I am a Legendary Boss ฉันคือบอสในตำนาน - ตอนที่ 44: ท่านลอร์ดผู้ทรงพลัง
“เอาล่ะ ไม่ทราบว่าระหว่างเรามีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันหรือไม่?” ดาริอัสเป็นขุนนางที่มีพรสวรรค์ในการรับรู้สถานการณ์ตรงหน้า ตามความแตกต่างระหว่างจำนวนคนของทั้งสองฝ่ายแล้ว เขาคำนวณผลการต่อสู้ออกมาได้อย่างรวดเร็ว…
นั่นคือ
เขาซี้แหงแก๋แน่
“เข้าใจผิด เข้าใจเรื่องอันใดผิดหรือ?” วิลเลียมเย้ยหยัน ในฐานะบอสระดับรีเจนดารีและด้วยกลุ่มคนของเขา นี่ต้องเป็นแผนการกลั่นแกล้งผู้คนเป็นแน่
ดาริอัสกระแอมอย่างกระอักกระอ่วน “ข้าคือไวเคาท์แห่งอาณาเขตของอาณาจักรหินดำ และพ่อของข้าดำรงตำแหน่งท่านเคาท์ ข้าไม่รู้ว่าตนเองได้ไปสร้างความรำคาญใจให้กับท่านลอร์ดได้อย่างไร โปรดยกโทษให้กับข้าด้วยเถิด”
ขณะที่เขากล่าวอยู่นั้น ดาริอัสรู้ว่าวิลเลียมนั้นควรเป็นเอลฟ์ตนใหม่แห่งเมืองชายแดน
เขามีความภาคภูมิใจบนใบหน้าขณะที่เขาพูด และทุกๆครั้งที่เขากล่าวถึงตำแหน่งของบิดา เขาก็จะรู้สึกถึงความภาคภูมิใจ
เมื่อกล่าวถึงภูมิหลังของครอบครัว ผู้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถทัดเทียมกับเขาได้ ภายในใจ เขาคิดว่าตราบใดที่ยังมีความเกรงกลัวต่อลอร์ดคนใหม่นี้ เขาก็ยังสามารถมีชีวิตกลับไปได้
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็นึกไม่ถึงจริงๆว่าวิลเลียมจะเป็นนักฆ่า
มันเป็นไปไม่ได้ที่คนเหล่านี้จะเป็นนักฆ่า ใช่ไหมล่ะ?
ท่านล้อข้าเล่นแล้ว? คิดว่าข้าโง่มากนักหรือไง?
ดาริอัสคิดว่าเขาได้เข้ามาในดินแดนของพวกเอลฟ์โดยไม่ได้ตั้งใจซึ่งทำให้เหล่าเอลฟ์ขุ่นเคือง และนี่ไม่ควรเกิดวิกฤติอะไรที่ร้ายแรงมากนัก
“โอ้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าฆ่าหมาป่าสายฟ้าที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเรางั้นหรือ?” วิลเลียมไม่สนใจที่จะร่ายภูมิหลังครอบครัวแข่งกับดาริอัส เขากลัวว่ามันจะทำให้อีกฝ่ายตื่นกลัวจนตายเสียก่อน
จากนั้น วิลเลียมก็ชี้ไปยังร่างของหมาป่าสายฟ้าที่น่าเศร้า “ดู ดูหมาป่าสัตว์เลี้ยงของเราที่โดนเจ้ายิงสิ และเจ้ายังยืนบนร่างมันอยู่ด้วย รีบยกเท้าออกเร็วเข้า ขนที่ถูกเจ้าเหยียบย่ำมันไม่สามารถขายได้หรอกนะ…”
“บอกมาว่าเจ้าจะชดใช้ให้กับการฆ่าสัตว์เลี้ยงของเราอย่างไร?”
