I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 42 - ปกติที่ไม่ปกติ
บทที่ 42 – ปกติที่ไม่ปกติ
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันศุกร์ ผมใช้เวลาในวันหยุดที่เหลือทำงานอยู่ที่บ้าน…และแล้วสัปดาห์ใหม่ก็มาถึง
ผมตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อที่จะไปโรงเรียนเร็วกว่าปกติ
ผมทำการปรับแต่งรูปภาพต้นแบบเสร็จเรียบร้อยแล้วในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เหลือเพียงแค่การถ่ายเอกสารภาพต้นแบบและส่งต่อให้กับทุกคนในชั้นเรียน แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็จะสามารถเริ่มลงมือสร้างชิ้นงานกันได้ในทันที
ผมยืมเครื่องถ่ายเอกสารของโรงเรียนและทำการถ่ายเอกสารให้พอกับจำนวนคนในห้อง ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่ห้องเรียน
เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันศุกร์ ผมคิดว่าบางทีอาซานางิอาจจะไม่มาโรงเรียนในวันนี้ แต่พอผมไปถึงห้องเรียน ผมก็สังเกตเห็นอาซานางิที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะของเธอเหมือนกับทุกวัน
…และแน่นอนว่าอามามิซังก็อยู่กับเธอด้วย
“โอ้ มากิคุง อรุณสวัสดิ์~”
“อรุณสวัสดิ์ อามามิซัง…แล้วก็อาซานางิซังด้วยนะ”
“อือ ขอบคุณนะ”
ผมค่อนข้างรู้สึกประหม่าเพราะนี่เป็นการทักทายกันครั้งแรกหลังจากที่แยกกับอาซานางิตั้งแต่วันศุกร์…แต่อาซานางิก็ตอบรับคำทักทายของผมเหมือนกับปกติ
เธอทำตัวปกติราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
“เอานี้ ภาพต้นแบบที่ผมทำการแก้ไขเสร็จแล้ว…ผมใส่จำนวนกระป๋องเปล่าแต่ละสีที่ต้องใช้เอาไว้ด้วย พวกเธอลองเช็คดูหน่อยสิ…ถ้ามีตรงไหนผิดหรือสงสัยก็ถามมาได้เลยนะ”
“โอ้~ เยี่ยมไปเลย มันดูเหมือนรูปศิลปะของจริงเลยล่ะ…ฉันอยากเห็นแล้วสิว่าตอนที่ทำเสร็จมันจะหน้าตาออกมาเป็นยังไง? แล้วเธอคิดว่าไง อุมิ?”
“ก็เพราะรูปต้นฉบับมันสวยเกินไปน่ะสิ…ขนาดที่ว่า ถึงพวกเราไม่ต้องไปปรับแต่งอะไรเลยก็ยังใช้ได้ล่ะนะ…อ๊ะ เดี๋ยวฉันเอาไปแจกทุกคนให้นะ”
“…งั้นก็รบกวนด้วยนะ”
“รับทราบ”
เธอยิ้มหลังจากพูดแบบนั้น…ผมค่อนข้างแปลกใจ ไม่ว่าจะมองยังไงเธอก็ดูเหมือนอาซานางิในเวลาปกติ
รวมถึงวิธีการที่เธอพูดคุยตอบโต้กับอามามิซังเองก็เหมือนกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อนด้วย
บางทีพวกเธออาจจะได้ทำการขอโทษและปรับความเข้าใจกันไปแล้วก็ได้ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา…ผมอยากจะถาม แต่ผมไม่สามารถถามต่อหน้าทุกคนในชั้นเรียนได้
ถามไปทางข้อความเหมือนทุกทีก็แล้วกัน…ในขณะที่ผมกำลังคิดแบบนั้น โทรศัพท์ของผมก็สั่น
น่าจะเป็นอาซานางิ…ในตอนที่ผมมองไปที่หน้าจอ รูปไอค่อนโปรไฟล์ที่ไม่คุ้นตาก็ปรากฏขึ้นอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของผม
ชื่อของไอค่อนที่เป็นรูปกระต่ายน่ารักๆก็คือ「อามามิ」
ผมเกือบจะหลุดเสียงอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ แต่ก็สามารถยับยั้งมันได้ทัน ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นและมองไปทางอามามิซังที่กำลังมองมาที่ผมเหมือนกัน
ใช่แล้ว คนที่ส่งข้อความมาหาผมก็คืออามามิซัง…ไม่ใช่อาซานางิ
ในขณะนี้อาซานางิกำลังเตรียมการสำหรับคาบโฮมรูมในช่วงเช้าอยู่ เธอไม่ได้แม้แต่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยซ้ำ
[ อามามิ ] : มากิคุง ขอโทษที่ส่งข้อความมากะทันหันนะ
[ มาเอะฮาระ ] : อามามิซัง อย่ามองมาทางนี้ เดี๋ยวทุกคนจะจับได้
[ อามามิ ] : อ๊ะ ขอโทษ
[ อามามิ ] : โอเค คราวนี้น่าจะไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ
[ มาเอะฮาระ ] : แล้วเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?
