I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 436 เดินซื้อของ!
หลิงหลานเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าประตูอยู่เหนือความคาดหมายของเธอก็เอ่ยด้วยความแปลกใจว่า “พวกเธอมาได้ยังไง?” เธอเบี่ยงกายเล็กน้อย บ่งบอกให้ทั้งสองคนเข้ามา
หานซู่หย่าเห็นลั่วเฉาไร้ความสามารถในการเคลื่อนไหวแล้ว เธอก็จูงมือน้อยๆ ของลั่วเฉา และลากลั่วเฉาเข้าไปในห้องโดยไม่ลังเล
หลิงหลานค่อยปิดประตู หันกายมาถามว่า “พวกเธออยากดื่มอะไร?”
หลิงหลานดีใจมากที่ลั่วเฉากับหานซู่หย่ามาเยือนถึงหน้าประตู ความจริงเธออยากมีเพื่อนสาวหลายๆ คนมาคุยเล่น พูดเรื่องความรักอะไรทำนองนี้… ถึงแม้ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความหวังนี้ไม่มีทางเป็นจริงแล้วก็ตาม
ลั่วเฉาเขินจนหน้าแดง พูดตะกุกตะกักว่า “ตะ ตามใจลูกพี่หลานเลย”
หานซู่อย่ากลับเอ่ยโดยไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อยว่า “ฉันอยากดื่มน้ำไอมูโร่ว” ไอมูโร่วเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง ดังนั้นน้ำที่คั้นจากมันจึงมีราคาแพงมาก ปกติหานซู่หย่าทำใจดื่มไม่ลง แต่เธอไม่มีความเกรงใจอะไรเมื่ออยู่กับลูกพี่หลาน อย่างไรเสีย ลูกพี่หลานก็เป็นทายาทรุ่นสองของตระกูลทหารระดับสูงสุดของสหพันธรัฐ เงินค่าขนมของเขาย่อมมากจนทำให้คนตกใจตายได้…
นึกถึงตรงนี้ หานซู่หย่าก็งุ่นง่านใจขึ้นมา เป็นพ่อแม่เหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมพ่อแม่ของลูกพี่หลานถึงให้เครดิตลูกพี่หลานมหาศาลอย่างไม่เสียดายขนาดนี้ ส่วนพ่อแม่ของเธอกลับหยุมหยิมจุกจิก ทุกครั้งที่กลับไปขอเงินค่าขนมหน่อย ก็ยังต้องให้เธอแจ้งบัญชี? คิดๆ ดูแล้วก็ปวดใจ
หานซู่หย่าใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งก่อนจะรับรู้ได้ว่า พ่อแม่ของคนอื่นดีที่สุดอย่างที่คิดไว้เลย
เป็นเหมือนอย่างที่หานซู่หย่าคิดไว้แบบนั้นจริงๆ หลิงหลานไม่สนใจเครดิตพวกนี้เลย ไม่ต้องพูดถึงเครดิตที่พ่อแม่ของเธอให้มา อาศัยแค่เสี่ยวซื่อสารพัดนึกของเธอ ก็สามารถช่วยเธอหาเครดิตมานับไม่ถ้วนแล้ว แถมยังหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด เธอใช้อย่างไรก็ใช้ไม่หมด
ขณะที่ลั่วเฉาขัดเขินจนพูดไม่ออกเช่นนี้เอง หานซู่หย่าทนมองไม่ไหวเอ่ยปากช่วยโดยไม่ลังเล ในที่สุดหลิงหลานก็รู้แล้วว่าสาวน้อยทั้งสองคนมาหาเธอที่นี่เพราะอะไรกันแน่ คิดๆ ดูแล้ว วันนี้ก็ไม่มีธุระอะไรจริงๆ หลิงหลานเลยตกลงว่าจะไปเดินซื้อของกับพวกเธอ
ยังไม่ทันออกจากห้อง กริ่งประตูห้องหลิงหลานก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง หลิงหลานเปิดออกไปดู เป็นหลี่หลานเฟิงนี่เอง เธอถามอย่างสงสัยว่า “ชีตาห์ มีธุระอะไรเหรอ?”
