นิยาย | Don’t Want To Defy The Heavens
DTH ตอนที่ 85 เท่านี้ก็เรียบร้อย
เมื่อเร็วๆนี้เมืองหยูฉางมันเงียบเหงาเกินไป
มันไม่มีอะไรน่าสนใจเลย
เหลียง หยงฉีที่ได้รับบาดเจ็บก็ยังคงพักฟื้นอยู่ที่บ้าน พวกเขาไม่ได้พบกันนานแล้วทําให้เขาค่อนข้างคิดถึง
ส่วนหยวน เทียนชูก็ไม่ได้ปรากฏตัวนานแล้ว ใครจะรู้บางทีเขาอาจจะจงใจหลีกเลี่ยงเขา
เขารู้ดีว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบันเมือง หยูฉางเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสําหรับเขา และมันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น หากเขาออกจากเมืองนี้ไป
ไกลออกไปทางที่ชายทั้งสามเดินไป
“หัวหน้า ข้าว่านายน้อยจากตระกูลหลินนั่นทํามากเกินไป” หนึ่งในนั้นกล่าวเขามีท่อนเหล็กที่ทําจากเหล็กบริสุทธิ์หนักหนึ่งร้อยกิโลกรัมพาดอยู่บนหลังของเขา
เมื่อดูจากรูปลักษณ์ของพวกเขาแล้วมันให้ความรู้สึกดุร้ายไม่เหมือนคนทั่ว ไป
“ไม่ต้องสน แค่ทําธุระของเราให้เสร็จก็พอ”
หัวหน้ากล่าว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มากนัก
เป็นโจว เชียงเหมาที่ดึงดูดความสนใจของเขา การฉีกม้าด้วยมือเปล่าแสดงให้ เห็นว่าเขามีพลังมากแค่ไหน และมันก็ทําให้รู้เลยว่าเขาต้องมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับสูงมากแน่ คาดไม่ถึงเลยจริงๆว่าตระกูลหลินจะฝึกฝนคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ออกมาได้
หลังจากเดินเล่นอยู่นาน
“น่าเบื่อ” หลิน ฟานที่กําลังขี่ม้าพบว่า เขาไม่รู้จะไปไหนดี “กลับกันเถอะ”
เขาคิดว่าในเมืองมันต้องมีเรื่องน่าสนใจ แต่น่าเสียดายที่เมืองหยูฉางนั้นสงบมาก เขาไม่พบคนรู้จักเลยนับประสาอะไรกับคนที่เขาสามารถเยาะเย้ยได้
หากดูจากเวลาแล้วเหลียง หยงฉีก็ควรใกล้จะฟื้นตัวเต็มที่ บางทีเมื่อถึงตอนนั้นมันอาจจะมีเรื่องสนุกๆให้เขาทํามากกว่านี้
ณ คฤหาสน์ตระกูลหลิน
เมื่อหลินฟานกําลังจะก้าวเข้าสู่คฤหาสน์ เขาก็ถามออกมาอย่างสงสัย “หลังจากที่ข้าออกไปมีใครมาที่คฤหาสน์บ้างไหม?”
ยามที่ประตูกล่าวด้วยความเคารพ “เรียนนายน้อย มีชายสามคนมาขอพบท่านหัวหน้าตระกูล”
ชายสามคน?
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนที่เขาพบบนถนน
ใครจะไปคิดกันล่ะว่าพวกเขาจะมาที่ตระกูลหลินแถมยังรู้จักกับพ่อของเขาอีก พวกเขาจะรายงานเรื่องของเขาหรือไม่?
“รับม้าไป”
หลิน ฟานเดินเข้าคฤหาสน์ไปโดยคิดบางสิ่งในใจ
ยามตกตะลึง นายน้อยเพิ่งออกไปไม่นานแล้วเขาไปหาม้าสองตัวนี้มาจากไหน?
“ลูกพี่ลูกน้อง ตั้งแต่ที่ชายสามคนที่เรารังแกมาถึงคฤหาสน์ พวกเขาจะบ่น และบอกพ่อว่าข้ารังแกพวกเขาไหม?” หลินฟานถาม
“ลูกพี่ลูกน้องไม่ต้องกังวล ข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง” โจวเชียงเหมากล่าว
เมื่อพวกเขามาถึงลานในคฤหาสน์ไม่นานนักก็เกิดเสียงดังกระจายไปทั่ว
ตูม!
มันเป็นชายผู้หนึ่งที่บินออกมา
ทันทีหลังจากนั้นชายอีกสองคนก็บิน ตามออกมาจากห้องรับแขก พวกเขาลอยโค้งก่อนจะตกลงมากระแทกพื้น และกระอักเลือดออกมาคําหนึ่ง
นี่มันพวกคนที่เขาพบบนถนนไม่ใช่เหรอ?
เขาไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะถูกไล่ออกมาแบบนี้
มันเป็นเรื่องดี
“หลิน วานยี่ เจ้าคนชั้นต่ํา! เจ้ากล้าถึงขนาดต่อต้านคําสั่งของราชาหรูตงเลยงั้นหรือ?” หัวหน้าล้มลงกับพื้นพร้อมเลือดที่มุมปากและหน้าอกที่ยุบลงไป ฝ่ามือนั้นเกือบฆ่าเขา
ปัง!
ทันใดนั้นหลิน ฟานก็รีบยกเท้าขึ้นเตะเข้าที่หลังของชายที่เป็นหัวหน้าชายคน นั้นที่ไม่ทันระวังก็ล้มไปข้างหน้าก่อนจะหัวฟาดพื้นอีกรอบ
“เจ้ากล้าถึงขนาดด่าพ่อของข้าเลยงั้นรี ความจริงข้าก็รู้อยู่แล้ว่าคนที่ขี่ม้าในเมืองหยูฉางจะต้องไม่ใช่คนดีแน่”
ลูกเตะของเขามันรุนแรงจริงๆ
ด้วยร่างกายและกําลังภายในที่มาถึงขั้นห้าทําให้พลังที่ระเบิดออกมานั้นค่อนข้างน่ากลัว
“ฟานหลบไป” หลินวานยี่กล่าว
หลิน ฟานคิดว่าทั้งสามคุ้นเคยกับพ่อของเขาเป็นอย่างดี แต่กลับกลายเป็นว่า พวกเขามาที่นี่เพื่อมาหาเรื่อง ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะได้ของเล่นใหม่
ทันใดนั้นสายตาของหลินวานยี่ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา เจตนาฆ่าของเขาเอ่อล้นออกมาจนทําให้ชายทั้งสามสั่นสะท้าน
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าหลินวานยี่จะมีความคิดที่จะฆ่าพวกเขาจริงๆ
ไกลออกไป หลี่จือเซียวกําลังขมวดคิ้วดูสิ่งที่เกิดขึ้นในลานบ้าน ถึงเธอจะไม่รู้ว่าชายทั้งสามเป็นใคร แต่ถ้าเป็นราชาหอู่ตงเธอรู้แน่ เขาเป็นคนที่มีตําแหน่งใหญ่โตในเมืองจักรพรรดิ
หากจะกล่าวว่าเขาสามารถคลุมท้อง ฟ้าได้ด้วยมือข้างเดียวก็ไม่ใช่เรื่องเกินจ
ริง
หลิน ฟานรู้สึกลังเลเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งที่พ่อของเขากําลังจะทํา “ท่านพ่อได้โปรดเมตตาด้วย เรายังฆ่าพวกเขาไม่ได้
มือของหลิน วานยี่หยุดค้างอยู่กลางอากาศ หากฝ่ามือนี้ถูกตบลงมาพวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
ทั้งสามถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลิน วานยี่แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้ที่ของเจ้า แต่เจ้าคงคาดไม่ถึงเลยสินะว่าลูกของเจ้าจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร
เมื่อเห็นท่าทางงงงวยของพ่อ หลินฟานจึงอธิบาย “ท่านพ่อ ข้าว่าหากฆ่า พวกเขาเลยมันคงง่ายเกินไปสําหรับพวกเขา พอดีกับเมื่อเร็วๆนี้ข้าก็กําลังเบื่ออยู่พอดี ดังนั้นทําไมไม่ส่งพวกเขามาให้ข้าล่ะ? ข้าเพิ่งมีความคิดบางอย่างเมื่อไม่นานมานี้”
“ลูกพี่ลูกน้องหักแขนขาของพวกเขา”
การแสดงออกของหลินฟานสงบและเยือกเย็นมาก
เขากล่าวราวกับขอให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาฆ่าหมูตัวหนึ่ง โดยที่เขาไม่ได้ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายในฐานะมนุษย์เลย
“ได้เลยลูกพี่ลูกน้อง” โจวเชียงเหมา ไม่สนใจว่ามันจะโหดร้ายหรือไม่ เขาเดินมาข้างหน้าและคว้าข้อเท้าของชายคนหนึ่ง และออกแรงบีบ ทันใดนั้นเสียงกระดูดแตกก็ดังออกมา
ข้อเท้าของชายคนนั้นถูกบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี
เสียงกรีดร้องดังออกมา
โจว เชียงเหมาไม่ได้แสดงความเมตตา หลังจัดการข้อเท้าเสร็จแล้ว เขาก็ไปบีบมือต่อทันที ไม่นานหลังจากนั้นข้อเท้าและมือของชายทั้งสามก็ถูกเขาทําลายจนหมด
