Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 144 การเริมต้นที่ดี! ่ (1)
ปัญหาซึ่งแฝงตัวอยู่ภายใต้พลังอันน่าประทับใจของโจวเหว่ยชิง
นั
้
นชัดเจนสําหรับหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์แน่นอนว่าทั
้
งเขาและซ่าง
กวนเทียนหยางก็รู้ชัดแจ้งเหมือนๆกัน อย่างไรก็ตาม พวกเขามีหน้ามีตา
ที่ต้องรักษาจึงกําลังรอให้โจวเหว่ยชิงตระหนักถึงสิ่
งนี้ด้วยตัวเองและมา
หาพวกเขาเมื่อก้าวไปถึงจุดติดขัดนั้
น และเมื่อถึงเวลานั้
น พวกเขาก็จะ
สามารถนําอันธพาลน้อยคนนี้เข้าสู่วังสวรรค์ไพศาลได้อย่างง่ายดาย
แถมปิงเอ๋อร์ก็ยังสามารถแต่งงานกับเขาเพราะเหตุผลที่ว่านั้
นด้วย หาก
มีความสามารถที่โดดเด่นของเขารวมเข้ากับทรัพยากรและคําแนะนํา
ของวังสวรรค์ไพศาล อนาคตโจวเหว่ยชิงก็จะกลายเป็นมือขวาของซ่าง
กวนเสว่เอ๋อร์และคนรุ่นใหม่พวกนี้ก็จะสามารถสนับสนุนให้วังสวรรค์
ไพศาลมีอํานาจมากยิ่
งขึ
้นได้อย่างแน่นอน
อนิจจา ซ่างกวนเทียนเยว่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าลูกสาวคนที่สอง
ของเขาจะหนีไปกับเด็กน้อยคนนี้เช่นกัน ข้ออ้างของเธอคือเพื่อคอยจับ
ตาดูเขา เพื่อไม่ยอมให้เขาเปลี่ยนใจและละทิ้
งปิงเอ๋อร์…อย่างไรก็ตาม
การจับตาดูเขาต้องลงมือด้วยตัวเองเลยหรือ? ต้องใช้เวลานานมาก
ขนาดนั
้
นเชียว? ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ปฏิเสธที่จะกลับมาด้วยซ�า แม้ว่า
จ้านหลิงเทียนจะขอร้องก็ตาม…
กลับกัน สําหรับหุบเขาอเวจีสีเลือด ซ่างกวนเทียนเยว่ไม่ได้กังวล
เรื่องนี้เลย ก่อนที่จ้านหลิงเทียนจะกลับมา เขาก็ได้รับข่าวจากหุบเขา
อเวจีสีเลือดแล้ว เกี่ยวกับเรื่องนี้รองจ้าวหุบเขาอเวจีสีเลือดได้ลงมาที่วัง
สวรรค์ไพศาลเพื่อกล่าวขอโทษด้วยตัวเอง นอกจากนี้เขายังได้นําอสูร
สวรรค์ระดับมหาราชามาเป็นค่าทําขวัญเพื่อให้มิตรภาพของพวกเขา
ยังคงดําเนินต่อไป และนั่
นก็เป็นสัญญาณของการให้ความเคารพอย่าง
ชัดเจน ที่สําคัญกว่านั้
น ผลลัพธ์คือไม่มีการสูญเสียหรืออันตรายใดๆกับ
วังสวรรค์ไพศาล ดังนั
้
นเรื่องนี้จึงสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
“หลิงเทียน ในสายตาของเจ้า เฟยเอ๋อร์ปฏิบัติต่อโจวเหว่ยชิง
อย่างไร?” ในที่สุดซ่างกวนเทียนเยว่ก็ถามอย่างเคร่งขรึม
จ้านหลิงเทียนก้มหัวลงและพูดว่า “ยากที่จะกล่าว”
“ยากที่จะกล่าว? พูดความจริงออกมาซะ!” ซ่างกวนเทียนเยว่ขึ
้
น
เสียงเล็กน้อย