[ อามามิ ] : อะ-เอ่อคือ…เกี่ยวกับอุมิน่ะ มากิคุง หลังจากวันนั้น นายได้คุยกับอุมิบ้างหรือเปล่า?
[ มาเอะฮาระ ] : ไม่นะ ไม่ได้คุยอะไรกันเลย…แล้วอามามิซังล่ะ?
[ อามามิ ] : ฉันก็ไม่ได้คุยกับเธอเลย…ตอนวันหยุดที่ผ่านมา ฉันยังรู้สึกอึดอัดอยู่นิดหน่อย ก็เลยคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะคุยกับอุมิน่ะ
[ อามามิ ] : แต่ว่า…หลังจากวันนั้น อุมิก็โทรมาหาฉันแล้วบอกให้ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นน่ะ
[ อามามิ ] : ฉันเลยคิดว่าบางทีมากิคุงได้คุยอะไรสักอย่างกับอุมิหรือเปล่านะ
[ มาเอะฮาระ ] : อาซานางิพูดว่ายังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนวันศุกร์งั้นเหรอ?
[ อามามิ ] : อืม ฉันขอโทษจริงๆเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอช่วยลืมมันไปทีนะ…บอกมาแบบนี้น่ะ
[ มาเอะฮาระ ] : แบบนี้เองสินะ
พูดอีกอย่างก็คือ…อาซานางิกำลังพยายามที่จะซ่อนทุกอย่างไว้ที่ใต้พรม แล้วก็ทำเป็นเหมือนเรื่องทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น
คำพูด…เมื่อได้พูดออกไปแล้ว เราก็จะไม่สามารถเรียกมันคืนกลับมาได้อีกตลอดกาล
หากเราบอกให้ใครก็ตามสักคนหนึ่งให้ช่วยลืมสิ่งที่เราพูดไป…และถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะพยายามลืมมันไปตามที่เราบอกแล้วก็ตาม แต่ตราบใดที่คนๆนั้นยังมีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องที่เราพูดอยู่ หากมีสิ่งใดไปกระตุ้นมันขึ้นมา…คนๆนั้นก็จะจำเรื่องที่เราเคยพูดไว้ได้อยู่ดี…ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ก็ตาม
และนั่นก็คือทางที่อาซานางิเลือกที่จะใช้ในการแก้ปัญหา
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ผมต้องคุยกับอาซานางิ เพื่อโน้มน้าวให้เธอจัดการทำเรื่องนี้ให้ถูกต้อง เพื่อที่พวกเธอจะสามารถก้าวเดินต่อไปได้ แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอจะยังไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ตาม
อาซานางิ อุมิ…เพื่อนสนิทของผมที่อยู่ด้วยกันมาโดยตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา…เธอต้องมามีเรื่องวุ่นวายเพราะความเห็นแก่ตัวของผม…ผมไม่สามารถที่จะปล่อยให้เรื่องมันดำเนินไปในแนวทางแบบนี้ได้โดยเด็ดขาด…
[ มาเอะฮาระ ] : อามามิซัง ฝากเรื่องนี้ให้ผมเป็นคนจัดการได้หรือเปล่า?
