I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class - ตอนที่ 29 – เคียงข้างกัน
บทที่ 29 – เคียงข้างกัน
ในขณะที่อาซานางิกำลังไปอาบน้ำ แม่ของผมก็ไล่ให้ผมกลับเข้ามาอยู่ในห้อง ผมนั่งลงบนเตียงในขณะที่กำลังทำหน้างงๆ
“ไม่อยากจะเชื่อ…อาซานางิจะมานอนค้างคืนที่ห้องของผม”
มันไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีเพื่อนๆรวมตัวกันมาค้างคืนที่บ้านใครสักคนในกลุ่มเพื่อที่จะได้เล่นและพูดคุยกันทั้งคืน แต่เหตุการณ์แบบนั้นจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อทั้งคู่เป็นเพศเดียวกัน
ในกรณีที่เพศแตกต่างกัน แม้พวกเขาจะเป็นคู่รักกัน เรื่องแบบนั้นก็ยังควรหลีกเลี่ยง
โดยเฉพาะผมและอาซานางิที่ยังถือว่าเป็นผู้เยาว์ด้วยกันทั้งคู่ในสังคมในปัจจุบัน
เนื่องจากผมปิดประตูห้อง และกำลังฟังเพลงผ่านหูฟัง ผมจึงไม่รู้ว่าแมกับอาซานางิกำลังทำหรือคุยเรื่องอะไรกันอยู่ แต่เนื่องจากผ่านไปสักพักแล้วดังนั้นตอนนี้อาซานางิน่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วใช่ไหมนะ?
ผมเองก็อยากอาบน้ำเหมือนกัน แต่แม่ยังไม่ยอมให้ผมอาบ…แม่พูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับน้ำร้อนที่อุมิจังใช้อาบ…นี่แม่คิดว่าผมคิดจะทำอะไรแปลกๆแบบนั้นจริงๆเรอะ? แล้วถ้าห่วงขนาดนั้น แค่เปลี่ยนน้ำร้อนใหม่ก็ได้นี่
เสียงเพลงดังออกมาจากหูฟังที่ผมกำลังฟังอยู่ มันเป็นเพลงจากวงดนตรีร็อคที่ผมได้ยินบ่อยๆในช่วงนี้ มันเป็นเพลงประกอบอนิเมะที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ และนอกจากนี้พวกเขายังได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่กำลังดังมากหลังจากที่ได้มาร้องเพลงประกอบละครยอดนิยม
“ดวงดาวบนฟากฟ้า ถนนยามค่ำคืนอันเหน็บหนาว ได้เคียงข้างไปกับเธอ…ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่เคยเห็นในตอนนั้นไม่มีอีกแล้ว…”
ผมฮัมเพลงที่กำลังดังอยู่ในช่วงนี้ ถึงผมจะไม่ค่อยได้ติดตามเกี่ยวกับวงการเพลงมากเท่าไหร่ แต่ผมรู้สึกว่าในช่วงนี้มีเพลงที่มีธีมเกี่ยวกับความรักหรือมิตรภาพออกมาเยอะมาก…บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะอิทธิพลของเพลงประกอบในละครโรแมนติกยอดฮิตหรือเปล่านะ?
ถึงแม้เนื้อหาจะเกี่ยวกับความรักหรือมิตรภาพ สุดท้ายแล้วคนโดดเดี่ยวแบบผมก็ไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี
“อาซานางิ สำหรับผม…เธอคืออะไรกันนะ”
ทั้งๆที่ตอนนี้ผมกำลังฟังเพลงและอ่านการ์ตูนเรื่องโปรดอยู่ แต่สิ่งที่เข้ามาให้หัวของผมตอนนี้มีแต่เรื่องของอาซานางิ
พวกเราเล่นเกมด้วยกัน กินอาหารขยะที่ไม่ดีต่อสุขภาพด้วยกัน แล้วก็เล่นตลกทำตัวไร้สาระด้วยกัน แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนแบบเธอจะมาสนิทกับคนโดดเดี่ยวแบบผม
แน่นอน ผมคิดว่าอาซานางิเป็น「เพื่อน」และถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอต่อไป และผมก็หวังว่าอาซานางิก็จะคิดเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงเวลาปกติผมอาจจะไม่เคยคิดมาก่อน แต่สุดท้ายผมก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บางครั้งผมก็ไม่ได้สังเกตเวลาที่พวกเราโยนมุกตลกลามกใส่กัน แต่「อาซานางิ อุมิ」ก็ยังเป็นผู้หญิง
『สาวน่ารักอันดับสองในชั้นเรียน』ในชั้นเรียนของเรา เธอเป็นนักเรียนที่สอบได้เกรดดีเยี่ยม นิสัยดี และเธอก็โดดเด่นไม่แพ้อามามิซัง
นั่นคือ อาซานางิ อุมิ ในมุมมองของผมที่นั่งมองเธออยู่ไกลๆ
และเธอคนนั้นก็กำลังอาบน้ำอยู่ในบ้านของผมในขณะนี้ เธอผู้ที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นชุดนอนและกำลังจะนอนลงบนเตียงของผมในห้องของผม…
“…อาเระ?”