“…”
ดาริอัสยกเท้าขึ้น ปากของเขากระตุกไม่หยุด เขาไม่เคยเห็นใครที่ไร้ยางอายเท่านี้มาก่อน เขาทำได้เพียงหยิบอัญมณีสีม่วงในแขนเสื้อออกมาเท่านั้น “นี่คือพลัง…”
“โยนมันออกมา เราจะมองด้วยสายตาของตนเอง” วิลเลียมขัดจังหวะดาริอัส
ขวับ
วิลเลียมคว้ามือไปจับมันเอาไว้ จ้องมองเพียงชั่วครู่ ก่อนการแสดงออกของเขาจะเปลี่ยนเป็นยินดีเล็กน้อยในขณะที่เก็บมันไว้ในแขนเสื้อ
ดาริอัสเองก็ยินดีเช่นกัน
แต่เมื่อพบกับวิลเลียมที่จ้องมองเขาด้วยสายตาราวกับหมาป่าที่จ้องมองกระต่ายสีขาวอีกครั้ง
เขาก็รู้ได้อย่างชัดเจนเลยว่า
มันไม่เพียงพอ
หากเขาไม่มอบเงินให้ เหล่าเอลฟ์ที่หน้าเลือดเหล่านี้คงฆ่าเขาเป็นแน่
ดาริอัสและองครักษ์ทั้งสี่นายต่างมองหน้ากันและนำสิ่งของออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว ท้ายที่สุดแล้วในฐานะบุตรชายคนโตของท่านเคาท์ เขาก็มีทรัพย์สมบัติเป็นจำนวนมาก
เพราะฉะนั้น…
หลังจากที่โยนทรัพย์สมบัติออกมาทั้งหมดแล้ว ดาริอัสก็ไม่เหลืออะไรนอกจากอาวุธและอุปกรณ์ของเขา
วิลเลียมบุ้ยปาก “แย่จริง!”
“ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถิด หากข้าได้กลับไป ข้าจะนำของขวัญมาให้ท่านอย่างแน่นอน!” ดาริอัสยิ้ม ดวงตาของเขาจริงใจ
“หึ พวกบัดซบ เจ้าคิดว่าจะสามารถมีชีวิตต่อไปได้หลังจากที่ฆ่าสัตว์เลี้ยงของเราไปงั้นหรือ? ฆ่าพวกมันซะ” วิลเลียมขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจพวกเขา ก่อนจะปัดมือเบาๆ
เหล่าเอลฟ์ต่างพากันยืนขึ้นทันทีแล้วง้างคันธนู
“แกมันเป็นเอลฟ์ที่ชั่วช้าต่ำทราม พ่อของข้าจะต้องมาแก้แค้นให้แน่ แม่งเอ้ย!!” ดาริอัสคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว พลังการต่อสู้จากองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาระเบิดออกมา
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…”
ลูกธนูที่เปี่ยมไปด้วยพลังการต่อสู้นับร้อยพุ่งออกไป และในขณะที่มันโจมตีถูกโล่พลังงาน เสียงระเบิดก็ดังขึ้น แสงสว่างวาบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ต้นไม้ที่อยู่รอบๆต่างถูกฉีกกระชากด้วยพลังการต่อสู้ และตามหย่อมหญ้าเต็มไปด้วยหลุมบ่อ
“ลุย!” ดาริอัสรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังการต่อสู้ในร่างกายนั้นลดลงไปอย่างบ้าคลั่ง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลางและพลังการต่อสู้ของเขาไม่ได้น้อยไปกว่าสองเท่าของผู้เชี่ยวชาญระดับเริ่มต้น
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ดาริอัสที่อยู่ท่ามกลางคนของเขาและถูกลูกธนูเพียงไม่กี่ดอกก็รู้ว่าเขาไม่สามารถป้องกันได้อีกนานกว่านี้แล้ว
แต่ก่อนที่เขาจะได้กล่าวอะไรออกไป ลอทเนอร์ก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ หยิบคันธนูสีทองอร่ามข้างกาย สะบัดสายธนูก่อนจะใส่ลูกศรแล้วง้างมันออกมา!
ฟิ้ว
แสงสีเงินที่วาววับราวกับสายฟ้าถูกยิงออกไป พุ่งข้ามผ่านท้องฟ้า ผู้คนเห็นได้แต่อากาศที่ถูกแหวกออกหลังลูกศรพุ่งผ่านไปเท่านั้น!
