I Don’t Want To Defy The Heavens - ตอนที่ 53 ท่านพ่อนี่ท่านกำลังดูถูกสติปัญญาของข้างั้นรึ?
- Home
- I Don’t Want To Defy The Heavens
- ตอนที่ 53 ท่านพ่อนี่ท่านกำลังดูถูกสติปัญญาของข้างั้นรึ?
เมื่อเขาเดินผ่านเหลียง หยงฉี หลิน ฟานก็แสดงรอยยิ้มแปลกๆให้เขาขณะที่ตบไหล่และพูดว่า “ไม่เลว”
เหลียง หยงฉีหลบไปด้านข้าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ไม่เลวบ้านเจ้าสิ!
แล้วไอสิ่งที่เจ้าพูดมันหมายความว่ายังไงกัน?
เขาตกตะลึงและไม่เข้าใจเลยสักนิด ในเวลาเดียวกันเขาก็ผิดหวังในตัวหัวหน้าตระกูลหยวนเพราะเขาดันฟังสิ่งที่เจ้าสารเลวนั่นพูด
ถ้าเขาเป็นหัวหน้าตระกูลหยวน เขาคงจะทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับตอนนี้ และเขาก็ไม่เข้าใจเลยว่าเราจะทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์นี้ไปทำไม? เพราะเพียงแค่เปิดยุ้งฉางตระกูลหลินพวกเขาก็จะสามารถพิสูจน์ทุกอย่างได้
มันจะต้องมีข้าวจำนวนมากอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นหลิน ฟานและคนอื่นๆจากไปแล้ว เหลียง หยงฉีจึงเดินมาหาหัวหน้าตระกูลหยวน “ท่านหัวหน้าตระกูลหยวน ทำไมท่านถึงปล่อยพวกเขาไป? พวกเขาจะต้องอยู่เบื้องหลังคดีปล้นยุ้งฉางอย่างแน่นอน”
หัวหน้าตระกูลหยวนมองไปที่แผนที่เมืองหยูฉางอย่างเงียบๆราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“มีอะไรรึเปล่าท่านพ่อ?” หยวน เทียนชูถาม
หัวหน้าตระกูลหยวนกล่าว “เจ้ากลับไปก่อน”
หลังจากที่เขาพูดแบบนั้น เขาก็ออกจากที่นี่ทันทีโดยไม่ได้ติดตามเรื่องอื่นอีก
หยวน เทียนชูสับสนและไม่เข้าใจว่าเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเขา เพราะยุ้งฉางของตระกูลถูกปล้นแต่ทำไมท่านพ่อกลับไม่มีคำสั่งให้ติดตามหรือสอบสวนเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย?
ระหว่างทางกลับ
หลิน ฟานกำลังคิดอยู่ว่าหัวหน้าตระกูลหยวนจะเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อหรือไม่ เขาอุตส่าห์บอกทุกอย่างไปหมดแล้ว ถ้าหัวหน้าตระกูลหยวนยังไม่เข้าใจเขาก็น่าผิดหวังมาก
และถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริงหากคนอื่นเรียกเขาว่าเจ้าสมองหมูเขาคงจะเห็นด้วยแน่ๆ
“เจ้าเด็กไม่เอาไหนเจ้าเป็นคนทำใช่ไหม?”
หลิน วานยี่มองไปที่หลิน ฟาน ถ้าไม่ใช่เจ้าเด็กไม่เอาไหนคนนี้แล้วจะเป็นใครไปได้อีก?
