I Was Kidnapped By The Strongest Guild - ตอนที่ 25 ฝึกซ้อม
ฮัด-ชิ้ว ฮัด-ชิ้ว
โซเฟียจามซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีหยุด
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาและความหงุดหงิดอย่างรุนแรง
หลายนาทีต่อมา ในที่สุดโซเฟียก็หยุดจาม
“ค-คุณโอเคไหม?”
“ฮึด…”
โซเฟียพยักหน้าและเช็ดมุมปากของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“คุณดื่มน้ำเร็วเกินไป ทำแบบนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย”
“เจ้าคิดว่ามันเป็นเพราะเรื่องนั้นหรือไง?”
ชึด—!
โซเฟียดึงแก้มของฉัน แต่น่าแปลกที่ฉันไม่รังเกียจ
เหตุผลอาจจะเป็นเพราะความเคารพในอายุของเธอ
“ถ้างั้นมันเป็นเพราะอะไร…?”
“ก็เพราะว่ามันเป็นน้ำที่มาจากบ่อน้ำไง ใครที่ไหนเขาดื่มน้ำจากบ่อน้ำกัน?”
เธอมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าฉันขาดสามัญสำนึก
ในฐานะคนที่ได้ยินมาว่าน้ำในบ่อน้ำนั้นสะอาดมาก ฉันรู้สึกไม่ยุติธรรมเลย
“ก็ฉันได้ยินมาว่าน้ำในบ่อน้ำสะอาดมากจนสามารถดื่มได้นี่นา”
“แล้วไง คนในกิลด์เป็นคนบอกให้เจ้าดื่มน้ำจากบ่อน้ำหรือไง?”
“พวกเขาไม่ได้บอกแบบนั้น พวกเขาบอกว่าให้ไปเอาน้ำจากในตึกได้เลย แต่ว่า…”
ถึงแม้ว่าฉันจะได้รับอนุญาตแล้ว แต่ฉันก็ไม่กล้าเข้าไปในสถานที่ที่น่ากลัวแบบนั้นหรอก
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะขอโทษแล้ว แต่ฉันก็ยังเชื่อใจพวกเขาอย่างเต็มร้อยไม่ได้
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องสอนสามัญสำนึกที่ควรรู้ให้เจ้าซะแล้วสิ”
“โอ้…”
การได้รับการปฏิบัติราวกับคนที่ไร้สามัญสำนึกนั้นช่างน่าหงุดงิด
แต่ฉันก็ไม่สามารถเถียงได้เนื่องจากฉันผิดจริง
ขนาดฉันอยู่มาแปดปีแล้ว แต่แค่การดำรงอยู่ของ ‘มนุษย์สัตว์’ ฉันก็ยังไม่รู้เลย
“ถ้างั้นข้าจะเริ่มสอนเจ้าด้วยการบอกถึงองค์ประกอบสำคัญของมานาและคุณลักษณะของมัน ตั้งใจฟังให้ดีละ”
“โอเค…”
เอาเถอะ จะยังไงก็ได้
เริ่มจากการเรียนรู้ความรู้ทั่วของโลกนี้ไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร
ฉันตั้งใจที่จะเรียนอย่างหนักเพื่อให้ทันในระดับความรู้ของคนทั่วไป
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
จึก—! จึก—!
ฉันขุดดินตรงสนามหญ้าที่อยู่ข้างเต็นท์ด้วยจอบ
มันคือจอบราคาแพงที่ฉันซื้อมาจากร้านค้าทั่วไปในแถว ๆ นี้ในราคาห้าพันวอน
“ฉันจะเริ่มรู้สึกถึงมานาได้โดยสัญชาตญาณ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องการจะพูดใช่ไหม?”
“ถูกต้อง เจ้าจะรู้สึกถึงมันอย่างเป็นธรรมชาติราวกับการหายใจ”
“อ๋อ”
เหตุผลที่บางทีเวลาก็ช้าลงในสถานการณ์ที่เร่งด่วนเป็นเพราะว่าฉันใช้มานาโดยสัญชาตญาณนี่เอง
ฉันพยายามใช้มานาอีกครั้ง หายใจเข้าและออกอย่างแรง ๆ แต่เวลาก็ไม่ช้าลงเลย
ฉันเกาศีรษะด้านหลังอย่างงุนงง
“อย่างไรก็ตาม แค่พึ่งพาสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียวมันไม่พอหรอก มนุษย์สัตว์ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สัตว์”
“เข้าใจแล้ว”
จึก—! จึก—!
