I Don’t Want To Defy The Heavens - ตอนที่ 89 ข้าโรคจิต
นิยาย | Don’t Want To Defy The Heavens
DTH ตอนที่ 89 ข้าโรคจิต
หลี คือเซียวไม่คิดไม่ฝันเลยว่าพ่อแม่ของนางจะมา
มันไม่มีสัญญานที่บ่งบอกว่าพวกเขาจะมาเลยสักนิด
“น้องหลี่ ในที่สุดเจ้าก็มาลูกสะใภ้ของข้ากําลังคิดถึงเจ้าและอยากกลับไปเยี่ยมอยู่พอดีไม่ว่าข้าจะพูดยังไงข้าก็ไม่สามารถหยุดนางได้เลย” หลินวานยี่กล่าว
เขารู้สึกมีความสุขมาก
ดูเหมือนสวรรค์ต้องการเก็บนางไว้ที่ตระกูลหลิน
หัวหน้าตระกูลหลิ่มองบุตรสาวของเขาด้วยท่าทางแปลกๆแต่เป็นคนที่อยากมาที่นี่ด้วยตัวเองแต่ตอนนี้นางกลับอยากจะไปจากที่นี่ เกรงว่าสถาการณ์คงไม่ง่ายอย่างที่เห็นแน่
มันแตกต่างจากที่นางคาดไว้งั้นหรือ?
ดูเหมือนเด็กคนนี้จะพบกับความพ่ายแพ้และต้องการกลับตระกูล มิเช่นนั้นนางคงไม่มีความคิดเช่นนี้
หลินฟานขมวดคิ้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?ทําไมพวกเขาถึงมาที่นี่? คงจะดีไม่น้อยหากรอให้หญิงนางนี้ออกไปก่อนแต่ในเมื่อสถาการณ์มันออกมาเป็นรูปแบบนี้เขาก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากคิดหาวิธีอื่น
เขาจะไม่ยอมให้คนอื่นมาบงการชีวิตของเขาหญิงงาม?
เขาไม่เคยสนใจเรื่องพวกนั้น
หากมีคู่ครองค่าใช้จ่ายที่จําเป็นก็จะเพิ่มมากขึ้นเหมือนในชีวิตที่แล้วทําไมผู้หญิงถึงมีความต้องการมากมายนัก?
และเมื่อทุกคนเอาใจผู้หญิงเหมือนกันหมดมันจึงทําให้มาตรฐานสูงขึ้นตามไปด้วย
“เซียวเอ๋อร์ ในเมื่อข้าและแม่ของเจ้าอยู่ที่นี่แล้วทําไมเจ้ายังต้องการกลับไปอีก? เร็วเข้ารีบขนของกลับ”หัวหน้าตระกูลหลี่กล่าว
จากนั้นเขาก็แลกเปลี่ยนสายตากับดินวานยี่เพื่อบอกว่ามีบางอย่างที่อยากจะคุยด้วย
ภายในห้องรับแขกไข
หลิน ฟานนั่งอยู่ตรงนั้นเขากระพริบตาขณะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า
หลี่ หมิงมองไปทางหลินฟานนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับเขาดังนั้นนางจึงต้องการดูว่าลูกเขยของนางเป็นอย่าง
เขาดูดีมาก
หลี่ คือเซียวไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไปมีหลายสิ่งที่นางต้องการจะพูดแต่นางไม่พบโอกาส
ภายในห้องอ่านหนังสือ
“พี่หลิน ข้าได้ข่าวมาว่าราชาหรูทงส่งคนมาที่เมืองโหย่วข้าเลยรีบมาที่นี่ทันทีแล้วสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”หัว หน้าตระกูลหลี่ถามออกมา
“น้องหลี่ ที่จู่ๆเจ้าก็มาที่เมืองโหย่วเพราะได้รับข่าวเรื่องนั้น?”
การแสดงออกของหลิน วานยี่เปลี่ยนเป็นจริงจังดูเหมือนหัวหน้าตระกูลหลี่จะรู้เรื่องราวภายในและรีบมาที่เมืองโหย่วทันทีมิฉะนั้นเรื่องบังเอิญเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร
หัวหน้าตระกูลหลี่พยักหน้า “อาข้าได้รับแจ้งทันทีเมื่อราชาหรูทงส่งคนมาที่นี่ข้าจึงมาดูว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”
“จริงอยู่ที่มีคนมา แต่มันจบแล้วศพของพวกเขาอยู่ลานด้านหลังของลูกชายข้า”หลินวานยกล่าว
ของหัวหน้าตระกูลหลี่ตกตะลึงศพของพวกเขา?
นี่เขากําลังหมายถึงอะไรกัน?
