I Don’t Want To Defy The Heavens - ตอนที่ 58 แม่น้ำเว่ยเหอถูกย้อมเป็นสีเลือด
DTH ตอนที่ 58 แม่น้ำเว่ยเหอถูกย้อมเป็นสีเลือด
หลิน ฟานรู้สึกเบื่อ
สิ่งนี้มันแตกต่างจากที่เขาคิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง
แม้ว่าเขาจะไม่มีความสุขเล็กน้อย แต่มันก็ยังก็โอเค เพราะเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีเหมือนกันเมื่อเห็นเหลียง หยงฉีถูกลงโทษอย่างรุนแรงแบบนี้
เรื่องที่พวกเขาทั้งสองเป็นศัตรูกัน?
ในความเป็นจริงพวกเขาก็ไม่ได้มีความเกลียดชังต่อกันที่ลึกซึ้งขนาดนั้น พวกเขาก็แค่มีปากเสียงกันเป็นครั้งคราว และก็แน่นอนว่ามันไม่ถึงกับขนาดแค่มองหน้ากันแล้วหาเรื่องชกต่อยกัน
ความสัมพันธ์ของพวกเขาเรียกได้ว่ากลมกลืน
แต่อย่างไรก็ตามความกลมกลืนนี้ก็ได้ถูกทําลายลงเมื่อหลิน ฟานเข้ามา
เมื่อพวกเขาพบกันในเมืองพวกเขาก็ไม่ได้แค่มีปากเสียงกันอีกต่อไป แต่มันถูกยกระดับเป็นการต่อสู้ทันที
ส่วนเหลียง หยงฉีที่ตอนนี้ถูกจับได้ก็อยู่ในสภาพที่น่าสมเพช
เขาไม่มีทางเลือก
เมืองหยูฉางมันเล็กเกินไป คนที่เขาสามารถกลั่นแกล้งได้ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ถ้าเขาไม่รังแกพวกเขาแล้ว เขาจะไปรังแกใครได้อีก?
ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันเหลียง หยงฉีอาจจะต้องถอยออกจากหน้าฉาก และถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงเกรงว่าเขาคงจะไม่ได้อะไรจากเหลียง หยงฉีอีกแล้ว
หลิน วานยี่ยืนขึ้นเพื่อที่จะเดินออกไป ยังไงเขาก็เป็นแค่แขก
เมื่อหลิน ฟานเดินผ่านเหลียง หยงฉี เขาก็ก้มลงและตบไหล่ของเขา “พี่เหลียง อย่าเศร้าไปเลย ขอเพียงแค่เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก็พอหลังจากผ่านไปครึ่งเดือนเจ้าก็จะดูดีเหมือนใหม่”
“จริงด้วย! ข้าจะบอกอะไรให้ ความจริงแล้วเจ้าไม่ควรจะถูกลงโทษแบบนี้เลย เพราะมันเป็นข้าเองที่เป็นคนทําทุกอย่าง แต่ก็อย่างว่าสุดท้ายแล้วมันก็เป็นเจ้าที่ต้องทนทุกข์ทรมานและรับทุกอย่างไป”
หลังจากที่พูดจบ หลิน ฟานก็ไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระอีกและออกจากคฤหาสน์ตระกูลเหลียงทันที
“เจ้าสกุลหลิน เจ้าทําลายชีวิตข้า!” เหลียง หยงฉีกัดฟัน เขาสาบานว่าเขาจะสู้กับชายคนนี้จนกว่าจะมีใครตายไปข้างหนึ่ง
‘ความโกรธ +666’
หลิน ฟานที่เดินออกจากคฤหาสน์ไปแล้วหยุดเดินและหันกลับมา
บางทีนี่อาจจะเป็นจํานวนสูงสุดที่เหลียง หยงฉีเคยให้เขามา
ภายในห้อง
ใบหน้าของหัวหน้าตระกูลเหลียงมืดมน มันมีความโกรธปะทุอยู่ในร่างของเขา
