I am a Legendary Boss ฉันคือบอสในตำนาน - ตอนที่ 13: หมีใหญ่, หมีสอง, หมีสาม
ลูกหมีสามตัวนอนอยู่ในเปล ซุกไซร้กันและกันโดยที่ดวงตายังปิดอยู่ราวกับต้องการที่จะหาที่ๆ อบอุ่นที่สุดในการนอน
อย่างไรก็ตาม ‘หมีใหญ่’ ลูกหมีตัวที่ใหญ่ที่สุดก็บังคับขืนตัวเบียดเข้าไปยังส่วนที่สบายที่สุด ทั้งอุ่นที่สุดและอยู่ในตำแหน่งตรงกลาง ‘หมีสอง’ และ ‘หมีสาม’ ที่ไม่อาจสู้พี่ชายของพวกมันได้ พวกมันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจมลึกลงไปในความฝัน พวกมันกรนเบาๆ อยู่ตรงที่ของตัวเอง
วิลเลียมเพิ่งจะให้นมแกะพวกมันไป เขาลูบไล้ขนของพวกมันอย่างแผ่วเบา เจ้าทารกน้อยสามตัวนี้ไม่ใช่ลูกหมีทั่วไป
เขาเพิ่งจะตรวจพวกมันดูเมื่อกี้
หมีใหญ่นั้นสืบสายเลือดของอสูรเวทย์ระดับสูง ในขณะที่หมีสองและหมีสามทั้งคู่นั้นต่างมีสายเลือดของอสูรเวทย์ระดับกลาง
ในตอนต้นของเกม ต่อให้ผู้เล่นไม่สามารถหาอสูรเวทย์ระดับสูงได้ แต่ถ้าผู้เล่นคนใดที่สามารถหาตัวช่วยเป็นอสูรเวทย์ระดับกลางและค่อยๆ เติบโตได้ คนๆนั้นก็จะเป็นคนที่ดังที่สุดในกิลด์ พวกเขาแทบจะสามารถพูดกับเหล่าขุนทางของประเทศนั้นๆ ซึ่งๆหน้าได้เลย
มันเป็นเรื่องธรรมดา พวกเขานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่ามาก
แม้ว่าสายเลือดที่มีเลเวลสูงจะมีการเจริญเติบโตที่ช้ากว่า แต่ตราบใดที่พวกเขาสามารถให้อาหารพวกมันได้อย่างเหมาะสม อสูรเวทย์ก็ยังคงโตเร็วกว่าสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา
วิลเลียมหยิบผ้าห่มปุกปุยอันหนึ่งขึ้นมาห่มให้กับลูกหมีสามตัว โดยเว้นช่วงหัวเล็กๆ ของพวกมันไว้สำหรับหายใจ ก่อนที่เขาจะออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
“ดูแลพวกมันให้ดี ฉันไม่อยากได้ยินเกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุใดๆทั้งสิ้น!” วิลเลียมพูดกับสาวใช้ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกของประตู
“ค่ะท่านลอร์ด ฉันขอสาบานว่าจะดูแลลูกหมีที่น่ารักพวกนี้อย่างดีทุกวินาทีเลยค่ะ!” สาวใช้มองไปที่ลูกหมีสามตัว เธอไม่มีทางคิดว่าพวกมันจะโตขึ้นกลายเป็นหมีป่ายักษ์ที่น่ากลัวได้เลย ในเมื่อตอนนี้พวกมันช่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน…
“ฮึ่ม ตั้งแต่นี้ไปฉันจะให้เหรียญเงินกับเธอเพิ่มเป็นรางวัลทุกเดือน” ในฐานะลอร์ด มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้สำหรับวิลเลียม แบล็คลีฟที่จะต้องมีคนรับใช้ และยังมีชาวไร่ชาวนาที่อดอยากอีกมากมายที่อยากจะเป็นคนรับใช้ของเขาอย่างไม่คิดชีวิต
