นิยาย I Don’t Want To Defy The Heavens
DTH ตอนที่ 91 ศพ? ศพอยู่ไหน?
เป็นธรรมดาที่ข่าวการมาถึงเมืองโหย่วของตระกูลหลี่จะไม่สามารถปิดบังจากตระกูลหยวนและเหลียงได้
พวกเขาทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นสมาชิกของตระกูลขุนนางในเมืองโหย่วทําให้ความคิดของพวกเขาเรียบง่ายพวกเขาจะพยายามทําทุกวิถีทางให้พวกเขาสามารถแต่งงานดับตระกูลขุนนางจากภายนอก
หลังจากรู้ว่าหลิน วานยได้ขอให้ลูกชายของเขาแต่งงานกับตระกูลหลจากเมืองหลงได้สําเร็จพวกเขาก็รู้สึกหดหูเล็กน้อย
แม้แต่ชายคนนั้นก็สามารถแต่งงานได้?
อย่ามาล้อเล่นไปหน่อยเลย นี่ไม่เห็นรึไงว่าลูกชายที่แสนวิเศษของข้าก็ยังโสดอยู่?
กลางคืนผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มือสังหารไม่ปรากฏตัว และพ่อก็ไม่ได้ย้ายเขาไปยังเตียงของหลี่จือเซียว
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพราะตระกูลหลี่มาเขาจึงไม่กล้าทําอย่างเดิม
โกวเข้ามาพร้อมกับอ่างและช่วยนายน้อยของเขาล้างหน้า
“ลูกพี่ลูกน้องของข้าอยู่ไหน?” หลิน ฟานถาม
เมื่อวานนี้เพื่อให้ตระกูลหลี่รู้ถึงความโหดร้ายและความวิปริตของเขา เขาจึงขอให้ลูกพี่ลูกน้องนั่นศพทั้งสามและนําไปทําไส้กรอก
แน่นอนว่าเขาเพียงแค่ขู่ไปอย่างนั้น เขาจะเป็นคนโหดร้ายได้อย่างไร?
ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็คงจะไม่เขาอย่างนั้นเช่นกัน
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันนายน้อย”โกวชิส่ายหัวเขาไม่รู้ว่าครูฝึกอยู่ไหนเขาไม่ได้เจอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
ณ ประตูเมืองโหย่ว
ติ้ง ทิ้ง!
เสียงดังและหนักหน่วงแผ่ขยายออกมาแต่ไกล
หลายคนถูกดึงดูดโดยเสียงนั้นและมองออกไปยังกลุ่มดาที่อยู่ไกลออกไปการมานั้นดุร้ายด้วยฝุ่นละอองขนาดใหญ่ที่ปกคลุมพื้นที่และเมฆสีเทา
ภาพตรงหน้ามองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากธงที่โบกสะบัดตามสายลม
ลวดลายบนธงเป็นมังกรทองสามหัวที่ดูดุร้าย
แสงสีขาวค่อยๆสาดประกาย
มันเป็นแสงที่สะท้อนจากเกราะสีเงินของทหารม้า
“นั่นมันตราประจําตระกูลที่เป็นสัญลักษณ์ของราชาหรูทง”
ยามอาวุโสของเมืองอุทาน เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นตราประจําตระกูลของราชาหวี่ทง
ทหารม้ากลุ่มใหญ่เข้ามาในเมือง เหล่ายามทําได้เพียงเฝ้ามองพวกเขาด้วยความกลัวมันไม่มีใครกล้าหยุดพวกเขา
ในสายตาของพวกเขา ทหารม้าเหล่านี้เต็มไปด้วยจิตสังหาร เกราะสีเงินของพวกเขาส่องแสงสีขาวภายใต้แสงแดด
กีบม้าส่งเสียงกึกก้องจนทําให้พื้นสั่นสะเทือน
เหล่าสามัญชนในเมืองต่างถอยห่างเพื่อหลีกทางให้พวกเขา
นานมากแล้วที่พวกเขาได้เห็นฉากแบบนี้
ไกลออกไป
“ท่านพ่อ นั่นมันตราประจําตระกูลของราชาหรูทงใช่ไหม?” เหลียง อี้ชูถาม
เขากาลังอ่านหนังสือที่บันทึกตราประจําตระกูลทั้งหมดเอาไว้ ในหมู่พวกมันตราประจําตระกูลของราชาหรูทงนั้นมีอํานาจเหนือกว่าและน่าตกใจยิ่งกว่าคนผู้นั้นจากเมืองจักรพรรดิเสียอีก
หัวหน้าตระกูลเหลียงขมวดคิ้วและไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติม เขารู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ
ทําไมกองทัพของราชาหรูทงถึงมาที่เมืองโหย่วได้?
เป็นตระกูลหลิน?
