I Never Run Out Of Mana
หลังจากที่ผู้บัญชาการคุยกับโฮจินเสร็จเขาก็หยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาเพื่อที่จะสั่งลีซางโฮและนักเวทย์อีก 2 คน มุ่งหน้าไปยังพอร์ทัลยางพย็อง.
จากสายเป็นการรายงานที่ไม่ดี
พอร์ทัลส่งผลกระทบต่อพื้นที่ขนาดใหญ่
พวกเขาออกไปป้องกัน แต่ก็มีคนตายเป็นจํานวนมาก
ยิ่งไปกว่านั้น นักเวทย์อเวคส่วนใหญ่ต่างเป็นก็คนที่ลงสถานะไปที่มานาเสียเป็นส่วนมาก
สําหรับคลาสฮีลเลอร์พวกเขามีวิธีที่จะฟื้นฟูมานาและถ่ายโอนมานาของพวกเขาให้กับเหล่านักเวทย์
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่อาจโอนมานามาให้มากกว่าที่พวก ขามีอยู่ได้
ดังนั้น นี่หมายความว่ามีข้อจํากัดจํานวนมานาที่พวกเขาจะสามารถถ่ายโอนได้
เมื่อได้ยินอย่างนี้ การแสดงออกของผู้บัญชาการก็ดูไม่ดี
นั่นเป็นสิ่งที่คาดหวังเอาไว้ เนื่องจากมอนเตอร์ที่พวกเขากําลังจัดการนั้นอยู่ในอีกเลเวลหนึ่งอย่างสิ้นเชิง
ยิ่งไปกว่านั้นการระเบิดพอร์ทัลเกิดขึ้นพร้อมกันถึง 11 แห่ง และต่างสถานที่
ผู้ที่มาจากกิลด์ส่วนใหญ่จะถูกเรียกโดยไม่ตั้งใจให้มาที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากประเทศกําลังอยู่ในช่วงวิกฤตพวกเขาจึงอาสามาด้วยความเต็มใจ เนื่องจากความพยายามของพวกเขายังทําได้เพียงให้สถานการณ์มันคงที่ได้เท่านี้
หลังจากโทรเสร็จ ผู้บัญชาการยังคงมองไปที่มือถือของตน
สถานะทั้งหมดของประเทศกําลังถูกรายงานให้พวกเขาทราบที่จุดๆนั้น
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่
“หาสถานการณ์เลวร้ายอะไรอย่างนี้ ”
“ดังนั้นสถานตรงนั้นจึงไม่ดีนัก ”
“ถูกต้อง ผมคิดว่าผมต้องออกไปโทร.”
“คุณหมายความว่า…”
“กองกําลังที่มุ่งหน้าไปยังยางพย็องได้รับบาดเจ็บมากเกินไป อย่างไรก็ตามความจริงที่ความเสียหายในปูซานเลวร้ายกว่ามาก พลเรือนบริสุทธิ์จํานวนมากถูกสังหาร.”
“ฉันจะเรียกให้พวกเขาไปอย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าฉันจะเสียชีวิตที่ฉันหวงแหนแล้ว”
“คุณจะทําอะไร? หลังจากหยุดพอร์ทัลในชางวอนแล้วเขาก็มุ่งหน้าไปยังยางพย็อง…”
“มันดูเหมือนว่าเขาจะไปปูซานเหมือนกัน”
“หืม?”