เซียยืนเงียบๆ อยู่ที่ด้านข้าง หลุบตาและจมลงไปในความคิดราวกับเธอนั้นข้องใจอย่างมากกับการที่เด็กหนุ่มคนนี้ ดูเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
พวกเขาเก็บเกี่ยวของมากมายจากการเดินทางครั้งนี้
พวกเขากำจัดออร์คไปเผ่าหนึ่งและยังได้โอกาสในการได้รับเหมืองเหล็กหนึ่งเหมืองและลูกหมีอสูรเวทย์สามตัวอีกด้วย
พวกเขาแค่ต้องรอให้พวกลูกหมีลืมตาในอีกสามวันและรับรู้ถึงเจ้าของๆ พวกมันผู้ที่พวกมันเห็นเป็นคนแรก
แน่นอนที่สุด
เหล่าลูกหมีนั้นไวต่อกลิ่นอย่างมากอีกด้วย
พวกคนรับใช้ต้องดูแลป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุใดๆ กับเหล่าลูกหมีและทำความสะอาดสิ่งที่พวกมันขับถ่ายออกมาในเวลาเดียวกัน ส่วนในเวลาอื่นๆ นั้น ทั้งการให้อาหารและการทำความสะอาดก็จะถูกจัดการโดยวิลเลียมเป็นการส่วนตัว
“เซีย เธอชอบลูกหมีพวกนี้มั้ย?” วิลเลียมเดินไปหยุดตรงหน้าของเธอแล้วถาม
“ฉันชอบค่ะ พวกมันน่ารักมากๆ…” เซียตอบอย่างขอไปที
“แล้วถ้าฉันให้เธอตัวนึงล่ะ?”
“จริงหรอคะ? ไม่ ไม่ ช่างมันเถอะ ฉันไม่สามารถที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงหมีป่ายักษ์ซักตัวได้หรอกค่ะ…” เซียส่ายหัวของเธอไวๆ ด้วยรายรับขี้ปะติ๋วของเธอ โดยธรรมดาเธอก็หมดเงินไปกับพวกส่วนผสมเวทย์แล้ว ดังนั้นเธอจะไปเอาที่ไหนมาเลี้ยงดูอสูรเวทย์อีกตัว?
วิลเลียม แบล็คลีฟหัวเราะเบาๆ “ถึงอย่างนั้น เธอก็สามารถมาที่นี่และเยี่ยมพวกมันได้นะ! อสูรเวทย์ประเภทหมีจะไม่โจมตีคนที่มีกลิ่นที่มันคุ้นเคยอยู่ อีกอย่างฉันเองก็สามารถสั่งพวกมันได้”
“ฉันมาที่นี่ทุกวันได้หรอคะ? แล้วถ้าพวกมันลืมตาแล้วบังเอิญเห็นฉันล่ะ?” เซียถามด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ก็ไม่เป็นไร ฉันแค่อาจต้องช่วยเธอเลี้ยงพวกมัน!” วิลเลียมพูดอย่างใจกว้าง
“ถ้าอย่างนั้น… ขอบคุณมากค่ะท่านลอร์ด!” เซียไม่รู้ว่าเธอควรพูดอะไรอีก ดังนั้นเธอจึงออกไปอย่างรีบร้อน
วิลเลียมจ้องไปยังเซียที่กำลังวิ่งห่างออกไป ขณะที่ถูมือของเขา “นักเวทย์มนตราผู้มีสายเลือดระดับอีปิก… ก็จะเป็นผู้วิเศษคนหนึ่งสินะ ท่านแม่ ท่านให้คนที่มีความสามารถกับผมมาไม่น้อยเลย เช่นเดียวกับอุปกรณ์อีกหลากหลายด้วย…”
ชื่อ: เซีย
เผ่าพันธุ์: เอลฟ์แบล็คลีฟ
อาชีพ: นักเวทย์ธาตุน้ำระดับกลาง
เลเวล: 41
ศักยภาพของสายเลือด: อีปิค (คุณสมบัติพื้นฐาน +28%)
ความสามารถติดตัว: ชีวิตระดับกลาง, ทุกความแข็งแกร่งทางกายภาพจะมีค่าเท่ากับแต้มชีวิต 40 แต้ม