เมื่อผมคิดแบบนั้น หัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นมาในทันที
ทำไม?…ทำไมกันล่ะ?
ทั้งๆที่เมื่อไม่นานมานี้ผมยังจ้องมองหน้ายามหลับไหลของเธอโดยไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแท้ๆ
―― ♪ นิ้วขาวกุมมือกันอยู่บนเตียง ครั้งนี้ฉันจะไม่ปล่อยมือเธอ―― ♪
“อะ! นี่มันเพลงบ้าอะไรเนี่ย…พวกนายควรจะเลิกร้องเพลงแนวนี้ได้แล้วนะ”
ผมพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะกดข้ามเปลี่ยนไปฟังวงอื่นทันที
ผมพยายามที่จะใช้เพลงที่มีจังหวะเร็วๆเพื่อลบจินตนาการแปลกๆที่ปรากฏขึ้นมาในหัว
‘นี่เรากำลังพูดถึงอาซานางิใช่ไหม? ถึงเธอจะสวยแล้วก็ชอบทำตัวเหมือนแมว แต่จริงๆแล้วเป็นแค่ตาลุงที่ชอบนอนกรนแถมยังนอนอ้าปากด้วยไม่ใช่เหรอ?’
แล้วอีกอย่าง…ทำไมตอนที่ผมนึกถึงฉาก「ความเป็นผู้หญิง」ของอาซานางิ แล้วทำไมต้องใจเต้นด้วยล่ะ…
“…วา~ซึ!”
“อุหว่า~!”
วินาทีต่อมา จู่ๆผมก็ได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหู ผมกระโดดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! โถ่~มาเอะฮาระ…ฉันแค่แกล้งนิดหน่อยเอง ทำไมนายต้องตกใจขนาดนั้นด้วย กระโดดเป็นกบเลย”
“อะ-อาซานางิ…เคาะประตูก่อนสิ”
“ฉันเคาะแล้วนะ หลายครั้งด้วย แต่มาเอะฮาระใส่หูฟังก็เลยไม่ได้ยินน่ะสิ โม่~”
อาซานางิทำหน้างงๆก่อนจะถอนหายใจออกมา
โดยปกติผมน่าจะได้ยินเสียงเคาะประตูแม้จะใส่หูฟังอยู่ก็ตาม แต่น่าจะเป็นเพราะพวกความคิดประหลาดๆที่เข้ามาวนเวียนอยู่ในหัวทำให้ผมไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูของเธอ
“อ๊ะ จริงสิ ฉันยืมเสื้อสเวตเตอร์ของมาเอะฮาระมาใส่นะ เพราะฉันใส่ชุดนอนของคุณป้าไม่ได้น่ะ ขอโทษทีนะ”
“อะ เอาเถอะ ไม่เป็นไร…ผมยังมีเสื้อแบบนี้อีกเยอะเลย”
“จริงนะ ฉันว่ามันดีมากเลยล่ะ ทั้งใส่สบายแล้วก็อุ่นมากด้วย บางทีฉันน่าจะซื้อมาใส่บ้างดีไหมนะ?”
อาซานางิกำลังสวมเสื้อและกางเกงด้วยชุดสเวตเตอร์สีน้ำเงิน มันทั้งตัวใหญ่และใส่สบายมาก ดังนั้นโดยปกติผมจะใส่ชุดแบบนี้ตลอดเวลายกเว้นตอนที่ต้องออกไปข้างนอก
ถึงอาซานางิจะบอกว่าใส่ชุดนอนของแม่ไม่ได้เพราะขนาดไม่พอดี แต่ที่ผมดูทั้งสองคนไม่น่าจะมีส่วนสูงต่างกันขนาดนั้นนะ บางที…ผมไม่ควรถามเกี่ยวกับเรื่องนี้สินะ
ถึงจะดูยากเพราะตอนนี้อาซานางิกำลังสวมชุดสเวตเตอร์อยู่ แต่หน้าอกของเธอนั้นค่อนข้างใหญ่
…เดี๋ยวนะ นี่ผมยังคิดเรื่องพวกนี้อยู่อีกเรอะ
“งั้นผมไปที่ห้องนั่งเล่นก่อนนะ เธอใช้เตียงได้ตามสบา—”
“อ๊ะ! เดี๋ยวสิ”
“โอ้ย!”