“ดูนี้ สิ่งที่คุณคิดเอาไว้ไม่ผิด”
ผู้บัญชาการหันหน้าจอมือถือไปให้โฮจินดู
ให้อ่านหัวข้อว่า “ฉากระเบิดของพอร์ทัล กัมมันดง-ปูซาน”
ตอนนี้สถานที่ปูซานได้ทําให้โดรนของอเวคหายไปเมื่อมันเข้าไปที่นั่น
นั่นเป็นสาเหตุที่ไม่มีใครรู้สถานการณ์จนถึงขนาดนี้
โฮจินเลือนหน้าจอลงมา เขาเห็นทั้งภาพและข้อมูล
พอร์ทัลระเบิดที่กัมมันดงตลอดไปจนถึงดงกูและตอนนี้ก็อยู่ที่จุงกู
ทุกอย่างถูกทําลายโดยมอนเตอร์จนราบเป็นหน้ากอง
เป็นการสูญเสียชีวิตของมนุษย์ครั้งใหญ่ตามมา
เมื่อเขาเห็นเลือนไปเห็นฉากนี้ ที่มีทั้งภาพความละเอียดต่ํา มันมีภาพเดียวที่ดูราวกับว่าถ่ายจากสถานที่ไกลๆดึงดูสายตาของโฮจิน
มันเป็นภาพของคนๆเดียว
เมื่อมองที่นั่น โฮจินก็ประหลาดใจขณะที่เขาพูด
“คือว่าชายคนนี้”
“ถูกต้อง ชายคนนี้น่าจะเป็นหัวหน้าฝายหัวรุนแรง”
“เป็นคนที่มิสเตอร์มินชยอลพูดถึงซีกิล”
ขณะที่มีสิ่งที่อยู่ด้านหลังพอร์ทัล เขามองไปยังมอนเตอร์,
นั่นคือซีกิล.
เขารับสายจากโฮจิน ผู้บัญชาการพูดด้วยน้ําเสียงแหบพร่าว่า
“คนแก่นี่มันไม่ดีเลย ฉันยังคงต้องวิ่งไปมาพร้อมกับภาระหนักบนบ่าเพราะความโลภ แต่มันไม่ได้เป็นภาระจริงๆ ฉันทําเพราะเป็นความต้องการของตัวฉันเอง…”
โฮจินแอบมองเขามากว่า 20 ปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาเปิดใจ.
เขาคอยให้กําลังใจและปลุกขวัญกําลังใจรอบคนรอบข้างเสมอ
อย่างไรก็ตามเขากลายเป็นสัญลักษณ์ของความชอบธรรม
ความชอบธรรมนั้นก่อให้เกิดความเจ็บปวดในรูปแบบที่โฮจินทําได้เพียงแค่นั่งฟังอย่างเงียบๆ
“เมื่อไหร่…ฉันต้องตัดสินใจแบบนี้…ฉันรู้สึกเจ็บปวดและทรมาณมากพอแล้วที่จะทําให้ฉันเสียใจกับเส้นทางที่ฉันเดินผ่าน เรื่องราวในชีวิตของฉันที่ทุกคนได้ยินมันทําให้พวกเขาคิดว่าฉันนั้นไร้ยางอาย”
“การเสียสละเป็นไปตามการตัดสินใจของฉันเสมอ การตัดสินใจในแต่ละครั้ง มักจะมีผู้บริสุทธิ์จํานวนมากเสียชีวิต”
“ผู้บัญชาการ คุณไม่อาจทําอะไรได้”
“เฮ้อ โฮจิน ทุกคนพูดเหมือนกัน นั่นเป็นทางเลือกที่ช่วยไม่ได้และเป็นการพูดที่ดีที่สุดที่คุณจะอธิบายได้”
“อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันรู้สึกกลัว แม้ว่าฉันจะปลอบใจแบบนั้นก็ตาม แม้ว่าฉันจะพยายามทําใจให้สงบก็ตาม ฉันกลัว”
“ผู้บัญชาการ
เสียงของยุนจองซันทําให้เขาพูดไม่ออก
เขากําลังมองไปบนฟ้า
ท้องฟ้าปลอดโปร่งและเป็นสีฟ้าโดยไม่มีเมฆบดบัง ซึ่งแตกต่างกับสถานการณ์ที่น่าสยดสยองในปัจจุบัน
ดวงตาของเขาเปียกชื้นจากแสงแดดที่แยงตา
เขาใช้เวลาสักครู่ก่อนที่จะจัดระเบียบความคิดก่อนที่จะพูดกับโฮจินอีกครั้ง
มันหมายความว่าเขาตัดสินใจแล้ว
“มุ่งหน้าไปที่ปูซาน.”
