I Was Kidnapped By The Strongest Guild - ตอนที่ 32 จับหัวขโมย
มันเป็นโลกที่เลวร้าย
ภายในโลกที่อาจจะเป็นแค่ความฝัน ฉันกำลังจับกระต่ายมีเขาอยู่
กระต่ายมีเขาหนึ่งตัวเป็นสิ่งที่จัดการได้ แต่ต้องแลกมากับการแขวนชีวิตไว้บนเส้นด้าย
สองตัวหมายถึงฉันต้องรีบวิ่งหนีไปทันที และเมื่อมีอยู่สามตัว ก็ไม่รู้เลยว่าจะเอาตัวรอดได้ไหม
และในวันนั้น ฉันถูกไล่ล่าโดยกระต่ายมีเขาห้าตัว
มันเป็นเพราะว่าฉันไปรบกวนโพรงใต้ต้นไม้ของพวกมันโดยไม่ได้ตั้งใจ
กระต่ายมีเขามีขนาดเล็ก แต่พวกมันก็เคลื่อนที่ด้วยขาทั้งสี่
ด้วยความเร็วในระดับมนุษย์ทั่วไป ฉันจึงไม่อาจหนีมันให้พ้นได้
เพื่อเอาชีวิตรอด ฉันเลยต้องกลิ้งไปบนพื้นในตอนที่ถูกพวกมันโจมตีด้วยเขา
—แฮ่ก!
เหมือนอย่างเคย ฉันกลิ้งตัวไปบนพื้นเมื่อฉันเห็นกระต่ายมีเขากำลังพุ่งตรงมาที่ฉัน
การถูกกระต่ายมีเขาไล่เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของผู้คนที่ทำเพียงแค่เฝ้าดูฉัน
—ชั่วทั้งชีวิตของฉัน ฉันไม่เคยเห็นใครถูกกระต่ายมีเขาไล่มาก่อนเลย
—พิการทางสมองงั้นเหรอ?
ฮ่าฮ่าฮ่า
ฉันเอามือปิดหูของตัวเองเพราะไม่อยากได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังลั่น แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ยังได้ยินเสียงนั้นอยู่ดี
มันเป็นเรื่องที่น่าอับอาย แต่เพื่อความอยู่รอดแล้ว ฉันจำเป็นที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากคนที่แข็งแกร่ง
คนที่ฉันไปขอความช่วยเหลือในวันนั้นก็คือ ชเวจินฮยอก ชายรูปร่างใหญ่โตผู้ที่เป็นผู้ดูแลของพื้นที่ล่า
—แฮ่ก! แฮ่ก!
—แค่ครั้งนี้เท่านั้น ได้โปรดช่วยฉันด้วย
ฉันวิ่งไปหาชเวจินฮยอกด้วยความสิ้นหวัง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาของฉันก็คือใบหน้าที่แสนเย็นชาของเขา
—อ่า บ้าไปแล้ว…
ฉันพยายามเอื้อมมือออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่สุดท้ายฉันก็เอื้อมมือไปไม่ถึง
ทันใดนั้น ความคิดเรื่องความตายก็เข้ามาในใจของฉัน
ทำไมฉันต้องใช้ชีวิตแบบนี้ด้วย?
ด้วยคำถามนั้น ฉันจึงลืมตาขึ้น
“เอ่อ…”
มันเป็นห้องมืด ๆ
ฉันรู้สึกโล่งใจทันทีเมื่อฉันเห็นโซเฟียกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ข้าง ๆ ฉัน
‘ขอบคุณพระเจ้า’
มันเป็นแค่ความฝัน
ฉันวางมือลงบนหน้าอกเพื่อระงับหัวใจที่เต้นรัว หลังจากนั้นฉันก็ตระหนักได้ว่า
สถานการณ์ของฉันในปัจจุบันดีขึ้นกว่าตอนที่ฉันล่ากระต่ายมีเขาอยู่คนเดียวมาก
จากนี้ไปฉันควรใจดีกับยอรึมให้มากกว่านี้นิดหนึ่ง
เมื่อตั้งปณิธานเสร็จแล้ว ฉันจึงปิดตาลงอีกครั้งและในตอนนั้นเอง ฉันก็ได้ยินเสียงดังกรอบแกรบดังออกมาจากข้างในเต็นท์
‘ฮืม?’
มีใครกำลังค้นหาของภายในเต็นท์อยู่
เสียงฝีเท้าหนักมาก ไม่ใช่ยอรึมแน่นอน
หรือว่าเป็นขโมย?
