I Was Kidnapped By The Strongest Guild - ตอนที่ 31 มีเรื่องที่ฉันไม่รู้อยู่มากมาย
แคร็ก—
ฉันจ้องมองเสื้อผ้าที่ถูกฉีกโดยยอรึมอย่างกระสับกระส่าย
การสูญเสียเสื้อผ้าตัวโปรดไปตั้งสองชุดทำให้ฉันรู้สึกว่างเปล่า
การชอบเสื้อผ้ามากขนาดนี้มันคงเป็นเรื่องที่ประหลาด แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา
เสื้อผ้าทั้งสองตัวที่ฉันสูญเสียไปในวันนี้คือเสื้อผ้าที่ฉันเคยใส่ตั้งแต่อยู่โลกเดิม ฉะนั้นมันเลยพิเศษ
“แค่ก”
เสียไปตัวเดียวยังพอทนไหว แต่เสียไปทั้งสองตัวในเวลาเดียวกันมันก็มากเกินไป
ร่างกายของฉันทรุดตัวลงไปข้างหน้าด้วยความสิ้นหวัง
ตูม—!
ร่างกายอันเบาของฉันลอยอยู่บนน้ำราวกับทุ่น
เมื่อลืมตาขึ้นในน้ำ ฉันก็เห็นปลาลิ้นหมากำลังว่ายอยู่ข้างใต้
พวกมันดูสงบมากเลย
ฉันบ่นด้วยความไม่พอใจอยู่ในใจ แต่ลึก ๆ แล้วฉันก็รู้ดี
เสื้อผ้าเป็นของใช้ที่ต้องถูกทิ้งไปในท้ายที่สุด
เด็กที่กำลังฉุนเฉียวก็คงจะเป็นคำเรียกของพฤติกรรมของฉันในตอนนี้
และเหตุผลที่ฉันกล้าแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวออกมาก็เป็นเพราะว่าฉันรู้จักยอรึมดี
ถ้าหากเธอเป็นคนที่น่ากลัวมาก ๆ ฉันก็คงไม่กล้าแสดงอารมณ์แบบนี้ออกมาหรอก
ไหล—
พอลองคิดดูแล้ว ฉันกลายเป็นคนที่ผ่อนคลายได้เมื่อมีคนอื่นอยู่ด้วยแล้ว
ถึงแม้จะต้องสูญเสียเสื้อผ้าไปแต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกสูญเสียเลย
ยังไงซะ พวกมันก็เป็นของที่ต้องทิ้งไปในท้ายที่สุดอยู่แล้ว
‘ฉันยังเหลือสิ่งของจากโลกเดิมของฉันอยู่’
ฉันไม่ควรเสียใจให้มากเกินไป
ในขณะที่ฉันกำลังรวบรวมความคิดและกำลังที่จะลุกขึ้นยืน
ฉันก็รู้สึกได้ว่าเอวของฉันก็ถูกจับโดยใครบางคน
“ค-คยออุล…”
เมื่อได้ยินเสียงของยอรึม ร่างกายของฉันก็สะดุ้งด้วยความตกใจ
ฉันเช็ดน้ำออกไปจากตา แล้วฉันก็เห็นยอรึมกำลังทำสีหน้ารู้สึกผิดอยู่
เธอลงมาในบ่อน้ำเพราะฉันเหรอ?
ฉันรู้สึกสงสารเธออย่างอดใจไว้ไม่ได้
“พี่ขอโทษนะคยออุล พี่คงทำให้คยออุลสะเทือนใจมากแน่ ๆ ที่จู่ ๆ พี่ก็ทำเสื้อของคยออุลขาด”
“ไม่เลย ฉันไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจเลย”
“จ-จริงเหรอ…?”
“ใช่ ฉันก็แค่รู้สึกเสียใจที่ต้องเสียเสื้อสองตัวไปพร้อมกัน”
เมื่อพูดเสร็จ ฉันก็คลานขึ้นมาจากบ่อน้ำ
ต้องขอบคุณยอรึมเลยที่ช่วยพยุงฉันขึ้น ฉันจึงปีนออกจากบ่อน้ำได้อย่างง่าย ๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งกำแพงเลย
‘ทำยังไงถึงได้แบ่งครึ่งได้สมมาตรขนาดนั้นกัน?’