จ้านหลิงเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “คุณหนูรองดูเหมือน
จะสนิทสนมกับโจวเหว่ยชิงมากเกินไป อีกทั
้
งพวกเขาก็ไม่เหมือนสหาย
ทั่
วๆไป แต่ทั
้
งคู่ก็ยังไม่ได้เกินเลยกันแต่อย่างใด ส่วนความสัมพันธ์ที่
แท้จริงระหว่างพวกเขาจะเป็นอย่างไรนั้
น ข้าย่อมไม่อาจทราบได้”
ด้วยสายตาของจ้าวมณีสวรรค์มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะดูว่าเธอ
ยังคงเป็นหญิงสาว ‘เต็มตัว’ อยู่หรือไม่ และแม้จ้านหลิงเทียนจะเป็น
หนุ่มบริสุทธิ
์เขาก็ยังสามารถบอกได้อย่างชัดเจน นั่
นจึงเป็นเหตุผลว่า
ทําไมเขาถึงตั้
งใจใช้เวลาอ้อยอิ่
งระหว่างกลับมาและไม่รีบร้อนส่งข่าว
กลับ เขามีความสุขมากที่ได้ปล่อยให้โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์
มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมและทําให้ซ่างกวนเทียนเยว่โกรธโจว
เหว่ยชิง
ในเวลาเดียวกัน จ้านหลิงเทียนก็ซ่อนความจริงเอาไว้เขาไม่ได้พูด
ถึงหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์เนื่องจากเขาไม่ต้องการให้โจวเหว่ยชิงมี
ความสําคัญมากขึ
้
นในสายตาของซ่างกวนเทียนเยว่
“ฮึ่ม!” ซ่างกวนเทียนเยว่แสดงความโกรธเกรี้ยวออกมา “เจ้าเด็ก
น้อยคนนั
้
น! ติดพันลูกสาวคนเดียวของข้ายังไม่เพียงพออีกหรือ? เขายัง
พยายามไล่ตามเฟยเอ๋อร์อีกคน? ปีศาจน้อยเฟยเอ๋อร์ของเราไม่ได้สร้าง
ปัญหาให้เขา แต่กลับยืนกรานจะอยู่ด้วยกันกับเขา? หึเจ้าเด็กเหลือขอ
นั่
น!”
สําหรับจ้านหลิงเทียน ไม่ว่าจะฟังอย่างไร เขาก็รู้สึกว่าน�าเสียงของ
ซ่างกวนเทียนเยว่ค่อนข้างแปลกประหลาด… ราวกับว่าเขาไม่ได้โกรธ
จริงๆ
“ท่านรองเจ้าวัง ข้าควรกลับไปอีกครั้
งและนําคุณหนูรองกลับมา
ด้วยหรือไม่?” จ้านหลิงเทียนถามอย่างลังเล
ซ่างกวนเทียนเยว่เหลือบมองเขาและพูดอย่างโกรธเคือง “เจ้าจะ
นําเฟยเอ๋อร์กลับมาได้จริงๆน่ะรึ? ด้วยระดับพลังปราณของเฟยเอ๋อร์
และความช่วยเหลือของโจวเหว่ยชิง หากทั
้
งสองคนร่วมมือกัน…แม้จะ
เป็นเจ้าก็ยังไม่สามารถทําอะไรกับพวกเขาได้ดูสิแม้แต่หานเทียนโหยว
ก็ได้รับบาดเจ็บเพราะพวกเจ้าไม่กี่คน”
สีหน้าของจ้านหลิงเทียนดูน่าเกลียดเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้
ประท้วงความจริงข้อนั
้
น
“เอาล่ะ ช่างเถอะ ครั
้
งนี้เจ้าทําได้ดีและไม่ทําให้วังสวรรค์ไพศาล
ขายหน้าหุบเขาอเวจีสีเลือด ถึงกระนั
้
น เจ้าก็ยังต้องมุ่งมั่
นฝึกปราณ
อย่างหนัก เหลืออีกก้าวเสว่เอ๋อร์ก็จะเข้าใกล้มณีชุดที่ 8 แล้ว”
เมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้
น ร่างกายของจ้านหลิงเทียนก็สั่
นสะท้าน
เมื่อซ่างกวนเทียนเยว่บอกว่าเธอเข้าใกล้ไปอีกก้าวหนึ่ง นั่
นหมายความ
ว่าหญิงสาวได้พัฒนาขึ้
นมาอีกระดับแล้ว หากเป็นเช่นนั้
น ซ่างกวนเสว่
เอ๋อร์ก็ไล่ตามเขาทันในแง่ของระดับพลังปราณสวรรค์แล้ว! ยิ่
งไปกว่า
นั
้
น เธอยังเด็กกว่าเขามากด้วย! จู่ๆแรงกดดันที่มองไม่เห็นก็ดูเหมือนจะ
ส่งผลกระทบต่อจ้านหลิงเทียน ทําให้เขารู้สึกยากที่จะหายใจ
“ขอรับ ท่านรองจ้าววัง ข้าจะกลับไปฝึกฝนให้หนัก”
จ้านหลิงเทียนก้มลงคํานับอย่างนอบน้อมต่อหน้าซ่างกวนเทียน
เยว่ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง
เมื่อมองดูเขาจากไป ความเกรี้ยวกราดบนใบหน้าของซ่างกวน
เทียนเยว่ก็ค่อยๆบรรเทาลง ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆก่อนจะพึมพํา
กับตัวเอง “หลงเทียน เด็กคนนี้ไม่เลวเลยจริงๆ น่าเสียดาย วิสัยทัศน์ใน
การมองภาพรวมของเขาแคบเกินไป เทียบไม่ได้กับโจวเหว่ยชิง ช่างน่า
ละอาย…”
“ท่านพ่อ ข้าจะไปรับเฟยเอ๋อร์กลับมา” น�าเสียงที่เย็นชาและ
ชัดเจนดังออกมาจากเงามืดด้านข้าง และซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ที่มีใบหน้า
เยือกเย็นก็เดินออกมา
เห็นได้ชัดว่าเธออยู่ที่นั่
นมาระยะหนึ่งแล้ว มีเพียงจ้านหลิงเทียน
เท่านั
้
นที่ไม่รู้เรื่องนี้
ซ่างกวนเทียนเยว่มองไปที่ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์และพูดว่า “เสว่เอ๋อร์
เจ้าคิดว่าเหตุผลที่เฟยเอ๋อร์ติดตามโจวเหว่ยชิงคืออะไร?
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์กล่าวโดยไม่ลังเลว่า “ความอยากรู้อยากเห็นและ
การแก้แค้น ท่านไม่รู้นิสัยของเฟยเอ๋อร์หรือ? ในเขตแดนมิติสะท้อน
เวลานั
้
น นางพ่ายแพ้ให้แก่โจวเหว่ยชิง เช่นนั
้
นนางจะปล่อยเขาไปง่ายๆ
ได้อย่างไร? นอกจากนี้เมื่อรวมกับความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโจว
เหว่ยชิง นั่
นจึงอาจเป็นเหตุผลที่นางไล่ตามเขาไป”
ซ่างกวนเทียนเยว่ยิ้
มอย่างขมขื่นและพูดว่า “เด็กน้อยคนนั
้
น โจว
เหว่ยชิง เขาไล่ตามลูกสาวของข้าอีกคนหรือ? หึนั่
นจะกลายเป็นความ
สูญเสียที่ใหญ่หลวงเกินไป”
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์รู้จักพ่อของตนเองดีกว่าจ้านหลิงเทียนมาก และ
เธอก็มองเขาอย่างสงสัยขณะที่เอ่ยว่า “ท่านพ่อ ทําไมข้ารู้สึกว่าท่านมี
ความสุขมากล่ะ ท่านไม่โกรธเฟยเอ๋อร์กับโจวเหว่ยชิงหรือ?”
