I am a Legendary Boss ฉันคือบอสในตำนาน - ตอนที่ 10 : ระหว่างการล่า
ภูเขาป่าแบล็คลีฟปกคลุมไปด้วยเมฆสูงที่ค่อยๆ ลอยห่างจากภูเขาหิมะทางด้านฝั่งทะเลตะวันออก ล่องลอยผ่านฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตก
รากของต้นไม้ที่หยั่งลึกก็หยั่งลึกมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ในผืนป่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดแห่งนี้เป็นที่อยู่ให้กับเผ่าพันธุ์หลากหลายและสัตว์น้อยใหญ่ ในเผ่าพันธุ์พวกนี้มีอาณาจักรที่ลึกลับและมั่งคั่งที่สุดตั้งอยู่ก็คือเมืองดาร์คไนท์ซึ่งเป็นที่อยู่ของเผ่าเอลฟ์ราชวงศ์แบล็คลีฟและประชาชนของพวกเขา
แน่นอนว่าต้องมีมังกรยักษ์จำนวนมากในป่าขนาดใหญ่เช่นนี้
ภูเขาที่กั้นเมืองชายแดนจากมหาสมุทรถูกวิลเลียมเรียกว่าภูเขากั้นกลางเพราะว่ามันไม่ได้สูงมากนักในการกั้นระหว่างเขากับมหาสมุทร นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงตั้งชื่อให้มันง่ายๆ…
เขารู้ว่าอะไรอยู่ใกล้มหาสมุทรและรู้ยิ่งกว่าว่ามีทรัพยากรสุดคณานับและทรัพย์สมบัติอยู่ในนั้น แม้ว่าจะมีเหล่าเงือกน้อยอยู่ตามชายหาด แต่หลังจากปัดกวาดพวกมันออกไป ทะเลแสนกว้างใหญ่จะนำประโยชน์มาให้พอสมควร
อย่างน้อยเขาก็จะสามารถเพิ่มอาหารบนโต๊ะให้กับพลเมืองของเขาได้บ้าง
มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่จะอยู่ใกล้กับมหาสมุทรฝั่งตะวันออกของทวีป
โดยพื้นฐานแล้ว ทางแดนใต้จะถูกขวางด้วยภูเขาแบล็คลีฟทำให้เป็นการยากที่จะได้เก็บเกี่ยวทรัพยากรทางทะเล มีเพียงประเทศฝั่งตะวันออกเท่านั้นที่จะเข้าถึงมหาสมุทร
แต่ประเทศส่วนใหญ่ไม่มีความต้องการที่จะพึ่งพาทะเลหรือหาอาหารจากมหาสมุทร ตามความคิดของพวกเขา ผืนดินคือสิ่งที่ควรแก่งแย่ง โดยปกติแล้วพวกเขาจะใช้มหาสมุทรเพื่อเป็นทางสำหรับขนส่งทรัพยากร
ในสายตาเหล่าขุนนางหลายคนก็เหมือนกัน
นอกเหนือจากปลาแล้ว ทุกอย่างในมหาสมุทรก็ดูน่ากลัวเกินไป จะให้กล้ากินได้ยังไงล่ะ?