เสื้อถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างแม่นยำ
ฉันกำลังสงสัยว่าแค่การบิดน้ำมันสามารถทำแบบนี้ได้ด้วยเหรออยู่
ยอรึมจับไหล่ของฉันพร้อมกับถือเสื้อผ้าที่ถูกแยกออกเป็นสองส่วนไว้
“พี่จะซื้อเสื้อตัวใหม่ให้เธอ”
“ไม่ต้องหรอก ยังไงเสื้อผ้าพวกนั้นมันก็เก่าอยู่แล้ว”
“แต่พี่ยังรู้สึกแย่อยู่เลย ความผิดในครั้งนี้ก็เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นความผิดของพี่ เพราะงั้นอย่าปฏิเสธและแค่ช่วยยอมรับมันได้ไหม?”
“ก็ได้…”
เปลี่ยนเสื้อตัวเก่าเป็นตัวใหม่มันไม่ใช่ข้อเสนอที่แย่เลย
ฉันพยักหน้าให้ยอรึมที่กำลังถือเสื้อผ้าเก่า ๆ อยู่
บางทีถ้าหากฉันเย็บมันให้ดี มันก็คงใช้ได้เหมือนเดิมแล้ว
“ยังไงก็เถอะ คุณโซเฟีย”
“ฮืม…?”
“คุณเห็นคนที่ขโมยเสื้อผ้าของคยออุลไปหรือเปล่าคะ?”
เมื่อเจอกับคำถามของยอรึม โซเฟียที่เอาแต่มองดูอยู่เงียบ ๆ ก็ได้แต่ยักไหล่ของตัวเอง
ดูเหมือนว่าเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“เรื่องนี้ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก เพราะความสามารถทางกายภาพของข้าต่ำยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วไปซะอีก”
“…เข้าใจแล้วค่ะ”
พวกเธอกำลังพยายามตามหาคนที่ขโมยเสื้อผ้าของฉันไปใช่ไหม?
ฉันเห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่ก่อนอื่นเลย ฉันอยากซ่อมเสื้อผ้าที่ขาด ๆ ของฉันซะก่อน
แต่ก่อนที่จะทำเรื่องนั้น ฉันต้องตากเสื้อผ้าซะก่อน
“ฉันมีธุระด่วน ฉันขอตัวก่อน!”
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
เมื่อกลับไปถึงบ้านสำเร็จรูป ฉันก็รีบแขวนเสื้อผ้าและเริ่มซ่อมเสื้อผ้าด้วยด้ายกับเทปกาว
ในช่วงเวลานั้น โซเฟียก็เข้ามาในบ้านสำเร็จรูป
“ทำไมถึงได้รีบวิ่งออกมาขนาดนั้นล่ะ?”
“ฉันพยายามซ่อมเสื้อผ้า”
ฉันแสดงเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งให้โซเฟียดู
ถึงแม้ว่ามันจะถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอย่างไม่สละสลวยด้วยด้ายและเทปกาว แต่มันก็ยังพอทำหน้าที่ของเสื้อผ้าได้อยู่
“นี่เจ้าคิดที่จะใส่มันจริง ๆ งั้นเหรอ…?”
“ใช่ มันเป็นเสื้อตัวโปรดของฉันเลย”
“ไม่ว่าเจ้าจะชอบมันมากแค่ไหน…”
โซเฟียถอนหายใจและหยิบเสื้อผ้าที่ฉันแสดงให้ดูไป
ถึงแม้มันจะเหลือบให้เห็นผิวผ่านรอยขาด แต่ฉันก็ไม่ได้กังวลเรื่องนั้นเลยสักนิด
“ฉันขอโทษ มันเป็นของขวัญที่ฉันได้รับมาจากเพื่อน”
“…เพื่อน? นี่เจ้ามีเพื่อนด้วยเหรอ?”
“อ-อืม…?”
นี่เธอคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกัน?