“บอกมินชยอลและชายที่อยู่ยังพยื้องมุ่งหน้าไปที่ปูซานแทน ”
“ครับ. รับทราบ ผู้บัญชาการ.”
“อ่า…ท้องฟ้าสดใส ช่างน่าเศร้านัก เอาหล่ะ เราไปกันเถอะ เวลามันสั้นนัก”
“ดาร์กเลดี้ เธอพบอะไรที่ต้องรายงานไหม?”
“นั่นนายหรอ? คนที่ชื่อซีกิล?”
ซีกิลหยิบมือถือออกมาดูหน้าจอและพูดอะไรไม่ออกเลยสัก
มันเหมือนว่าเขากําลังพยายามทําความเข้าใจกับสิ่งที่เกิด
ขึ้น
“ยินดีที่ได้เจอคุณ ฉันควรจะติดต่อคุณก่อนหน้านี้ แต่ดูเหมือนจะช้าไปสักหน่อย?”
“นายคือ…”
“ผม? อืมมม…จะว่าอย่างไงดี… อ๊ะ! เพื่อนที่ชื่อโจ๊กเกอร์ และโกส พวกเราสนิทกันอย่างมากๆๆๆ”
“หืมมม….นาย!”
“พอแล้ว ดาร์กเลดี้กําลังจะตายอย่างช้าๆตอนนี้ คุณจะมาเมื่อไหร่?”
“มั่นใจจังนะไอ้สารเลว ฉันจะตัดลิ้นแกซะ”
“โอ้ย กลัวจุง”
“ผมจะให้เวลา 10 นาที จะตัดลิ้นหรืออะไรก็ตาม แค่รีบๆมาเจอกับผมก็พอ”
“ดาร์กเลดี้ เอาโทรศัพท์ให้เธอ”
“ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าฉันเป็นไอ้สารเลวที่กําลังจับตัวประกันเลย”
ผมยื่นโทรศัพท์ให้กับดาร์กเลดี้แต่กดโหมดลําโพงและเอาเข้าไปใกล้ๆดาร์กเลดี้
เธอมองมาที่ผมและพูดอย่างระมัดระวัง
“ท่านเซ…เซกิล”
“เธอแพ้เขา”
“ฉันไม่มีข้อแก้ตัว”
“อีกระหรี่ไร้ค่า”
“ฉันคิดว่าเธอเป็นหมาน้อยที่ฉลาด แต่การที่เธอลงเอยอย่างนี้ เธอก็ไม่ต่างอะไรไปจากพวกขยะคนอื่นๆ”
“ท่านเซกิลอะไร.คุณหมายถึงอะไร….”
“ไม่มีอะไรที่เธอจะทําได้อีกแล้ว ตาย ตายอย่างทุกข์ทรมาณและน่าสมเพชด้วยน้ํามือของคนที่แข็งแกร่ง!”
“นั่นเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่สําหรับคนที่อ่อนแอที่ไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป ว่ะฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ดีใจที่เห็นพวกขยะแห่กันมา” (มินชยอล)
“ม. ไม่มีทางท่านซีกิลจะไม่” (ดาร์กเลดี้)
“เขาคลาสอะไร?”
“มะ…ไม่รู้”
“เธอคิดว่าฉันจะเชื่อมั้นหรือ?”
“พ-พูดจริงๆ! โปรดเชื่อฉันเถอะ!”
“คราวนี้ฉันต้องตัดสินใจว่าเวลาไหนที่เธอจะพูดจริงๆ?”
่ ่
“อ่า! อ่าาาห์! มันเป็นความจริง ได้โปรดหยุด…แค่ฆ่าฉัน!”
“ตอนนี้ เราจะมาทบทวนสิ่งที่เราจะทําอีกยาวนานด้วยกันดีกว่า?”
“ฮ่าฮ่า
”
“เธอพูดว่าหนึ่งในคนที่อยู่ในยางพย็องชื่อว่าอะไรนะ ปิเอโร่?และเขามาแทนที่โจ๊กเกอร์ในฐานะหัวหน้ากองกําลังของโจ๊กเกอร์”
ดาร์กเลดี้พยักหน้าอย่างอ่อนแรงขณะที่ร่างกายของเธอถูกทรมาณจนไม่น่ามอง
“เซกิลอยู่ที่ปูซาน?”
