I Don’t Want To Defy The Heavens - ตอนที่ 100 ข้าคือหัวหน้า
นิยาย | Dont Want To Defy The Heavens
DTH ตอนที่ 100 ข้าคือหัวหน้า
กลุ่มของพวกเขาไม่ได้หยุดพักที่ไหนเลย
โจว เชียงเหมาจ่าสิ่งที่ลุงบอกกับเขาได้ เขาบอกว่าอย่าอยู่ในป่าตะวันออกนานเกินไปและให้รีบออกจากที่นั่นโดยเร็วที่สุด
เขาฟังลูกพี่ลูกน้องของเขา แต่เขาก็ยังฟังลุงของเขาด้วย
“สหายหลิน นี่มันก็ผ่านมานานแล้วตั้งแต่ที่ท้องฟ้ามืด ทําไมเราไม่หยุดพักที่นี่ล่ะ” หยวนเทียนชูเสนอ
ตอนนี้เขาไม่กล้าท้าทายหลิน ฟาน เพราะดูจากสถานการณ์ตอนนี้มันไม่ค่อยดีกับเขาเท่าไหร่นัก
น้ําเสียงของเขาเป็นมิตรมาก ราวกับว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีของหลิน ฟานมาหลายปี
“ฟ้ามืด? เจ้บอกได้อย่างไรว่าข้างนอกมันกลางวันหรือกลางคืน” หลิน ฟาน เหลือบมอง
การออกมาข้างนอกนั้นล่าบากมาก
บอกตามตรงคือเขาไม่ได้อยากออกมาเลยสักนิด แค่ได้อยู่บ้าน นอนบนเตียงอุ่นๆ และได้กินอาหารดีๆเขาก็พอใจมากแล้ว
หยวน เทียนชุมองออกไปข้างนอก
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ป่าแห่งนี้มีต้นไม้ขึ้นหนาทึบทําให้ใบไม้บดบังแสงนไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืนได้
ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน
ทันใดนั้นก็ได้มีแสงสว่างขึ้นด้านหน้าซึ่งเป็นทางออกของป่าตะวันออก
จนถึงตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาเดินทางมานานแค่ไหนแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเขาเร่งรีบโดยไม่ได้หยุดพัก
“นายน้อย ข้าขอให้ท่านเดินทางปลอดภัย” อาวุโสหวี่พิมพ์
เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องดูแลให้นายน้อยและพวกเดินทางออกจากป่าชานเมืองทางตะวันออก ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับและกลับไปตามทางที่เขามา
“เราออกมาแล้ว”
หยวน เทียนชออกจากรถม้าและสูดหายใจเข้าลึกๆ กลิ่นของป่าชานเมืองไม่ค่อยน่ารื่นรมย์เท่าไหร่นัก
“ลูกพี่ลูกน้องเราพักกันที่นี่เถอะ นั่งรถม้านานมันทําให้ข้าปวดหัว” หลิน ฟานกล่าว
โจว เชียงเหมาตรวจสอบรอบบริเวณ หลังจากยืนยันแล้วว่าปลอดภัย เขาก็พยักหน้าและกล่าว “ได้เลยลูกพี่ลูกน้อง”
จากนั้นเขาก็ลงจากหลังม้าและยืนอยู่ไม่ไกลโดยสังเกตทุกสิ่งรอบตัวอย่าง ระมัดระวัง
โกวชินําผ้ามาปูบนพื้นเพื่อให้นายน้อยของเขานั่งสบายขึ้น
เมื่อมองไปยังหลินฟานที่ได้รับการปรนนิบัติ พวกเขาก็รู้สึกเสียใจ
เฮ้อ เรารีบออกมาเร็วเกินไปโดยที่ยังไม่ทันได้เตรียมอะไรเลย หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เราจะได้พาคนใช้ของเรามาด้วย
หลิน ฟานกินอาหารแห้งและกล่าว “ตอนนี้เราออกมาจากเมืองโหย่วและเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไป ดังนั้นเรามาพูดถึงเรื่องอนาคตหลังจากนี้กันดีกว่า ไม่ต้องห่วง เราทุกคนมาจากที่เดียวกัน ข้าสัญญาเลยว่าจะไม่ทุบตีพวกเจ้าสองคน”
“ได้ยินที่สหายหลินพูดแล้ว สหายเหลียงและข้าก็สบายใจ” หยวน เทียนไม่ได้แสร้งทําเป็นกังวล แต่เขากังวลจริงๆ
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยและพวกเขาก็ไม่มีคนเป็นของตัวเอง หาก หลินฟานมีความคิดที่จะกําจัดพวกเขา มันก็คงไม่มีใครมาห้ามเขาได้
เหลียง หยงฉีทําสีหน้าขมขื่น
เขายังไม่เข้าใจว่าทําไมเขาถึงถูกไล่ออกจากตระกูลเหลียง
เขาไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตแบบนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
หลิน ฟานพยักหน้า “ตอนนี้เราเป็นฝ่ายเดียวกันแล้วและเราก็จําเป็นต้องมีผู้นํา เอาล่ะ ข้าจะไม่อ้อมค้อมและขอเสนอชื่อตัวเอง แน่นอนว่าข้ายุติธรรมเสมอ เนื่องจากพวกเรามีกันอยู่ห้าคนดังนั้นเรามาลงคะแนนกันเถอะ
“ใครอยากให้ข้าเป็นหัวหน้าบ้าง?”