ชาวประมงทั่วไปหาได้สนใจไม่ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังมองด้วยความพอใจอย่างเงียบๆ เป็นเรื่องดีที่สุดที่พวกตูดหมึกพวกนั้นไม่ได้กินของเหล่านี้
ความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์อันเจิดจ้าส่องลงมายังป่าเขา ใบไม้ที่เรืองรองไปด้วยแสงสว่างทำให้มันดูน่าหลงใหลราวกับทองคำ
พวกเอลฟ์ทุกตนกลับมาโดยที่ไม่มีเหตุการณ์ร้ายใดๆเกิดขึ้นกับพวกเขา นี่ไม่ใช่ส่วนลึกของป่า ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะเจอเข้ากับพวกอสูรเวทย์ที่แข็งแกร่ง ขนาดที่ว่าการที่พวกเขาเจอกับหมีป่ายักษ์ในตอนนี้ยังเรียกได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ
วิลเลียมไม่ได้นำคนของเขาไปล้อมและโจมตีหมีป่ายักษ์ตัวนั้นในทันที
เขากลับให้พวกเขาพักเป็นเวลา 5 ชั่วโมงก่อน
หลังจากที่พวกเขารับประทานอาหารแล้ว ในที่สุดเขาจึงได้นำกลุ่มไปยังเหมืองเหล็ก
ที่นั่น พวกเขาเจอกับเอลฟ์ลาดตระเวนสามตนที่เฝ้าพื้นที่อยู่ วิลเลียมจึงพบว่าหมีป่ายักษ์ยังไม่ออกมาให้ล่า แต่มันกลับนอนอยู่ด้านในแทน เขาลูบคางแล้วจมลงไปในความคิด
ลอทเนอร์เจอรอยเท้าขนาดใหญ่ยักษ์หลายอันพร้อมกับคิดอยู่พักนึง ก่อนจะพูด “ข้าไม่สามารถสรุปได้ว่านี่คืออสูรเวทย์ระดับกลางหรือระดับสูง แต่เมื่อเราพร้อม เราก็สามารถชนะได้อย่างแน่นอน เพียงแค่ว่าอาจมีการตายเกิดขึ้นบ้าง”
“มันน่าจะดีที่สุดถ้าเราเตรียมการทุกอย่างให้เหมาะสม ฉันไม่ต้องการให้เหล่านักรบของพวกเราต้องตาย!” วิลเลียมส่ายหัว เอลฟ์นักรบตนอื่นต่างจ้องไปที่เขา แต่ยังคงความเงียบไว้
“ฤดูใบไม้ผลิเพิ่งเริ่มต้นนี่ ใช่มั้ย?” เขาถามขึ้นมาอย่างกระทัน
“ถูกต้องแล้ว มีอะไรหรือ?” ลอทเนอร์ตอบ
วิลเลียม แบล็คลีฟหรี่ตาของเขาลง “ถ้าอย่างนั้น มันก็มีความเป็นไปได้ที่เจ้าหมีป่ายักษ์ตัวนั้นกำลังจะคลอดลูก? เท่าที่ฉันรู้ พวกหมีจะท้องในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและคลอดในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ!” (นี่คือเรื่องราวความรู้ใน Gods)
“ฮึ่ม ถ้าเป็นอย่างนั้น นี่ก็จะง่ายขึ้นเยอะเลย!” ลอทเนอร์ไม่ได้คิดพิจารณาด้วยซ้ำว่าการฆ่าหมีตัวเมียครรภ์แก่ตัวหนึ่งจะเป็นเรื่องโหดร้าย เหล่าเอลฟ์ตาใสตนอื่นก็กำลังคิดเหมือนกัน
ในโลกแห่งนี้ ผู้แข็งแกร่งกินผู้อ่อนแอ ย้อนกลับไปในช่วงเวลาก่อนๆ เหล่าเอลฟ์ที่พิชิตรวบรวมทั่วทั้งทวีปเข้าใจในหลักการนี้ พวกเขาสามารถมีเมตตา หรือแม้แต่โอบอ้อมอารีย์มากๆ ก็ได้ แต่นั่นเป็นการกระทำที่เสแสร้งเพื่อให้เผ่าพันธุ์ของเขาปลอดภัย
และเป็นเพราะความอดทนอดกลั้นที่มากเกินไปของพวกเขา มันส่งผลให้เผ่าพันธุ์อื่นแข็งแกร่งขึ้นและยังทำให้นำไปสู่การที่เหล่าเอลฟ์ได้สูญเสียอำนาจอย่างสมบูรณ์ พวกเขายังคงจำทั้งหมดนี้ได้อย่างชัดเจนมากๆ
หากว่าหมีป่ายักษ์ตัวนี้กำลังท้องอยู่จริงๆ หลังจากที่มันพักฟื้นแล้ว เมืองชายแดนแห่งนี้อาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างมาก
ยังไม่พูดถึงว่านี่ไม่ใช่หมีธรรมดา มันคืออสูรเวทย์!
