I Was Kidnapped By The Strongest Guild - ตอนที่ 26 ยิงธนู
“เหวอ”
ฉันสะบัดแขนของฉันเพื่อพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับของยอรึม
ฉันส่งเสียงกรีดร้องเล็ก ๆ ออกมา ซึ่งมีเพียงแค่คนที่อยู่ข้าง ๆ ฉันเท่านั้นที่ได้ยิน
ฉันอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ แต่เกียรติอันน้อยนิดของฉันก็หยุดฉันเอาไว้
ยังไงซะ ในชาติก่อนของฉัน ฉันก็เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมาก
การกรีดร้องออกมาดัง ๆ มันไม่ใช่นิสัยของฉัน
“เอ่อ คุณโซเฟีย คยออุลดูกลัวมาก ๆ เลย มันจะไม่เป็นอะไรจริง ๆ เหรอคะ? ฉันไม่อยากบังคับให้คยออุลให้ทำในสิ่งที่คยออุลไม่ชอบเลยค่ะ”
ยอรึมถามออกมาโดยที่ยังจับแขนของฉันเอาไว้อยู่
เธอจับฉันแน่นมาก ฉันเดาไม่ออกเลยว่าเธอกังวลจริง ๆ หรือแค่ถามเฉย ๆ
“…มันก็ต้องเป็นนั้นอยู่แล้ว”
“แต่มันคือดันเจี้ยนเลยนะคะ เป็นสถานที่ที่แม้แต่ผู้ใหญ่ยังกังวลเลย”
“นั่นมันก็จริงอยู่หรอก แต่ว่า…”
โซเฟียลูบคางของตัวเองและจมอยู่กับความคิด
ฉันพยายามใช้ประโยชน์จากความเงียบของเธอเพื่อดึงแขนของฉันออก แต่ยอรึมก็จับไว้แน่นมาก
“ป-ปล่อยฉันนะ…”
เมื่อเข้าไปแล้ว ว่ากันว่าเราจะไม่สามารถออกไปจากคุกมิติได้จนกว่าเราจะพบ ‘เงื่อนไขในการเคลียร์’
ด้วยความสามารถในปัจจุบันของฉัน ฉันไม่รู้เลยว่าฉันจะเคลียร์มันได้หรือเปล่า
“ถ้างั้นเอาแบบนี้”
“แบบไหน…?”
“เมื่อพวกเราเข้าไปในดันเจี้ยนแล้ว ถ้าหากเจ้าสามารถฆ่ามอนสเตอร์ได้ ข้าก็จะมอบคันธนูอันนี้ให้เจ้า”
โซเฟียเสนอคันธนูให้ฉัน
มันเป็นคันธนูอันเดียวกับที่ฉันใช้ยิงทะลุหัวของกระต่ายมีเขาไปภายในนัดเดียว
แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าความโลภจะทำให้ตายก่อนวัยอันควร แต่มันก็ช่างเย้ายวนใจฉันซะเหลือเกิน
‘อาวุธเป็นสิ่งที่ดี’
ถ้าฉันใช้คันธนูอันนั้น ฉันก็จะสามารถจับกระต่ายมีเขาได้มากกว่าสิบตัวต่อวัน
เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโลภของฉัน โซเฟียก็ยื่นข้อเสนอที่น่าหลงไหลให้ฉันอีกครั้ง
“…และในทุก ๆ ครั้งที่เจ็าฆ่ามอนสเตอร์ได้ ข้าก็จะมอบลูกธนูสิบดอกให้แก่เจ้า”
“ลูกธนูด้วย…?”
“ใช่”
ลูกธนู คงจะเหมือนอะไรแบบนั้น
เหมือนกับที่ลูกหนังสติ๊กแพงกว่าหนังสติ๊ก
มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วที่ลูกธนูจะแพงมากกว่าคันธนู
เมื่อคำนวนทุกอย่างภายในใจเสร็จแล้ว ฉันก็พยักหน้าตอบรับข้อเสนอ
“ต-ตกลง แต่เงื่อนไขการเคลียร์ของที่นี่คืออะไรล่ะ…?”