ฉันอยากปลุกโซเฟีย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่โซเฟียหลับ เธอก็จะไม่ตื่นขึ้นมาอย่างง่าย ๆ
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการดีที่สุดถ้าหากฉันจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
ฉันพยายามเปิดประตูบ้านสำเร็จรูปออกอย่างระมัดระวัง แต่ประตูที่ขึ้นสนิมแล้วกลับส่งเสียงดังเอี๊ยดออกมา
เอี๊ยด—
เสียงโลหะดังกึกก้องไปในความมืดอย่างแปลกประหลาด
เมื่อรับรู้ถึงสิ่งนี้ ผู้บุกรุกที่อยู่ภายในเต็นท์ก็กลั้นลมหายใจของตัวเอง
หัวขโมยแน่ ๆ
ฉันคว้าคันธนูกับลูกธนูและรีบออกไปด้านนอก และในจังหวะนั้น ฉันก็เห็นคนวิ่งออกมาจากในเต็นท์ภายในความมืด
ไฟถนนในบริเวณโดยรอบถูกปิดทั้งหมดเพื่อการนอนหลับ แต่ด้วยสายตาอันยอดเยี่ยมของมนุษย์สัตว์ ฉันก็เลยเห็นร่างนั้นได้อย่างชัดเจน
‘…นั่นใครน่ะ?’
คน ๆ นั้นคือผู้ชายที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
และเขากำลังถือเสื้อผ้าที่ฉันซ่อมไปเมื่อวานนี้ด้วยด้ายและเทปกาวเอาไว้ในมือ
“เสื้อของฉัน…!”
ทำไมคนที่อยู่ดีกินดีถึงได้ผันตัวมาเป็นโจรล่ะ?
ฉันเล็งคันธนูไปที่เขา แต่ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะยิงจริง ๆ
ถึงแม้เขาจะเป็นหัวขโมย แต่ฉันก็ไม่ได้อยากยิงธนูใส่ใคร
เมื่อรับรู้ว่าฉันไม่ได้มีความตั้งใจที่จะโจมตี เขาจึงหนีไปไกลแล้ว
บางทีเขาคงจะมองไม่เห็นคันธนูของฉัน เนื่องจากสายตาของเขาไม่ดี
“หย-หยุดอยู่ตรงนั้นนะ…!”
ฉันวิ่งไล่ตามเขาไปพร้อมกับคันธนูที่อยู่ในมือ
โดยปกติแล้ว ฉันควรวิ่งได้เร็วมากกว่านี้ แต่ลูกธนูหลายสิบดอกที่อยู่ที่ด้านหลังของฉันทำให้ฉันเคลื่อนไหวได้ลำบาก
แถมคันธนูที่ฉันถือก็ค่อนข้างหนักด้วย
“เอาเสื้อของฉันคืนมา…!”
ระยะห่างระหว่างเราเพิ่มขึ้น
ฉันคิดที่จะทิ้งธนูเพื่อไล่ตามเขา แต่ถ้าหากฉันไม่มีมัน ฉันก็ไม่มีทางสู้กับเขาได้เลย
ในสถานการณ์ที่ไม่ว่าจะเป็นตรงนี้หรือตรงนั้น ขโมยก็เริ่มห่างออกไปเรื่อย ๆ
ในขณะที่ฉันทำได้แค่ดูร่างที่ค่อย ๆ จากไปด้วยความสิ้นหวัง จู่ ๆ ชายรูปร่างใหญ่โตก็โผล่ออกมาและปิดกั้นเส้นทางของขโมยเอาไว้
ตึ้บ—!
ชายที่กำลังหนีชนเข้ากับชายรูปร่างใหญ่โตอย่างจัง เนื่องจากเขาไม่สามารถควบคุมโมเมนตัมของตัวเองเอาไว้ได้
ผู้ชายที่จู่ ๆ ก็โผล่ออกมาก็คือชเวจินฮยอก
“ทำบ้าอะไรของแก?”
