอย่างไม่มีบันยะบันยัง
เจี่ยงเส่าอวี่ได้ยินคำกล่าวก็แค่นยิ้มขึ้นมาเช่นกัน จากนั้นก็ชี้ไปที่ลั่วล่างและกล่าวว่า “คนสวยตัวน้อยที่งดงามมีชีวิตชีวาคนนี้ก็เป็นคนจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งของพวกนายด้วยหรือไง? ฉันไม่ยักรู้ว่า โรงเรียนทหารชายรับผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่?”
นี่ถึงทำให้หลิงหลานเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงทะเลาะกันวุ่นวายขนาดนี้ เธอเหลือบมองดวงหน้างดงามจนเป็นภัยของลั่วล่างแวบหนึ่ง ก่อนจะลอบทอดถอนใจ มิน่าล่ะ ถึงโดนอีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิง เจ้าหมอนี่ยิ่งโตยิ่งเหมือนผู้หญิงมากขึ้นไปตามอายุเลย สวยหยาดเยิ้มจนยากจะระบุเพศ ไม่ถูกสิ ยิ่งมองยิ่งนึกว่าเป็นผู้หญิงต่างหาก
หลิงหลานได้รับบาดเจ็บหนักมาก จะว่าไป ทำไมไม่มีคนเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงบ้างนะ? เอ่อ คำพูดนี้ดูสองแง่สองง่ามอยู่ เดิมทีเธอก็เป็นผู้หญิงอยู่แล้ว ควรพูดว่า ทำไมทุกคนยอมรับชัดเจนว่าเธอเป็นผู้ชายล่ะ? พูดก็พูดเถอะ หน้าตาของเธอควรจะสวยมากๆ เลยใช่ไหม หลิงหลานมั่นใจในยีนของทางฝั่งพ่อและฝั่งแม่มาก…
“แม่งเอ๊ย ใครเป็นผู้หญิงกันวะ?” เวลานี้เอง ลั่วล่างกับจ้าวจวิ้นที่เดิมทีตัวชาล้มไปกองกับพื้นพลันลุกขึ้นมา ลั่วล่างสบถอย่างคับแค้นใจ หันหน้าไปกล่าวเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “ลูกพี่ ตอนให้ยาถอนพิษพวกเรา ไม่ต้องรุนแรงขนาดนี้ก็ได้”
เขาแยกเขี้ยว ข่มกลั้นความเจ็บปวดจากการดึงเข็มฉีดยากระบอกจิ๋วตรงลำคอ ที่แท้ตอนที่หลิงหลานเข้ามาหยุดยั้งการจับตัวคน เธอก็ไม่ลืมซัดเข็มฉีดยาถอนพิษจิ๋วสองกระบอกออกไปแก้พิษให้กับทั้งสองคนที่ล้มอยู่บนพื้น
จ้าวจวิ้นดึงเข็มฉีดยาบนลำคอออกอย่างรวดเร็วเช่นกัน เวลานี้ดวงหน้าของเขาเย็นเยียบ รู้สึกขายขี้หน้ามากที่ติดกับคนอื่น แถมยังต่อหน้าต่อตาหัวหน้าทีมของตัวเองด้วย
สีหน้าน้อยอกน้อยใจของลั่วล่างทำให้หลิงหลานไม่อาจมองตรงๆ ได้เช่นกัน เธอหันหน้าหนี ตอบกลับอย่างเย็นชาว่า “ถ้าเกิดนายไม่พอใจก็ไปถามหมอของพวกเราเองเลยก็ได้”
คำพูดประโยคนี้ของหลิงหลานทำให้สีหน้าน้อยใจของลั่วล่างหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยทันที ดวงหน้าเขาถึงขนาดดูย่ำแย่อยู่บ้าง รุ่นพี่หลี่ซื่ออวี๋ในตอนนี้ไม่ใช่รุ่นพี่ที่ใจดีเหมือนตอนที่เพิ่งเข้าร่วมหน่วยรบอีกต่อไปแล้ว เขาถูกย้อมดำสนิทเปลี่ยนเป็นเลวทรามต่ำช้าภายใต้การซึมซับอิทธิพลของลูกพี่เข้าไปโดยไม่รู้ตัว เขาที่ตอนแรกสร้างแค่ยาดีๆ ประเภทรักษา เวลานี้เริ่มผลิดยาประเภทพิษขึ้นมาด้วยแล้ว ลั่วล่างนึกถึงฉากตอนที่เขาไม่ระวังเคยล่วงเกินรุ่นพี่หลี่ซื่ออวี่เข้าจนถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมด้วยยาของรุ่นพี่ เขาก็ตัวสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาไม่มีทางไปหารุ่นพี่หลี่ซื่ออวี๋เด็ดขาด!