แต่อย่างไรก็ตามเขาช่างฉลาดจริงๆ เพราะถ้าหากเขาพยายามยืนยันว่าข้าวมันอยู่ในยุ้งฉางของตระกูลเหลียงตรงๆแบบนั้นต่างหากที่เรียกว่าโง่ของจริง
“ท่านพ่อ ท่านหยุดเรียกข้าว่าเจ้าเด็กไม่เอาไหนได้ไหม? มันฟังดูไม่ดีเลย ข้าว่าท่านเรียกข้าว่าฟานน่าจะฟังดูสนิทกันมากกกว่า” หลิน ฟานกล่าว
เขาไม่อาจจะปล่อยให้พ่อเรียกเขาว่าเจ้าเด็กไม่เอาไหนได้อีกต่อไป
เพราะถ้าเกิดพ่อของเขาชินกับมันขึ้นมามันคงจะไม่ดีแน่ เมื่อถึงตอนนั้นแม้ว่าเขาต้องการจะเปลี่ยน แต่มันก็คงจะสายเกินไปแล้ว
ส่วนอาวุโสวู่เขาตั้งความหวังกับนายน้อยของเขาไว้สูงและคิดว่าเขามีความสามารถจริงๆ
หลังจากกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิน พ่อของเขาก็เรียกเขาไปที่ห้องศึกษาทันที
“ท่านพ่อมีอะไรรึเปล่า? ถ้าท่านไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับข้า ข้าก็ขอตัวกลับไปนอนก่อนเพราะข้าไม่ได้นอนมาทั้งคืนแล้ว”
หลิน ฟานต้องการพักผ่อน แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่เหนื่อย แต่เขาก็อยากจะนอนให้มันเป็นกิจวัตร
นายน้อยที่ร่ำรวยทุกคนไม่ได้เกิดมาแล้วมีผิวที่สวยและเนียนนุ่มตั้งแต่แรก แต่เกิดจากความพยายามและการเลี้ยงดูที่ดี
เขากลัวว่าหากเขาอดนอนแบบนี้ต่อไป ในไม่ช้าเขาอาจจะมีผิวที่หนาและหยาบกระด้างแบบลูกพี่ลูกน้องของเขาก็เป็นได้
ไม่มีการตอบกลับ
ห้องศึกษาตกอยู่ในความเงียบ
หลิน วานยี่เอามือไพล่หลังขณะที่หันหลังของเขาให้หลิน ฟาน
หลิน ฟานมองไปที่อาวุโสวู่ราวกับเขากำลังถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเขา?
อาวุโสวู่ส่ายหัวและบอกไม่ให้นายน้อยพูด
ในตอนนั้นเองหลิน วานยี่ก็ได้ถามออกมา “เจ้าได้ติดต่อกับคนจากหุบเขาแมลงและได้ฝึกฝนวิชาควบคุมแมลงของพวกเขาใช่หรือไม่?”
นี่ไม่ใช่การสอบถาม แต่เป็นในเชิงยืนยันมากกว่า
หลิน ฟานตกตะลึง ท่านพ่อสุดยอดมาก เพียงแค่มองท่านก็สามารถรู้ได้ทุกอย่าง
“นายน้อยที่นายท่านพูดมันเป็นความจริงงั้นหรือ?”
อาวุโสวู่ตกใจ เขาไม่คิดเลยว่านายน้อยจะฝึกวิชาควบคุมแมลงของหุบเขาแมลง เขาเพียงคิดว่านายน้อยมีทักษะเล็กน้อยเท่านั้น แต่เรื่องที่นายน้อยฝึกวิชาควบคุมแมลงมันไม่ได้อยู่ในหัวของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
หลิน ฟานไม่ได้พยายามซ่อนมัน เพราะเขาคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องปิดบังสิ่งต่างๆจากครอบครัว “ท่านพ่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ วันนั้นตอนที่ข้าอยู่บนถนน…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบเขาก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน
“สรุปเจ้าได้ฝึกมันไหม?” หลิน วานยี่ถาม
หลิน ฟานตอบ “ใช่ ข้าฝึกมัน”
เขาฝึกมันแล้วจะทำไมล่ะ? สำหรับเขาแล้วมันไม่มีอะไรที่ผิดปกติ ยิ่งไปกว่านั้นวิชานี้มันก็ไม่เลวเลยทีเดียวและมันจะยิ่งยอดเยี่ยมไปอีกในด้านของการขโมยของ
แต่สิ่งที่เขาได้ยินต่อไปทำให้เขาคิดว่าเขาอาจจะหูฝาด
หลิน วานยี่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม “ทำลายมันซะ”
“ท่านพ่อ ท่านพูดว่าอะไรนะ?!”