ต่อมา
แสงสีเงินสาดพุ่งผ่านเหล่าศัตรูในพริบตา ก่อนมันจะเจาะทะลุศีรษะของดาริอัส และในขณะที่เขากำลังจะล้มลงไปบนพื้นนั้น…
ปัง…
พลังการต่อสู้ที่บรรจุอยู่ในลำแสงสีเงินก็ได้ระเบิดออกมา
ทุกคนล้วนยกเท้าขึ้นหนี
ลอทเนอร์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลางมีเลเวลสูงกว่าดาริอัสสิบเลเวล และด้วยสายเลือดที่ทรงพลัง ไม่ต้องพูดถึงดาริอัส แม้พวกมันทั้งหมดจะรวมพลังกันก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้กับลอทเนอร์ได้
เมื่อวิลเลียมเห็นดังนั้น เขาก็กระโดดลงมาจากต้นไม้ ก่อนจะเดินตรงมายังกองซากศพ และอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง “ชิ พวกเจ้าล้มก่อนที่เราจะได้ทำอะไรเสียอีก อ่อนแอเกินไปแล้ว”
“ท่านลอร์ดของพวกเราทรงพลังยิ่งนัก” น็อกซ์ยกอาวุธขึ้นยกย่องราวกับว่าวิลเลียมเป็นคนฆ่าพวกเขา
“ท่านลอร์ดของพวกเราทรงพลังยิ่งนัก” เหล่าเอลฟ์กล่าว
“หึ ข้าต่างหากที่เป็นคนฆ่าพวกมัน พวกคนไร้ยางอาย” ลอทเนอร์สาบานได้
แต่วินาทีต่อมา ลอทเนอร์ก็ยกอาวุธของเขาขึ้นก่อนจะตะโกนว่า “ท่านลอร์ดของพวกเรานั้นแสนทรงพลังและอยู่เหนือผู้คน ทันทีที่รัศมีของท่านปลดปล่อยออกมา พวกมันทั้งหมดก็พ่ายแพ้ ความแข็งแกร่งของท่านช่างน่ากลัวยิ่ง!”
เหล่าเอลฟ์พยักหน้าอย่างใช้ความคิด และตระหนักได้ทันทีว่านี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ได้เป็นผู้ดูแลเมือง…
วิลเลียมทำได้เพียงยิ้มแย้มเล็กน้อย แต่ไม่มีความภูมิใจในหัวใจของเขา ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่พวกเขาพูดก็เป็นสิ่งที่ดี แต่คนธรรมดาล้วนไม่เข้าใจความรู้สึกที่อ้างว้างที่ไม่หายไปหรอก
จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังอุปกรณ์ทั้งหลายบนซากศพ “ถอดพวกมันออกแล้วนำกลับไปหลอมแล้วสร้างใหม่”
“ครับท่านลอร์ด!”
“โอ้ใช่หมาป่า… ที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเรา นำมันกลับไปทำสตูว์ไว้ทานเพื่อบำรุงร่างกายของพวกท่านเถิด”
“ท่านลอร์ดของพวกเราเป็นบุตรของพระเจ้าจริงๆ ขอให้พระเจ้าอวยพรให้แก่ท่านตลอดไป” เหล่าเอลฟ์มองวิลเลียมด้วยความยิ้มแย้ม พวกเขาต้องบอกว่าลอร์ดท่านนี้ดีเยี่ยมจริงๆ
ทุกครั้งที่ท่านพาพวกเขาไปขจัดวิกฤตใกล้กับอาณาเขต เขามักจะมอบอสูรเวทย์ให้กับพวกเขา
หมาป่าสายฟ้าตัวนี้ไม่ได้มีความเสียหายแต่อย่างใดและสามารถขายมันได้อย่างน้อยหลายร้อยเหรียญทองหลังจากลอกขนของมันออกแล้ว
ตอนนี้อสูรเวทย์ 150 กก.นี่เป็นของพวกเขาแล้ว เนื้อของมันสามารถนำมาทำซุปให้พวกเขาแบ่งกันดื่มได้ทุกคน และขนก็สามารถใช้เป็นเกราะโดยธรรมชาติได้