ลั่วล่างหันหน้าไปถลึงตาใส่เจี่ยงเส่าอวี่โดยพลัน ในเมื่อไม่กล้าไปหาลูกพี่ เขาก็ต้องหาที่ระบายความแค้น และคนที่เข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้หญิงคนนี้ย่อมเป็นกระสอบทรายที่ดีมาก เขาพุ่งเข้าไปหาเจี่ยงเส่าอวี่ เอ่ยถามอย่างโหดเหี้ยมว่า “พูดว่าฉันเป็นผู้หญิงเรอะ แม่งเอ๊ย ฉันดูเหมือนผู้หญิงตรงไหนกันฮะ?”
หลิงหลานกับจ้าวจวิ้นได้ยินคำพูดนี้ ในใจก็ให้คำตอบออกมาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยว่า ‘นอกจากส่วนที่เพิ่มออกมาด้านล่างของนายแล้ว ที่เหลือก็เหมือนผู้หญิงหมดเลย’ โชคดีที่ลั่วล่างไม่รู้ความคิดภายในใจหัวหน้ากับเพื่อนร่วมทีมตัวเอง ไม่เช่นนั้นเขาคงต้อง…ไปท้าดวลจ้าวจวิ้นอย่างแน่นอน ส่วนลูกพี่เขาย่อมไม่กล้าล่วงเกินอยู่แล้ว ลั่วล่างยังไม่อยากรนหาที่ตาย
สีหน้าเดือดดาลของลั่วล่างทำให้แววตาของเจี่ยงเส่าอวี่มีร่องรอยความตกตะลึงพาดผ่าน แต่คำพูดของเขากลับทำให้ความตะลึงงันในแววตาของเจี่ยงเส่าอวี่หายไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขาก็หาจุดที่ไม่ถูกต้องนั้นเจอแล้ว ตอนนี้เขาถึงค่อยสังเกตชุดเครื่องแบบที่ลั่วล่างสวมบนตัว มันไม่ใช่ชุดเครื่องแบบของโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งแน่นอน ถึงแม้สีสันไม่เหมือนกับชุดบนตัวหลิงหลาน แต่รูปแบบกลับเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว นี่ก็หมายความว่า เด็กสาวที่งดงามพราวพร่างตรงหน้านี้ จริงๆ แล้วคือผู้ชาย เป็นนักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง
แม้เจี่ยงเส่าอวี่พบปัญหาแล้ว แต่เขายังไม่อาจทำใจเชื่อได้ อย่างไรเสีย คนตรงหน้านี้ก็เหมือนกับลั่วเฉาที่เขาเห็นในห้องโถงลงทะเบียนเมื่อวานราวกับแกะ เขาเอ่ยถามอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “เธอไม่ใช่ลั่วเฉา นักเรียนปีสองของโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่ง ภาควิชาการนำร่องยานอวกาศหรือไง?”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทั้งสามคนก็เข้าใจสาเหตุในที่สุด ที่แท้หมอนี่เข้าใจผิดคิดว่าลั่วล่างคือลั่วเฉา ดังนั้นถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“บัดซบ นายกล้าคิดเกินเลยกับน้องสาวฉันเรอะ รนหาที่ตาย!” เมื่อลั่วล่างรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจตัวเอง แต่ว่าสนใจน้องสาวสุดที่รักของเขา ทันใดนั้นโทสะก็พุ่งขึ้นสูง เขาออกหมัดใส่เจี่ยงเส่าอวี่ตรงๆ โดยไม่ใคร่ครวญเลยสักนิดเดียว