หลิน ฟานตกตะลึง ทำไมพ่อถึงบอกให้เขาทำแบบนั้น? มันยากมากกว่าเขาจะหาคะแนนมาเพิ่มให้มันได้ การทำลายมันตอนนี้เป็นเรื่องที่มากเกินไป
“เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังปลูกฝังความไม่แน่นอนและเป็นอันตรายเอาไว้ภายในตัวของเจ้า วิชาลับของหุบเขาแมลงที่เจ้าฝึกนั้นแม้แต่สาวกของพวกเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะฝึก และถ้าหากว่าพวกเขาได้รู้ความจริงว่าเจ้าในฐานะคนนอกได้ฝึกมัน เมื่อนั้นเจ้าคิดว่าพวกเขาจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่องั้นหรือ?” หลิน วานยี่กล่าวอย่างดุเดือด
หลิน ฟานไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย “ท่านพ่อ ไม่ใช่ว่าท่านจะปกป้องข้างั้นเหรอ? นอกจากนี้ข้าก็ยังอยู่แต่ในเมืองหยูฉางและไม่ได้ออกไปยุ่งกับพวกเขาสักหน่อย”
อาวุโสวู่กล่าว “นายน้อย ทั้งหมดที่นายท่านพูดมันก็เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง และท่านก็ไม่สามารถฝึกวิชาของหุบเขาแมลงได้จริงๆ มิฉะนั้นหากท่านถูกพบว่ากำลังฝึกมัน เมื่อถึงตอนนั้นแม้แต่นายท่านก็ไม่สามารถปกป้องท่านได้”
คนที่ไม่ทราบถึงการมีอยู่ของหุบเขาแมลงก็จะไม่สามารถจินตนาการถึงความน่ากลัวของพวกเขาได้
แต่ท่านหัวหน้าตระกูลและเขาเคยสัมผัสกับพลังของหุบเขาแมลงมาก่อน พวกเขานั้นมีทักษะลึกลับและแปลกประหลาดมากมายที่ไม่สามารถป้องกันได้
บ่อยครั้งเมื่อมีคนพบกับสาวกของหุบเขาแมลง เมื่อนั้นเราก็สามารถการันตีได้เลยว่าพวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
“มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นจริงๆหรอกใช่ไหม?”
หลิน ฟานรู้สึกว่ามันเป็นเพียงแค่เทคนิคการเพาะปลูกเองเท่านั้น ทำไมถึงต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ด้วย?
“ไม่น่ากลัวงั้นเรอะ?” หลิน วานยี่มองไปที่หลิน ฟานอย่างดุเดือด “เมื่อเจ้ารู้ว่ามันน่ากลัวขนาดไหนเมื่อนั้นเจ้าก็กลายเป็นศพไปแล้ว! ฟังข้าและทำลายมัน จากนั้นก็จำไว้ว่าห้ามแตะต้องมันอีก มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถเล่นด้วยได้”
“หากเจ้าอยากจะใช้มันข้าก็สามารถปกป้องเจ้าได้ แต่อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถตามปกป้องเจ้าไปได้ตลอดชีวิต เพราะตราบใดที่หุบเขาแมลงกำหนดเป้าหมาย พวกเขาก็จะไม่หยุดจนกว่าเป้าหมายของพวกเขาจะตายแล้วเท่านั้น” หลิน วานยี่กล่าว
หลิน ฟานเริ่มอารมณ์เสีย เพียงเพราะเขาฝึกวิชาหนึ่งทำไมถึงต้องกังวลกันมากขนาดนี้?
สาเหตุมันไม่ได้มาจากเขาแข็งแกร่งไม่พอไม่ใช่เหรอ?
ถ้าหากเขาแข็งแกร่งพอเขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องพวกนี้ เขาสามารถฝึกมันต่อหน้าคนจากหุบเขาแมลงได้เลย และเขาพนันเลยว่ามันจะไม่มีใครกล้าพูดเตือนเขาแน่นอน
“งั้นท่านพ่อคิดว่าข้าควรจะทำยังไงดี?”