ความสามารถติดตัว: แสงแห่งน้ำ ผลลัพธ์จากการใช้เวทมนต์ธาตุน้ำใดๆ จะเพิ่มขึ้น 30% ค่าสติปัญญา 100 แต้มจะลดเวลาคูลดาวน์1สำหรับสกิลธาตุน้ำ 20%
ความสามารถติดตัว: เวทมนต์ระดับกลาง ค่าสติปัญญา 1 แต้ม = ค่าการโจมตีโดยเวทมนต์ 1.2 แต้ม
พลังชีวิต: 8800
ความแข็งแกร่ง: …
เวทมนต์: …
บางอย่างที่น่าสังเกตคือการที่ทั้งพลังการต่อสู้และเวทมนต์นั้นเป็นสิ่งที่ตัวละครเลเวล 10 ขึ้นไปเท่านั้นจะมีหลังจากที่พวกเขาเลือกอาชีพแล้ว
ในตอนนั้น ไม่สำคัญว่าจะเป็นผู้เล่นหรือ NPC พวกเขาก็จะสามารถเรียนรู้คำภีร์ของพลังการต่อสู้และการรักษาได้
ระดับเลเวลของหนังสือเหล่านี้จะต่างกันออกไประหว่าง เริ่มต้น, กลาง, สูง, มาสเตอร์, อีปิค, รีเจนดารี ฯลฯ
ที่สุดแล้ว ยิ่งเลเวลของคำภีร์เหล่านั้นสูงขึ้น เวทมนต์หรือพลังการโจมตีก็จะเพิ่มมากขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็มีผลลัพธ์พิเศษบางอย่าง
อย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของความแข็งแกร่งของสกิลหรือการเปิดใช้งานเกราะพลังการต่อสู้ระดับหนึ่ง
เมื่อผู้เล่นกำลังมองหาอาชีพจาก NPC ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะสามารถเรียนรู้ได้แค่คำภีร์ระดับเริ่มต้นหรือระดับกลางเท่านั้น
คำภีร์ระดับสูงต้องใช้การจบภารกิจที่ยากขึ้น แต่ผู้เล่นก็สามารถรับมันได้ถ้าพวกเขาอดทนมากพอ
อย่างไรก็ตาม คำภีร์ระดับมาสเตอร์และระดับสูงกว่าต้องใช้การประชุมพิเศษ, การประมูล, NPC พิเศษ, ตลาดมืด, วาณิชผู้ลึกลับ หรือแม้แต่กลุ่มส่วนตัวของที่ปรึกษาประจำอาชีพ
อีกอย่าง ราคาของคำภีร์สักเล่มนั้นแพงอย่างน่าขนลุก
คำภีร์ระดับเริ่มต้นใช้แค่ 10 เหรียญเงิน หรือก็คือถ้าผู้เล่นที่สามารถเดินออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นได้ สามารถสะสมเงินได้ พวกเขาก็สามารถซื้อคำภีร์และเรียนรู้สกิลทุกอย่างที่พวกเขาสามารถมีได้เมื่อพวกเขาเลือกอาชีพแล้ว
อย่างไรก็ตาม คำภีร์ระดับกลางนั้นต้องใช้อย่างน้อย 1 เหรียญทอง…
1 เหรียญทองอาจจะดูไม่แพงมากนัก แต่มันก็สามารถทำให้ผู้เล่นที่เพิ่งจะเริ่มเล่นเกมเงิบได้เลย ถ้าพวกเขาไม่ได้เจอมันโดยบังเอิญหรือไม่ต้องการที่จะใช้เงินจริง พวกเขาก็แค่ต้องเก็บสะสมเงินอย่างระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม ต่อให้คุณจะใช้เงินจริงในเกมนี้ คุณก็ไม่สามารถเปลี่ยนมันเป็นเหรียญทองได้…
นอกจากว่าพวกเขาจะขายเสื้อผ้าหรือใช้ช่องโหว่ในการจ่ายแบบรายเดือนเพื่อขายคุณสมบัติของพวกเขา แต่ถึงอย่างนั้น ในช่วงเวลาแบบนี้บริษัทเกมที่ไหนจะกล้าทำแบบนั้นกัน?
บริษัทหวังอี้ล้มละลายได้ยังไง?