[ อามามิ ] : อืม ถึงฉันจะเป็นคนไปคุยเอง…อุมิก็อาจจะไม่ยอมฟังก็ได้ ดังนั้นได้โปรดช่วยพูดกับเธอให้หน่อยนะ
[ มาเอะฮาระ ] : ดีล่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวตอนเลิกเรียนผมจะรายงานอีกทีนะ
ผมเลิกส่งข้อความกับอามามิซัง และส่งข้อความหาอาซานางิทันที
[ มาเอะฮาระ ] : นี่ อาซานางิ
[ มาเอะฮาระ ] : อาซานางิอยู่หรือเปล่า?
[ มาเอะฮาระ ] : ทำไมถึงทำเป็นเมินล่ะ
อาซานางิน่าจะรู้ตัวว่าผมส่งข้อความไป แต่ไม่ว่าผมจะรอนานขนาดไหน ผมก็ไม่ได้รับข้อความตอบกลับมาจากอาซานางิเลย
เมื่อมองผ่านๆ อาซานางิอาจจะดูเหมือนปกติ แต่สำหรับผมและอามามิซังแล้ว การที่เธอทำตัวปกติหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้นั่นแหละคือเรื่องที่แปลก
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
หลังจากนั้น โฮมรูมช่วงเช้าก็ผ่านไป และยิ่งในช่วงคาบวิชาแรกในช่วงเช้า ปฏิกิริยาของอาซานางิที่มีต่อผมก็ยิ่งดูไม่เป็นธรรมชาติ
“อุมิ คาบต่อไป…”
“เคมีน่ะ แล้วพวกเราก็ต้องย้ายไปเรียนที่ห้องแล็บด้วย…เห็นว่าจะมีการทดลองน่ะ…เอาล่ะ รีบไปกันได้แล้ว”
“ค่~า อ๊ะ เข้าใจแล้วๆ หยุดตีได้แล้ว~”
เวลาที่อามามิซัง หรือนิตตะซัง คุยกับเธอ เธอยังคงตอบ หรือพูดคุยเรื่องไร้สาระกันและยังยิ้มให้กันได้เหมือนปกติ แต่กับผม…เธอกลับทำเป็นไม่สนใจแล้วแสร้งทำเป็นตั้งใจเรียน
ทั้งๆที่คู่ขัดแย้งคืออาซานางิกับอามามิซังแท้ๆ แต่บรรยากาศของพวกเธอทั้งสองคนกลับดูไม่อึดอัดเท่ากับบรรยากาศของผมกับอาซานางิ…ผมได้แต่สงสัยว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
หรือผมเผลอไปทำอะไรอาซานางิไว้หรือเปล่านะ?
[ อามามิ ] : มากิคุง นายโดนอุมิเมินงั้นเหรอ?
[ มาเอะฮาระ ] : …ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ
[ อามามิ ] : โอ้ว…
[ อามามิ ] : ฉันคุยกับเธอให้ดีไหม?
