I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 847
การรวมตัวกันในสุสาน
หลังจากที่รอ24ชั่วโมงเสร็จโจวเหวินก็เข้าเกมส์สุสานมารไปอีกรอบ รอบนี้ เขาไม่คิดจะสู้กับเทพีอีกแล้ว แต่เขาตั้งใจที่จะแค่ฆ่าหน้ากากกับมารแล้งเฉยๆ ไม่ให้มันเกิดขึ้นมาอีก เพื่อยืนยันผลว่าที่ตัวเองทำมานั้นมันใช้ได้ไหม ตอนที่ฉฉางหยูฉีชาวเขามางานประมูล มันไม่ได้มีเหตุอะไรเกิดขึ้นกับสุสานมาร เพราะงั้นถ้าเขาไม่ขุดต่อไปเทพีก็คงไม่ตื่นขึ้นมาหรอก
งานประมูลนั้นเดิมทีวางแผนจัดขึ้นที่เมืองหลงหูแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนสถานที่มาเป็นที่พักใกล้ๆกับสุสานแล้ว
คนที่ถูกชวนมางานประมูลนั้นเรียกได้ว่าเป็นเหล่ายอดฝีมือแห่งรัฐบาลกลาง คนจาก6ตระกูลเองก็มาที่นี้ด้วย ตอนที่คนจากตระกูลเคปมองหน้าโจวเหวินพวกนั้นเหมือนจะฆ่าจะแกงกันให้ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างคนใน6ตระกูลกับโจวเหวินนั้นไม่ค่อยจะดีเท่าไร มีแค่ตระกูลจากทางเหนือเท่านั้นที่เข้ามาทักทายโจวเหวินก่อน
“หลานฉีเล่าให้ฉันฟังเรื่องนายบ่อยมากเลย เขาอยากจะประลองจริงจังกับนายอีกซักครั้งด้วย ถ้านายมีเวลา ฉันก็อยากจะให้นายมาที่เขตเหนือเหมือนกันนะ”
“เดี๋ยวผมได้ไปแน่ๆครับ”โจวเหวินคิดไว้อยู่แล้วว่าจะไปแวะเยี่ยมเยี่ยนพื้นที่ต่างมิติต่างๆในเขตแดนเหนือแต่มันไกลมากทำให้เขายังไม่เคยได้ไป
แต่ตอนนี้วิญญาณชีวิตธุลีดาวนั้นทำให้เขาต้องออกเดินทางไปยังสถานที่แปลกๆใหม่ๆอยู่เสมอเพื่อพัฒนาวิญญาณชีวิต ในอนาคตเขาเลยคิดว่าน่าจะไปที่เขตแดนเหนือให้ได้
หลังจากที่คุยกันนิดหน่อยแล้ว ตัวแทนจากตระกูลฉางก็ขึ้นมาพูดเปิดงานประมูล และอย่างที่ฉางหยูฉีเคยบอกไว้ ตอนนี้ไข่สัตว์อสูร อสูรปฐพีนั้นได้เข้าการประมูลแล้ว และตระกูลฉางจะไม่เก็บเงินใดๆเลยถ้าเกิดคนๆนั้นสามารถแก้ไขปัญหาของตระกูลฉางในสุสานมารได้
ซึ่งเอาจริงๆ คนส่วนมากก็รู้เรื่องนี้ล่วงหน้ากันหมดแล้วพวกเขาเลยไม่แปลกใจอะไร ยังไงปัญหาใหญ่ที่ตระกูลฉางรับมือไม่ไหวนั้นมันก็ใหญ่เกินกว่าที่จะปิดข่าวให้มิดอยู่แล้ว
“พี่ฉาง ตอนนี้เรารู้สถานการณ์ภายในนั้นคร่าวๆแล้วก็จริง แต่มันมีบางอย่างที่เรายังไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองเลย พวกเราเลยยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี”ตัวแทนจากตระกูลตู่กู๋พูดถามขึ้นมา