หลี่หลานเฟิงเหลือบมองเข้าไปในห้อง เด็กสาวสองคนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องกระต่าย หลี่หลานเฟิงไม่ได้ลืมบทสนทนาที่พวกเธอพูดคุยกัน ลั่วเฉาคนนั้นชอบกระต่ายมาก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายสารภาพแล้วหรือยัง ไม่นึกเลยว่ากระต่ายของเขาอายุน้อยกว่าเขาสามปีกลับดอกท้อเบ่งบานเต็มไปหมดแล้ว นี่ทำให้หลี่หลานเฟิงหัวใจหดเกร็ง เขายังไม่มีแฟนเลยนะ น่าขายหน้าอยู่นิดๆ…
“มีแขกเหรอ?” หลี่หลานเฟิงเก็บงำอารมณ์ที่อิจฉาริษยาที่ทะลักขึ้นมา แสร้งทำเป็นมองเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจ ดวงหน้าเต็มไปด้วยประหลาดใจ
“ใช่แล้ว น้องสาวสองคนของฉันอยากไปเดินซื้อของในตลาดน่ะ” หลิงหลานตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
หลี่หลานเฟิงได้ยินคำกล่าวก็เอ่ยด้วยสีหน้าลิงโลดว่า “บังเอิญจริง ฉันกำลังคิดชวนนายไปเดินเล่นด้วยกันเลย ไม่งั้นพวกเราไปด้วยกันดีไหม?”
หลิงหลานครุ่นคิดก่อนจะตกลง เธอรู้สึกว่าเธอพาเด็กสาวไปสองคนอาจจะยุ่งจนรับมือไม่ไหว มีหลี่หลานเฟิงเพิ่มมาอีกคนก็จะปลอดภัยขึ้นหน่อย หลิงหลานไม่ได้มองข้ามหน้าตาอันน่าตกตะลึงของลั่วเฉา ก็เหมือนกับลั่วล่าง มักจะรู้สึกว่าโฉมงามเป็นภัย
ทว่าเมื่อหลิงหลานออกเดินทางก็ไม่ได้มีแค่พวกเขาสี่คนแล้ว ระหว่างทางเจอฉีหลง พวกฉีหลงรู้ว่าลูกพี่จะออกไปเดินเล่นก็ตื่นเต้นทันที เรียกคนกลุ่มใหญ่มาอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดก็เปลี่ยนเป็นหน่วยรบหลิงเทียนออกไปข้างนอกกันหมด ทั้งสิบสองคนมุ่งหน้าไปที่ตลาดอย่างเอิกเกริก
……
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งโรงเรียนทหารชายที่สอง หลังจากที่ได้รับข่าวว่าลั่วเฉา หานซู่หย่าออกไปเดินซื้อของด้วยกันกับคนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง เจี่ยงเส่าอวี่ก็พาหน่วยรบของเขาตามออกไปเช่นกัน…
เนื่องจากจำนวนคนค่อนข้างเยอะ ดังนั้นเลยแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ลั่วเฉากับหานซู่หย่าอยู่กับพวกหลิงหลาน หลี่หลานเฟิง ลั่วล่างและจ้าวจวิ้น ส่วนฉีหลงก็พาหานจี้จวิน หลินจงชิง เซี่ยอี๋ ฉางซินหยวน กับหลี่ซื่ออวี๋ไปห้าคน
เทียบกับพวกลั่วเฉาที่เดินเที่ยวอย่างไร้จุดหมายแล้ว กลุ่มของฉีหลงมีเป้าหมายเยอะมาก หลี่ซื่ออวี๋กับฉางซินหยวนเป็นนักวิจัยของทีม ขอเพียงเห็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการวิจัยของตัวเองก็ซื้อโดยไม่ลังเล หลินจงชิงที่เป็นหัวหน้าฝ่ายพลาธิการก็ไม่ลืมรวบรวมของที่มีประโยชน์สำหรับหน่วยรบตัวเอง โชคดีที่หลิงหลานเตรียมการไว้แต่แรกแล้ว โอนเครดิตก้อนใหญ่ให้หลินจงชิง จำนวนตัวเลขนั้นทำให้หลินจงชิงที่ควบคุมการเงินของหน่วยรบหลิงเทียนได้แต่ตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด เกิดความรู้สึกเข้าใจผิดว่าโดนเครดิตอัดทับ เห็นได้ว่าเครดิตก้อนนี้มีเยอะมากๆ