อสูรเวทย์ใดๆ ล้วนแต่โหดเหี้ยมรุนแรงและไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ นอกจากข้อยกเว้นเล็กๆ แล้ว อสูรเวทย์จะกลืนกินทุกเผ่าพันธุ์ที่ต่างจากตน
“เก็บรวมรวมหญ้ายาสลบจำนวนมากให้ได้เพื่อสกัดพิษหรือนำมันมาเผาในถ้ำ ขุดร่องให้ลึกอย่างน้อยสิบเมตรและกว้างอย่างน้อยห้าเมตร สานตาข่ายที่สามารถคลุมหมียักษ์ขนาดห้าเมตรได้อย่างน้อยสามอัน เมื่อเราเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มุ่งไปที่การฆ่ามันโดยไม่ให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต!” ลอทเนอร์สั่งการและเหล่าเอลฟ์ที่เหลือก็ขยับขยายเพื่อทำหน้าที่ของตนให้เสร็จอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
การขุดร่องนั้นไม่ได้ถูกทำขึ้นจากเอลฟ์นักล่าเพียงเท่านั้น เอลฟ์นักรบอีกหนึ่งร้อยห้าสิบตนก็ทำงานนี้เพราะเอลฟ์นักล่าต้องไปสานตาข่ายยักษ์อีกด้วย!
สำหรับหน่วยลาดตระเวน พวกเขาไปรอบๆ เพื่อหาหญ้ายาสลบ เช่นเดียวกับยาอื่นๆ ที่ไม่ได้มีพิษร้ายแรงจนเกินไป เพราะอย่างไร เนื้อของอสูรเวทย์นั้นก็มีรสชาติดีทีเดียว
ถ้า NPC ต้องการที่จะเจริญเติบโต นอกจากการต่อสู้แล้ว พวกเขาสามารถกินอาหารทุกประเภทและยาที่มีพลังเวทย์เพื่อทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นและเลเวลเพิ่ม
ผู้เล่นอาจจะได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมากหากพวกเขากินมันเข้าไปเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องน่าอนาถาที่พวกเขาสามารถกินไอเท็มแต่ละอันเป็นจำนวนจำกัดในแต่ละครั้ง
วิลเลียมยังคงจำผู้เล่นที่ร่ำรวยในชีวิตก่อนหน้านี้คนหนึ่งได้ ผู้ที่ได้รับชื่อเล่นว่าเป็นนักกินจากการกินของเขา ผู้เล่นคนนั้นยังสามารถขึ้นไปถึงเลเวล 80 ได้จากแค่การกิน เขาไม่เคยตามหลังผู้เล่นระดับท็อปคนไหนจนกระทั่งช่วงกลางของเกม
อย่างไรก็ตาม ในการที่จะได้รับชื่อเล่นนั้น ดูเหมือนว่าจะต้องกินเนื้ออสูรเวทย์อย่างน้อยหนึ่งพันชนิดและเนื้อมังกรอย่างน้อยห้าชนิด นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายไปกว่าการกลายเป็นผู้เล่นระดับรีเจนดารี อันที่จริง มันออกจะบ้ากว่าด้วยซ้ำไป
ท้ายที่สุด มันก็คือเนื้อมังกร!
มันเป็นแค่เนื้อหนึ่งชิ้นที่หาซื้อได้ยาก ถ้า NPC ซักตนที่ฆ่ามังกรได้และไม่มีระดับมิตรภาพที่แน่นอน มันจะเป็นการยากอย่างมากสำหรับผู้เล่นที่จะซื้อเนื้อมังกรหรือเลือดจากพวกเขาได้
ภารกิจการขุดที่ยุ่งวุ่นวายดำเนินต่อไปและไร้ซึ่งสัญญาณของหมีป่ายักษ์ตัวนั้น
วิลเลียมจ้องไปที่ถ้ำ ไม่มีใครเข้าไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่ามันลึกแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ลอทเนอร์สามารถยืนยันได้คือหมีป่ายักษ์ตัวนั้นอยู่ด้านใน เขาสามารถรับรู้ถึงพลังงานชนิดนั้นได้ จากการใช้โสตประสาทในการฟังของพวกมันหมีตัวนั้นควรจะรู้ตัวว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นด้านนอกถ้ำแล้ว แต่มันกลับไม่ออกมา นั่นหมายความว่าปัญหาของมันทั้งใหญ่และลำบาก!