“ฆ่ามอนสเตอร์ตัวไหนก็ได้หนึ่งตัว นั่นคือเงื่อนไขการเคลียร์”
“…มันดูง่ายจัง”
“ยิ่งดันเจี้ยนมีระดับต่ำเท่าไหร่ เงื่อนไขก็ยิ่งง่ายมากขึ้นเท่านั้น”
แค่ตัวเดียวเอง
ด้วยความช่วยเหลือจากคนรอบข้างฉัน ฉันก็คงจะจัดการได้ด้วยวิธีไหนวิธีหนึ่ง
ฉันตัดสินใจที่จะใช้ความพยายามอันเล็กน้อยเพื่อให้ได้อาวุธอันทรงพลังอันนั้น
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
เกต
ในขณะที่ฉันเดินก้าวเข้าไปในพอร์ทัลที่ส่องแสงระยิบระยับ โลกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงก็ปรากฏต่อสายตาของฉัน
“นี่มัน…”
ป่าทึบ
ภายในเกตเป็นอีกโลกหนึ่งจริง ๆ ด้วย
ข้อพิสูจน์ก็คือ ต้นไม้และพืชที่ไม่คุ้นเคยที่กระจายอยู่รอบ ๆ
“ไม่ต้องกลัวนะคยออุล พี่อยู่ตรงนี้ โอเคไหม?”
“อ-อืม…”
ฉันยืนอยู่ตรงข้างหน้าเกตและใช้สายตาสำรวจพื้นที่รอบตัวฉัน
ฉันไม่รู้เลยว่ามอนสเตอร์จะกระโดดออกมาจากตรงไหนและเมื่อไหร่
ในขณะที่ฉันกำลังกลัวจนยืนแข็งทื่ออยู่ เอนเซียก็ยื่นคันธนูให้ฉัน
“ท่านคยออุล คันธนูของท่านค่ะ”
“อ่า ขอบคุณ”
ฉันรับคันธนูมา
เอาละ ได้เวลาที่ต้องสู้เพื่อชีวิตของตัวเองแล้ว
เฮ้อ
หลังจากที่หายใจเข้าลึก ๆ อยู่หลายรอบ โซเฟียก็แตะไหล่ฉัน
“เจ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็นำทางไปได้เลย”
“ฉัน นำ…?”
“ใช่ เดี๋ยวข้าจะคอยปกป้องเจ้าจากการโจมตีของศัตรูเอง”
“โอเค…”
ในเมื่อโซเฟียพูดออกมาอย่างมั่นใจมากขนาดนั้นแล้ว ฉันก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลไปมากกว่านี้แล้ว
ฉันหายใจเข้าลึก ๆ อีกสองถึงสามรอบและเดินไปตามทางในดันเจี้ยน
‘ดันเจี้ยนก็อบลิน’
พื้นที่รอบ ๆ มีแต่สีเขียว
ผิวของก็อบลินก็เป็นสีเขียวเช่นกัน เพราะงั้นการมองจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด
แน่นอนว่าด้วยทัศนวิสัยของฉันในตอนนี้ ฉันอาจจะมองเห็นก็อบลินที่หลบอยู่ในป่าได้ แต่เพื่อความปลอดภัย ฉันจึงคิดที่จะมุ่งเน้นไปที่การได้ยินได้
เมื่อตั้งใจฟังเสียง ฉันก็ได้ยินเสียงมดที่กำลังคลานอยู่
เพราะงั้นไม่มีทางที่ฉันจะไม่ได้ยินเสียงของก็อบลินที่ใหญ่กว่ามดตั้งไม่รู้กี่เท่าอย่างแน่นอน
ฉันเดินไปเรื่อย ๆ พร้อมกับหูที่ตั้งตรงของฉัน
เพียงไม่นาน ฉันก็ได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในพุ่มที่ไกลออกไป
ตึก ตึก—
มันเป็นเสียงของบางสิ่งที่กำลังเดินด้วยสองขา
เสียงฝีเท้าอันเบาบางที่ดูคล้ายกับของเด็ก
มันต้องเป็นก็อบลินแน่
ฉันยกมือข้างหนึ่งขึ้นและกำหมัดแน่น
มันเป็นสิ่งที่จำมาจากหนักแนวทหารที่ฉันเคยดูในชาติที่แล้ว
“ฉันเจอหนึ่งตัว…”
“ฮืม…?”
“เจอแล้ว?”
“ท่านผู้นำ…! ข้าไม่เห็นจะพบอะไรเลย…”
ทุกคนกระซิบกันด้วยความประหลาดใจกับการบอกเล่าของฉัน
ดูเหมือนว่าความสามารถในการหาศัตรูของฉันจะดีที่สุดในกลุ่มนี้
“หลังป่าตรงนั้น ฉันได้ยินเสียงเท้า…ประมาณห้าร้อยเมตร?”