“ท่านพ่อ ท่านต้องเชื่อข้า ข้าถูกเขาใส่ร้ายจริงๆ” เหลียง หยงฉีกล่าวอย่างอ่อนแรง เขาจะปล่อยให้พ่อคิดว่าเขาทําไม่ได้ มิฉะนั้นตําแหน่งหัวหน้าตระกูลของเขาคงจะหลุดลอยไปแน่
เหลียง อี้ชูก้าวไปข้างหน้า “น้องสามหยุดพูดแล้วไปพักผ่อนเถอะ ที่ท่านพ่อทําไปทั้งหมดก็เพื่อช่วยเจ้า ดังนั้นอย่าได้โกรธเคืองท่านเลย”
“หุบปาก! ข้าไม่ต้องการความเมตตาจอมปลอมของเจ้า!” เหลียง หยงฉีผลักพี่ชายของเขาออกไป แต่ขณะที่เขาทําแบบนั้นความเจ็บปวดก็ได้ถาโถมเข้ามาจนทําให้เขาแทบจะทนรับมันไม่ไหว
เหลียง อี้ชูยืนอยู่ด้านข้างและไม่รู้ว่าเขาควรจะทํายังไงดี เพราะทัศนคติของน้องสามที่มีต่อเขามันแย่เกินไป
“ยิ่งคิดถึงมันมากเท่าไร ข้าก็ยิ่งโกรธมากเท่านั้น แถมตอนนี้เจ้ายังกล้าหยาบคายใส่พี่ชายของตนเองอีก” หัวหน้าตระกูลเหลียงต้องการระงับความโกรธในใจ แต่เมื่อเห็นว่าลูกของเขาดื้อรั้นและหยาบคายขนาดไหน เขาจึงจับไม้ของเขาและฟาดออกไปอีกครั้งทัน
เหลียง หยงฉีคร่ำครวญออกมาก่อนที่จะเสียความคิดและหมดสติไป
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพ่อจะทําแบบนี้กับเขา
“ท่านพ่อ น้องสามเขา…” เหลียง อี้ชูก็ไม่คิดเช่นกันว่าพ่อของเขาจะทําแบบนั้นจริงๆ
หัวหน้าตระกูลเหลียงโบกมือ “ข้ารู้ว่าเขาไม่มีความกล้าพอที่จะขโมย แต่เขาก็ไม่ควรโลภ ถ้าเขาแจ้งข้าทันทีที่พบ เรื่องพวกนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ถูกความโลภเข้าครอบงําซึ่งเป็นสาเหตุที่ทําให้เขาถูกผู้อื่นชักจูง”
เรื่องนี้มันมีจุดที่น่าสงสัยเต็มไปหมด
ในใจของเขา เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลหลินแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีหลักฐาน
ณ แม่น้ำเว่ยเหอ
“ฆ่า!” โจว เชียงเหมาคําราม กําลังภายในของเขาเดือดและเปลี่ยนเป็นโล่ป้องกันร่างกายของเขาขณะที่เขาพุ่งไปข้างหน้าและฟันออกไป ไม่มีโจรคนใดสามารถอยู่รอดได้ภายใต้คมดาบของเขา
ทหารยามโดยรอบต่างตกตะลึงกับท่าทางที่ดุร้ายของครูฝึกของพวกเขา
น่ากลัว มันช่างน่ากลัวจริงๆ
แม่น้ำหลายเมตรถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือดและศพจํานวนมากที่ลอยอยู่บนผิวน้ำโดยมีโจว เชียงเหมาเป็นศูนย์กลาง
“อาจารย์ คนพวกนี้เป็นเพียงแค่ลูกน้องตัวเล็กๆเท่านั้น และดูเหมือนว่าหัวหน้าของพวกมันจะไม่ได้อยู่ที่นี่” ทหารยามมองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบกัปตันของเหล่าโจรสลัด
โจว เชียงเหมากังวลมาก
เขาอยากจะจัดการกับเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดและกลับไปที่เมืองหยูฉางเพื่อใช้เวลาอยู่กับลูกพี่ลูกน้องของเขา
ตึง ตึง!
ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงกลองดังขึ้น พร้อมกับเรือหลายลําที่โผล่ออกมาแต่ไกล
“ช่างกล้า! ช่างกล้านัก กล้าถึงขนาดมาที่แม่น้ำเว่ยเหอเพื่อต่อกรกับกลุ่มเว่ยเหอของเรา ข้าเกรงว่าเจ้าคงจะสะกดคําว่าตายไม่เป็นใช่รึไม่?” ท่ามกลางเรือที่อยู่ไกลออกไปมีเรือลําใหญ่ลําหนึ่งอยู่ตรงนั้นพร้อมกับชายที่ดูแข็งแกร่ง ร่างของเขาสูงอย่างอย่างน้อย3เมตรพร้อมด้วยกล้ามเนื้อทั่วร่างที่ดูราวกับรากไม้ที่ถูกพันเข้าด้วยกัน เขาถือค้อนขนาดใหญ่ซึ่งน่าจะหนักประมาณ 1-200จิน (1 จิน เท่ากับ 0.5กิโลกรัม)
ออร่าที่รุนแรงของเขาทําให้รู้สึกกดดันอย่างมาก
“อาจารย์ดูเหมือนว่าเราจะถูกซุ่มโจมดี” ทหารยามมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
ตอนนี้พวกมันอยู่ในทะเล
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นอาณาเขตของกลุ่มเว่ยเหอ และพวกมันก็คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดีซึ่งเป็นสาเหตุที่ทําให้พวกเขาต้องระวังตัว เพราะถ้าหากพวกเขาถูกซุ่มโจมตีผลลัพธ์มันจะกลายเป็นหายนะ
“ซุ่มโจมดี?” โจว เชียงเหมาไม่ได้จริงจังกับมันมากนัก
“ยิง!” เสียงคํารามที่น่ากลัวดังขึ้นมา
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
หลังจากสิ้นเสียงฝนธนูก็ได้ตกลงมาราวกับห่าฝนปกคลุมพื้นที่แถวนั้น
กลุ่มเว่ยเหอเจ้าเล่ห์มาก พวกมันไม่เคยสู้กับศัตรูซึ่งๆหน้า โดยทั่วไปแล้วพวกมันจะส่งเบี้ยออกมาก่อนเพื่อวัดความแข็งแกร่งของศัตรู
ถ้าอีกฝ่ายอ่อนแอและตายโดยคนที่ส่งไปมันจะดีมากเพราะมันจะช่วยประหยัดแรงไปได้เยอะ แต่ถ้าเกิดอีกฝ่ายแข็งแกร่งพวกมันก็จะโจมตีจากระยะไกลเพื่อทําให้ฝ่ายตรงข้ามล้มลง
โจว เชียงเหมาเงยหน้าขึ้นและมองออกไปโดยไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย “ช่างเสียเวลาจริง ข้าจะทําให้มันจบๆแล้วจะได้รีบกลับเสียที”
ผิวน้ำเริ่มสั่นและมีฟองอากาศเล็กๆปรากฏขึ้นมา
ทันใดนั้นเองกําลังภายในที่แข็งแกร่งก็ปะทุออกมาจากร่างของโจว เชียงเหมาและกลายเป็นโล่ที่ปกคลุมเรือทั้งลํา
แก็ง! แก็ง! แก็ง! แก็ง!
ฝนธนูตกลงมาปะทะกับโล่กําลังภายในจนเกิดประกายไฟขึ้นมา
“กําลังภายในของอาจารย์แข็งแกร่งมาก!” ทหารยามตกตะลึงพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่ากําลังภายในของครูฝึกจะแข็งแกร่งขนาดนี้!
การโจมตีแต่ละครั้งของฝนธนูจะถูกใช้ออกมาด้วยกําลังภายใน แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าครูฝึกของพวกเขาจะไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่ฝนธนูหายไปมันก็ปรากฏเป็นลูกธนูมากมายลอยอยู่บนผิวของทะเลสาบ
โจว เชียงเหมายกฝ่ามือขึ้นพร้อมกับปล่อยกําลังภายในออกมา หลังจากนั้นไม่นานลูกธนูที่อยู่ในทะเลสาบก็ลอยขึ้นมาจากนั้นเขาดันฝ่ามือไปข้างหน้า
“ไป!”