ฉันขุดดินต่อไปด้วยจอบในขณะที่ฟังไปด้วย
กินคุณภาพสูงถูกขุดลึกได้อย่างง่ายดาย
“ว่าแต่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่…?”
“ฉันกำลังทำสวนอยู่ คราวนี้ฉันจะปลูกกระหล่ำปลีด้วย
“…งั้นเหรอ”
โซเฟียพยุงไม้เท้าและเดินมาหาฉัน
เธอใช้ปลายไม้เท้าทื่อ ๆ ของเธอแทงลงดิน จนทำให้เกิดหลุมที่สมบรูณ์สำหรับหว่านเมล็ดพืช
“โอ้”
โซเฟียเต็มใจช่วยใช่ไหม?
ในขณะที่ฉันเอื้อมมือไปหยิบถุงเมล็ดพืชที่ถูกผูกไว้ที่รอบเอวของฉัน ฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันคุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง
“คยออุล ท่านผู้เฒ่าโซเฟีย”
เสียงนั้นเป็นของฮันยอรึม
ทั้งสองเฟียแล้วก็ฉันหันหน้าไปมองเธอ
“อย่ามาเรียกฉันว่าผู้เฒ่า”
“ถ้างั้นฉันควรเรียกคุณว่าอะไรดี…?”
“แค่โซเฟียก็พอแล้ว”
โซเฟียแสดงความไม่พอใจด้วยการเอาไม้เท้าของเธอกระแทกพื้น
ฉันหว่านเมล็ดพืชลงบนหลุมที่เธอสร้าง
ยอรึมก็เดินมาหาพวกเรา
“ขอบคุณนะคยออุล ที่ทำให้มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับกิลด์ของเรา”
“เรื่องดี ๆ …?”
“ใช่ พวกเราเริ่มมีความสัมพันธ์กับเหล่ามนุษย์สัตว์ในคาบสมุทรเกาหลีแล้ว”
แล้วทำไมต้องขอบคุณฉันด้วย?
ฉันกลอกตาไปมาด้วยความไม่เข้าใจ
“…มันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลยเหรอ?”
“ใข่ เรื่องดีสุด ๆ ไปเลยละ พี่อยากตอบแทนคยออุลสำหรับสิ่งที่คยออุลทำ คยออุลมีอะไรที่อยากได้ไหม?”
“เอ่อ…”
ฉันมองไปที่โซเฟียอย่างลืมตัว
แต่เธอก็ยุ่งอยู่กับการหว่านเมล็ดพืช
“มันไม่ใช่ของฟรี มันเป็นการขอบคุณที่คยออุลทำได้ดีมาก”
“ถ-ถ้าอย่างนั้น…”
“ถ้างั้น?”
“คุณช่วยซื้อแฮมเบอร์เกอร์ให้ฉัน…?”
ฉันพูดออกไปและมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างระมัดระวัง
ฉันกังวลมากว่าฉันอาจจะขอมากเกินไป
“ฟังนะคยออุล คยออุลสามารถขออะไรที่มันใหญ่กว่านี้ได้นะ”
“ของใหญ่?”
“ใช่ แค่แฮมเบอร์เกอร์มันไม่พอเป็นของตอบแทนหรอก”
การมีความสัมพันธ์กับมนุษย์สัตว์มันยิ่งใหญ่มากขนาดนั้นเลยเหรอ?
ฉันลังเลใจและจากนั้นก็ชูนิ้วสองนิ้วขึ้นมา
“ถ้างั้น ขอสองชิ้นได้ไหม?”
“สองชิ้น? คยออุลกินแฮมเบอร์เกอร์สองชิ้นไหวเหรอ?”
“ไม่ไหวหรอก แต่อีกอันหนึ่งจะให้คุณยายโซ…ให้เธอน่ะ”
โซเฟียตัวสะดุ้งเมื่อได้ยินคำว่า ‘คุณยาย’
ดีนะที่ฉันแก้ตัวทัน
“เอ่อ…มันก็เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่คยออุลไม่มีคำขอที่ใหญ่กว่านี้แล้วเหรอ?”
“เอ่อ…”
การมีความสัมพันธ์กับมนุษย์สัตว์มันมีความสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
ฉันจ้องมองยอรึมอย่างประหม่า จากนั้นฉันก็วิ่งเข้าไปในเต็นท์
“คยออุล?”