“ถูกต้อง”
“แต่เซกิลไม่มีลูกน้องนอกจากเหล่าหัวหน้ากองกําลัง?”
“ถูกต้อง ฉันไม่เคยเห็นหรือพบใครเลย”
“เธอยังไม่รู้ว่าเขามีกี่คลาส,ความสามารถพิเศษหรืออะไรอย่างอื่นเลย แม้ว่าเธอจะติดตามเขามาในฐานะเจ้านายหรือหัวหน้าของเธอ”
เธอตอบขณะที่ร่างกายของเธอสั่นและหดตัวลงด้วยความหวาดกลัว
“ฉันไม่เคยเห็นว่าเขาใช้สกิลหรืออาวุธอะไร สิ่งหนึ่งที่ฉันเคยเห็นคือเขาใช้มือเปล่าเพื่อเอาชนะหัวหน้ากองกําลัง 4 คน ก่อนหน้านี้
“หืม…งั้นซีกิลก็มักจะอยู่ตัวคนเดียว? เขามั่นใจมากว่าเขาไม่จําเป็นต้องมีลูกน้องเลย
“ปีเอโร่และเซกิล พวกเขาเป็นส่วนที่เหลือของฝายหัวรุนแรงงั้นหรือ? แล้วคนที่ไม่ได้เป็นอเวคหล่ะ อย่างหัวหน้าสมาคมชอยมันโซ?”
“กลุ่มคนที่ร่วมงานของเราทั้งหมดอยู่ที่ฐานของฉัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่”
“ฉันคาดได้เลยว่าจะมีผู้ที่มีตําแหน่งสูงหลายคนอยู่ด้วย”
“
ถูกต้อง”
“ดี เธอให้ความร่วมมือมากกว่าที่ฉันคิดไว้มากมาย ดังนั้นฉันจะหยุดทําให้เร็วที่สุด ขอบคุณสําหรับการทํางานหนัก”
“จากนี้ไปอย่าทําสิ่งที่ไม่ดีและมีชีวิตอยู่อย่างสันติ”
“ห๊ะ? คุณกําลังพูดอะไร…คุณจะไว้ชีวิตฉัน”
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ คุณไม่อาจรอดไปได้ คุณสามารถมีชีวิตได้หลังโลกแห่งความตาย.”
ฉัวะ!
ดาร์กเลดี้ตายตรงนั้นทันที
ข้อมูลที่ได้จากเธอไม่ค่อยดีนัก
ผมมีคําถามมากมายเกี่ยวกับคําตอบของเซกิล
หลังจากนั้นก็เหมือนว่าจะรอดูว่างานนี้จะจบเมื่อไหร่ ขณะที่มีคนโทรศัพท์เข้ามา
มันเป็นโฮจิน.
“ครับ คุณพี่”
“ท่านมินชยอล เป็นไงบ้าง?”
“จัดการเรียบร้อย พอร์ทัลได้กลายเป็นดันเจี้ยนแล้ว”
“งั้นหรอ ขอบคุณที่ทํางานหนัก”
“ไม่เป็นไร แต่ผมได้รับรางวัลที่ไม่คาดคิดมา”
“หืม? มันอะไรจะขนาดนั้นเลยหรอ?”
“ผมจัดการดาร์กเลดี้แล้ว”
“หา? เธอกําลังพูดถึงหนึ่งในผู้นํากลุ่มหัวรุนแรง ดาร์กเลดี้!”
“ใช่ ผมจะบอกรายละเอียดให้คุณทราบทีหลัง ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะพูด.”
“อย่าส่งอเวคไปที่ยางพยอง”
“เธอหมายความว่าไง?”
“มันดูเหมือนว่ามีตัวแทนของโจ๊กเกอร์ที่ชื่อปิเอโร่จะอยู่ที่นั่น ผมไม่แน่ใจเกี่ยวกับความสามารถของเขา แต่ผมมั่นใจว่าเขาอันตรายมากแน่ๆ”
“รู้แล้ว รับทราบ ผมจะบอกผู้บัญชาการตามนั้น อย่างไรก็ตาม…”
“หืม? มีบางอย่างไม่ดีหรอ?”
