I Don’t Want To Defy The Heavens - ตอนที่ 64 เหตุใดเจ้าถึงอารมณ์ร้อนนัก
I Don’t Want To Defy The Heavens DTH ตอนที่ 64 เหตุใดเจ้าถึงอารมณ์ร้อนนัก
ณ หมู่บ้านตระกูลหวัง
ชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปใกล้สถานที่เกิดเหตุเนื่องจากหวาดกลัวสิ่งที่อยู่ด้านใน และกังวลว่าหากเข้าไปแล้วจะตกเป็นเป็นเป้าหมายของปีศาจ
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านพวกเราจะทํายังไงดี?” ชาวบ้านถาม
เฒ่าหวังรู้สึกกังวล เหตุใดมันจึงมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นในหมู่บ้านตระกูลหวังที่สงบมานานเช่นนี้?
ส่วนสําหรับสิ่งที่ต้องทําในตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าควรจะทําอย่างไรดี
ชาวบ้านคุยกันอย่างเงียบๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ และคิดว่ามันเป็นการแก้แค้นของตระกูลหยวนและเหลียง
ถ้าไม่ใช่พวกเขาแล้วมันจะเป็นใครไปได้อีกที่มีความเกลียดชังต่อหมู่บ้านตระกูลหวัง?
แต่ในขณะที่พวกเขากําลังคุยเรื่องนี้กันอยู่นั้นเอง พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาของหัวหน้าหมู่บ้านที่กําลังมองมา
เรื่องพวกนี้แค่คิดในใจก็พอเพราะถ้าหากมีใครผ่านมาได้ยินเข้ามันจะทําให้เกิดปัญหา
“นายน้อยหลินมาที่นี่!”
ทันใดนั้นชาวบ้านคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา
ตอนนี้สําหรับสามหมู่บ้านชื่อเสียงของนายน้อยหลินโด่งดัง
มาก
ที่พวกเขาสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลําบากมาได้ต้องขอบคุณนายน้อยหลิน ท่านให้ความหวังและโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแก่พวกเขา มิฉะนั้นพวกเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะทําอย่างไรต่อไปดี
“นายน้อยหลิน!”
“นายน้อยหลิน!”
ชาวบ้านทุกคนหลีกทางให้เขาและทักทายเขาด้วยความเคราพ
อย่างที่รู้กันดีว่าผู้คนจากตระกูลชนชั้นสูงเป็นกลุ่มคนที่ชั่วร้าย
แต่อย่างไรก็ตามมันก็มักจะมีกรณีที่พิเศษอยู่เสมอ ตัวอย่างก็เช่นนายน้อยหลินที่อยู่ตรงนี้
“อา” หลิน ฟานพยักหน้าอย่างใจเย็น ด้วยชื่อเสียงที่เขามีมันทําให้เขาได้รับความเคารพจากผู้อื่น และความรู้สึกที่ได้รับมันก็ทําให้เขามีความสุขมาก
โจว เชียงเหมากําลังปกป้องลูกพี่ลูกน้องของเขาขณะที่ตื่นตัวกับสภาพแวดล้อมตลอดเวลา
แม้ว่าชาวบ้านพวกนี้จะเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่ไม่มีกําลัง แต่เขาก็จะไม่ประมาท ตราบใดที่ลูกพี่ลูกน้องเขายังอยู่ที่นี่แม้จะไม่มีใครอยู่รอบๆเขาก็ยังคงต้องระวังอยู่ดี
โกวชิที่เดินตามหลังพวกเขามากําลังยิ้ม
เมื่อเห็นว่านายน้อยของเขาเป็นที่รักของชาวบ้านแค่ไหน เขาก็รู้สึกภูมิใจขึ้นมา
“นายน้อยหลิน” หัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามา
“หัวหน้าหมู่บ้านผู้เสียชีวิตคือใคร?” หลิน ฟานถาม
สําหรับหมู่บ้านที่เงียบสงบ ความตายมันเป็นถือเรื่องใหญ่โดยเฉพาะยิ่งเป็นการตายที่แปลกประหลาดแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่
“นายน้อยคนที่เสียชีวิตคือหวัง ต้าเหอและภรรยาของเขา ชาวบ้านที่พบเป็นคนที่มาเรียกเขาให้ไปที่ไร่พร้อมกัน หลังจากที่ไม่มีการตอบสนองจากการเคาะประตู เขาจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเอง และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็พบเข้ากับร่างที่ไร้วิญญาณของทั้งสองที่กําลังนอนอยู่บนเตียง”
