I Was Kidnapped By The Strongest Guild - ตอนที่ 30 ใช้ชีวิตอย่างคนมีอารยธรรม
“เฮ้อ”
จองยูนาถอนหายใจ ส่วนชเวจินฮยอกก็เอาแต่จ้องมองลงพื้น
พวกเขาทั้งสองเพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้นและทำท่าทางราวกับตัวเองไปทำเรื่องไม่ดีมา
มีเรื่องที่ไม่น่าพอใจเกิดขึ้นงั้นเหรอ?
ยอรึมเดินเข้าไปหาทั้งสองที่กำลังรู้สึกหมดอาลัยตายอยากอยู่มี
“ทำอะไรอยู่เหรอ?”
“อ่า ยอรึม…”
จองยูนาที่มักจะเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่ตอนนี้เธอดูไร้ชีวิตชีวามาก
เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับคยออุลแน่
“เป็นเพราะคยออุลใช่ไหม?”
“ใช่ พวกเราทำผิดพลาดครั้งใหญ่…”
“ผิดพลาด?”
“ใช่ อย่างที่เธอเห็นเลย…”
จองยูนาอธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นให้ยอรึมฟังด้วยน้ำเสียงที่อิดโรย
จากเรื่องที่เดินไปรอบ ๆ พร้อมกับคยออุลเพื่อแจกช็อกโกแลต ไปจนถึงเรื่องที่คยออุลกลัวจนวิ่งหนีไป
หลังจากที่ยอรึมได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว ยอรึมก็เดาะลิ้นของเธอ
“น้ำเสียงของจินฮยอกคงไปทำให้คยออุลกลัว”
“ก็คงจะเป็นแบบนั้น”
เฮ้อ
จองยูนาถอนหายใจอีกครั้ง
และชเวจินฮยอกก็ส่ายหัวตาม
พวกเขาทำท่าทางราวกับว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับวันสิ้นโลก
ยอรึมปลบมือเพื่อดึงสติของทั้งสองคน
“หยุดโทษตัวเองกันได้แล้ว ก่อนอื่นเลย พวกเธอควรไปขอโทษคยออุล”
แปะ แปะ!
ด้วยเสียงที่ดังดูเหมือนจะทำให้พวกเขาตื่นขึ้นมาจากภวังค์ ในขณะเดียวกันดวงตาของพวกเขาก็กลับมามีชีวิตชีวากันอีกครั้ง
“เราควรขอโทษ แต่ว่า…”
เด็กจะยอมรับคำขอโทษหรือเปล่า?
ถ้าหากเธอไม่ยอมรับมันเพียงเพื่อต้องการหลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์ล่ะ?
ในขณะที่ชเวจินฮยอกพึมพำกับตัวเอง ยอรึมก็เห็นคยออุลวิ่งไปหาพวกเขาทั้งสองคนพร้อมกับถือตะกร้าที่มีช็อกโกแลตอยู่แบบพูน ๆ
แตะแตะแตะแตะ—
เสียงคล้ายกับแมวที่กำลังวิ่งอยู่บนพื้นไม้
เนื่องจากเป็นมนุษย์สัตว์ประเภทแมว เสียงฝีเท้าของคยออุลก็เลยค่อนข้างเบา
ทำไมคยออุลที่วิ่งหนีไปด้วยความกลัวจึงกลับมาที่นี่?