ทันใดนั้นหัวหน้าตระกูลเหลียงก็คิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งกองทัพของราชาหรูทงต้องกําลังมุ่งหน้าไปยังตระกูลหลินแน่
ณ ตระกูลหลิน
อาวุโสหวี่มาที่ห้องอ่านหนังสือ “ท่านหัวหน้าตระกูล กองทัพโลหิตเงินของราชาหว่างได้เข้ามาในเมืองและกําลังมุ่งหน้ามาทางนี้”
“นั่นเร็วมาก?” หลิน วานยี่ประหลาดใจก่อนจะยิ้ม“เขาประเมินข้าไว้สูงจริงๆถึงกับส่งกองทัพมาเพียงเพื่อคนสามคนที่ส่งมาคุยกับข้า ข้าอยากจะรู้จริงๆว่าเขาต้องการอะไร?”
เขาไม่ได้ตื่นตระหนก
ทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ
ในคฤหาสน์ตระกูลหลิน หัวหน้าตระกูลหลี่ตื่นแต่เช้เนื่องจากเสียงที่อๆที่ดังมาจากภายนอก
“พี่หลิน” หัวหน้าตระกูลหลี่ยิ้ม
หลิน วานยกล่าว “น้องหลี่เจ้าไม่จําเป็นต้องออกมาตอนนี้กองทัพโลหิตเงินของราชาหรูทงรออยู่ด้านนอกข้าว่าจะไปดูสักหน่อยว่าพวกเขาต้องการอะไร”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นการแสดงออกของหัวหน้าตระกูลหลี่ก็เปลี่ยนไป
กองทัพโลหิตเงินของราชาหรูทงอยู่ที่นี่?
มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
กองทัพนี้น่าสะพรึงกลัวมันเป็นหนึ่งในกองทัพขนาดใหญ่ภายใต้ราชาหรูทงกวาดสนามรบและไม่มีใครสามารถหยุดได้และตอนนี้กองทัพที่ว่านั้นก็ถูกส่งมายังเมืองโหย่วแม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆแต่ก็ไม่ควรมองข้าม
ดูเหมือนว่าตัวราชาหรูทงจะให้ความสําคัญกับหลิน วานมากไม่ใช่น้อย
นอกคฤหาสน์
ยามของคฤหาสน์ตระกูลหลินมองไปยังผู้ที่ล้อมรอบคฤหาสน์อย่างระแวดระวัง
พวกเขาไม่สามารถเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้อันเนื่องมาจากพวกเขาทั้งหมดถูกห่อหุ้มด้วยเกราะสีเงินแต่จิตสังหารที่มองไม่เห็นกาลังเดือดส่งเสียงดังก้องอยู่รอบตัวของพวกเขา
น่าแปลกที่ผู้นํากองทัพที่ดร้ายนี้ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เขาดูเหมือนชายวัยกลางคนที่สวมชุดธรรมดา
เขาดูธรรมดา
ส่วนสูงก็อยู่ในระดับปานกลาง
ร่างกายโดยรวมของเขาอยู่ที่ค่าเฉลี่ย ไม่ได้มีสิ่งใดโดดเด่นเป็นพิเศษหรือน่าจดจํา
“หลิน วานยี่ สหายของเจ้ามาเยี่ยมเยือนที่เจ้าไม่คิดจะออกมาต้อนรับหน่อยเลยรึ?” ชายวัยกลางคนตะโกน
แอ๊ด!
ประตูของคฤหาสน์เปิดออก
“ฮ่าฮา ข้าก็สงสัยว่าเป็นใคร ที่แท้ก็เจ้านั่นเอง” ยามหลบทางให้หลินวานยที่เดินออกมา
แม้ว่าพวกเขาจะพูดราวกับหยอกล้อกัน แต่บรรยากาศรอบตัวกลับหดหูราวกับพายุกําลังจะมา
ชายวัยกลางคนหัวเราะ ชื่อจริงของเขาคือหลิวชวนเป็นที่ปรึกษาภายใต้ราชาหว่างและเขาก็คุ้นเคยกับหลินวานยี่เป็นอย่างดี
เมื่อครั้งยังเด็ก พวกเขาทั้งคู่เคยต่อสู้ร่วมกันมาก่อน
แต่ต่อมาพวกเขาต่างก็มีเรื่องของตัวเองที่ต้องไปจัดการ ทําให้ไม่ได้เห็นหน้ากันมาหลายสิบปี
หลิว ชวนกระโดดลงจากหลังม้า“สหายหลินนี่ก็ผ่านมาหลายสิบปีแล้วแต่เจ้าก็ยังคงเหมือนเดิมดูเหมือนว่าระดับการฝึกฝนของเจ้าจะไม่สามารถคาดเดาได้ในขณะที่ข้าเริ่มแก่…”
เขาตกใจ
มันเป็นแบบนั้นจริงๆ
ใบหน้าของหลิน วานยี่ยังคงเหมือนกับตอนที่พวกเขาจากกันในชณะที่ตัวเขาเองค่อนๆแก่ลง