หัวหน้าหมู่บ้านพูดทุกอย่างที่เขารู้
เขาไม่เคยคิดเลยว่านายน้อยหลินจะมาที่หมู่บ้านตระกูลหวังเพื่อดูแลเรื่องนี้
เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่เข้ามาปกคลุมในใจของเขา มันคือความรู้สึกของการถูกเห็นคุณค่า
“ลูกพี่ลูกน้อง ข้าได้กลิ่นแปลกๆ” โจว เชียงเหมากล่าว
“กลิ่นแบบไหน?” หลิน ฟานถาม สมกับเป็นเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า! ทั้งๆที่ข้าไม่ได้กลิ่นอะไรเลยแท้ๆ แต่เขากลับรู้สึกได้
โจว เชียงเหมาเงียบไปครู่หนึ่ง “มันยากจะอธิบาย
“ช่างเถอะ ตอนนี้เราไปดูศพกันก่อน” หลิน ฟานถาม
หัวหน้าหมู่บ้านกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “นายน้อยหลิน ตัวตนของท่านสูงส่งเกินกว่าจะเข้าไปในภายในบ้านที่สกปรกเมื่อข้าคิดได้ดังนั้นข้าจะให้ท่านจะเข้าไปได้อย่างไร?”
หลิน ฟานยกมือขึ้นและพูดอย่างใจเย็น “ที่เจ้าพูดมันหมายความว่ายังไง? พวกเจ้านั้นอยู่ภายใต้ตระกูลหลินของข้าและมันก็เป็นธรรมดาหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นตระกูลหลินก็ต้องเข้ามารับผิดชอบ และในเมื่อมันเป็นหน้าที่ดังนั้นมันจึงไม่สําคัญว่ามันจะสกปรกแค่ไหน”
คําพูดของเขาสร้างความตกใจให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก
มันทําให้พวกเขาปราบปลื้ม
เพราะตั้งแต่เกิดมามันก็ไม่เคยมีตระกูลชนชั้นสูงใดที่พูดกับพวกเขาเช่นนี้
ท่านยอมรับว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลิน
เมื่อคิดได้ดังนั้นมันจึงทําให้ทุกคนตื่นเต้นมากและต้องการทํางานหนักเพื่อตอบแทนนายน้อยหลิน
เมื่อหลิน ฟานเดินไปถึงหน้าบ้าน โจว เชียงเหมาก็หยุดเขาทันที เขาต้องการเข้าไปก่อนเพราะถ้าหากมีอันตรายใดๆเขาจะได้กําจัดมันได้ทันท่วงที
เขาจะไม่ยอมให้ลูกพี่ลูกน้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
“เข้ามาได้เลยลูกพี่ลูกน้อง” โจว เชียงเหมากล่าว
กลิ่นภายในนั้นยากเกินจะทน
แม้พวกเขาจะเสียชีวิตเมื่อคืน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเน่าเร็วขนาดนี้
“นี่มัน” เมื่อเห็นร่างทั้งสอง การแสดงออกของหลิน ฟานก็กลายเป็นว่างเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นฉากที่น่ากลัวเช่นนี้
ศพทั้งสองอ้าปากค้าง ดวงตาทั้งสองข้างหายไป นิ้วทั้งสิบของพวกเขางอเกร็งเป็นกรงเล็บราวกับพวกเขาผ่านช่วงเวลาที่น่าหวาดกลัวก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิต
ส่วนร่างกายของพวกเขาก็เหือดแห้งราวกับถูกดูดเลือดทั้งหมดไป
“เป็นฝีมือใครกัน?” หลิน ฟานพึมพํา ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นบางอย่าง มันมีรูอยู่บนหน้าอกของพวกเขา และหัวใจที่ควรจะอยู่ตรงนั้นก็ถูกกระชากออกไป
เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆก็จะเห็นเนื้อเดี๋ยวๆเป็นรอยยาวราวกับถูกฉีกออกด้วยของที่แหลมคมในคราวเดียว
นี่มันค่อนข้างโหดร้าย
“ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าพบบางอย่างจากบาดแผลนี้หรือไม่?” หลิน ฟานถาม
โจว เชียงเหมาสัมผัสที่บาดแผลด้วยนิ้วของเขา “ลูกพี่ลูกน้องดูเหมือนว่าบาดแผลนี้จะไม่ได้เกิดจากของมีคม แต่เหมือนมือที่แทงเข้าไปตรงๆเสียมากกว่า”
เจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม?