แม้แต่ฉันเองก็มีเพื่อนนะ
แน่นอนว่านั่นคือชาติก่อนของฉันไม่ใช่ในตอนนี้
“ใช่แล้ว ฉันได้ยินว่าคยออุลมีเพื่อน”
ยอรึมเข้ามาในบ้านสำเร็จรูป
มีกลิ่นคาวของอาหารทะเลลอยออกมาอย่างเด่นชัดจากถุงสีดำที่เธอถืออยู่ในมือ
“ช-ใช่ ฉันมีเพื่อนจริง ๆ …”
“ใช่ เธอบอกว่าเธอจะแนะนำพวกเขาให้ฉันรู้จัก”
แนะนำเพื่อนจากอีกโลก
หากมิติเชื่อมโยงกันเหมือนอย่างโลกของโซเฟีย มันก็คงจะเป็นไปได้อยู่
ฉันนึกถึงเพื่อนที่อยู่ที่อีกมิติหนึ่งอย่างสบายใจและรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“แต่ที่อยู่ในมือของคุณคืออะไรเหรอ? กลิ่นเหมือนปลาเลย”
“โอ้ นี่น่ะเหรอ? ซาชิมิปลาลิ้นหมาน่ะ คยออุลก็เพิ่งมองปลาลิ้นหมาในน้ำไปนี่นา”
เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันมองปลาลิ้นหมา?
แล้วเธอไปได้ซาชิมิมาจากที่ไหนกัน?
ในขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิด ยอรึมก็วางซาชิมิไว้บนโต๊ะที่ถูกตั้งไว้ตรงมุมหนึ่งของบ้านสำเร็จรูป
“ซาชิมิปลาลิ้นหมามันราคาแพงไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่เลย พวกเราตกมันขึ้นมาจากในบ่อน้ำน่ะ”
“อ๋อ…”
คงจะเป็นตัวเดียวกันกับที่ฉันเห็นในน้ำ
บางทีเธออาจจะขอเชฟที่อยู่ในตึกให้ช่วยเตรียมมันให้
“คยออุล มากินด้วยกันเถอะ คุณโซเฟียเองก็มาด้วยกันสิคะ”
“เอ่อ…”
ถ้าเธอซื้อเองฉันก็คงจะลังเล แต่เนื่องจากมันเป็นปลาที่ถูกเลี้ยงเอาไว้ในบ่อ มันก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรที่จะกินมัน
ฉันนั่งลงที่โต๊ะ พร้อมกับต่อมน้ำลายที่ถูกกระตุ้น
“คยออุลรู้วิธีกินซาชิมิหรือเปล่า?”
“รู้สิ ฉันเคยกินปลาดิบมาเยอะแล้ว”
“โอ้…”
ยอรึมนั่งลง จ้องมองฉันด้วยความสงสัย
ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ ๆ เธอถึงได้มองฉันด้วยสายตาแบบนั้น
“กินแบบดิบ ๆ เลยน่ะเหรอ…?”
พวกเธอเห็นฉันเป็นคนเถื่อนรึไงกัน?
ฉันอยากปฏิเสธ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีอยู่หลายครั้งเลยที่ฉันทำแบบนั้น
“แค่ไม่กี่ครั้ง”
“ป่าเถื่อนจริง ๆ เลย”
โซเฟียนั่งลงข้างฉันด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ฉันถูกเรียกว่าคนป่าเถื่อนแค่เพราะกินเนื้อดิบด้วยความหิวมาก ๆ
ปากของฉันมุ่ยด้วยความไม่พอใจ
“แต่ส่วนใหญ่ฉันก็กินแบบสุก ๆ นะ”
โดยเฉพาะกับปลาน้ำจืด พวกมันเสี่ยงต่อการเกิดโรคพยาธิ ดังนั้นฉันเลยกินพวกมันแค่ตอนที่สุกแล้วเท่านั้น
ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ปลาทะเลที่ฉันกินแบบดิบ ๆ
ฉันอยากอธิบายให้โซเฟียฟังแบบนั้น แต่ก่อนที่จะได้อธิบาย โซเฟียก็ลูบหลังหยุดฉันซะก่อน
“ดีแล้ว”
ลูบ—ลูบ
ไม่มีความประสงค์ร้ายอยู่ในการกระทำของโซเฟียเลยแม้แต่นิดเดียว
ด้วยความรู้สึกอึดอัด ฉันจึงโฟกัสไปที่การกินซาชิมิปลาลิ้นหมา
‘ฉันไม่ได้กินซาชิมิมานานแล้ว’
ทำไมกลิ่นคาวอันเป็นเอกลักษณ์ถึงได้ให้ความรู้สึกที่ดีมากขนาดนี้กัน?
เมื่อปล่อยให้หางแกว่งไปมาอย่างอิสระ ฉันก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่เป็นสีส้มที่วางไว้ข้าง ๆ ซาชิมิ
‘ฮะ?’
เม็ดสีส้มที่กองรวมกันเป็นกระจุก
ฉันลองดมดูแล้วก็พบว่าพวกมันนั้นไร้กลิ่น
ไข่ปลาเหรอ?