ลั่วล่างในยามนี้คิดแค่ว่าต้องอัดไอ้ระยำให้ตาย เทียบกับโดนเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงแล้ว เรื่องนี้ทำให้เขาคลุ้มคลั่งมากกว่า เขาเฝ้าทะนุถนอมน้องสาวไว้ในฝ่ามือ จะยอมให้คนนอกจ้องตาเป็นมันได้อย่างไร ในใจลั่วล่าง คนที่สามารถมอบความสุขให้ลั่วเฉาได้มีเพียงลูกพี่ของตนเท่านั้น
เจี่ยงเส่าอวี่เห็นอีกฝ่ายต่อยมาอย่างหนักหน่วงโดยที่แฝงความโกรธเกรี้ยวไว้ เขาก็รับหมัดตรงๆ โดยไม่คิดเลยสักนิดเดียว ‘ปัง’ ทั้งสองคนถอยไปหลายก้าวอีกครั้ง การโจมตีที่แฝงความเดือดดาลของลั่วล่างทำให้เจี่ยงเส่าอวี่ไม่อาจยึดครองความได้เปรียบ ทว่าลั่วล่างเองก็ไม่ได้เปรียบเช่นกัน ทั้งคู่ต่างเสมอกัน
เท้าของจ้าวจวิ้นขยับ ทันใดนั้นหลิงหลานก็ยื่นมือมาขวางไว้ เอ่ยเสียงต่ำว่า “นายจัดการลูกกระจ๊อกพวกนั้น ส่วนเขาก็ให้ลั่วล่างเป็นคนจัดการ”
จ้าวจวิ้นพยักหน้า เดิมทีเขาคิดจะช่วยเหลือลั่วล่าง อย่างไรเสีย อีกฝ่ายก็เหนือกว่าลั่วล่างสองขั้น ลั่วล่างย่อมไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่ายในการต่อสู้ตัวต่อตัว แต่ในเมื่อหัวหน้าจัดการแบบนี้ จ้าวจวิ้นก็ทิ้งความตั้งใจของเขาไป เขาเชื่อว่า มีหัวหน้ารักษาการณ์อยู่ ลั่วล่างย่อมไม่มีทางเกิดเรื่องแน่นอน
จ้าวจวิ้นจึงปล่อยวางความกังวลใจที่มีต่อลั่วล่าง ก่อนจะหันหน้าไปหาพวกลูกทีมของเจี่ยงเส่าอวี่ จ้าวจวิ้นยังไม่ลืมเรื่องที่เขาหลงกลเมื่อสักครู่ เขาต้องชำระความแค้นนี้ให้ได้
เมื่อเห็นจ้าวจวิ้นพุ่งเข้ามาประหนึ่งเสือร้าย หกเจ็ดคนที่เหลืออยู่ก็สบตากันเองแวบหนึ่ง ก่อนจะกัดฟันเข้าไปโอบล้อมด้วยกันทันที ถึงแม้พวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายร้ายกาจมาก แต่หัวหน้าทีมของพวกเขายังไม่ได้บอกให้ไป ลูกทีมอย่างพวกเขาก็ได้แต่ฝืนใจทนแล้ว
ทางด้านจ้าวจวิ้น เนื่องจากความสามารถของจ้าวจวิ้นเหนือกว่าลูกทีมเหล่านี้มาก ถึงแม้จะใช้คนจำนวนมากล้อมโจมตี ก็ไม่อาจนำพาแรงกดดันอะไรมาให้จ้าวจวิ้นได้เลย ถ้าหากไม่ใช่เพราะคนเหล่านี้ร่วมมืออย่างรู้ใจกัน ทำให้จ้าวจวิ้นจำเป็นต้องสิ้นเปลืองความคิดหาช่องโหว่ละก็ เกรงว่าจ้างจวิ้นคงซัดคนเหล่านี้จนร่วงไปนานแล้ว