ในขณะที่ยอรึมกำลังครุ่นคิด คยออุลก็เดินเข้าไปหาชเวจินฮยอกด้วยสีหน้าแข็งทื่อและยกตะกร้าช็อกโกแลตขึ้น
“ช-ช็อกโกแลต ได้โปรดหยิบมันไปอันหนึ่ง…”
“อ-โอเค”
ชเวจินฮยอกเอื้อมมือไปที่ตะกร้าที่คยออุลเป็นคนเสนอให้
เขาเหลือบมองคยออุลโดยที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงกลับมา
ชเวจินฮยอกหยิบช็อกโกแลตไปโดยที่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา หลังจากนั้นคยออุลก็กลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่และวิ่งหนีไปอีกครั้ง
ชเวจินฮยอก จองยูนา และยอรึมทำได้แค่เฝ้าดูร่างของคยออุลที่วิ่งหนีไป
บางทีคยออุลอาจจะพยายามให้ดีที่สุดในแบบของเธออยู่ก็เป็นได้
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
“แฮ่ก ๆ ”
ฉันยื่นช็อกโกแลตให้ชเวจินฮยอกแล้วก็กลับมาที่บ้านสำเร็จรูป
ในระหว่างทางกลับ ฉันมอบช็อกโกแลตหนึ่งอันให้กับพนักงานร้านสะดวกซื้อที่ดูเศร้าอยู่เสมอ
หัวใจของฉันเต้นแรงมาก มันเป็นเพราะการวิ่งและความกลัวต่อผู้คนรวม ๆ กัน
‘ฉันทำสำเร็จ’
ฉันมอบช็อกโกแลตให้กับชเวจินฮยอกผู้น่ากลัวได้สำเร็จแล้ว
ถึงแม้ว่ามันจะดูเงอะงะ แต่นั่นก็เป็นการแสดงไมตรีจิตที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้แล้ว
‘ก็ยังดีกว่าการไม่ทำอะไรเลย’
ไม่ต้องรีบ แค่ค่อย ๆ ก้าวไปที่ละก้าวก็พอแล้ว
วันที่ฉันจะสามารถคุยกับคนอื่นได้อย่างมั่นใจโดยที่ไม่รู้สึกกลัวจะต้องมาแน่
“เฮ้อ”
ถึงแม้ว่าก่อนทำจะรู้สึกกลัว แต่พอทำไปแล้วก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง
ในขณะที่ฉันสัมผัสหัวใจที่กำลังเต้นอย่างกระหน่ำด้วยความพึงพอใจ โซเฟียก็เดินเข้ามาหาฉัน
“เป็นไงบ้าง ให้ช็อกโกแลตไปแล้วหรือยัง?”
“ให้แล้ว แต่ฉันทำแค่ให้ช็อกโกแลตและไม่ได้พูดอะไรออกไปเลยสักคำ”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว”
โซเฟียพยักหน้าให้ฉัน
ท่าทางเรียบ ๆ ของเธอทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจ
“โซเฟีย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้พูดคุยกับคนหลายคนภายในวันเดียว”
“เป็นแบบนั้นงั้นเหรอ?”
“ใช่ เพราะฉันอยู่คนเดียวมาตลอด ดังนั้นฉันจึงไม่ค่อยมีโอกาศได้คุยกับคนอื่น ๆ มากนัก”
“ฮ-ฮือ…”
ฉันพูดอะไรแปลก ๆ ออกไปงั้นเหรอ?
โซเฟียดูจริงจัง ริมฝีปากของเธอก็ต่ำลง
“สำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เจ้าถือว่าค่อนข้างฉลาด”
“ฉัน?”
“ใช่ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไม่เคยได้รับการศึกษาที่เหมาะสมมาก่อน น่าตกใจมากที่เจ้าฉลาดได้ขนาดนี้”
“เอ่อ คือว่า…”
ฉันเกาหลังศีรษะเมื่อได้ยินคำชมทางอ้อมของโซเฟีย
ฉันไม่เคยเข้าเรียนในโลกนี้ แต่โลกที่แล้วฉันได้รับการศึกษาที่เหมาะสม
ฉันรู้สึกผิดที่ฉันกำลังหลอกเธออยู่ แต่ฉันก็ไม่สามารถเปิดเผยเรื่องชาติก่อนของฉันได้
พวกเขาต้องคิดว่าฉันเป็นบ้าแน่ถ้าหากฉันบอกไป
“ในความคิดเห็นของข้า คยออุล เจ้าทำได้ดีแล้ว เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องรู้สึกแย่แค่เพราะเจ้าอยู่ตัวคนเดียวหรอก”
“อืม…”
โซเฟียพยายามปลอบใจฉัน
ด้วยความรู้สึกเขิน ฉันเลยรีบลุกขึ้นยืน
“ฉันจะไปทำงานบ้าน”
“ให้ข้าช่วยด้วยสิ เจ้าคิดที่จะเริ่มต้นจากอะไรก่อน?”