[ มาเอะฮาระ ] : ไม่เป็นไร ขอผมลองพยายามอีกหน่อยนะ
[ อามามิ ] : เอาแบบนั้นหรอ?…แต่ถ้าไม่ไหวก็บอกฉันได้นะ
[ มาเอะฮาระ ] : รับทราบครับ
ถ้าเธอไม่ยอมตอบข้อความ…งั้นก็ต้องหาจังหวะเข้าไปคุยตรงๆ
โชคดีที่ผมกับอาซานางิเป็นคณะกรรมการทั้งคู่ ดังนั้นถ้าผมทำเป็นเรียกอาซานางิเพื่อไปคุยเรื่องงาน คนอื่นๆในห้องก็น่าจะไม่ติดใจสงสัยอะไร
(ถึงจะไม่อยากทำแบบนี้…แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ)
ดังนั้น ผมจึงเดินไปหาอาซานางิที่กำลังยืนอยู่ตรงใจกลางกลุ่มของอามามิซัง
“เอ่อ…อาซานางิซัง ผมขอคุยเกี่ยวกับเรื่องงานวัฒนธรรมหน่อย…”
“อ๊ะ ขอโทษนะ พอดีฉันมีเรื่องที่ต้องไปจัดการที่ห้องพักครูนิดหน่อยน่ะ พวกเธอล่วงหน้าไปก่อนได้เลยนะ”
“อ๊ะ อาซานางิซัง รอเดี๋ยว…”
“มาเอะฮาระคุง ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับงานวัฒนธรรม เอาไว้คุยกันตอนทำงานช่วงหลังเลิกเรียนดีกว่านะ”
ทั้งๆทีผมต้องรวบรวมความกล้าเป็นอย่างมากก่อนที่จะตัดสินใจเข้ามาคุยกับเธอใจกลางกลุ่มของอามามิซัง ที่มีนิตตะซัง กับ เซกิคุงอยู่ด้วย…แต่ทันทีที่ผมเปิดปาก อาซานางิก็หนีผมไป ก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไปในทันที
“โอ้ว เหมือนนายจะโดนปฏิเสธแล้วล่ะ…กรรมการกิจกรรมคุง”
“ถ้านายตั้งเป้าว่าจะจีบอาซานางิล่ะก็…ผมแนะนำให้นายยอมแพ้ดีกว่านะ ถึงเธอจะดูเฟรนลี่แบบนั้น แต่จริงๆแล้วเป็นคนที่ตั้งการ์ดสูงมากเลยล่ะ”
นิตตะซังกับเซกิคุงตบไหล่ให้กำลังใจผม…เหมือนกำลังบอกว่าไม่เป็นไรนะ
และนี่คือเหตุผลที่ผมไม่อยากจะทำแบบนี้…ให้ตายสิ…ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยแฮะ
“โธ่…อุมินี่ละก็…ทั้งๆที่มากิคุงพยายามจะคุยด้วยขนาดนี้แล้วนะ”
“? ยูชิน เธอกำลังจะไปไหนน่ะ?”
“อืม ก็กำลังจะไปที่ห้องแล็บเคมีน่ะสิ…อุมินี่ไม่ไหวจริงๆ ดันหยิบหนังสือคณิตศาสตร์ไปผิดแบบนี้ซะได้”
“……”
…ยัยบ้านั่น
กำลังพยายามทำให้ผมอารมณ์เสียอยู่สินะ…นอกจากจะพยายามหลบหน้าแล้วยังไม่ยอมคุยด้วยสินะ…แล้วก็ไม่ยอมที่จะบอกเหตุผลด้วยสินะ
“อา…ให้ตายสิ…ชอบสร้างความลำบากให้ซะจริงนะ….”
“? มากิคุง?”
“อามามิซัง หนังสือเรียนเล่มนั้น ขอผมเป็นคนเอาไปส่งให้เธอเองได้ไหม?”
ตอนนี้ไม่ต้องไปสนใจเกี่ยวกับการปกปิดความลับไร้สาระอะไรนั่นอีกแล้ว…ทุกอย่างเป็นความผิดของยัยอาซานางิจอมงี่เง่านั่นเพียงคนเดียว
เอาหนังสือเรียนนี่มาเป็นตัวประกันไว้ก่อนก็แล้วกัน….ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม…วันนี้ ผมต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่องให้ได้…
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. แปลยากแปลกๆอีกแล้วครับทั่นผู้โชม โดยเฉพาะชื่อตอนที่มาเป็นแบบเก็ตสึโนวากันเลยทีเดียว(ฮา)
ปล2. ตอนนี้เช็คคำผิดแล้วครับ แต่ถ้ามีหลุดก็แจ้งไว้ในคอมเม้นได้นะครับ เดี๋ยวผมจะกลับมาแก้ให้
ปล3. กำลังแปลอีกตอน แต่ไม่ได้เน้นมากนะครับ ดูเมะไปแปลไป วันนี้อาจไม่เสร็จ ไม่ต้องรอกันนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
Durimtok Channel