“เดี๋ยวผมจะพาไปที่สุสานมารในอีกไม่ช้านี้ครับ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องอธิบายให้ทุกคนเข้าใจก่อน สุสานมารตอนนี้มันเต็มไปด้วยอะไรแปลกๆมากมาย ทุกคนมีโอกาสที่จะโดนควบคุมจิตใจให้กระโดดลงไปในสุสานมารและกลายเป็นรูปปั้นหิน มีอันตรายถึงชีวิต เพราะงั้นคนที่ตั้งใจจะไปที่สุสานมารนั้นขอให้เลือกตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้ามีเหตุผิดพลาดอะไรก็ตามแต่ ตระกูลฉางจะไม่รับผิดชอบใดๆต่อชีวิตของพวกคุณนะครับ”ตัวแทนตระกูลฉางพูด
“ก็ถูกละนี้”เมสซิสพูด
คนส่วนมากนั้นยินดีที่จะเสี่ยงกันอยู่แล้ว มีคนน้อยคนมากเท่านั้นที่จะไม่เสี่ยง
ตระกูลฉางจึงนำใบสัญญายินยอมเข้าไปเสี่ยงด้วยตัวเองมาให้ทุกคนที่จะเข้าไปเซ็น โจวเหวินเองก็เช่นเดียวกัน เขาตั้งใจจะมาเอาไข่ของอสูรปฐพีอยู่แล้ว โอกาสแบบนี้เขาไม่มีทางพลาด
“นายเองก็เคยไปที่นั้นแล้วไม่ใช่เหรอ นายก็รู้นี้ว่าข้างในนั้นมันอันตรายแค่ไหน แล้วทำไมนายยังจะไปอีกละ”ทุกคนออกเดินทางกันหมดแล้ว ส่วนโจวเหวินโดนฉางหยูฉีขัดไว้อยู่
“ฉันคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาในสุสานมารได้แล้ว ฉันเลยอยากจะลองดูหน่อยหน่ะ”โจวเหวินพูด
“วิธีอะไรนะ”ฉางหยูฉีถามอย่างสงสัย
“โจวเหวินเองก็ไม่ได้ปิดบัง “ฉันจะขุดสุสานมารนั้นแล้วกำจัดสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่อยู่ข้างในนั้นซะ เพื่อลบคำสาปที่มีในสุสาน”
ฉางหยูฉีส่ายหน้าทันทีแล้วพูด “วิธีนั้นมันไม่น่าได้หรอกนะ บรรพบุรุษของฉันเคยบอกไว้ว่าถ้าขุดสุสานแล้วปล่อยส่งมีชีวิตที่อยู่นั้นออกมาละก็ ทุกอย่างจะมอดไหม้เป็นจุลย์ ตระกูลฉางจะพังพินาศและสูญสิ้น พวกเราตระกูลฉางจึงทำทุกวิธีทางเพื่อไม่ให้มันออกมาได้ตั้งนานหลายปี ผู้เฒ่าผู้แก่คงไม่มีทางยอมแน่ๆ แล้วจะขุดเองได้ยังไงกัน”
“ตามที่ฉันสำรวจมา ในนั้นมันมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติมากกว่า1ตัว ไอ้ตัวที่เธอบอกหน่ะ มันคนละตัวกับตัวที่ฉันจะจัดการหน่ะ”โจวเหวินอธิบาย
ฉางหยูฉียิ้มเจื่อนๆแล้วส่ายหัว “เราไม่มีทางรู้ผลที่จะตามมาได้หรอกถ้าเราขุดสุสานอะ บางทีสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนั้นอาจจะหลุดออกมาหมดเลยก็ได้ ผลที่ตามมามันใหญ่เกินไป ท่านผู้เฒ่าไม่มีทางยอมแน่”
โจวเหวินคิดเงียบๆ การจะกล่อมให้ฉางหยูฉีเชื่อนั้นมันยากเกินไป ขนาดแค่ฉางหยูฉียังยากขนาดนี้ การกล่อมให้ผู้เฒ่าตระกูลฉางเชื่อน่าจะยากกว่านี้โคตรๆแน่ๆ จะให้เขาบอกว่าเขารู้สถานการณ์ภายในนั้นทั้งหมดก็ไม่ได้