หลังจากที่เดินเที่ยวมาตลอดทางเช่นนี้ เมื่อเทียบกับใบหน้าของลั่วล่างและจ้าวจวิ้นที่เริ่มปรากฏสีหน้าหมดความอดทน หลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงดูสงบนิ่งกว่ามาก พวกเขานั่งอยู่ในเขตพักผ่อน รอคอยลั่วเฉากับหานซู่หย่าลองเสื้อผ้าจนเสร็จด้วยความอดทน
ลั่วล่างทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เขามองไปยังฝั่งตรงข้ามด้วยดวงตาลุกวาว ที่นั่นก็คือร้านอุปกรณ์หุ่นรบ เขาอยากไปดูมากๆ
“ลูกพี่ ฉันไปดูฝั่งตรงข้ามหน่อยนะ เดี๋ยวกลับมา” ลั่วล่างเอ่ยปากในที่สุด เขาไม่อยากอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวตัวเองเลือกซื้อเสื้อผ้าอีกแล้ว
จ้าวจวิ้นได้ยินคำกล่าว แววตาก็เปล่งประกาย รีบกล่าวว่า “ฉันไปด้วย”
หลิงหลานโบกมืออย่างไม่สนใจ “ไปเถอะ!” จากนั้นก็เห็นจ้าวจวิ้นกับลั่วล่างวิ่งตะบึงไปราวกับมีผีร้ายไล่ตามก็ไม่ปาน
หลิงหลานขำนิดหน่อย ถามหลี่หลานเฟิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า “ชีตาห์ ไปซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนเด็กผู้หญิงมันทนยากขนาดนั้นเชียวเหรอ?” ถึงแม้หลิงหลานไม่มีโอกาสลองใส่พวกเสื้อผ้าสวยๆ ตรงหน้านี้เอง แต่ว่าแค่มองก็สุขใจแล้ว ดังนั้นเธอเลยไม่รู้สึกเหนื่อย ตรงกันข้าม เธอกลับสนุกกับช่วงเวลานี้
หลี่หลานเฟิงคล้ายกับอารมณ์เสียอยู่บ้าง เขาตอบกลับเสียงเบาว่า “ถ้าเกิดให้ความสำคัญกับเด็กผู้หญิงคนนั้น อยู่เป็นเพื่อนยังไงก็มีความสุขทั้งนั้นแหละ…กระต่าย นายให้ความสำคัญกับ…เด็กผู้หญิงด้านในคนนั้นมากเลยเหรอ?”
หลิงหลานเอ่ยอย่างแย้มยิ้มว่า “พวกเธอเป็นน้องสาวที่ฉันรัก จะไม่ให้ความสำคัญกับพวกเธอได้ยังไงล่ะ?”
น้องสาวจริงๆ เหรอ? ถ้าเป็นแค่น้องสาว ทำไมลั่วล่างถึงทนไม่ได้ล่ะ ลั่วล่างยังเป็นพี่ชายแท้ๆ ของลั่วเฉาเสียด้วยซ้ำ…หลี่หลานเฟิงมองหลิงหลานอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง อยากรู้ว่าคำพูดที่หลิงหลานกล่าวมาประโยคนี้เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ พูดตามตรง หลี่หลานเฟิงไม่ค่อยอยากให้หลิงหลานมีแฟนตอนนี้ เขารู้สึกเสมอว่า มิตรภาพระหว่างเขากับหลิงหลานยังห่างไกลจากที่เขาปรารถนาไว้เล็กน้อย ดังนั้น หลี่หลานเฟิงเลยไม่อยากให้มีแฟนสาวที่ส่งผลกระทบต่อหลิงหลานเพิ่มขึ้นมาในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้
……
ภายในห้องลองเสื้อ ลั่วเฉาประคองชุดเดรสผ้าโปร่งบางที่หลิงหลานเลือกให้เธอด้วยใบหน้าแดงฉาน วิญญาณเหมือนหลุดออกจากร่าง หานซู่หย่าเห็นแบบนั้นก็สะกิดเธออย่างเอือมระอา “อย่านิ่งเซ่อสิ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วเข้า แล้วออกไปล่อลวงลูกพี่หลานซะ”
คำพูดของหานซู่หย่าทำให้ดวงหน้าของลั่วเฉาแดงยิ่งกว่าเดิม แต่เธอก็ได้สติกลับมาในที่สุด ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า ระหว่างที่เปลี่ยนชุด ลั่วเฉาพลันเอ่ยถามหานซู่หย่าว่า “พี่หลี่คนนั้น เขาไม่ชอบฉันอยู่หน่อยๆ หรือเปล่า?”