“ว้าว คยออุลได้ยินไกลถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่ ถ้าฉันตั้งสมาธิ ฉันก็จะสามารถได้ยินเสียงจากที่ไกล ๆ ได้”
หน้าของฉันเริ่มแดงเมื่อได้รับคำชมจากยอรึม
ฉันก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกอาย หลังจากนั้นเอนเซียก็เดินเข้ามาหาฉัน
“สุดยอดไปเลยค่ะ การได้ยินของฉันถือว่าดีมากในหมู่มนุษย์สัตว์ แต่ฉันก็ยังไม่ได้ยินถึงขนาดนั้นเลย…”
เอนเซียชูหูหมาป่าอันใหญ่ของเธอขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เธอก็เลยเอียงศีรษะด้วยความสับสน
‘โอ้’
บางทีความสามารถในการติดตามของฉันก็น่าจะดีด้วยเช่นกัน
ด้วยความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ฉันจึงนำทางกลุ่มอย่างกล้าหาญ
“ฉันจะนำทางให้เอง”
“โอเค”
และแล้วฉันก็พาทุกคนไปที่จุดหนึ่งของป่า
ในที่อันห่างไกล มีก็อบลินกำลังเก็บเบอร์รี่อยู่
“ตรงนั้นไง”
“คยออุลจัดการมันได้ไหม?”
“ฉันจะลองดู”
ในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ฉันลังเล
ฉันรีบหยิบลูกธนูออกมาพาดคันธนู
กึด—
ฉันดึงสายธนูและเล็งไปที่ก็อบลิน
เป้าหมายของฉันคือหัว ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญที่สุดของทุกสิ่งมีชีวิต
ในช่วงเวลาที่ก็อบลินชูมือขึ้นเพื่อเด็ดผลไม้จากต้นไม้
หวืด—!
ลูกธนูถูกยิงออกไปพร้อมกับเสียงอันรวดเร็วที่ตัดผ่านอากาศไป
เหมือนอย่างเคย ลูกธนูที่พุ่งออกไปดูเคลื่อนไหวช้ามาก
และด้วยสิ่งนี้ทำให้ฉันเห็นอย่างชัดเจนเลยว่าก็อบลินตายยังไง
ฉัวะ—!
ลูกศรยาวแทงทะลุด้านหลังศีรษะของก็อบลิน
มันเจาะเข้าไปลึกมากจนมีเพียงแค่ปลายขนนกเท่านั้นที่ยื่นออกมาจากด้านหลังศีรษะ
“……!”
ฉันจัดการก็อบลินที่แสนดุร้ายได้แล้ว!
ด้วยความตกใจ ฉันจึงหันศีรษะกลับไปมองยอรึม
หลังจากนั้นเธอก็ยิ้มแก้มปริและแตะไหล่ของฉัน
“น่าประทับใจมากเลย”
“เห็นด้วยเลยค่ะ ทักษะการยิงของท่านคยออุลนั้นดีมากเลยค่ะ”
“ม-มันเป็นเพราะว่าฉันเคยฝึกยิงด้วยหนังสติ๊กมาบ่อย…”
ฉันรู้สึกเขินอายเมื่อถูกทุกคนชม
มันไม่ใช่ความรู้สึกที่แย่อะไรเลย
ฉันปล่อยให้หางของฉันแกว่งไปมาอย่างอิสระและค่อย ๆ ยิ้มออกมา
ดูเหมือนว่าการผจญภัยในดันเจี้ยนที่เริ่มต้นด้วยความวิตกกังวลจะจบลงไปได้ด้วยดี
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ในวันนั้น ฉันจัดการก็อบลินที่อยู่ในดันเจี้ยนได้สิบตัว
ฉันอยากจัดการพวกก็อบลินให้ได้มากกว่านี้อีกเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ออกจากดันเจี้ยนทันทีอย่างไม่ลังเลในตอนที่ยอรึมบอกให้พวกเราหยุด
เพราะไม่มีเหตุผลที่จะไม่ฟังนักผจญภัยที่มีประสบการณ์
“พวกเราจะไม่จัดการบอสใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว เกตจะหายไปเมื่อเราฆ่าบอส ดังนั้นเหตุผลที่เราไม่ฆ่าบอสในบางดันเจี้ยนก็มาจากเหตุผลข้อนั้นแหละ”
“อ่า…”
อาจจะเป็นเพราะต้องการหินมานาอย่างต่อเนื่องแต่ก็ต้องปลอดภัยด้วยและเพื่อฝึกนักผจญภัยหน้าใหม่แบบฉัน
ฉันรู้สึกทึ่งมากเลยที่แม้โลกจะอยู่ในสถานการณ์ภัยพิบัติ แต่มนุษย์ก็ยังสามารถหาผลประโยชน์เข้าตนเองได้
‘ตอนนี้ฉันกลายเป็นนักผจญภัยอย่างเต็มตัวแล้วใช่ไหม?’