ตอนนี้โจวเหวินต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป เขายังไม่ยอมแพ้แน่ๆละ หลังจากที่โจวเหวินเห็นพลังที่แท้จริงของแทพีแล้ว ก่อนที่เขาจะมีพลังมากพอจะสู้กับมันได้ อย่างน้อยเขาต้องหาวิธีรับมือกับมันให้ได้ก่อน อย่างน้อยก็ต้องหนีออกมาให้รอด
อสูรปัฐพีนั้นเรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือในการหนีชั้นยอดเลย ถ้าเกิดเขาไม่ตายในครั้งเดียวเขาก็จะสามารถมุดดินหนีออกมาได้แน่ๆ
แน่นอนว่าทางที่ดีที่สุดคือการอย่าไปเจอกับผู้พิทักษ์ร่างความกลัว แต่ในกรณีที่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างน้อยก็ต้องมีตัวช่วยชีวิตให้รอดออกมา
ในอนาคต จะต้องมีผู้พิทักษ์ปรากฏตัวมากขึ้นและมากขึ้นกว่านี้แน่ๆ และหนึ่งในนั้นเขาต้องเจอกับร่างความกลัวเข้าซักวันหรืออาจจะหนักกว่านั้นด้วย
ถ้าเป็นแบบที่สัตว์อสูรผมเงินพูดละก็ ถ้ามนุษย์กับผู้พิทักษ์รวมร่างกับผู้พิทักษ์ระดับมหันตภัยได้อย่างสมบูรณ์ละก็ ความชิบหายจะบังเกิดแน่นอน
แค่ระดับความกลัว สำหรับโจวเหวินก็โหดมากพอแล้ว โจวเหวินยังไม่อยากนึกพลังระดับมหันตภัยเลยว่าจะมหาศาลขี้โกงขนาดไหน
เพราะว่าฉางหยูฉีไม่ได้รับให้ไปที่สุสานมาร โจวเหวินเลยตามทุกคนไปที่สุสานมารเอง
ฉางชุนชิวที่เฝ้าสุสานมารอยู่นั้น พอเห็นโจวเหวินมา เขาก็เข้ามาทักทายแล้วพาเขาไปที่แท่นหิน
แท่นหินนี้เป็นแท่นหินโบราณที่สร้างขึ้นมาเพื่อเฝ้าระวังสุสานมาร สร้างขึ้นมาโดยปรมาจารย์ด้านอาคม จนถึงวันนี้หินก็ยังไม่งอกขึ้นมาบนนี้ ข้างใต้ของแท่นนั้นมันเต็มไปด้วยหินเวทมนตร์เต็มไปหมด มีแค่แท่นหิน8แท่นเท่านั้นที่ปลอดภัย
คนส่วนมากที่มานั้นมาจาก5ตระกูลใหญ่ๆ บางคนก็เป็นคนท้องถิ่นชื่อดัง หรือไม่ก็นักล่าอิสระที่มีชื่อเสียง
โจวเหวินมองพวกเขาไปซักพักแล้วไม่เห็นวี่แววของหลิวหยุนแม้แต่น้อย
“ของที่หลิวหยุนเล็งไว้แล้วเขาไม่น่าจะถอดใจง่ายๆนะ ถ้าเขาไม่อยู่นี้บางทีเขาอาจจะคิดจะขโมยไข่ตรงๆอยู่ก็ได้”โจวเหวินคิดในใจ
บางคนเริ่มศึกษาปัญหาในสุสาน บางคนเริ่มจากการถามข้อมูล บางคนก็เริ่มแสดงความสามารถของตัวเองเลย
บางคนเรียกสัตว์อสูรออกมาลองดู บางคนก็ใช้พลังศาสตราทั้งหลายเพื่อปัดเป่าความชั่วร้ายหรือคลายคำสาปที่มี
ผู้เฒ่าจากตระกูลเคปคนนึงอัญเชิญกางเขนออกมาแล้วสวดมนตร์ ก่อนจะร่ายแสงศักดิ์สิทธิ์สาดเข้าใส่คนของตระกูลฉางที่กลายเป็นหินเวทย์มนตร์ไปแล้ว แต่ผลออกมาก็ไร้ความหมาย หินพวกนี้มันชำระล้างไม่ได้