หานซู่หย่าอึ้งไป รีบถามว่า “เธอรู้สึกอะไรได้เหรอ?”
ลั่วเฉาขมวดคิ้วราวกับหวนนึกอะไรบางอย่าง “ทุกครั้งตอนที่ฉันถามลูกพี่หลาน เขาเอาแต่พูดแทรก เบนหัวข้อออกไปตลอด เหมือนกับว่าเขากีดกันฉันอยู่นิดหน่อยเลย”
หานซู่หย่าได้ยินคำกล่าวพลันเคร่งขรึมขึ้นมา เธอเริ่มนึกย้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดทาง เป็นเหมือนกับที่ลั่วเฉาพูดไว้จริงๆ ชายที่ชื่อหลี่หลานเฟิงคนนั้นคล้ายกับกีดกันพวกเธอสองคนออกจากวงสนทนาของพวกเขาอย่างจงใจและไม่จงใจ ถ้าเกิดลั่วเฉาไม่พูดขึ้น เธอก็คงมองข้ามเรื่องนี้ไปแล้ว
แต่หลี่หลานเฟิงคนนั้นทำหน้ายิ้มแย้มตลอด พูดจากับพวกเธออย่างอบอุ่นและสุภาพมาก นอกจากนี้ไม่ได้แสดงท่าทีไม่ชอบออกมาเลย พวกเธอคิดมากไปหรือเปล่า? หานซู่หย่าเอ่ยความเป็นไปได้นี้ออกมา ลั่วเฉากัดริมฝีปาก แต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้ เลยได้แต่ตัดสินใจว่าคอยดูกันต่อไป
…..
ไม่นาน พวกเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เดินออกมา ลูกค้าที่กำลังเลือกเสื้อผ้าในร้านเห็นแม่มดหนึ่งคน และเทพเซียนหนึ่งคนออกมา แววตาพลันเปล่งประกาย
หานซู่หย่าจูงลั่วเฉาที่เขินอายมาตรงหน้าหลิงหลาน เอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “ลูกพี่หลาน สวยหรือเปล่า?”
อย่างที่คิดไว้จริงๆ มนุษย์ต่างเป็นสัตว์ที่ตัดสินด้วยรูปโฉมภายนอก ถึงแม้เป็นผู้หญิงเหมือนกัน หลิงหลานยังถูกหานซู่หย่ากับลั่วเฉาทำให้ตกตะลึง เธอพยักหน้าเอ่ยชมว่า “ไม่เลว เสื้อผ้าเข้ากับพวกเธอมากเลย”
ถึงแม้ใบหน้าของลั่วเฉาจะแดงก่ำมาก แต่ก็ยากจะปกปิดความดีใจไว้ มุมปากของเธอโค้งขึ้นมา
หลี่หลานเฟิงเองก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว น้องสาวทั้งสองเป็นสาวงามจริงๆ ไม่ว่าสวมชุดไหนก็ดูดีหมด” คำชมที่จริงใจทำให้ลั่วเฉากับหานซู่หย่าเอียงอายเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพวกเธอจะเข้าใจพี่หลี่คนนี้ผิดแล้ว
ขณะที่ลั่วเฉากับหานซู่หย่าเตรียมตัวเปลี่ยนชุดจ่ายเงิน ทันใดนั้นร้านฝั่งตรงข้ามพลันเกิดเสียงดังลั่น ลูกค้าไม่น้อยวิ่งออกมาจากในร้านอย่างอลหม่าน หลิงหลานเห็นแบบนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป เธอย่อมไม่ลืมว่า ลั่วล่างกับจ้าวจวิ้นกำลังอยู่ที่นั่น
“ชีตาห์ นายอยู่ที่นี่คุ้มครองลั่วเฉากับหานซู่หย่าด้วย ฉันจะไปดูฝั่งตรงข้ามหน่อย” หลิงหลานตัดสินใจอย่างเฉียบขาด ฝากลั่วเฉากับหานซู่หย่าให้หลี่หลานเฟิงดูแล ส่วนตัวเองก็พุ่งกายไปทีหนึ่ง ก่อนจะหายตัวไปจากในร้าน