ฟุบ ฟุบ!
โกวชิยกมือขึ้นโดยไม่ลังเล ส่วนโจว เชียงเหมาซึ่งอยู่ไม่ไกลก็ยกมือขึ้นเช่นกัน
หลิน ฟานยกมือขึ้นอย่างเงียบ ๆ เพื่อลงคะแนนให้ตัวเอง
“สามต่อสอง งั้นข้าจะรับหน้าที่เป็นหัวหน้าเอง พวกเจ้าไม่มีปัญหาใช่ไหม?” หลินฟานกล่าว
ความโกรธ +66
ความโกรธ +66
แม่ง!
เจ้าถามว่าพวกข้ามีปัญหาอะไรไหม? ในห้าคนก็เป็นพวกเดียวกันเองไปแล้วสามหากสิ่งนี้เรียกว่ายุติธรรม งั้นมันก็คงไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ไม่ยุติธรรมอีกต่อไป
โจว เชียงเหมากล่าว “ข้าไม่มีปัญหา” โกวชิกล่าว “ข้าก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน”
เหลียง หยงฉีและหยวน เทียนชุมองหน้ากัน เจ้าไม่มีปัญหาแต่เรามี น่าเสียดายที่เราไม่มีทางเลือก ในเวลานี้ใครมีอานาจมากที่สุดคือหัวหน้า
หลิน ฟานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ตอนนี้เราลงเรือลาเดียวกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์หรือขาดทุนทั้งหมดเราจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน ว่าแต่พวกเจ้ามีเงินติดตัวอยู่เท่าไหร่?”
“ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ได้อยากได้เงินของพวกเจ้าเลยสักนิด ข้าแค่ต้องการรวบรวมพวกมันมาไว้ที่เดียวจะได้เอื้อต่อการจัดการ”
หยวน เทียนชูตกตะลึง
ตามที่คาดไว้ หลิน ฟานกําลังเริ่มแผนการของเขาทันที เขาเงียบและไม่ได้บอกว่าเขาเอามันมามากแค่ไหน เพราะถ้าเขาเสียมันไปทั้งหมด เขาจะถูกจัดให้อยู่ในจุดที่ไม่มีวันหวนกลับ
หากเขาถูกโยนทิ้งไว้กลางถนน เขาอาจจะอดตาย
“สหายเหลียง เจ้าก่อน” หลิน ฟานถาม
เหลียง หยงฉีตื่นตระหนก “ข้า… ข้าไม่มีเงิน”
“สหายหยวน แล้วเจ้าล่ะ?” หลิน ฟานถาม หยวน เทียนชูลังเล สิ่งนี้มันหมายความว่าอย่างไร?
เขาต้องคิดให้รอบคอบ
หลินฟานถามพวกเขาว่าพวกเขานําเงินมาเท่าไหร่คงเพราะต้องการดูว่าพวกเขามีค่าแค่ไหน
ถ้าพวกเขาตอบว่าไม่มี ชีวิตหลังจากนี้ของพวกเขาคงจะลาบากไม่ใช่น้อย
“สหายหลินข้อเสนอของเจ้าดีมาก แน่นอนว่าข้าเห็นด้วย ครั้งนี้ข้านําเงินมา 600 ตําลึงจากนี้ข้าขอฝากพวกมันทั้งหมดไว้ให้สหายหลินดูแลก็แล้วกัน” หยวน เทียนช กระตือรือร้นมากและหยิบเงินของเขาออกมาทันที
น่าตลกจริง
ทําไมเขาถึงไม่น่ามันออกมา?
สมองของเหลียง หยงฉีไม่ได้ยึดหยุ่นมากพอ และชีวิตหลังจากนี้ของเขาคงจะยากเย็นแสนเข็ญ ความจริงแล้วเขาก็แค่ต้องนํามันออกมาบางส่วนเท่านั้น ทําไมต้องซ่อนทุกอย่างด้วย?