คำถามของโซเฟียทำให้ฉันเครียดอย่างไม่ทันตั้งตัว
ฉันกำลังเริ่มต้นก้าวเดินครั้งที่สองในการใช้ชีวิตอย่างคนมีอารยธรรม
ก้าวแรกคือการเข้ากันได้กับเพื่อนบ้าน ส่วนก้าวที่สองก็คือ…
“ฉันจะไปซักผ้า ฉันตัดสินใจแล้วว่าตั้งแต่วันนี้ฉันจะใช้ชีวิตให้เหมือนกับมนุษย์”
“พระเจ้า”
โซเฟียเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับความจริงที่ว่าฉันจะไปซักผ้า
ฉันก้าวไปในเต็นท์ที่ตอนนี้ฉันใช้เป็นที่เก็บของโดยที่ทิ้งโซเฟียไว้ข้างหลัง
ฉันจะซักผ้าด้วย ‘สบู่ซักผ้า’ ที่ฉันซื้อมาเป็นครั้งแรกในชาตินี้
“เจ้าคิดดีแล้ว คยออุล คนเราควรซักผ้า”
โซเฟียเดินตามฉันมาติด ๆ ราวกับเธอไม่ได้เจ็บขาอยู่
แถมเธอยังเริ่มหยิบเสื้อผ้าที่สกปรกของฉันขึ้นมา
“ฉันสกปรกมากเลยเหรอ…?”
“สกปรกเรียกพี่เลยแหละ เจ้ามันยิ่งกว่าสัตว์ตามป่าซะอีก”
“อย่างนั้นเหรอ…”
เปรียบเทียบกับสัตว์ป่า
ตอนนี้ฉันกลายเป็นมนุษย์สัตว์แล้ว มันคงจะเป็นคำชมละมั้ง
ฉันหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองในขณะที่เก็บรวบรวมผ้า แต่แล้วฉันก็พบว่ามันหายไป
มีเสื้อผ้าหลายตัวเลยที่หายไป
‘เกิดอะไรขึ้น?’
ฉันมีเสื้อผ้าสามสิบชิ้นแบบพอดิบพอดีที่เตรียมเอาไว้สำหรับซักผ้า
แต่ตอนนี้ฉันเห็นแค่สิบตัวเท่านั้น
“โซเฟีย คุณเห็นเสื้อผ้าของฉันบ้างไหม? ดูเหมือนว่าจะมีบางส่วนที่หายไป”
“ข้าไม่แน่ใจ เจ้าวางพวกมันไว้ที่อื่นหรือเปล่า?”
“นั่นมันเป็นไปไม่ได้หรอก…”
สิ่งของทุกชิ้นมีความสำคัญต่อการอยู่รอด ดังนั้นฉันจึงจำตำแหน่งของสิ่งของแต่ละอย่างได้อย่างดีไม่เว้นแม้แต่ก้อนกรวดชิ้นสุดท้าย
การที่เสื้อผ้าขาดหายไปอย่างอธิบายไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสงสัยเป็นอย่างมาก
‘หรือว่าจะเป็นเพราะขโมย?’
แต่มีบาเรียอยู่ที่นี่นะ แล้วจะมีใครเข้ามาข้างในได้อย่างไร?
ถึงแม้จะงุนงง แต่ฉันก็ตัดสินใจซักเสื้อผ้าก่อน
ฉันหยิบเสื้อผ้าและมุ่งหน้าไปที่บ่อน้ำพร้อมกับโซเฟีย
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ซู่!