ก่อนที่จะกลับเต็นท์
ฉันมองไปที่เกตเป็นครั้งสุดท้ายและยอรึมก็จับมือของฉัน
“พวกเรากลับบ้านกันเลยไหม?”
“อืม…”
และเพราะแบบนั้น ฉันก็เลยกลับไปที่เต็นท์พร้อมกับหินมานาจำนวนสิบก้อน
ถึงแม้เราจะแบ่งหินกันคนละสองก้อน แต่เงินที่จะได้รับก็ยังมากถึงสี่หมื่นวอนอยู่ดี
จำนวนเงินอันมหาศาลทำให้หูและหางของฉันชูขึ้นอย่างตกใจ
“อึก”
ฉันได้เงินสี่หมื่อนวอนภายในหนึ่งวัน
แถมฉันยังได้รับลูกธนูหนึ่งร้อยอันจากโซเฟียด้วย
ถ้าฉันทำแบบนี้ต่อไป ชีวิตของฉันจะต้องดีขึ้นแน่
ฉันอดใจไม่ไหวที่จะหยิบคันธนูและลูกธนูขึ้นมาอีกครั้ง
“ทำไมเจ้าถึงจับคันธนูขึ้นมาอีกแล้วล่ะ?”
“ฉันอยากฝึกยิง”
“…ยิงได้แค่ทิศทางที่เต็นท์ตั้งอยู่เท่านั้น ไม่งั้นอาจจะยิงพลาดไปโดนคนอื่นได้”
“โอเค”
ฉันวางกล่องไว้ข้าง ๆ เต็นท์และว่างกระป๋องเปล่าไว้ข้างบนกล่องนั้น
แค่นั้นก็เพียงพอที่จะเป็นเป้าฝึกยิงได้แล้ว
เนื่องจากพื้นที่ด้านหลังเต็นท์มีคนเดินผ่านไม่บ่อย เพราะงั้นมันจึงเป็นจุดปลอดภัยที่ทำให้ยิงได้อย่างอิสระ
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ฉันก็ชูหูของฉันขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเดินอยู่ตรงนั้นจริง ๆ เพื่อให้ฉันสามารถยิงธนูออกไปได้อย่างมั่นใจ
แก๊ง—!
ลูกธนูถูกยิงออกไปและพุ่งตรงไปที่กระป๋องอย่างรวดเร็ว
ด้วยทักษะของฉันในตอนนี้ ฉันมั่นใจว่ามันจะต้องโดนกระป๋องอย่าง 100% แน่
ฉันเฝ้าดูวิถีของลูกธนูอย่างไม่คิดสงสัย แต่ลูกธนูอันนั้นมันกลับแฉลบผ่านกระป๋องและพุ่งตรงทะลุผ่านเต็นท์ไปแทน
แคล้ง—!
เสียงบางอย่างแตกดังออกมาจากในเต็นท์
อย่างไรก็ตาม ลูกธนูของฉันไม่ได้หยุดอยู่ที่ตรงนั้น มันพุ่งผ่านเต็นไปและไปทำให้กิ้งไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
มันเป็นกิ้งไม้อันเดียวกันกับที่ใช้ผูกเชือกเพื่อค้ำเต็นท์
เมื่อไม่มีกิ้งไม้ช่วยคอยค้ำจุนแล้ว เต็นท์ข้างที่ไม่มีนั้นก็พังลงมา
ขวดแก้วหลายขวดที่วางอยู่ใกล้ ๆ ก็หล่นลงมาบนพื้น
แคล้ง—!
โชคดีที่ขวดแก้วไม่ได้แตกไปทั้งหมด มีเพียงแค่ขวดแก้วสองถึงสามขวดเท่านั้นที่แตกเนื่องจากหล่นไปโดนก้อนหินที่อยู่บนพื้น
“อ-โอ้…”
การยิงธนูของฉันขึ้นชื่อเรื่องความแม่นยำอันสมบูรณ์แบบไม่ใช่เหรอ?
ทำไมฉันถึงยิงกระป๋องที่อยู่ใกล้ ๆ แค่นี้ไม่โดนกัน?
ฉันตกใจกับฉากนั้นมากจนทำได้แค่กระพริบตาอยู่เฉย ๆ
“อ่า เกิดอุบัติเหตุงั้นเหรอ?”
โซเฟียถอนหายใจและเดินเข้ามาหาฉัน
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ฉันก็ไม่ได้ขยับออกไปจากจุดที่ฉันยืนอยู่เลย
เต็นท์ก็พังแถมความแม่นยำของฉันก็ยังดิ่งลงอีก
ฉันไม่รู้เลยว่าจะต้องพูดเรื่องไหนก่อน
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━