เขามองไปทางหลิน วานยอย่างไม่เชื่อหลินวานยี่พยักหน้าเขา หมายความตามที่เขาพูดทุกตัวอักษร
คนที่เคยมีชีวิตอยู่กลายเป็นศพแน่นอนว่าพวกเขาต้องตายไปแล้ว
หัวหน้าตระกูหลี่รู้สึกประทับใจ
เขาไม่คิดเลยว่าหลินวานยจะฆ่าคนที่ถูกส่งมาโดยราชาหรูทงจริงๆ ดูเหมือนเขาไม่คิดไว้หน้าราชาหรูทงเลยสักนิด
“พี่หลิน ท่านหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว” หัวหน้าตระกูหล่อุทาน
เขาใจร้อนเกินไป
เขาควรจะปล่อยแทนที่จะฆ่าพวกเขามิเช่นนั้นแล้วมันจะไปต่างอะไรกับการประกาศสงครามกับราชาหรูทง?
“มันไม่มีอะไรเร่งด่วนหรือรีบร้อนเกินไป ราชาหรูทงต้องการก่อกบฏหากข้าไม่ฆ่าผู้ส่งสารแล้วล่ะก็ผู้คนคงจะคิดไปว่าข้าอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาซึ่งผลที่ตามมาคงจะเลวร้าย”
เขากําลังพูดความจริง
หัวหน้าตระกูหลี่จริงจังมากขึ้น “นั่นก็จริง มันดูสมเหตุสมผลขึ้นมาหากคิดว่ารา
ชาหรูทงอุตส่าห์ส่งคนมาหาพี่หลินถึงเมืองโหย่วแต่ข้าไม่รู้ว่าที่อื่นถูกซื้อเหมือนกันหรือไม่”
“ถ้าเขาคิดทํา ที่ต่อไปคือเมืองหลงเมืองจั่วส่วนเมืองอื่นๆก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน” (TL: เมืองหรู่ที่ซูหลานอยู่แก้เป็นเมืองจั่ว)
“น้องหลี่ ข้าว่าเราอย่าพูดถึงเรื่องพวกนั้นและมาเข้าเรื่องของเราเลยน่าจะดีกว่าข้าอยากถามว่าตระกูลหลี่ของเจ้าเห็นด้วยเรื่องที่นางจะแต่งเข้าตระกูลหลินของเราหรือไม่? หลินวานยถาม
หัวหน้าตระกูหลี่รู้สึกงุนงงเล็กน้อย “พี่หลินเรากําลังคุยเรื่องสําคัญกันอยู่ข้าว่าเรื่องเล็กน้อยเอาไว้คุยภายหลังจะดีกว่า”
“เรื่องเล็กน้อยที่ไหนเรื่องสําคัญต่างหากใครมันจะไปสนราชาหรูทงกันแล้วตกลงเจ้าเห็นด้วยรึไม่?”
สําหรับหลิน วานยการกบฏของราชาหวี่ทงถือเป็นเรื่องเล็กน้อย เขาต้องการทราบว่าเขาจะสามารถมีลูกสะใภ้และได้อุ้มหลานของเขารีไม่นั่นต่างหากที่สําคัญวิธีคิดของเขาเปลี่ยนไปมาก
หัวหน้าตระกูหลี่ตกตะลึงเรากําลังพูดถึงการกบฎของราชาหรูทงซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่สําคัญมาก
แต่ตอนนี้ท่านกลับเปลี่ยนหัวข้อโดยถามเรื่องการแต่งงานของลูกๆ แล้วแบบนี้ข้าควรจะตอบว่าอย่างไร?
“พี่หลิน ปล่อยให้มันเป็นเรื่องระหว่างเด็กๆเถอะในฐานะพ่อเราไม่สามารถควบคุมพวกเขาได้”หัวหน้าตระกูหลี่กล่าว
เขารู้ดีว่าลูกสาวของเขาคิดอย่างไร
หลิน วานยโบกมือ“ทุกอย่างจะพังหากเราปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง”
เขาจะไม่รู้จริงหรือว่าลูกชายของเขาคิดอย่างไร?
เจ้าเด็กนั่นคงรอไม่ไหวแล้วที่จะไล่หลี่คือเซียวออกไป
ในฐานะพ่อ เขาจะปล่อยให้ลูกชายทําแบบนั้นได้อย่างไร?