ฉันกระโดดลงไปในบ่อน้ำและเงยหน้ามองโซเฟีย
เธอจ้องมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าแข็งทื่อจากความประหลาดใจ
“โซเฟีย ลงมาสิ”
ฉันยื่นมือออกไปเพื่อช่วยโซเฟียที่ไม่ถูกกับน้ำ
อย่างไรก็ตาม เธอถอยหลังออกไปโชว์ฝ่ามือของตัวเอง
“ข้าไม่ชอบน้ำ”
“…แต่คุณเป็นฉลามไม่ใช่เหรอ?”
“เพราะถ้าลงไปสัญชาตญาณของฉลามก็จะกลับมา มันจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา”
สัญชาตญาณของฉลามเป็นอะไรที่ดูค่อนข้างน่ากลัวมาก
“โซเฟีย เธอไม่แม้แต่ที่จะอาบน้ำเลยเหรอ?”
อึ๊ย
แม้แต่ตัวฉันเองยังอาบน้ำเลย
ฉันขมวดคิ้วให้กับความคิดนี้อย่างอดใจไว้ไม่ได้
“…อาบน้ำน่ะไม่เป็นไรหรอก ที่อันตรายน่ะคือความรู้สึกที่ได้ว่ายน้ำต่างหาก”
อ่า อย่างนี้นี่เอง
หมายความว่าแค่เปียกก็ไม่เป็นไรนี่เอง
ฉันยื่นผ้าให้โซเฟียซึ่งยืนอยู่เหนือฉัน
“ถ้างั้น คุณช่วยฉันจากด้านบนนั้นได้ไหม?”
“ข้าช่วยได้ แต่ว่า…ซักผ้าที่นี่มันจะไม่เป็นอะไรจริง ๆ งั้นเหรอ?”
“ไม่เป็นอะไรหรอก ที่นี่มีเวทย์มนตร์ชำระล้างน้ำอยู่น่ะ เพราะงั้นถ้าในน้ำเกิดมีสิ่งปนปเปื้อนขึ้นมา มันก็จะถูกชำระล้างออกไปอย่างรวดเร็ว”
“น่าสนใจ”
โซเฟียแสดงความอัศจรรย์ใจออกมาและนั่งลงตรงขอบบ่อน้ำ
เมื่อข้อเท้าของเธอแตะโดนน้ำ ฉันก็เห็นได้อย่างชัดเจนแบบวิต่อวิเลยว่าผิวของเธอดูดีขึ้น
‘เธอมีความสัมพันธ์กับน้ำ’
น้ำสำหรับเธอ แล้วอะไรคือสำหรับฉันล่ะ?
ฉันไตร่ตรองกับคำถามนี้ในขณะที่เริ่มซักผ้าไปด้วย
จ๋อม—จ๋อม—
เสื้อผ้าเริ่มสะอาดขึ้นทันทีหลังจากที่ล้างเสื้อผ้าที่สกปรกด้วยน้ำ เรื่องนี้ต้องขอบคุณเวทย์มนตร์ชำระล้างที่ถูกร่ายเอาไว้ในบ่อเลย
‘แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ยังควรใช้สบู่อยู่ดี’
หลังจากที่ล้างผ้าอย่างดีแล้ว ฉันก็เอาพวกเสื้อผ้าออกมาไว้ข้างบ่อน้ำและเริ่มถูพวกมันด้วยสบู่อย่างระมัดระวัง
โซเฟียที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ก็ช่วยฉันถูพวกมันด้วยสบู่อีกแรง
ในขณะที่พวกเรากำลังตั้งใจซักเสื้อผ้า ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็เริ่มบ่น
“ดูสิ พวกเด็ก ๆ กำลังซักเสื้อผ้าด้วยมือ”
“เฮ้อ…ฉันอยากซื้อเครื่องซักผ้าให้พวกเธอ…”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘เด็ก ๆ ’ โซเฟียก็ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด
ฉันเองก็หงุดหงิดอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อเห็นโซเฟียยังคงใจเย็นอยู่ ฉันจึงซักผ้าต่อไป
ยังไงซะ ฉันก็ไม่กล้าไปโมโหใส่พวกเขาหรอก
“โซเฟีย พวกเขาคิดว่าคุณเป็นเด็ก”
“…ซักผ้าต่อไป”
“โอเค…”
จ๋อม—จ๋อม—
ฉันจับตาดูโซเฟียในขณะที่ฉันกำลังล้างน้ำ
สิ่งสกปรกทุกอย่างที่อยู่บนเสื้อผ้าถูกชำระล้างออกไปอย่างหมดจด ต้องขอบคุณเวทย์มนตร์ชำระล้างที่ถูกร่ายเอาไว้ในบ่อเลย
เสื้อผ้าเกือบดูเหมือนใหม่
ในขณะที่ฉันกำลังตรวจเสื้อผ้าที่ถูกล้างแล้วอย่างมีความสุขท่ามกลางแสงแดด ยอรึมก็เดินมาหาพวกเรา
“ว้าว คยออุลซักผ้าเหรอ?”