ในตอนที่ผมกำลังจะเดินออกจากห้อง อาซานางิก็ได้คว้าคอเสื้อของผมไว้ก่อน
“ฉันนอนไปนิดหน่อยแล้ว ตอนนี้เลยยังไม่ค่อยง่วง มาคุยกันหน่อยสิ”
“จะดีหรอ? ผม…แม่บอกว่าไม่ให้ผมอยู่กับเธอนานเกินไปนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่คุยนิดเดียว แล้วอีกอย่าง…ถ้ามาเอะฮาระพยายามจะทำอะไรฉัน รับรองได้เลยว่าฉันจะตะโกนขอความช่วยเหลือแน่”
“คิดว่าผมจะทำแบบนั้นรึไง ยัยบ้า”
แม่เป็นผู้หญิงที่พูดคำไหนคำนั้น แม้จะเป็นเรื่องล้อเล่น แต่ถ้าอาซานางิทำแบบนั้น ผมก็คงจะโดนแม่ทำโทษอยู่ดี
“เอา~ล่ะ~ มาเอะฮาระ มานี่ มานั่งข้างๆสิ”
“เดิมทีนี่คือที่นอนของผมนะ”
“แต่ตอนนี้มันเป็นของฉันแล้ว เลิกบ่นแล้วมานั่งได้แล้ว เร็วๆสิ”
อาซานางิตบลงตรงที่ว่างบนเตียงข้างๆเธอเหมือนกับกำลังเรียกสุนัข
เอาจริงๆนะ นี่เธอยังเห็นผมเป็นคนอยู่ใช่ไหม? แต่เอาเถอะ…เพราะไม่อยากโดนด่าผมเลยยอมนั่งลงข้างๆเธอแต่โดยดี
ผมเริ่มกังวลว่าแม่อาจจะสังเกตเห็น แต่ดูเหมือนตอนนี้เธอจะกำลังอาบน้ำอยู่ ดังนั้นพวกเราจึงน่าจะมีเวลาประมาณ 10 ถึง 15 นาที
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะได้มานอนค้างที่บ้านนาย มาเอะฮาระ…นายเป็นผู้ชายที่แย่มากเลยนะที่แอบพาสาวสวยเข้าบ้านแบบนี้”
“ถ้าเธอไม่เผลอหลับไป เรื่องพวกนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นหรอก”
“อา…ก็จริงของนาย”
ผมได้กลิ่นส้มอ่อนๆลอยอย่างนุ่มนวลมาจากอาซานางิที่ตอนนี้กำลังยิ้มอย่างขมขื่น…ทั้งๆที่ผมก็ใช้แชมพูแบบเดียวกัน แต่ทำไมผมไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้เลย หรือว่า…มันขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนใช้ใช่ไหม?
“นี่ มาเอฮาระ”
“หืม?”
“พวกเราทำเรื่องที่ไม่ดีใช่ไหม”
“…อืม”
ผิดก็คือผิด ถ้าหากเรื่องนี้รั่วไหลไปถึงหูของนักเรียนคนอื่นๆ ภาพลักษณ์ของอาซานางิที่โรงเรียนจะย่ำแย่ลงอย่างมาก
และแน่นอนว่าคนที่จะผิดหวังในตัวของอาซานางิมากที่สุดก็คงจะเป็นอามามิซัง
“นี่ อาซานางิ…ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาสักพักแล้ว…”
“…นายอยากจะบอกเรื่องของเรากับยูใช่ไหม?”
“ ! ธะ…เธอรู้ได้ยังไง?”