ตามสถานะองครักษ์แล้ว พวกเขาจะได้รับแม้กระทั่งมิทริลบางส่วน เมื่อเวลามาถึงพวกเขาอาจได้รับเกราะชั้นในระดับซิลเวอร์ หากพวกเขาไปหาโอดอมหรือลอทเนอร์เพื่อสร้างมันและเพิ่มวัสดุที่มีค่าบางอย่างลงไปด้วย เกราะชั้นในระดับทองอาจจะปรากฏออกมา
มันขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะตัดสินใจว่าใครจะเป็นคนสร้างเกราะชั้นในในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม ตามความรู้สึกของพวกเขาแล้ว ตอนนี้การใช้ชีวิตโดยการติดตามท่านลอร์ดก็ถือว่าดี พวกเขาไม่กลัวว่าจะมีสิ่งใดที่ดีกว่า…
“คนพวกนี้ชื่นชอบฉันขึ้นอย่างมากโดยไม่รู้ตัว” วิลเลียมถอนหายใจก่อนจะส่ายศีรษะ ความภักดีของผู้ใต้บังคับบัญชาของลอร์ดนั้นเกี่ยวข้องกับความน่าจะเป็นที่จะทรยศและหลบหนี
แต่ระดับของความประทับใจที่ดีนั้นแตกต่างกันเป็นอย่างมาก มันเกี่ยวว่าพวกเขาจะเข้ามารับลูกธนูแทนเขาหรือไม่…
ในช่วงเวลานี้ เขาคอยเปลี่ยนแปลงความประทับใจที่ดีต่อลูกหมีทั้งสามตัวในตอนเช้า เหล่าเอลฟ์ในช่วงบ่ายและเซียในตอนกลางคืน…
ไม่ ความประทับใจยังไม่เพียงพอที่ได้จะแลกเปลี่ยนเวทมนตร์กับเซียในตอนกลางคืน เขายังไม่สามารถได้รับความประทับใจที่ดีจากเธอได้
“เก็บกวาดร่างพวกนี้ซะ เมื่อเราออกไป คอยดูรอบๆไว้ เราจะกลับบ้านหลังจากล่าอสูรเวทย์บางตัวได้แล้ว” วิลเลียมตรวจสอบจำนวนศพอย่างละเอียด พวกเขาโกหกอย่างแนบเนียนโดยไม่ผิดพลาดแม้เพียงนิด
เขาไม่สนว่าใครจะเป็นท่านเคาท์ผู้เป็นบิดาของดาริอัส
กล่าวได้ว่ากองกำลังของอาณาเขตครึ่งหนึ่งได้ตกอยู่ในมือของขุนนาง
แต่อย่างน้อยอุปสรรคที่แท้จริงของวิลเลียมก็ควรเป็นมาร์ควิส ตำแหน่งเคาท์เพียงคนเดียวนั้นไม่อยู่ในสายตาของเขา โดยเฉพาะเป็นเคาท์ในอาณาเขตของดยุค…
เขามีองครักษ์เอลฟ์อยู่ 500 ตน ขุนนางธรรมดาไม่กล้าทำอะไรเขาหรอก
นอกจากนี้ยังไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลกับการเปิดเผยของเรื่องนี้ ตราบใดที่เคอรี่อยากสืบทอดตำแหน่งท่านเคาท์ เขาจะเก็บมันไว้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออาณาเขตของอาณาจักรหินดำไม่มีเวลาสนใจกับชีวิตและความตายของไวเคาท์คนหนึ่งหรอก อาณาเขตของอาณาจักรเหล็กมีปัญหากับการสั่งห้ามซื้อขายเหล็กและดูเหมือนว่ากำลังจะส่งกองทัพออกไป สิ่งที่พวกเขาสนใจคือการเปลี่ยนแปลงทางทหารของอาณาเขตเหล็ก
“ท่านลอร์ด ข้าพบของดีเข้าแล้ว!”
“อะไรหรือ?” วิลเลียมเลิกคิ้วและมองไปทางเอลฟ์ที่กำลังตื่นเต้น
“สมุนไพรเวทย์!”