หลิน ฟานถอนหายใจและโบกมือ จากนั้นโจว เชียงเหมาก็เดินเข้ามา
ไม่นานหลังจากนั้น
“เฮ้ สหายหลิน นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน? สิ่งที่สําคัญที่สุดในกลุ่มคือความไว้ใจซึ่งกันและกันไม่ใช่รึไง ข้า….”
คลุก คลุก คลุก! มีเงินหล่นลงมาจากกระเป๋าของเหลียง หยงฉี
อย่างน้อยก็หลายร้อยต่าลึง
เหลียง หยงฉีตะลึงก่อนจะไอออกมาเบาๆ “ใครมันเอามาใส่ไว้กัน ข้าจําได้ว่าข้าไม่ได้ว่ามันมาด้วย”
“โทษทีนั่นเป็นเงินของข้าเอง ข้านี่ช่างเลินเล่อนักถึงขั้นใส่ไว้ผิดที่ โชคดีที่ตอนนี้มันได้กลับมาหาข้าแล้ว”
หลินฟานรีบเก็บเงินไป เนื่องจากเจ้าบอกไม่ใช่ของเจ้า งั้นมันก็คงเป็นของข้า
เหลียง หยงฉีรู้สึกราวกับมีคนนาดาบนับพันเล่มมาแทงที่หัวใจของเขา มากเกินไปนี่มันมากเกินไปจริงๆ ความโกรธ +99
ผ่านไปเพียงไม่นาน เขาก็เริ่มเชือดหม ไม่สิ กลั่นแกล้งผู้อื่น
หยวน เทียนชูเห็นทุกอย่าง เหลียง หยงฉีถูกลงโทษอย่างที่เขาคาดไว้ เจ้าทําไปเพื่ออะไร? ทําไมไม่หัดดูสถานการณ์ตอนนี้บ้าง? เจ้าจะได้อะไรจากการที่เจ้าโกหก?
จากความรู้ที่เขามีเกี่ยวกับเจ้าสกุลหลิน เขาจะต้องตรวจสอบอย่างแน่นอน และถ้า เจ้าบอกว่านั่นไม่ใช่ของเจ้า เขาก็จะยึดเป็นของตัวเองทันที
บางทีในวินาทีที่เหลี่ยง หยงฉีกล่าวว่า ข้าจาได้ว่าข้าไม่ได้นํามันมา หลิน ฟานคงมีความคิดเดียวอยู่ในหัวนั่นคือทั้งหมดเป็นของข้า
“สหายเหลียง ทําไมเจ้าถึงไม่นําเงินติดตัวมาด้วย?” หยวน เทียนชูถาม
เหลียง หยงมองไปยังหยวน เทียนชูก่อนสาปแช่ง
เจ้าว่าใครไม่ได้นําเงินมา?
ข้าน้ํามันมาแล้ว แต่ถูกเขายึดไปต่างหาก!
“สหายหลิน ข้าขอรับรองเลยว่าข้าบริสุทธิ์” หยวน เทียนชูเปิดกระเป๋าของเขา ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นนอกจากเสื้อผ้าแต่เขาแอบแตะหน้าอกของเขาอย่างเงียบ ๆ ขณะที่ หลินฟานไม่สนใจบางที่ตรงนี้ก็อาจไม่ปลอดภัย ถ้ามีโอกาส เขาต้องเปลี่ยนที่
“ดีมาก ตอนนี้เราเป็นทีมและต้องเชื่อใจซึ่งกันและกัน ข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้งสองคนจะเชื่อใจข้าเพื่อที่เราจะออกไปได้อย่างปลอดภัยและกลับมาอย่างปลอดภัย” หลินฟาน กล่าว
หยวน เทียนชูพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
แต่ลึกลงไปเขากําลังตื่นตระหนก
ตามที่คาด เขาเปิดเผยเจตนาฆ่าของเขา
ออกไปอย่างปลอดภัย กลับมาอย่างปลอดภัย
คําพูดนี้มันมีความหมายว่า หากไม่สามัคคีก็จะไม่ได้กลับมาอย่างปลอดภัย
ท่านพ่อลูกรู้ว่าท่านต้องการฝึกลูก แต่ท่านจะผลักลูกคนนี้เข้ากองไฟไม่ได้
หลังเวลาผ่านไป
“ลูกพี่ลูกน้อง เราควรออกเดินทางกันได้แล้ว บางทีเราอาจสามารถไปถึงโรงเตี้ยมที่อยู่ไกลออกไป80 ไมล์ได้ก่อนมืด” โจว เชียงเหมาดูแผนที่ ลุงของเขาได้ทําเครื่องหมายสถานที่สําคัญเอาไว้ให้แล้ว