รอยยิ
้
มน้อยๆพาดผ่านริมฝีปากของซ่างกวนเทียนเยว่ขณะที่เขา
กล่าวว่า “ข้าน่ะรึ? เจ้าดูออก?… เสว่เอ๋อร์ดูเหมือนว่าเจ้าจะพัฒนาขึ
้
น
มากทีเดียว การที่เฟยเอ๋อร์ติดตามโจวเหว่ยชิงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายใน
สายตาของข้า อย่างน้อยก็จะช่วยให้เราได้รู้ว่าเด็กน้อยคนนั้
นกําลังทํา
อะไรอยู่โจวเหว่ยชิง อันธพาลน้อยคนนี้แตกต่างจากเด็กหนุ่มส่วนใหญ่
มาก สิ่
งที่โดดเด่นและน่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับเขาไม่ใช่ระดับพลัง
ปราณหรือทักษะของเขา แต่เป็นความมุ่งมั่
นตั
้
งใจ ความดื้อรั
้
น และ
วิสัยทัศน์ของเขา ในแง่นั้
นไม่มีใครในรุ่นเจ้าสามารถเทียบเคียงเขาได้
ไม่แม้กระทั่
งตัวเจ้า อย่างไรก็ตาม สิ่
งดังกล่าวยังก่อให้เกิดปัญหาอีก
ประการหนึ่งซึ่งก็คือการดึงดูดผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่
งเมื่อรวมกับ
พลังและความสามารถที่น่าประทับใจของเขา หากมีเฟยเอ๋ออยู่เคียง
ข้าง อย่างน้อยก็ยังดีกว่าการมีนิกายปีศาจสวรรค์หรือภูเขาหิมะสวรรค์
อยู่เคียงข้างเขา นอกจากนี้อย่างน้อยเขาก็เลือกที่จะพัฒนาตัวเองที่
อาณาจักรจ้งเทียนของเรา ไม่ใช่ที่แห่งอื่น”
เมื่อได้ยินคําพูดของบิดา ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ก็ตกตะลึงไป เธอไม่
คาดคิดเลยว่าบิดาที่แสดงออกภายนอกว่าไม่สนใจโจวเหว่ยชิงจะให้
ความสําคัญกับเด็กหนุ่มมากขนาดนี้
“ท่านพ่อ แต่…โจวเหว่ยชิงและน้องสามเป็นคนรักกัน! จะเกิดอะไร
ขึ
้นถ้าเฟยเอ๋อร์เข้าไปร่วมด้วย? น้องสามเพิ่
งจะกลับมาหาเราไม่นาน
และยังคงอยู่ระหว่างการปิดประตูฝึกปราณ…ไม่…ไม่ สิ่
งนี้จะต้องไม่
เกิดขึ
้
น ถ้าเกิดอะไรขึ้
นระหว่างเฟยเอ๋อร์และโจวเหว่ยชิง ปิงเอ๋อร์จะทํา
อย่างไร? ท่านแม่ยังคงเพิกเฉยต่อท่าน หากสิ่
งนี้เกิดขึ้
นมาอีก ข้ากลัวว่า
..”
เมื่อได้ยินซ่างกวนเสว่เอ๋อร์พูดถึงถังเซียน บนใบหน้าของซ่างกวน
เทียนเยว่ก็ฉายแววทําอะไรไม่ถูก เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เจ้า
พูดถูก แต่เจ้าก็น่าจะรู้จักนิสัยของเฟยเอ๋อร์หากนางตัดสินใจอะไร
บางอย่างไปแล้ว แม้จะมีมังกร 10 ตัวก็ฉุดนางเอาไว้ไม่อยู่ ข้าจะไปพูด
กับแม่ของเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้ามุ่งหน้าไปยังชายแดนทางเหนือ
เพราะเจ้าเป็นคนเดียวที่พานางกลับมาได้อย่างไรก็ตาม ข้าไม่ต้องการ
ให้เจ้าแสดงตัวออกไปอย่างโจ่งแจ้ง อย่างที่โบราณว่าไว้คนเล่นหมาก
ล้อมอาจมองไม่เห็นจุดบอด แต่คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กลับมองเห็นทุก