ก่อนจะมาเขาคิดว่าถ้าหลินวานยี่ยังอยู่แค่ในเส้นทางต่อสู้ขั้น 12 มันคงง่ายที่จะจัดการแต่เมื่อดูจากสถานการณ์ปัจจุบันเกรงว่าเขาคงไปถึงระดับที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเข้าใจได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ช่างเถอะข้าเพิ่งเกษียณอายุในเมืองโหย่วเหตุใดสหายหลิวถึงพาคนมาที่นี่มามายนัก?” หลินวานยถามทั้งๆที่เขารู้คําตอบ
กองทัพโลหิตเงินเป็นอาวุธสังหารที่ร้ายกาจที่อยู่ในมือของราชาหรูทง
เหล่าคนที่เห็นตรงนี้ยังเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตามการที่ราชาหรูทงส่งกองทัพโลหิตเงินมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเขามีแผนบางอย่าง
“ท่านพ่อ มีใครมา? ทําไมเสียงดังตั้งแต่เช้” หลิน ฟานเดินเข้ามา
เขาอดใจรอไม่ไหว
ในใจเขาคิดว่าปกติแล้วมันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ตอนนี้เสียงข้างนอกกลับดังมากดังนั้นมันต้องมีเรื่องน่าตื่นเต้นรออยู่อย่างแน่นอน
เมื่อมองไปยังเหล่าคนสวมเกราะเงินที่อยู่ด้านนอกเขาก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารเข้มข้นมันทําให้เขารู้ได้ในทันทีเลยว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่ธรรมดา
ด้วยการมาถึงของกองทัพที่ใหญ่โตเช่นนี้ มันคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสู้กัน
เขารู้สึกกลัวเล็กน้อย
ถ้าพ่อไม่สามารถชนะได้ชีวิตของเขาในฐานะนายน้อยของตระกูลที่ร่ํารวยก็คงจะถึงจุดจบ
หลิว ชวนมองไปยังหลิน ฟานก่อนจะยิ้ม“สหายหลินข้าไม่คิดเลยว่าลูกชายของเจ้าจะโตขนาดนี้แล้ว”
“เจ้าออกมาทําไม?” หลินวานยี่ขมวดคิ้วและถาม
หลิน ฟานกล่าว “แค่อยากดู”
เขาต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเขารู้สถานการณ์ในเมืองโหย่วอย่างคร่าวๆ แต่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอก
พ่อรู้เรื่องมากมาย แต่ไม่คิดจะบอกเขา
ทั้งเมืองโหย่วเป็นราวกับกรงนก และเขาก็เป็นนกที่อยู่ในกรงนั้น
เขาบินได้ แต่ไม่สามารถบินออกไปจากตรงนี้ได้
“หลานชาย ข้ากับพ่อของเจ้าเป็นสหายที่ดีกันมาหลายสิบปีแล้ว” หลิว ชวนยิ้ม
รอยยิ้มที่ดูเสแสร้งของเขาคงจะหลอกคนอื่นได้แต่น่าเสียดายที่สําหรับหลินฟานแล้วรอยยิ้มของเขากลับดูเจ้าเล่ห์จนทําให้ใจของเขาสัน
เขาไม่ใช่คนดี
“สหายหลิวก่อนหน้านี้ข้าจาได้ว่าเจ้าไม่ชอบยิ้มดูเหมือนว่าสองสามทศวรรษที่เจ้าอยู่กับราชาหรูทงจะเปลี่ยนเจ้าไปมากเลยนะ” หลิน วานยกล่าว
เมื่อชื่อของราชาหรูทงถูกพูดถึง บรรยากาศก็พลันหยุดชะงัก
หลิวชวนยังคงยิ้มและกล่าว“สหายหลินข้ามาที่นี่ในครั้งนี้ก็เพื่อหนึ่งเลยคือพบเพื่อนเก่าอย่างท่านอีกหนึ่งคืออยากให้สหายหลินมอบทั้งสามคนกลับมาให้ข้า ข้าจะได้ทําภารกิจที่ได้รับมอบมาให้ลุล่วง”
“ถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ข้าต้องการเห็นตัวแต่หากพวกเขาตายไปแล้วข้าก็ต้องเห็นศพ”
หลิน วานยี่เงียบไปครู่หนึ่ง “ฟานเอ๋อร์ส่งศพให้เขาไป”
หลินฟานตกตะลึง
ศพ?
ศพพวกนั้นถูกลูกพี่ลูกน้องของเขาโยนทิ้งไปแล้วดังนั้นเขาคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขุดมันขึ้นมา
หลิน ฟานสังเกตเห็นลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดีเขาจึงโบกมือให้“ลูกพี่ลูกน้องช่วยส่งศพให้เขาหน่อย”
โจว เชียงเหมารู้สึกลําบากใจเล็กน้อยศพพวกนั้นมีปัญหาที่ทําให้เขาปวดหัวแต่เขาก็พยักหน้าและเดินออกไปเอาศพ
MANGA DISCUSSION