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ฉันจึงตักเม็ดสีส้มขึ้นมากระจุกหนึ่งด้วยตะเกียบไม้
“คยออุล นั่นมัน…ไม่นะ…!”
ก่อนที่เธอจะได้พูดจบประโยค ฉันก็ดันเม็ดสีส้มเข้าปากไปแล้ว
และรู้สึกเสียใจกับกระทำของตัวเองทันที
“……!”
เผ็ด
ฉันแสบจมูกและน้ำตาของฉันก็ไหลออกมาอย่างไม่เต็มใจ
“อ้าาา”
มันคือวาซาบิ
แต่ทำไมวาซาบิถึงเป็นสีส้มล่ะ?
ด้วยความเจ็บปวดจนเหลือทน ฉันจับหัวของฉันและกรีดร้องออกมาเล็กน้อย
“ตายแล้ว คายมันออกมาเร็ว ๆ เข้าสิ”
โซเฟียเอื้อมมือมาที่ปากของฉัน
แต่ฉันไม่สามารถคายอาหารใส่มือของเธอได้
ฉันรู้ว่าการคายอาหารใส่ของคนอื่นมันเป็นเรื่องที่หยาบคายมาก ๆ
“อู้ว…”
อย่าเคี้ยว กลืนมันลงไปเลย
ฉันหลับตาแน่น เอามือบีบจมูกและกลืนวาซาบิลงไปภายในอึกเดียว
“ค-คยออุล ถ้าหากเธอกลืนมันลงไป…!”
ยอรึมยื่นแก้วน้ำมาให้ฉัน
หลังจากที่ดื่มน้ำไปไม่กี่อึก ฉันก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
เฮ้อ
คิดว่าจะตายซะแล้ว
ฉันอ้าปากเพื่อรับอากาศ ในขณะที่กำแก้วไว้ในมือ
“คุณโซเฟีย คยออุลจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
“เธอไม่เป็นอะไรหรอก กระเพาะของมนุษย์สัตว์แข็งแกร่งยิ่งกว่าของมนุษย์”
“ค-ค่อยยังชั่ว…”
ยอรึมคลึงแก้มของฉัน
สัมผัสของเธอช่างอ่อนโยนราวกับหมอที่กำลังตรวจคนไข้
“คยออุลคงยังใหม่กับฮอร์สแรดิชอยู่”
“……”
ฉันนั่งอยู่อย่างเงียบ ๆ และคิดในใจว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้กินวาซาบิหรอก
แต่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้กินวาซาบิสีส้มต่างหาก
ทำไมวาซาบิถึงเป็นสีส้มล่ะ?
ฉันมองลงพื้นด้วยความเขินอายจากการรีบกินสิ่งที่ไม่รู้จัก
หน้าของฉันแดงฉ่าด้วยความอับอาย
“พี่ขอโทษ พี่ควรอธิบายให้ดีกว่านี้”
“ม-ไม่เป็นไร…”
ยอรึมหัวเราะเบา ๆ และคีบซาชิมิปลาลิ้นหมามาจ่อที่อยู่ตรงหน้าฉัน
“ดูเหมือนว่าจะมีอาหารที่คยออุลไม่คุ้นเคยอยู่เยอะแยะเลย เพราะงั้นจากนี้ไป มันคงจะเป็นการดีกว่าถ้าหากคยออุลถามพี่ก่อนที่จะกินสิ่งที่คยออุลไม่เคยเห็น”
“ถามคุณ…?”
ฉันโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ?
ฉันรู้สึกโดนใส่ร้ายแต่มันก็ไม่ได้ผิดเลยซะทีเดียว
เพราะฉันไม่รู้วัฒนธรรมอาหารของโลกใบนี้จริง ๆ
“ใช่แล้ว มีแค่อาหารเพียงไม่กี่ประเภทเท่านั้นที่จะเป็นอันตรายเมื่อกินมันเข้าไปแบบดิบ ๆ ”
“อ๊ะ…”
ฉันรู้จักอาหารประเภทนี้อยู่เยอะเลย
แต่สุดท้ายฉันก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่มีทางเลือก
เพราะฉันไม่อยากกินวาซาบิแบบนั้นอีกแล้ว
และเพื่อไม่ให้มีอะไรมากวนใจฉันอีก ฉันจึงเอาแต่กินซาชิมิเพียงอย่างเดียว
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━