“ลูกพี่หลานไปไหนแล้ว?” หานซู่หย่าเห็นหลิงหลานหายตัวไปในพริบตา ก็รีบถามหลี่หลานเฟิง
“เขาไปดูฝั่งตรงข้ามหน่อยน่ะ พวกเธอไปจ่ายเงินก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน” หลี่หลานเฟิงสั่งการ รอยยิ้มที่เดิมทีอยู่บนใบหน้าหายไปแล้ว และเผยร่องรอยความเคร่งขรึมออกมา เมื่อสักครู่เขาสัมผัสได้ว่ามีคลื่นพลังจากฝั่งตรงข้าม ดูเหมือนว่าที่นั่นมีคนต่อสู้กันแล้ว ระดับทักษะการต่อสู้มือเปล่าไม่ต่ำอีกด้วย ไม่รู้ว่าเป็นพวกลั่วล่างหรือเปล่า
……
พูดถึงลั่วล่างกับจ้าวจวิ้น หลังจากที่ออกจากร้านเสื้อผ้าผู้หญิงแล้ว พวกเขาก็วิ่งตรงไปที่ร้านอุปกรณ์หุ่นรบ เนื่องจากตลาดแห่งนี้ตั้งขึ้นชั่วคราว ดังนั้นการจัดวางจึงมั่วซั่วมาก ร้านที่เพิ่งผ่านอาจเป็นร้านขนม ทว่าร้านถัดจากนั้นอาจเป็นร้านอาวุธปืนจรวดก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ร้านอุปกรณ์หุ่นรบที่พวกเขาเข้ามาแห่งนี้ รอบข้างไม่ใช่ร้านเสื้อผ้า ก็เป็นร้านอัญมณีทองคำอะไรทำนองนั้น ไม่เข้ากับร้านอุปกรณ์หุ่นรบเลย
ของในร้านอุปกรณ์ครบครันมาก มีกระเป๋าพลังงาน กระเป๋ายา และก็กระเป๋าอาวุธ แถมยังมีวัตถุดิบล้ำค่าจากดาวต่างๆ ไม่น้อยด้วย วัตถุดิบล้ำค่าเหล่านี้สามารถใช้ปรับแต่งหุ่นรบได้ และก็สามารถผลิตอาวุธได้ด้วย ดังนั้น ภายในร้านจึงมีนักเรียนทหารอยู่ไม่น้อย
เนื่องจากศึกประลองหุ่นรบใช้หุ่นรบจริง ทุกคนเลยอยากหาอุปกรณ์มาเพิ่มกำลังรบของหุ่นรบให้แข็งแกร่งขึ้นก่อนการประลอง นี่ก็คือสาเหตุที่บรรดานักเรียนทหารเลือกเข้ามาในร้านอุปกรณ์ก่อน
ลั่วล่างมองอาวุธเย็นเล่มหนึ่งด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากอาวุธเย็นเล่มนี้คล้ายคลึงกับปู้หุ่ยที่ลูกพี่หลานใช้ในโลกหุ่นรบมาก ตัวดาบเป็นสีดำสนิทเรียวยาวบางเบา ทำให้คนกังวลว่าจะประคับประคองดาบที่ยาวเจ็ดเมตรเล่มนั้นได้หรือเปล่า
“ดาบเล่มนี้ดูคุ้นมาก!” จ้าวจวิ้นมองไปตามสายตาของลั่วล่าง และพอเห็นดาบเล่มนี้ก็อึ้งทึ่งมากเหมือนกับลั่วล่างเช่นกัน
ลั่วล่างเดินเข้าไปที่ข้างใต้ดาบยักษ์อย่างควบคุมไม่อยู่ มองข้อมูลของดาบยักษ์ให้ละเอียด ก่อนจะพบว่าวัตถุดิบนี้ไม่ใช่ของที่เขารู้จัก
พนักงานขายที่อยู่ด้านข้างเห็นลั่วล่างสนใจดาบยักษ์เล่มนี้มากก็เดินเข้ามาแนะนำว่า “ดาบเล่มนี้ชื่อว่า ชางฉยง (ท้องฟ้า) ครับ มันสร้างขึ้นมาจากวัตถุดิบใหม่ที่เพิ่งค้นพบ อย่าเห็นว่าตัวดาบมันเรียวยาวนะครับ ความจริงแล้วมันทนทานมากๆ นอกจากนี้ชางฉยงเล่มนี้มีลักษณะพิเศษอยู่ นั่นก็คือตัวดาบมีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง”
—————————