ชเวจินฮยอกจับคอเสื้อของหัวขโมยด้วยมือข้างเดียวและยกขึ้น
ความแข็งแรงอันมหาศาลของเขาทำให้ฉันหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นฉันก็ค่อย ๆ เข้าหาชเวจินฮยอกอย่างระมัดระวัง
“สะ-เสื้อของฉันถูกขโมย…”
“ตรงนี้”
ในขณะที่ชเวจินฮยอกบีบข้อมือของหัวขโมย ฝ่ายนั้นก็กรีดร้องและทิ้งเสื้อไป
ฉันรีบหยิบเสื้อและก้าวถอยหลังออกมา
เนื่องจากเป็นเพราะพฤติกรรมของเขาในความฝันของฉัน
“ฉันได้ยินมาว่ามีคนถูกขโมยเสื้อผ้าไปและดูเหมือนว่าชายคนนี้จะเป็นคนร้าย”
ฮึ๋ย—
ชเวจินฮยอกคว้าใบหน้าของหัวขโมยด้วยมืออันใหญ่โตของเขาด้วยความรำคาญจากเสียงครวญครางของหัวขโมย
หัวขโมยห้อยอยู่ในมือของเขาอย่างช่วยไม่ได้ และดูค่อนข้างน่าสงสาร
แต่ยังไงซะ คนในโลกนี้ถึงโดนแบบนั้นไปก็ไม่ตายหรอก
“คือว่า ในตอนกลางคืนอย่างนี้ ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“…มันเป็นหน้าที่ของฉันน่ะ”
“อ๊ะ…”
แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่อย่างชเวจินฮยอกก็ยังต้องผลักกันยืนเฝ้ายาม
ฉันพยักหน้าและยืนอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อดี
ฉันไม่มีอะไรให้พูดอีกแล้ว
“ชายคนนี้จะได้รับการดูแลจากกิลด์ เพราะงั้นกลับไปบ้านไปนอนเถอะ มันยังมืดอยู่เลย”
“ขอบคุณที่ช่วย”
“โอเค จบเรื่องอันตรายแล้ว เพราะงั้นไม่ต้องกังวลและไปพักผ่อนเถอะ”
“อืม…”
ฉันพยักหน้าด้วยความขอบคุณเขาแล้วจึงค่อยมุ่งตรงกลับไปที่บ้านสำเร็จรูป
บางทีชเวจินฮยอกก็คงพยายามที่จะเป็นคนที่ดีขึ้นเหมือนอย่างฉัน
เพราะถ้ามันไม่เป็นแบบนั้น ฉันก็ไม่รู้เหตุผลที่เขาต้องช่วยฉันแบบนี้อีกแล้ว
‘ใคร ๆ ก็อยากเป็นคนที่ดีขึ้น’
เมื่อคิดได้แบบนั้น ชเวจินฮยอกจากความฝันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่รบกวนฉันอีกต่อไป
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฉันยืดตัวและลุกตัวขึ้นจากที่นอน หลังจากนั้นฉันก็สังเกตเห็นว่ามีคนอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านสำเร็จรูป
“ฮืม…”
รอยเท้าที่โดดเด่นและรอบคอบนั้นช่างคุ้นเคย
ต้องเป็นยอรึมแน่ ๆ เลย
ฉันขยี้ตาและเดินออกมาจากบ้านสำเร็จรูป
“อยู่นี่เอง…”
“โอ้ คยออุลตื่นแล้วเหรอ?”
ยอรึมเดินเข้ามาหาฉันโดยที่ถือกาแฟไว้ในมือข้างหนึ่ง
ฉันรู้สึกชื่มชมในความขยันของเธอที่ตื่นเช้ามาก
“คุณมาตั้งแต่รุ่งเช้าเลย”
“ใช่ เมื่อวานนี้พี่ได้ยินมาว่ามีโจรขึ้นบ้านของคยออุลน่ะ เพราะงั้นพี่ก็เลยรีบมาที่นี่”
“อ๊ะ”
ฉันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวขโมยคนนั้น
ยอรึมแตะไหล่ของฉันในตอนที่ฉันมองไปที่เต็นท์อย่างไม่ได้ตั้งใจ
“นี่คือสิ่งที่โจรขโมยไปจากคยออุล”
“โอ้!”
มันคือชุดที่ฉันห่วงแหนมากที่สุด
ฉันรีบหยิบชุดไปจากเธอและชูมันขึ้นฟ้า
‘ขอบคุณพระเจ้า’
ไม่มีรอยฉีกหรือรอยสกปรกเพิ่มเติมเลย
มันยังเป็นเหมือนกับที่ฉันจำได้
การได้เห็นมันอีกครั้งทำให้ฉันมีความสุขอย่างคาดไม่ถึง ถึงแม้ฉันจะตัดสินใจไปแล้วว่าจะไม่ยึดติดกับมัน
“พี่ได้ของทุกอย่างคืนมาจากโจรเมื่อคืนนี้ พี่ทำได้ดีใช่ไหมล่ะ?”