วิลเลียม แบล็คลีฟไม่อาจห้ามใจที่จะเลียริมฝีปากของเขาได้ หากหมีตัวนั้นกำลังท้องอยู่จริงๆ เขาสามารถรออีกหน่อยและอาจจะลองทำให้หมีป่ายักษ์เชื่อง นี่จะทำให้เขาเติบโตขึ้นอีกเยอะ
ลืมการขี่มังกรไปได้เลย การขี่หมีป่ายักษ์ระดับกลางเข้าไปในอารีน่าคงจะดึงดูดความสนใจได้ดีทีเดียว
แม้ว่าเหล่าอัศวินจะมีการขี่สัตว์มากมายหลายประเภท ส่วนใหญ่ก็จะเป็นม้าจากพันธุ์ที่แข็งแกร่งขึ้นไป ถ้าพวกเขาต้องการที่จะรวมกลุ่มขี่อสูรเวทย์ หลายๆประเทศคงไม่สามารถที่จะรองรับราคาได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมมีขุนนางเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถขี่อสูรเวทย์ได้
สำหรับพวกผู้เล่นหรอ?
ไม่จำเป็นแม้แต่จะคิดในตอนต้นเกม นอกจากนักล่าและผู้อัญเชิญ ผู้เล่นอื่นก็สามารถเป็นได้แค่เจ้าของม้าธรรมดาๆ เท่านั้น หากพวกเขาได้ขี่อะไรที่แข็งแกร่งกว่านี้ซักหน่อย มันคงจะรู้สึกเหมือนกำลังขับปอร์เช่อยู่ในขณะที่หัวเราะไปด้วยราวกับคนโง่…
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
ทางเข้าของถ้ำมีหญ้ายาสลบกองอยู่ขณะที่ลูกธนูของทุกคนเคลือบไปด้วยยาพิษ ร่องขนาดยักษ์สามร่องถูกขุดไว้ใกล้กับทางเข้า
เหล่าเอลฟ์ที่ถือคันธนูและลูกธนูทั้งหมดต่างปีนขึ้นไปบนต้นไม้ รอคอยคำสั่งถัดไป
เหล่านักดาบเวทย์เองก็รออยู่ พร้อมสำหรับการระเบิดที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา
‘แบทเทิล คัต’!
นี่เป็นสกิลการโจมตีระยะไกลที่แข็งแกร่งที่สุดที่นักดาบเวทย์ระดับสิบมี มันมีระยะมากถึง 4 เมตร!
ในตอนนี้ วิลเลียมยังคงลังเล!
เสียงคำรามกึกก้องที่ดังมาจากด้านในของถ้ำเคลือบไปด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้
เขาตะโกนขึ้นทันที “จุดหญ้ายาสลบและพัดควันเข้าไปในถ้ำ ถอยกลับทันทีถ้าได้ยินอะไรก็ตามจากด้านใน!”
เพียงขณะที่เอลฟ์หลายตัวกำลังจะจุดไฟและโยนหญ้ายาสลบเข้าไปในถ้ำ ก็รู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง!
“เร็วเข้า ถอยกลับ!” ในจังหวะที่ลอทเนอร์พูดจบ เหล่าเอลฟ์ทั้งห้าที่ควรจะเผาหญ้าก็ขยับออกไปแล้ว พวกเขาอยู่ใกล้ที่สุดและคงจะได้ยินมัน พวกเขาจะไม่กลายเป็นคนโง่หรือหากยังยืนอยู่ตรงนั้น?
ความภักดีไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะส่งตัวเองไปตายโดยไม่มีความหมาย…
สัตว์ขนาดยักษ์ปรากฎตัวขึ้นโดยกำลังวิ่งออกมาจากถ้ำ มันยืนขึ้นด้วยขนสีดำเลื่อมของมัน ตาของมันแผดเผาทำให้คนหยุดนิ่งเมื่อจ้องไปที่มัน ออร่าความโกรธของมันท่วมไปทั้งพื้นที่!
แม้แต่เอลฟ์นักรบผู้กล้าก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อยในตอนนี้
ตาสีดำสนิทของมันมองไปรอบๆ ก่อนที่มันจะทุบอุ้งมือยักษ์ของมันไปที่กองไฟ!
วิลเลียมหรี่ตาของเขาลง “ยิง!”