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เขาคืนพวกมันให้กับเจ้าของ
เห็นได้ชัดว่าเหล่าโจรสลัดกําลังตกตะลึง
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ไกล แต่พวกเขาก็ยังสามารถได้ยินเสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดผ่านเข้ามา
พวกโจรสลัดต้องการจะหนีเพราะผู้นําของพวกเขาจะไม่ทําอะไรก็ตามที่เขาไม่มั่นใจ และมันก็เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของศัตรูคราวนี้ของพวกเขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก
“เจ้าต้องการจะหนี? ฝันไปเถอะ! ถ้าข้าปล่อยให้พวกเจ้าหนีไปได้ ใครจะรู้ว่าข้าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าภารกิจนี้จะสําเร็จ!” โจว เชียงเหมาคํารามออกมา เขางอเข่าถีบพื้นและกระโดดออกไปทันที เรือเกือบพลิกคว่ำและมีระลอกคลื่นกระจายออกไป
เมื่อหัวหน้ากลุ่มเว่ยเหอเห็นร่างที่เหมือนดาวตกสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที
นี่คือปรมาจารย์
เพียงพริบตาเดียวโจว เชียงเหมาก็ปรากฏตัวและตกลงมาจากท้องฟ้า
หัวหน้ากลุ่มเว่ยเหอยกร้อนยักษ์ในมือขึ้นขณะที่เขาพุ่งเข้าหาโจว เชียงเหมา “สามหาว! เจ้ากล้าดียังไงถึงมาทําตัวหยิ่งผยองที่นี่ ตอนนี้ตายให้ข้าซะ!”
โจว เชียงเหมาไม่ได้ตื่นตระหนก เขารวบรวมกําลังภายในของเขาไปที่หมัดและต่อยออกไปทันที
ผลกระทบจากการโจมตีครั้งนี้ทําให้เรือแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และมีเสาน้ำเกิดขึ้นรอบๆ
ตูม!
ค้อนยักษ์แตกเป็นเสี่ยงๆและร่วงลงสู่พื้น
โจว เชียงเหมาไม่คิดจะพูดเรื่องไร้สาระอะไรอีก ขณะที่ใช้ฝ่ามือแทงเข้าไปในท้องของหัวหน้ากลุ่ม
อัก!
หัวหน้ากลุ่มกระอักเลือดออกมา
ท้องที่ถูกฝ่ามือแทงกลายเป็นรูและสามารถมองเห็นอวัยวะภายในของเขาได้
ตุบ!
หัวหน้ากลุ่มคุกเข่าลงกับพื้นขณะที่แขนของเขาห้อยลง เขาถูกสังหารทันทีโดยที่ไม่สามารถต้านทานได้
เหล่าโจรสลัดที่อยู่โดยรอบโยนอาวุธในมือทิ้งไป พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้นทันทีและร้องขอความเมตตา “เราขอยอมแพ้!”
ในเมื่อหัวหน้าที่น่ากลัวของพวกเขาตายไปแล้ว พวกเขาจะสู้กับคนพวกนี้ได้อย่างไร?
ไม่นานหลังจากนั้นพวกทหารยามก็ได้มาถึง พวกเขาประหลาดใจ ครูฝึกของพวกเขาช่างน่ากลัวเหลือเกิน เขาพุ่งออกมาทันทีและจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว จะเป็นอย่างไรถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับอันตราย?
“อาจารย์ เราควรจะทํายังไงกับโจรสลัดเหล่านี้ดี?” ทหารยามถาม
ใบหน้าของโจว เชียงเหมาเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ฆ่าพวกมันให้หมดอย่าให้เหลือ เราไม่ต้องการให้เหลือปัญหาอยู่ที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้ข้าคงไม่ถูกท่านลุงส่งมาที่นี่”
แม้ว่าพวกโจรสลัดจะมีไม่มากนัก แต่จํานวนของพวกมันก็ยังมีถึงร้อยคน
ทหารยามตกตะลึงแต่ก็ยังดึงดาบออกมาทําตามคําสั่งที่ได้รับ
ในวันนี้น้ำในแม่น้ำเว่ยเหอได้กลายเป็นสีแดง