ถูกควักออกด้วยมือ?
แล้วมันเป็นมือของใครกันล่ะที่คว้านได้แบบนี้?
แสงภายในบ้านค่อยๆมืดลง
เดิมที่ภายในบ้านมันสว่างมาก แต่ตอนนี้พื้นดินราวกับถูกแยกออกเป็นสองส่วน และความมืดก็ยังคงขยายตัวและค่อยๆกลืนกินแสงสว่างที่อยู่ภายใน
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นก่อนที่จะทันได้สังเกต
ทันใดนั้นเองก็ได้มีบางสิ่งบางอย่างสีแดงสว่างขึ้นในความมืด
“ลูกพี่ลูกน้องระวัง!” โจว เชียงเหมาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ตบออกไปด้วยฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังอันหน้าสะพรึงกลัว จากนั้นก็คว้าตัวลูกพี่ลูกน้องของเขาหนีออกไปนอกบ้าน
ตูม!
เมื่อทั้งสองออกมาข้างนอกแล้ว ก็ได้มีเสียงทุ้มๆดังออกมาจากในบ้าน
“เกิดอะไรขึ้น?” หลิน ฟานตกตะลึงและยังไม่ได้สติ
โจว เชียงเหมามองเข้าไปในบ้านอย่างระมัดระวัง “ลูกพี่ลูกน้องระวังตัวด้วย มันมีบางอย่างซ่อนอยู่ในบ้าน”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้
ส่วนตัวเขารู้เรื่องเผ่าปีศาจอยู่แล้ว พวกเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลจากมนุษย์ มีกลุ่มอํานาจเป็นของตนเอง และจะไม่ขัดแย้งกับมนุษย์
“นายน้อย ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” โกวชิถามด้วยความตื่นตระหนก
หลิน ฟานโบกมือ
เขาไม่รู้ว่าข้างในมันคือตัวอะไรแต่โชคดีที่ลูกพี่ลูกน้องพาเขาออกมาก่อน
เกิดความโกลาหลขึ้น
เมื่อพวกชาวบ้านเห็นสถานการณ์ภายในบ้านของหวัง ต้าเหอ พวกเขาจึงถอยออกมาทันทีด้วยความหวาดกลัว
ภายในห้องซึ่งเดิมมันค่อนข้างสว่างแต่ตอนนี้กลับถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดํา มันมืดมากจนมองไม่เห็นนิ้วหากยื่นมือเข้าไป
หมอกสีดําเหล่านี้เมื่อสังเกตดีๆก็จะพบว่ามันกําลังไหลอยู่ แต่มันไม่ได้ไหลออกมาข้างนอกหรือกระจายหายไป แต่มันกําลังเติมเต็มบ้านหลังเล็กๆนี้
“เจ้าเป็นใครกัน? ที่กล้าถึงขนาดมาก่อเรื่องในอาณาเขตของตระกูลหลิน ออกมามอบตัวซะ มิฉะนั้นเจ้าจะได้รับบทเรียน!” หลิน ฟานตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
ช่างน่ากลัวจริงๆ
แม้แต่ในโลกแห่งการต่อสู้ระดับสูงก็ยังไม่มีอะไรที่น่าอัศจรรย์เท่านี้
เขากําลังฝึกวิชาอะไรอยู่กันแน่?