อย่างชัดเจน เจ้าลองไปสํารวจความก้าวหน้าของโจวเหว่ยชิงใน
ชายแดนภาคเหนืออย่างใกล้ชิดและแจ้งให้พวกเราทราบทั้
งหมด ใน
ขณะเดียวกันก็จับตาดูปีศาจน้อย น้องสาวของเจ้าด้วย อย่าปล่อยให้
นางและโจวเหว่ยชิงพัฒนาความสัมพันธ์ไปไกลเกินกว่าขอบเขต
มิฉะนั
้
นสิ่
งต่างๆอาจเป็นปัญหาได้หากนางมีความคิดแบบนั
้
นจริงๆ เจ้า
ก็พานางกลับมา”
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์พยักหน้าและพูดว่า “นั่
นเป็นสิ่
งเดียวที่เรา
สามารถทําได้ในตอนนี้เช่นนั
้
น ข้าจะรีบไปเก็บของและออกเดินทาง
ทันที”
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ก็ร�าลาอีกฝ่ายเช่นกัน ขณะมองไปที่ร่างที่กําลัง
ถอยห่างของลูกสาว แม้ไม่รู้ว่าทําไม แต่จู่ๆเขาก็รู้สึกแย่กับสิ่
งต่างๆ
หากในขณะนี้จ้านหลิงเทียนรู้ว่าการไม่พาซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กลับ
มาจะจบลงที่ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ถูกส่งไปจับตาดูโจวเหว่ยชิง บางทีเขา
อาจจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด เสียฮูหยินเสียซ�าขุนศึก นี่เป็นแผนที่
ย้อนกลับมาเล่นงานตนเองอย่างแท้จริง
…
ชายแดนภาคเหนือ กองพันไร้พ่าย
โจวเหว่ยชิงนั่
งไขว่ห้างในกระโจมขนาดใหญ่ของเขา เน้นสมาธิไป
ที่การฝึกปราณอย่างเต็มที่ ตั
้
งแต่เขากลับมาก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว
และนับตั
้
งแต่นั
้
นเป็นต้นมา เด็กหนุ่มก็ใช้เวลาเกือบทั
้
งหมดในกระโจม
สําหรับการฝึกฝนกองพันไร้พ่าย มีซ่างกวนเฟยเอ๋อร์อาจารย์ทั้
ง 7 จาก
หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์เว่ยเฟิง และคนอื่นๆก็เพียงพอแล้ว
หลินเทียนอ้าวกลับไปที่เมืองเทียนเป่ยเพื่อรอรับคําสั่
งที่นั่
นและทํา
ทุกอย่างให้แน่ใจว่าสิ่
งต่างๆจะดําเนินไปด้วยดีแน่นอนว่าในเวลา
เดียวกันเขาก็พาหยุนลี่และสาวน้อยจอมมึนกลับไปที่นั่
นพร้อมกับเขา
ด้วย ถึงอย่างไรพวกเขาก็จะปลอดภัยระหว่างอยู่ที่นั่
นมากกว่าในกอง
พันไร้พ่าย สําหรับความสําคัญที่คนทั้
งคู่มีต่อโจวเหว่ยชิงและกองพันไร้
พ่ายนั
้
นย่อมไม่มีใครกล้าตั้
งคําถามอยู่แล้ว
นับตั
้
งแต่กลับมา โจวเหว่ยชิงก็ได้เริ่
มฝึกฝนศาสตร์การควบคุม
ทักษะทั
้
ง 6 แน่นอนว่าเขานั่
งท่องจําหนังสือเล่มเล็กทั้
งหมดก่อนและทํา
ตามคําแนะนําของหลงซื่อหยาโดยการเผาทําลายมันในภายหลัง
ศาสตร์การควบคุมทักษะขั้
นสูงสุดทั
้
ง 6 นั
้
นยากกว่าที่เขาคาดไว้
มาก มันเป็นการควบคุม เปลี่ยนแปลง และการเชื่อมโยงพลังปราณใน