“อืม ขอบคุณ แต่ทำไมเขาต้องขโมยเสื้อของฉันไปด้วยล่ะ? มันไม่สะอาดเลยด้วยซ้ำ”
“…คือว่า เขาจะเอาพวกมันไปขายน่ะ”
ความคิดที่จะขายเสื้อผ้าสกปรกเหล่านี้ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจ
“มีคนที่อยากซื้อเสื้อผ้าที่สกปรกแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ?”
“คือว่า แฮะแฮะ…”
ยอรึมยิ้มอย่างอึดอัดใจ
ฉันเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถบอกฉันได้
‘คงไม่ใช่สิ่งที่ฉันกำลังคิดอยู่หรอกใช่ไหม?’
ไม่มีทางหรอก
เป็นไปไม่ได้แน่ ๆ
นี่คือร่างกายของเด็ก ไม่ใช่ของผู้ใหญ่สักหน่อย
ฉันส่ายหัวเพื่อพยายามสลัดความสงสัยออกไป แต่สุดท้ายมันก็ไม่ออกไป
“บางทีคนนั้นอาจจะเป็นคนลามก”
“…คยออุลไปเรียนรู้คำแบบนี้มาจากไหนเหรอ?”
“ฉันรู้ได้ยังไงน่ะเหรอ…?”
มันเป็นคำง่าย ๆ ที่เรียนรู้ได้ไม่ยากไม่ใช่เหรอ?
เมื่อมองดูยอรึมอย่างสับสน เธอก็แตะไหล่ของฉัน
“มนุษย์สัตว์เป็นตัวตนที่หาได้ยาก ดังนั้นเสื้อผ้าที่มนุษย์สัตว์สวมเลยขายได้ในราคาแพงน่ะ”
“เสื้อผ้า?”
ฉันมองลงไปอย่างไตร่ตรองถึงสิ่งที่ฉันกำลังสวมอยู่
ขายได้เท่าไหร่กันถึงได้คุ้มที่จะขโมย?
ความอยากรู้อยากเห็นของฉันถูกกระตุ้น
“ขอพูดให้ชัดเจนเลยนะ คยออุลไม่ควรขายมันโอเคไหม? อาจมีคนไม่ดีใช้มันในทางที่ผิด”
“โอเค…”
ในทางที่ไม่ดี
ฉันรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร
และฉันเองก็ไม่ต้องการแบบนั้นเช่นกัน
“ขอจบหัวข้อลงตรงนี้เลย ขืนเอาแต่พูดเรื่องแย่ ๆ เดี๋ยวก็เสียสุขภาพจิตกันพอดี”
“โอเค”
ฉันรีบตอบตกลงทันที
ฉันรู้สึกไม่ดี ฉันเลยตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุย
“ทำไมวันนี้คุณถึงพกอาวุธเหรอ?”
มีดาบผูกไว้ที่เอวของยอรึม
ฉันรู้สึกไม่คุ้ยเคยเลย เพราะปกติแล้วเธอจะไม่พกอาวุธ
“วันนี้พี่จะไปดันเจี้ยยน่ะ”
“ดันเจี้ยน”
“ใช่ มันเป็นเกตที่เพิ่งปรากฏออกมาเมื่อวานนี้น่ะ แถมยังเป็นระดับสูงอีกด้วย อ่า…แต่มันอาจจะน่ากลัวนิดหน่อยสำหรับคยออุล”
ยอรึมเกาหลังศีรษะ
เธอดูรู้สึกผิด
“ทำไมล่ะ?”
“พี่ได้ยินมาว่า มอนสเตอร์ที่ออกมาจากที่นั่นคือกระตายมีเขาน่ะ”
“จากดันเจี้ยนระดับสูง…?”
“ใช่ มันน่าแปลก เพราะงั้นพี่เลยต้องเข้าไปดู แถมมันยังเป็นดันเจี้ยนที่มีแต่กระต่ายมีเขา โดยปกติแล้วถ้าหากมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น มันก็คงมีอะไรซ่อนอยู่ แต่พี่ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร”
มีบางอย่างซ่อนอยู่
ฉันสงสัยแต่ก็ไม่แน่ใจ
ถ้าหากเป็นฉันคนเก่าที่ ‘ไร้มานา’ ดันเจี้ยนกระต่ายก็คงเหมือนกับดันเจี้ยนระดับสูง
แต่มันคงไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━