“ตอนที่อาบน้ำอยู่…ฉันเองก็คิดเหมือนนาย อืม…ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีล่ะนะ”
เห็นได้ชัดว่าพวกเราคิดเหมือนกัน ไม่ว่าเราจะพยายามปิดบังมากแค่ไหน ท้ายที่สุด…อามามิซังก็จะรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน อามามิซังและอาซานางิเป็นเพื่อนสนิทกัน และนอกจากนี้อามามิซังก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวของอาซานางิด้วย ดังนั้นแม้ว่าพวกเราจะพยายามปิดปากเงียบแค่ไหน แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อามามิซังจะได้ยินเรื่องนี้จากพวกเขาอยู่ดี
มันคงจะดีกว่าถ้าเราเลือกที่จะสารภาพก่อนที่จะถูกจับได้ และความเสียหายก็น่าจะน้อยกว่าด้วย และถ้าผมบอกว่าผมเป็นคนแนะนำให้เก็บเรื่องของเราไว้เป็นความลับ ถึงความสัมพันธ์ของอาซานางิกับอามามิซังอาจจะแย่ลงเล็กน้อย แต่พวกเธอก็น่าจะสามารถฟื้นคืนความสัมพันธ์นั้นได้อย่างรวดเร็ว
แน่นอน ผมไม่รังเกียจที่จะเล่นบทตัวร้ายอยู่แล้ว
“…สำหรับเรื่องนี้ ฉันจะบอกกับยูเองเมื่อถึงเวลา ส่วนมาเอะฮาระก็ทำตัวเหมือนปกติไปก่อนนะ”
“เข้าใจแล้ว งั้นก็ตามใจเธอแล้วกัน”
ผมมีนัดกับอามามิซังในวันพุธหน้าอยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงพร้อมที่จะขอโทษอามามิซังได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว
แต่ถ้าอามามิซังเกิดโกรธผมขึ้นมา แล้วบอกกับทุกคนในห้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากรับผลกรรมของการกระทำของตัวเอง
“เอาล่ะ เรื่องนี้ก็ถือว่าจบแค่นี้แล้วกันนะ ต่อไปก็…ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้พิสูจน์เรื่องสุดคลาสสิคที่พวกผู้หญิงชอบพูดกัน…อ๊ะ!”
“เฮ้ย”
ยัยนี้ตั้งใจจะพูดถึงไอนั้นใช่ไหม ทั้งๆที่ก็รู้ว่าในลิ้นชักของพวกโดดเดี่ยวแบบผมไม่มีทางมีของแบบนั้นอยู่แล้ว
(TL: น่าจะหมายถึงถุงยางครับ)
“ให้ตายเถอะ…ขอไปนอนก่อนแล้วกัน แม่น่าจะใกล้อาบน้ำเสร็จแล้วด้วย”
“โม่~ นายนี้มนุษย์สัมพันธ์แย่ชะมัด เอาเถอะ วันนี้จะยอมปล่อยไปก่อนแล้วกันนะ”
อาซานางิก็ยังคงเป็นอาซานางิ
ดูเหมือนว่าผมจะรู้สึกสบายใจขึ้นนิดหน่อยแล้วล่ะนะ
“อ๊ะ จริงสิ…ยังเหลืออีกอย่างนึงนะ”
“อะไรล่ะนั่น?”
“มาเอะฮาระ ราตรีสวัสดิ์นะ…เฮเฮะ พอพูดออกมาก็รู้สึกจั๊กจี้เหมือนกันนะ”
“ขะ….ขอบใจนะ ราตรีสวัสดิ์ อาซานางิ”
ผมรีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนโซฟาในห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นที่นอนของผมในวันนี้ ซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม และพยายามหลับตาลง
‘ให้ตายสิ…แต่ว่า…น่ารักนิดหน่อยแฮะ’
สิ่งที่เข้ามาในหัวของผมคือภาพของอาซานางิที่กำลังทำท่าอายๆในตอนที่ผมกำลังเดินออกมาจากห้องนอน
‘…เธอก็ทำหน้าแบบนั้นเป็นสินะ’
เพราะอาซานางิ ทำให้คืนนี้ผมนอนไม่หลับเลยสักนิด…
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. คนอื่นเค้ามีแต่รู้สึกเหมือน 14 อีกครั้ง แต่ช่วงนี้ผู้แปลรู้สึกเหมือนกลับไปช่วงอายุ 25 (เบญจเพส)อีกครั้ง(ฮา)
ปล2. วันนี้ว่าจะแปล 3 ตอน แต่ ณ เวลานี้ 21.00 น. ข้าพเจ้างานเข้าครับ (ฮา2)
ปล3. ตอน 30 แปลไปครึ่งตอนแล้ว ถ้างานเสร็จไว จะมาแปลต่อให้เสร็จนะครับ ถ้าลงก็อาจจะดึกๆ หรือไม่ก็เลื่อนไปลงพรุุ่งนี้ช่วงเที่ยงๆ
ปล4. ยังไม่ได้เช็คคำผิดนะครับ กับสำนวนช่วงนี้แปลกๆ เดี่ยวจะมารีเช็คให้อีกรอบนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ ยังไม่ได้หายไปไหนเน้อ Durimtok Channel