ฉันขุดดินที่อยู่ตรงมุมเต็นท์ออกโดยไม่สนใจยอรึมที่ตามฉันมา
กระปุกที่ถูกฝังเอาไว้โผล่ออกมาจากพื้นดิน
“จริง ๆ แล้วฉันมีเงินอยู่เยอะมาก”
เมื่อฉันเปิดกระปุก ธนบัตรจำนวนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา
พวกมันยับยูยี่และสกปรก แต่…
“อืม คยออุลรวยมาก?”
“ใช่ จำนวนเงินทั้งหมดคือสามล้านสามแสนวอน ฉันกังวลมากที่ต้องทิ้งมันเอาไว้ตรงนี้”
“โอั คยออุลอยากให้พี่เก็บมันไว้ให้ปลอดภัยงั้นเหรอ?”
“ใช่…”
ยอรึมมีฐานะร่ำรวยมาก เงินแค่สามล้านสามแสนวอนเธอคงไม่ขโมยหรอก
ฉันยื่นกระปุกเงินให้เธอ โดยเก็บเงินห้าแสนวอนไว้กับตัวเองเพื่อเป็นค่าอาหารและเหตุฉุกเฉิน
“โอเค พี่จะเก็บมันไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกเพื่อคยออุลให้เอง”
“ข-ขอบคุณ”
ฉันกังวลมาก เนื่องจากฉันไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อสมัครบัญชีธนาคาร
ค่อยยังชั่วหน่อยที่ยอรึมจะเก็บเงินของฉันไว้ให้ในที่ที่ปลอดภัย
เฮ้อ
ในขณะที่ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก พนังเต็นท์ก็เปิดออกและมีมนุษย์สัตว์สามคนเข้ามา
“คยออุล เราไปกันเถอะ”
“ไปไหน…?”
“ในเมื่อเรียนทฤษฎีเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาซ้อมจริงแล้วไม่ใช่หรือไง? ไปพื้นที่ล่ากัน”
“อ๊ะ! ฉันก็อยากไปด้วย!”
พึบ—!
เมื่อเห็นยอรึมยกมือขึ้นอย่างตื่นเต้น ฉันก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
มันเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่ ในเมื่อเรียนรู้ทฤษฎีแล้ว ฉันก็ควรเอามันไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ระดับของพื้นที่ล่ามีเลขกำหนดไว้อยู่ โดยเรียงขึ้นจากเลขต่ำสุด
สำหรับคนที่เกิดเป็นมนุษย์ พื้นที่ล่าของพวกมือใหม่จะอยู่ที่เลเวล 0
เหตุผลที่เป็น ‘0’ ก็เพราะว่าไม่เคยมีใครตายในพื้นที่ล่าของพวกมือใหม่เลยสักคน
ถ้างั้น ‘ดันเจี้ยนเลเวล 1’ อยากขนาดไหน อะไรเป็นตัวกำหนดในการเริ่มนับระดับ?
คิมมินจุน ข้าราชการฝ่ายจัดการดันเจี้ยน พูดได้อย่างมั่นใจเลยว่า
แค่คนที่ฝึกทหารมาหนึ่งปีก็สามารถเคลียร์มันได้แล้ว
ดันเจี้ยนเลเวล 1 มันง่ายอย่างนั้นเลย เพราะงั้นชีวิตประจำวันของคิมมินจุน ข้าราชการฝ่ายจัดการดันเจี้ยนจึงสงบสุขมากกว่าที่คิดเอาไว้
“หาว”
ที่โต๊ะชั่วคราวด้านนอกดันเจี้ยนก็อบลิน
คิมมินจุนนั่งอยู่ตรงนั้น เขาหาวและมองไปรอบ ๆ
‘แต่มันก็ยังดีกว่าพื้นที่ล่าของพวกมือใหม่ละนะ’
นักผจญภัยหน้าใหม่กำลังถืออาวุธของพวกเขาด้วยสีหน้าตึงเครียดจากความกังวลใจ
การได้เห็นสีหน้าอันเคร่งเครียดแบบนี้มันดีกว่าการไปและมาอย่างไร้ความกังวลในพื้นที่ล่าของพวกมือใหม่ซะอีก
บุคคลที่เต็มไปด้วยความหวังเหล่านี้ กำลังแบกเมล็ดพันธุ์แห่งการผจญภัยเอาไว้อยู่
เหตุผลที่เขาสมัครเป็นผู้จัดการฝ่ายดันเจี้ยนเพราะเขาชอบจิตวิญญาณที่โรแมนติกเหล่านี้
แฮะแฮะ
ในขณะที่คิมมินจุนยิ้มและเริ่มทำงานเอกสาร
นักผจญภัยหน้าใหม่ที่อยู่ด้านนอกดันเจี้ยนก็เริ่มเอะอะ
‘ฮะ?’
สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่คนกลุ่มหนึ่ง
คิมมินจุนเลยหันสายตาไปที่ทิศทางนั้น
“นั่นมัน…”
ฮันยอรึม
หนึ่งในสิบนักผจญภัยระดับสูงในเกาหลีใต้
และคนที่เดินข้าง ๆ เธอก็คือนักรบมนุษย์สัตว์สองคนที่ดูแข็งแกร่งตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง
นักรบแห่งเผ่ามนุษย์สัตว์นั้นแข็งแกร่งมาก จนถูกรู้จักกันในนามเผ่าพันธุ์แห่งการ ‘ต่อสู้’
พวกเขาจะต้องเป็นนักผจญภัยระดับสูงแน่
คิมมินจุนขมวดคิ้วเมื่อเห็นพวกเขาที่ไม่เหมาะสมสำหรับดันเจี้ยนเลเวล 1
‘เกิดอะไรขึ้น?’
จู่ ๆ ระดับดันเจี้ยนก็เพิ่มขึ้นเหรอ?
ในขณะที่คิมมินจุนเริ่มจินตนาการอย่างบ้าคลั่ง ยอรึมก็เดินมาหาเขา
“สวัสดีค่ะ”
“ครับ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ?”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ เรามาที่นี่เพื่อสมัครเข้าดันเจี้ยนค่ะ”
“เอ่อ…?”
การสมัครจากนักผจญภัยระดับสูง
นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ปกติอย่างแน่นอน
คิมมินจุนคิดถึงนักผจญภัยหน้าใหม่ที่อยู่ในดันเจี้ยนและยืนขึ้น
“ดันเจี้ยนมีปัญหางั้นเหรอครับ?!”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เราแค่พาเด็กของเรามาฝึก”
“เด็ก…?”
สายตาของคิมมินจุนจับจ้องไปที่ยอรึม
หลังจากนั้นเขาก็เห็นเด็กที่หลบอยู่ด้านหลังของยอรึมและมนุษย์สัตว์ทั้งสองคน
ด้วยผมสีขาวและหูที่ตกลง เด็กคนนี้คือมนุษย์สัตว์อย่างไม่ต้องสงสัย และเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังกลัวอยู่
“ท-ที่นี่คือพื้นที่ล่าระดับหนึ่งใช่ไหม? เป็นสถานที่ที่อันตรายมาก ๆ …”
งึก ๆ
เด็กคนนี้ดูแตกต่างจากมนุษย์สัตว์ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เด็กคนนี้ดูอ่อนแอมาก
เด็กดูหวาดกลัว แต่เนื่องจากเด็กมียอรึมคอยปกป้องอยู่ ฉันจึงไม่สามารถปฏิเสธได้
‘…คงจะไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม?’
ฮันยอรึม หนึ่งในสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของกิลด์รุ่งอรุณพร้อมกับนักรบมนุษย์สัตว์อีกสองคน
เด็กคนนี้ไปใครกัน?
แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร เด็กคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงคำสั่งจากเบื้องบนที่ให้รายงานนักผจญภัยที่น่าทึ่ง คิมมินจุนก็ส่งมอบใบอนุญาตให้พวกเขา
“คุณรู้ใช่ไหมว่าคุณไม่ควรจับพวกมันทั้งหมด?”
“รู้ค่ะ พวกเราแค่จะจับพวกมันสักสองถึงสามตัวแล้วออกมาค่ะ”
“ม-มากขนาดนั้นฉันจับไม่ไหวหรอก เพราะงั้นจับแค่ตัวเดียวแล้วก็ออกมาเลย ตกลงไหม?”
คิมมินจุนหัวเราะเบา ๆ ในขณะที่เฝ้าดูเด็กที่กำลังเกาะเสื้อผ้าของยอรึมและร้องครวญคราง
เขาหัวเราะออกมาโดยที่ไม่รู้สึกตัว
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━