นางดูดีและเขาก็ค่อนข้างพอใจเขาไม่สนว่าทั้งคู่จะรู้สึกอย่างไร ตราบใดที่พวกเขาให้กําเนิดลูกแม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะตกตายมันก็เป็นเรื่องของพวกเขา เขาไม่คิดจะสนใจ
แต่ตอนนี้พวกเขายังไม่มีลูกฉะนั้นเขาจึงต้องดูแลเรื่องนี้
ยังไงซะพวกเขาทั้งสองก็อายุมากพอจะแต่งงาน
หัวหน้าตระกูหลี่มองหลินวานยี่เขารู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อยเพราะดูเหมือนสิ่งที่พวกเขากังวลจะต่างกันโดยสิ้นเชิง
ภายในห้องรับแขก
หลี่ หมิงมองไปยังลูกเขยของนางเขาผ่านด่านแรกซึ่งคือรูปลักษณ์
“ข้าขอเรียกเจ้าว่าเสี่ยวฟานได้รึไม่?” หลี่หมิงถาม
หลิน ฟานยิ้ม “ได้ครับ”
หลี่ หมิงยิ้มออกมา นางรู้จักบุคลิกของลูกสาวนางดีสุดท้ายแล้วยังไงนางก็ต้องแต่งงานกับใครสักคนเพียงแต่จะแต่งกับใครนั้นยังไม่แน่นอน
“เสี่ยวฟาน ปกติแล้วเจ้าชอบทําอะไร?” หลี่หมิงถาม
สําหรับคําถามนี้หลินฟานต้องการให้อีกฝ่ายได้รับคําตอบที่สมบูรณ์แบบ
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“อืม เมื่อเร็วๆนี้มันไม่มีอะไรให้ข้าทํามากนักดังนั้นข้าจึงเริ่มเกียจคร้านทําเพียงกินและรอความตายไปวันๆเมื่อข้าอารมณ์ดี ข้าก็จะออกไปทุบตีคนที่ข้าไม่ชอบหน้าแต่ถ้าหากวันไหนเกิดข้าอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาข้าก็จะฆ่าสักสองสามคนเพื่อให้ตัวข้าอารมณ์ดีขึ้น” หลิน ฟานกล่าวอย่างใจเย็น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่ หมิงก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“เสี่ยวฟานนั่นฟังดูน่าประหลาดใจมาก”
แน่นอนว่าหลี่ หมิงไม่เชื่อสิ่งที่หลินฟานพูดมันจะมีใครที่ไหนพูดถึงตัวเองเช่นนั้น?
“ท่านแม่ยาย ข้าไม่ได้ล้อเล่นข้าเป็นอย่างที่พูดจริงๆขนาดตอนนี้มันก็ยังมีศพอยู่ลานด้านหลังของข้าเลย”หลินฟานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขาต้องการแสดงให้นางเห็นและคิดว่าเขาเป็นคนแบบนั้น
เมื่อซุยหลานได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของนางก็ขาวซีดนางก้มศีรษะลงและกระซิบ“คุณหญิงเขากําลังพูดวามจริงข้าเห็นเขาทรมานคนก่อนจะฆ่ามาด้วยตาของข้าเอง”
สําหรับซุยหลานฉากนั้นมันกระทบนางมากเกินไป
มันน่ากลัวเกินกว่านางจะรับได้
เมื่อนางรู้ว่าคุณหนูต้องการจะไปจากที่นี่นางก็โล่งใจและคิดว่าในที่สุดก็ได้ไปจากสถานที่อันตรายแห่งนี้เสียที
แต่นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าท่านหัวหน้าตระกูลและคุณหญิงจะมา?
เปลือกตาของหลี่หมิงกระตุกเห็นได้ชัดว่านางไม่เชื่อในตอนแรก แต่ตอนนี้นางเริ่มเชื่อแล้ว
สมองเขาไม่ปกติงั้นเหรอ?
ความคิดที่เขาเป็นแบบนั้นไม่ได้อยู่ในหัวของนางเลยแม้แต่น้อย
นางมองไปยังลูกเขยในอนาคตและพบว่าเขาดูไม่ค่อยแยแสด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าเขาพยักหน้าและยิ้มให้หลี่หมิง
ใครมันจะไปคิดว่าเขาเป็นพวกจิตไม่ปกติ
หลี่ หมิงสะท้าน นางตระหนักได้ในทันทีว่าหากลูกสาวของนางแต่งเข้าตระกูลหลินจริงๆ แล้วแบบนี้อนาคตของนางที่รออยู่จะเป็นอย่างไร?
ขณะที่นางไม่รู้ว่าควรทําอย่างไรดีหลินวานยีและหัวหน้าตระกูลหลี่ก็เดินเข้ามา
พวกเขาไม่ได้ข้อสรุปที่ดีนักขณะคุยกันในห้องอ่านหนังสือ
อันเนื่องมาจากพวกเขาไม่ได้คุยหัวข้อเดียวกัน
หัวหน้าตระกูลหลี่กังวลเรื่องราชาหรูทง
ส่วนหลินวานยก็เอาแต่ถามว่าเขายินดีให้ลูกสาวของเขาแต่งเข้าตระกูลหลินหรือไม่
สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่ได้ข้อสรุปเลยสักเรื่อง