“ลูกพี่ลูกน้อง วิธีการของเจ้ามันค่อนข้างครอบงําเล็กน้อย เจ้าน่าจะเพิ่งทําลายเส้นลมปราณของพวกเขาไป” หลินฟานหายใจเข้าลึกๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บทางกาย แต่เสียงกรีดร้องของอีกฝ่ายก็ทําให้หัวใจของเขาเย็นลง
โจว เชียงเหมาส่ายหัว “ลูกพี่ลูกน้อง พวกเขาล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญและสามารถสร้างมันใหม่ได้ ดังนั้นมันจึงไม่เป็นปัญหาหลังจากที่ทําลายมันแบบนั้น”
“อม” หลินฟานพยักหน้า ลูกพี่ลูกน้องของเขาอาจจะดูโง่ แต่ความจริงแล้วเขาไม่ได้โง่
ยามตระกูลหลินมองไปที่สถานการณ์ปัจจุบันและรับรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง
ครูฝึกของพวกเขาน่ากลัวเกินไป
เขาจับแขนขาของพวกเขาและทําลาย มันอย่างไม่แยแสราวกับกําลังปั๊ม
สําหรับพวกเขาทั้งสามแล้วการตายไปเลยคงจะดีเสียกว่า
พวกเขาเคยคิดว่าการที่หลินวานยี่จะฆ่าพวกเขานั้นเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด แต่ตอนนี้การถูกหักแขนขาเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดยิ่งกว่าสําหรับพวกเขา
“ท่านพ่อ ส่งพวกเขามาให้ข้า” หลินฟานกล่าว
หลิน วานยี่รู้สึกสับสน
เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเด็กคนนี้?
มันออกจะโหดร้ายเกินไปหน่อยที่จะเรียกเขาว่าขยะ เพราะวิธีการของเขาค่อนข้างไร้ความปราณี แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง แต่การจะกล่าวเช่นนั้นได้ก็แสดงให้เห็นว่าเขาพิเศษ
“เอาไปเถอะ” หลินวานยี่โบกมือและไม่ต้องการจะพูดอะไรไปมากกว่านี้
เมื่อได้รับอนุญาตจากพ่อ หลินฟานก็ยิ้มออกมา “ลูกพี่ลูกน้องพาพวกเขาไปที่ลานด้านหลัง
โจวเชียงเหมารวบมือแต่ละข้างเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่ลานด้านหลัง
เมื่อหลินฟานเห็นหลี่จือเซียวขณะที่เขากํานผ่ลังเดิานทางเข้า เขาก็ยิ้มแปลกๆออกมา ราวกับจะบอกว่านี่คือความรุนแรงของนายน้อยผู้นี้ หากเจ้าไม่ระวังตัวให้ดี รายต่อไปอาจจะเป็นเจ้า
ภายในห้องรับแขก
“นายท่าน ข้าไม่คิดเลยว่าราชาหอู่ตงจะส่งคนมาเกลี้ยกล่อมท่านเช่นนี้ จะดีกว่าไหมถ้าหากเราป่าวประกาศเรื่องนี้ และบอกว่าเขามีแผนจะก่อจลาจล” อาวุโสหวี่กล่าว
“เปล่าประโยชน์ มันคงไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้”
หลินวานยี่ส่ายหัว สิ่งที่เขากังวลไม่ใช่การเป็นศัตรูกับราชาหวู่ตง แต่เป็นเรื่องที่เขาได้ชักชวนเมืองอื่นหรือไม่
“ลืมไปซะตอนนี้อย่าเพิ่งคิดถึงมัน การแต่งงานของเจ้าเด็กไม่เอาไหนต่างหาก
คือสิ่งที่ต้องทําให้เร็วที่สุด ข้าจะได้ขจัดความกังวลเสียที แล้วเจ้าได้เลือกวันเอาไว้หรือยัง?”
นี่คือสิ่งที่เขากังวลมากที่สุด
สุดท้ายแล้วการจะหลอกเด็กสาวคนหนึ่งให้ทําสิ่งนี้ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้นเขาจึงจําเป็นต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
“นายท่าน ข้าว่าเราควรคุยเรื่องนี้กับนายน้อยเสียก่อน หากเขาไม่เห็นด้วย และเกิดเราบังคับเขามากเกินไป เกรงว่าเขาอาจจะหนีไป” อาวุโสหวู่กังวล
“เขาจะกล้างั้นหรือ? หากเขากล้า ข้าจะหักขาเขาซะ!” หลินวานยี่กล่าวอย่างโกรธเคือง
อาวุโสหวี่ถอนหายใจ “ตามความเข้าใจของข้า เข้ากล้าทําเช่นนั้นจริงๆ”
MANGA DISCUSSION