แล้วมันทําให้เกิดสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง?
“ความโกรธ +111”
หลิน ฟานรู้สึกประหลาดใจ เขาได้มาแม้กระทั่งคะแนนความโกรธ ดูเหมือนว่ามันจะมีบางคนซ่อนตัวอยู่ในหมอกสีดําจริงๆและไม่กล้าแสดงตัวออกมา
เขาลองใช้เทคนิคควบคุมแมลงเพื่อควบคุมมดให้พุ่งเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็วเพราะต้องการจะดูว่าสถานการณ์ภายในบ้านเป็นอย่างไรบ้าง
แต่ทันใดนั้นการเชื่อมต่อระหว่างเขากับมดก็ถูกทําลายราวกับว่ามันตายไปแล้ว
มันคืออะไรกันแน่? ขนาดแม้แต่มดตัวเล็กๆมันยังไม่ยอมปล่อยให้เล็ดลอด
หลิน ฟานตกตะลึง สายตาของศัตรูดีเกินไป ขนาดเป็นแค่มดตัวเล็กๆที่อาจจะแค่เดินผ่านมา มันก็ยังสังเกตเห็นและจัดการฆ่ามันทันที
ช่างบ้าคลังเสียจริง
“ลูกพี่ลูกน้องถอยออกมาก่อน ข้าจะปกป้องที่นี่เอง” โจว เชียงเหมากล่าวอย่างเคร่งขรึม
หลิน ฟานไม่ได้ถอยออกไป แต่หยิบหินขึ้นมาก้อนหนึ่งและโยนมันไปทางบ้าน “เฮ้ยไอจีนแดง ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
หินทะลุเข้าสู่ความมืดตามมาด้วยเสียงดัง “ปัง”
หมอกสีดําตีหินกลับมาอย่างรวดเร็ว
โจว เชียงเหมาก้าวมาข้างหน้าและตบมันด้วยฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยกําลังภายในที่แข็งแกร่งของเขาจนทําให้หินแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ความโกรธ +222”
โอ้พระเจ้า!
หลิน ฟานรู้สึกราวกับได้ค้นพบทวีปใหม่
เมื่อไหร่กันที่ข้าได้รับคะแนนความโกรธมาง่ายขนาดนี้?
หรือบางทีเขาอาจจะเป็นเหมือนกบที่อยู่ก้นบ่อ เหตุเพราะเขาไม่เคยออกจากเมืองหยูฉางมาก่อน หากเขาออกไปจริงๆ เขาก็อาจจะพบว่าทั่วทุกที่มันเต็มไปด้วยคะแนนความโกรธก็เป็นได้
“ช่างกล้า ช่างกล้านัก กล้าถึงขนาดสู้กลับ! ข้าคือนายน้อยตระกูลหลิน เจ้ากล้าดียังไงมาอาละวาดในดินแดนของข้า! วันนี้อย่าหวังว่าจะหนีไปได้ เพราะตราบใดที่ข้าจับเจ้าได้ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
หลิน ฟานตะโกน เขาทําท่าวางก้ามและยั่วยุมากขึ้นเพื่อคะแนนความโกรธที่มากกว่าเดิม
“ความโกรธ +333”
ยอดเยี่ยมนัก
คะแนนมันระเบิดออกมา
เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรและไม่ค่อยคุ้นเคยกับมันนัก สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจสบถใส่มันไปนิดหน่อย แต่อีกฝ่ายกลับให้คะแนนความโกรธเขามามากมาย
มันต้องจ้าวอารมณ์ขนาดไหนกัน?