หลิงหลานเห็นทางฝั่งจ้าวจวิ้นไม่มีปัญหา ก็เพ่งความสนใจมาที่ทางฝั่งลั่วล่าง เวลานี้ลั่วล่างโรมรันกับเจี่ยงเส่าอวี่ไปหลายกระบวนท่าแล้ว ถึงแม้โทสะของลั่วล่างจะล้นปริ่ม ทว่าความห่างของระดับขั้นยังคงทำให้ลั่วล่างค่อยๆ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และสถานการณ์ก็ยิ่งไม่เอื้อต่อลั่วล่างเข้าไปทุกที
หลิงหลานไม่รู้สึกเครียดเลย เนื่องจากลั่วล่างยังมีไพ่ตายอยู่ เมื่อเปิดใช้งานพรสวรรค์ ความสามารถของลั่วลางจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เวลานั้นถึงจะเป็นช่วงเวลาตัดสินแพ้ชนะที่แท้จริง
อย่างที่คิดไว้เลย หลังจากที่ลั่วล่างปะทะกับเจี่ยงเส่าอวี่อีกหลายกระบวนท่า ขณะที่เจี่ยงเส่าอวี่รู้สึกว่าคว้าชัยชนะมาได้ ทันใดนั้นเองหัวใจของเขาก็สะดุ้งโหยงขึ้นมา สัมผัสถึงวิกฤติอย่างรุนแรงสายหนึ่งแล่นวาบ เจี่ยงเส่าอวี่ตอบสนองฉับไวอย่างยิ่งยวด เขาทิ้งสถานการณ์ได้เปรียบอย่างใหญ่หลวงตรงหน้านี้และไถลไปข้างหลัง เว้นระยะห่างจากลั่วล่างหลายเมตรในชั่วพริบตา
‘ปัง’ หมัดของลั่วล่างอัดตรงไปที่พื้นจนพื้นยุบลงไปทันใด ก่อนจะปรากฏหลุมลึกประมาณหนึ่งเมตร ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีรอยแตกจากตรงกลางหลุมลึกแผ่ออกไปด้านนอกราวกับใยแมงมุม แรงมหาศาลไม่เพียงทำให้เจี่ยงเส่าอวี่ตกใจจนหน้าถอดสี เจ้าของร้านที่อยู่ในร้านเองก็หน้าซีดเผือดด้วย เขาตระหนักได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ร้านของเขาจะถูกทำลายโดยน้ำมือของสองคนนี้แล้ว
หลิงหลานจับสังเกตความผิดปกติของเจ้าของร้านได้อย่างแม่นยำ ร่างกายของเธอสั่นไหวเล็กน้อย ชายเสื้อชุดเครื่องแบบที่เดิมทีรีดจนเรียบพลันขยับขึ้นโดยที่ไม่มีลม คนที่ยังอยู่ในร้านอุปกรณ์รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิภายในร้านดิ่งฮวบลงจนถึงจุดแช่แข็ง พวกเขาพากันโคจรกำลังภายใน ถึงค่อยขับไล่ไอเย็นสายนี้ออกไปได้
หนึ่งในนั้นมีชายวัยกลางคนที่เฝ้าชมอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเย็นชามาตลอด ทันใดนั้นแววตาก็หดลง ดวงตาทั้งสองข้างของเขามีร่องรอยความตกตะลึงพาดผ่าน จ้องมองหลิงหลานที่ยามนี้กำลังหันหลังให้กับพวกเขา