“ตอนนี้ฉันกําลังไปปูซานกับผู้บัญชาการ.”
“ผมคิดว่าจะไปปูซานเหมือนกัน ผมได้ยินมาว่าเซกิลอยู่ที่นั่น คุณกําลังไปที่นั่นพร้อมกับรู้ว่าเขาอยู่ที่นั่นอยู่แล้วใช่ไหม?”
“ถูกต้อง เธอก็เจอกับดาร์กเลดี้แล้วนี่?”
“ใช่ ถูกแล้ว ผมจะไปที่นั่นและโทรมาเมื่อไปถึง”
“ฉันส่งเฮลิคอปเตอร์ไปได้นะ”
“ไม่ต้อง ผมจะไปด้วยการวาป ผมเคยไปปูซานมาก่อน”
“อย่างนั้นเราจะไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด หลังจากรับจุงโฮ หากเธอกังวล เราควรพาแม่ของเธอก่อนที่เราจะเคลื่อนไหว?”
“ไม่ แม่ของผมไม่เป็นไร มันไม่เหมือนกับว่ามีการระเบิดของพอร์ทัลอยู่ใกล้ๆ ผมจะโทรหาคุณที่หลัง”
“ได้ เข้าใจแล้ว ค่อยเจอกัน.”
“แม่ง ที่นี่มันโครตจะวุ่นวายเลย”
เกือบจะเหมือนกับไปอยู่ในหนังสารคดีที่บอกให้ผู้ชมถึงความน่ากลัวของสงคราม
เมืองถูกทําลาย ศพเกลื่อนกลาดทั่วทุกที่
เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา สวนสาธารณะแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
อย่างไรก็ตามตอนนี้เหลือเพียงเถ้าถ่านและกลิ่นคาวเลือดเท่านั้น
มอนเตอร์สองสามตัวเข้ามาอยู่ในสายตาของผม.
ทําลายทุกสิ่งรอบๆและทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียว
กัน
การจัดการเซกิลเป็นเรื่องสําคัญ
อย่างไรก็ตามการป้องกันก็ต้องมาก่อน.
เฮลิคอปเตอร์ที่ทุกคนนั่งมาได้มาถึงที่นี้ในไม่ช้า
ก่อนหน้าที่ผมต้องจัดการมอนเตอร์เพื่อที่ผมจะได้มีสมาธิสู้กับเซกิล.
เพียงก้าวเดียวผมก็ประชิดตัวพวกมัน
ระยางมากมายกระจายออกไปทุกทิศทาง
นอกจากนี้หัวยังแยกออกจากกันราวกับถูกผ่าครึ่ง มันเป็นมอนเตอร์ที่ดูคล้ายกับคน
ผมจ้องมองพวกมันอย่างเงียบๆ แต่ในตัวของผมมีแต่ความโกรธที่ผมไม่อาจระงับได้
แขนทั้งสองข้างของมันถือหัวของมนุษย์
แม้แต่ขณะที่พวกมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พวกมันก็กําลังยุ่งอยู่กับการยัดมนุษย์เข้าปากของมัน
เมื่อกี้ ผมได้ฆ่าคนของฝ่ายหัวรุนแรงไปกว่า 500 คน
พวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน
ผมรู้ว่ามันอาจจะเป็นสองมาตรฐาน แต่ผมมั่นใจว่ามันแตกต่างกัน
ต้านทานเวทย์? ต้านทานกายภาพ? ผมไม่ได้สนใจเรื่องอะไรเล็กๆน้อยๆพวกนี้
ความคิดเดียวที่อยู่ในหัวของผมคือต้องฆ่ามอนเตอร์เหล่านี้ให้หมด
ผมกําดาบบุชเชอร์ก่อนที่จะวิ่งเข้าหามัน
“ย้ากกก!”
MANGA DISCUSSION