“ใช่ ตอนนี้ฉันกำลังพยายามใช้ชีวิตอย่างคนมีอารยธรรมอยู่”
“โอ้ พี่ตื้นตันใจมาก…”
ดวงตาของยอรึมมีน้ำตาไหลออกมา
ทำไมเธอถึงได้รู้สึกตื้นตันใจเพียงแค่เพราะซักผ้ากัน?
ฉันมองเธอด้วยความสับสน
“คยออุล ทำไมเธอถึงไม่ใช้เครื่องซักผ้าล่ะ?”
“เครื่องซักผ้ามันแพงเกินไป…”
“มีห้องซักผ้าอยู่ในตึกกิลด์ ราคาแค่สองพัน…ไม่สิ แค่ห้าร้อยวอนต่อหนึ่งครั้งเอง”
ห้าร้อยวอนต่อหนึ่งครั้ง
มันก็ยังแพงอยู่เลย แต่ถ้านับเวลาในการซักเสื้อผ้าแล้ว มันก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่
แถมในตอนนี้รายได้ต่อวันของฉันอยู่ที่สี่หมื่นวอนแล้ว
“ฉันก็ใช้ได้เหรอ?”
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว ก็พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกันนี่นา”
เพื่อนบ้าน
หางของฉันแกว่งไปมาเพื่อได้ยินคำพูดที่ไพเราะนั้น
ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันกลายเป็นคนธรรมดาไปแล้ว
‘ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปฉันควรใช้เครื่องซักผ้า’
เอาเวลาตรงส่วนซักผ้าไปทำอย่างอื่นเพื่อประหยัดเวลาได้ด้วย
ในขณะที่ฉันกำลังบิดผ้าที่เปียกอยู่ ยอรึมก็หยิบมันไปออกไป
“เดี๋ยวพี่ทำให้เอง พี่แรงเยอะกว่า”
“โอเค”
บิด—
ฉันเงยหน้ามองยอรึมในขณะที่เธอบิดเสื้อผ้า
ฉันมีคำถามที่อยากจะถามเธอ
“เอ่อ บ้านของพวกเรามีบาเรียกางอยู่ใช่ไหม?”
“คือว่า…จริง ๆ แล้วเรายังไม่ได้กางบาเรียเลย”
“โอ้…ถ้างั้นก็คงจะมีคนมาขโมยมันไป”
“ขโมย?”
ยอรึมตัวแข็งทื่อและมีน้ำหยดลงมาจากศอกของเธอ
“ใช่ ฉันเก็บเสื้อผ้าไว้ในเต็นท์ และดูเหมือนว่าจะมีคนหยิบมันไปหลายตัวเลย”
หนึ่งในนั้นมีเสื้อผ้าที่ฉันชอบอยู่
ต้องมีคนมาขโมยสิ่งเหล่านั้นไปแน่ ๆ
ในขณะที่ฉันกำลังสะบัดผ้าด้วยความเสียใจ ฉันก็ได้ยินเสียงฉีกขาดดังออกมาจากมือของยอรึม
เธอฉีกเสื้อผ้าตัวโปรดอันดับที่สองของฉันด้วยความแข็งแรงของเธอ
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━