แต่หลิน ฟานคิดว่านั้นไม่ใช่ชีวิตที่เขาต้องการ
สิ่งที่เขาต้องการจริงๆคือตื่นขึ้นมาอย่างไร้กังวลจากนั้นก็กินและนอนเพียงเท่านั้น
แต่ดูตอนนี้สิ…
เขาถูกบังคับมากเกินไป
หลิน วานยี่คว้าข้ามือของหลิน ฟานและกระจายกำลังภายในของเขาเข้าไปในร่างกายของหลิน ฟาน มันเข้าไปห่อหุ้มกำลังภายในแบบพิเศษของวิชาควบคุมแมลง หลังจากเสียงดัง ‘ปัง’ กำลังภายในแบบพิเศษก็แตกสลายและหายไปจากร่างกายของเขา
‘ความโกรธ +1000’
ช่างมันเถอะ เขาปล่อยให้พ่อของเขาทำลายมันไม่อย่างนั้นพ่ออาจจะฆ่าเขาจริงๆก็ได้ แต่ใครจะไปคิดละว่าเมื่อวิชานี้ถูกทำลายไปแล้วเขาจะได้รับคะแนนความโกรธคืน
มันคือคะแนนความโกรธของเขาที่ใช้ในการเพิ่มระดับวิชาควบคุมแมลง
เขาจะได้รับคะแนนคืนเมื่อทำลายวิชา?
“ฟาน เจ้าอย่าได้โทษข้าเลย ทุกอย่างที่ข้าทำไปมันก็เพื่อเจ้าทั้งนั้นและการมีชีวิตอยู่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ส่วนวิชาควบคุมแมลงมันก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น เพราะมันจะมีผลข้างเคียงมากมายหากเจ้าฝึกมันจนไปถึงระดับสูง”
“จากที่ข้ารู้ หากมีคนฝึกมันจนไปถึงระดับสูงมันจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของเขา ก้นของเขามันจะสลับที่กับหัว”
หลิน วานยี่กล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้เด็กฟัง ถ้าให้ยกด้วยอย่างก็เช่น ถ้าเจ้าไม่นอน เจ้าจะถูกคนร้ายลักพาตัวไปในเวลากลางคืนเป็นต้น
“ท่านพ่อนี่ท่านกำลังดูถูกสติปัญญาของข้าอยู่รึเปล่า?” หลิน ฟานมองไปที่พ่อของเขาที่ดูเหมือนพยายามจะพูดเรื่องน่ากลัวเพื่อป้องกันไม่ให้เขาฝึกวิชานี้
ก้นบ้านใครมันจะไปอยู่บนหัวกัน? แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงมันก็น่าจะสะดวกน่าดู เพราะเขาไม่จำเป็นต้องถอดกางเกงเวลาเข้าห้องน้ำ
“นายน้อยสิ่งที่นายท่านพูดมันคือความจริง” แม้ว่าอาวุโสวู่จะตกใจกับคำพูดของท่านหัวหน้าตระกูล แต่เขาก็ทำได้แค่หน้าด้านและแถให้เหมือนมันเป็นเรื่องจริงเท่านั้น
“ช่างมันเถอะ ข้าไม่อยากจะพูดถึงกับมันแล้ว เพราะยังไงข้าก็ได้ทำลายมันไปแล้ว”
“ท่านพ่อหากไม่มีอะไรแล้วลูกก็ขอลา”
หลิน ฟานส่ายหัว เขาก็แค่พูดเรื่องโกหกเพื่อให้ข้ากลัวเท่านั้น
เมื่อเขาเดินออกมาจากห้องศึกษาเขาก็ใช้คะแนนความโกรธ 1,000คะแนนทันที
เทคนิคการเพาะปลูก : เทคนิคควบคุมแมลง (พื้นฐาน)
“เห้อ น่าเบื่อ” หลิน ฟานส่ายหัว วิชาของเขามันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
แม้ว่าเขาจะพึ่งทำลายมันไป แต่เขาก็สามารถฝึกฝนมันอีกครั้งได้
ระบบสนับสนุนขนาดเล็กไม่เลวเลย มันสะดวกมาก