เวลานี้สีหน้าของเจี่ยงเส่าอวี่ดูเคร่งขรึมมาก ลั่วล่างตรงหน้าเขาแตกต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง ดวงหน้างดงามที่แต่เดิมดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่งยวด ตอนนี้เหมือนกับถูกน้ำแข็งผนึกไว้ สูญเสียสีสันไปก็ไม่ปาน ร่างกายแผ่ไอเย็นออกมา ไม่ค่อยต่างจากเด็กหนุ่มชุดขาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากด้านหลังเขา สิ่งที่ทำให้เจี่ยงเส่าอวี่หวาดหวั่นยิ่งกว่าคือ ลั่วล่างในยามนี้คล้ายกับไม่มีความรู้สึก กลิ่นอายอันตรายซึมออกมาจากทั่วทั้งร่าง ทำให้เขาตกตะลึงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ในที่สุดก็เปิดใช้พรสวรรค์สักที ไม่นึกเลยว่าลั่วล่างจะเลือกบุคลิกนี้” หลิงหลานนึกว่าจะใช้บุคลิกป่าเถื่อนที่มีพลังแข็งแกร่งมากที่สุดเสียอีก ถึงแม้บุคลิกเย็นชาสุดขีดจะไม่เลวเหมือนกัน แต่ไม่พอให้ความสามารถของลั่วล่างพุ่งขึ้นไปถึงระดับเดียวกันกับฝ่ายตรงข้ามได้ ดังนั้น ถ้าลั่วล่างอยากเอาชนะอีกฝ่ายก็จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนเล็กน้อย
เจี่ยงเส่าอวี่รู้สึกว่ากลิ่นอายพลังของลั่วล่างแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่แล้ว ความสามารถที่เลื่อนขั้นอย่างกะทันหันของอีกฝ่ายทำให้เขาตกตะลึงและสับสน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเลื่อนไปถึงขั้นไหน เขาที่ไม่กล้าเดิมพัน ในที่สุดก็สะกดกลั้นความอดทนไม่ไหว จากนั้นก็ทำการลงมือ
เมื่อเห็นเจี่ยงเส่าอวี่โจมตีเข้ามา ลั่วล่างก็มองอย่างเฉยชาเท่านั้น ก่อนจะกำหมัดปะทะเข้าไปอย่างดุดัน
หมัดของทั้งสองชนกันอีกครั้ง และชะงักไว้หลายวินาทีก่อนจะกระเด็นลอยออกไป แต่น่าแปลกใจมาก หลังจากที่พวกเขาลอยออกไปหลายเมตรก็เหมือนกับถูกอะไรบางอย่างสกัดไว้ และร่วงลงมาที่พื้นทันที
ชายวัยกลางคนเห็นถึงตรงนี้ แววตาก็ตะลึงงันอย่างยิ่งยวด ริมฝีปากขยับอย่างยั้งไว้ไม่อยู่ ถึงแม้ไม่ได้ส่งเสียงออกมา คนรอบข้างไม่รู้ว่าเขาอยากพูดอะไร แต่ตัวชายวัยกลางคนรู้ดี สิ่งที่เขาจะพูดก็คือ ‘เขตแดน’ มีเพียงเขตแดนเท่านั้นถึงผนึกพลังปราณที่สามารถส่งผลกระทบต่อร้านค้าไว้ภายในรัศมีขอบเขตได้
ยอดฝีมือระดับเขตแดนของสหพันธรัฐมีอยู่ไม่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงคือ อายุของเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ มองดูใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วยังไม่ถึงยี่สิบปีแน่นอน ทว่าจากสถิติอายุน้อยที่สุดของคนที่ทักษะการต่อสู้ทะลวงเข้าสู่ระดับเขตแดนในสหพันธรัฐคือยี่สิบสามปี แต่เวลานี้ ความเป็นจริงตรงหน้ากลับบอกเขาว่า สถิตินี้ถูกทำลายอีกครั้ง สหพันธรัฐปรากฏอัจฉริยะแห่งยุคขึ้นมาอีกคนแล้ว
——————-