เพราะว่าการเป็นสมาชิกรายเดือนของหวังอี้อนุญาตให้ขายคุณสมบัติได้ มันทำให้ผู้เล่นในศตวรรษที่ 23 ใช้จ่ายจนพวกเขาหมดตัว และทำให้พวกเขายกเลิกเกมทุกเกมที่เป็นของบริษัทหวังอี้!
ในทางกลับกัน เห็นได้ชัดว่าคุณสมบัตินั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเพิ่มลงไปในเสื้อผ้าได้ สิ่งเดียวที่พิเศษสำหรับเสื้อผ้าคือการที่มันสวยงามและสามารถใส่รวมกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้
อย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายที่ถูกที่สุดก็ยังต้องใช้ 100 ดอลลาร์ แน่นอนว่าเครื่องแต่งกายสามารถขายให้กับขุนนาง NPC บางคนได้อีกด้วย
ถึงอย่างนั้น การจะทำแบบนั้นได้ก็ต้องมีระดับมิตรภาพประมาณหนึ่งกับ NPC คนนั้นและการสังเกตว่า NPC คนนั้นสนใจเครื่องแต่งกายนั้นๆ หรือไม่
ถ้ามี NPC สักคนที่ต้องการซื้อเครื่องแต่งกายจริงๆ พวกเขาก็อาจจะได้รับเหรียญทองจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
ร้านขายของนั้นไม่ขายเหรียญคืนชีพ เกมนี้เองก็ไม่มีการฟื้นคืนอาชีพเช่นกัน เมื่อผู้เล่นขึ้นไปถึงเลเวล 30 พวกเขาจะเกิดใหม่ได้แค่ 6 ครั้งเท่านั้น พวกเขาจะเสียแต้มประสบการณ์จำนวนหนึ่งทุกครั้งที่พวกเขาเสียชีวิต พวกเขาอาจจะถูกลดเลเวลลงหรือเสียอุปกรณ์บางอย่างไปโดยไม่รู้ตัว หลังจากที่พวกเขาตายมากกว่า 6 ครั้ง พวกเขาก็อาจจะตกเข้าสู่โหมดที่ไม่สามารถล็อกอินเข้าไปในเกมได้เป็นเวลา 10 ชั่วโมง
แน่นอนว่าข้อจำกัดเหล่านี้จะถูกเริ่มใช้งานเมื่อผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นมืออาชีพระดับกลาง
นี่ยังทำให้การต่อสู้สมดุลขึ้นระหว่างผู้เล่นด้วยกัน และทำให้โลกระหว่างผู้เล่นและ NPC สมดุลขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ที่สุดแล้วมันก็คือเกมๆ หนึ่ง
บริษัทเกมต้องการรายได้ แต่พวกเขาก็ต้องการได้รับมันผ่านวิธีการที่ดีและไม่ต้องการที่จะสูญเสียเงินไป ดังนั้นพวกเขาจึงเปิดระบบการขายที่อนุญาตให้ผู้เล่นใช้เงินจริงในการซื้ออุปกรณ์และเหรียญทอง
ส่วนเดียวที่ยังเหลืออยู่คือสโมสร เพราะสโมสรทุกที่จะมีกิลด์ย่อยๆ อยู่ ผู้เล่นจะไปรวมตัวกันในกิลด์นั้นๆ เพื่อไอดอลของพวกเขา
โดยปกติแล้ว ผู้เล่นมืออาชีพที่ได้รับการสปอนเซอร์จะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาพร้อมที่จะจ่ายสำหรับอุปกรณ์และเหรียญทอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งจำเป็นที่ต้องมีก็คือการที่ผู้เล่นมืออาชีพต้องได้รับการเคารพนับถือเสียก่อน!
มันไม่ใช่แค่การเล่น ถ้าพวกเขาแพ้ พวกเขาจะตกต่ำเสียยิ่งกว่าหมา
หมายเหตุ
เวลาคูลดาวน์1 หมายถึง ระยะเวลาจากช่วงที่ใช้สกิลไปแล้วจนถึงช่วงที่สามารถใช้สกิลได้อีกครั้งหนึ่ง