ระดับซับซ้อนขั
้
นสูงสุด
หากจะเปรียบล่ะก็มันก็เหมือนการใช้วิธีฝึกอัดทักษะ 3,000 ครั
้
ง
แต่แทนที่จะใช้มันกับทักษะแต่ละอย่าง วิชานี้กลับมุ่งเน้นไปที่การ
ควบคุมพลังปราณสวรรค์เป็นการอัดพลังปราณสวรรค์ของธาตุทั้
ง 6
ในคราวเดียวทั้
งหมด
มือของโจวเหว่ยชิงถือแก่นพลังสวรรค์ระดับราชาจํานวน 6 ชิ
้
นที่
ประเภทตรงกับธาตุทั
้
ง 6 ของเขา แก่นพลังสวรรค์ทั้
ง 6 ลอยอยู่ในมือ
ของเด็กหนุ่ม และพลังปราณสวรรค์ที่เขาปลดปล่อยออกมาก็เปลี่ยนไป
มาด้วยความเร็วดุจสายฟ้าตามธาตุต่างๆ ในเวลาเดียวกัน ขณะที่ขยับ
เปลี่ยนพวกมัน โจวเหว่ยชิงก็ต้องปลดปล่อยทักษะธรรมดาออกมาด้วย
อย่างไรก็ตาม ทักษะนั
้
นไม่ใช่สิ่
งที่เด็กหนุ่มกักเก็บไว้แต่เป็นการ
เลียนแบบด้วยพลังปราณสวรรค์ของเขาเอง แน่นอนว่าในฐานะที่เป็น
เพียงผู้เริ่
มต้น การลอกเลียนแบบของเขายังถือว่าห่างไกลจากพลังที่
หลงซื่อหยาสามารถแสดงออกมา แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ ทักษะ
เลียนแบบในปัจจุบันของโจวเหว่ยชิงก็ยังไม่สามารถฆ่าได้แม้แต่
กระต่ายอ่อนแอ
หนึ่งเดือนแห่งการฝึกฝนตรากตรําอย่างหนักทําให้โจวเหว่ยชิง
เข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์การควบคุมทักษะขั้
นสูงสุดทั
้
ง 6 มากยิ่
งขึ
้
น มัน
ต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับพลังปราณสวรรค์ทักษะธาตุต่างๆในทุก
แง่มุม ตลอดจนการควบคุมที่ละเอียดอ่อนทั้
งหมด ด้วยสถานะปัจจุบัน
ของโจวเหว่ยชิง ในโลกใบใหม่นี้เขายังยกขาเดินไม่พ้นก้าวแรกด้วยซ�า
ทั
้
งยังมีเส้นทางอีกยาวไกลรอคอยเขาเดินไปถึง ยิ่
งเด็กหนุ่มฝึกฝนมาก
เท่าไหร่ เขาก็ยิ่
งพัฒนามากขึ
้
นเท่านั
้
น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ยิ่
ง
ตระหนักถึงความซับซ้อนและความลับอันลึกล�าที่ซ่อนอยู่ในส่วนยอด
ภูเขาน�าแข็งแห่งวิถีฝึกปราณ นอกจากนั
้
น สิ่
งที่หลงซื่อหยามอบให้กับ
เขาแท้จริงแล้วเป็นเพียงทางเข้าของศาสตร์นี้เท่านั้
น หรือก็คือเพียง
จุดเริ่
มต้น เมื่อตรวจสอบความก้าวหน้าของตัวเอง โจวเหว่ยชิงก็มั่
นใจ
ว่าหากไม่เคี่ยวกรําตัวเองอย่างหนักอย่างน้อยหนึ่งหรือสองปีเขาก็จะ
ไม่มีทางเข้าใจศาสตร์นี้ได้ทั้
งหมดแน่นอน
การพยายามเข้าถึงขีดความสามารถสูงสุดของศาสตร์การควบคุม
ทักษะขั
้
นสูงสุดทั
้
ง 6 ไม่ใช่สิ่
งที่สามารถทําได้อย่างง่ายดายหรือรวดเร็ว
อาจกล่าวได้ว่าดูจากผลการฝึกฝนที่ผ่านมา หากฝึกต่อความสามารถใน
การต่อสู้ที่แท้จริงของโจวเหว่ยชิงในอนาคตก็อาจจะไม่เพิ่
มขึ
้
นโดยตรง
เลย
………………………………………………