Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 137 แอ่งกระทะสามเหลี่ยม สวรรค์หมื่นอสูร! (2)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 137 แอ่งกระทะสามเหลี่ยม สวรรค์หมื่นอสูร! (2)
สวรรค์หมื่นอสูรเป็นสถานที่ที่มีภูมิประเทศซับซ้อนมาก ตั้งอยู่ใน พื้นที่ภูเขาทางตอนเหนือที่มียอดเขาสูงชันหลายลูก สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ เทือกเขาสองสายที่พาดผ่านทางตอนเหนือของอาณาจักรวั่นโซ่วพาด ตัดกับอีกแนวเทือกเขาหนึ่งจนกลายเป็นแอ่งกระทะสามเหลี่ยม
เมื่อเทียบกับพื้นที่หิมะน�าแข็งส่วนที่เหลือทางตอนเหนือ แอ่งรูป สามเหลี่ยมนี้มีอุณหภูมิสูงกว่าพื้นที่โดยรอบมาก ในความเป็นจริง สามารถพบพืชพันธุ์จํานวนมากที่เติบโตในสภาพอากาศหนาวเย็น เท่านั้น พื้นที่แอ่งพิเศษนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และด้วยสภาพอากาศที่ เหมาะสมสําหรับการอยู่อาศัย ในช่วงหลายร้อยหลายพันปีที่ผ่านมา อสูรสวรรค์ที่ทรงพลังจึงถูกดึงดูดให้มาตั้งถิ่นฐานอยู่หรือเติบโตขึ้นอย่าง แข็งแกร่งที่นี่ ด้วยเหตุนี้เอง แอ่งรูปสามเหลี่ยมที่ว่าจึงรู้จักกันในนาม สวรรค์หมื่นอสูร
สวรรค์หมื่นอสูรเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย ทรัพยากรธรรมชาติทุกประเภท มีอสูรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบางชนิด อาศัยอยู่ตามลําพังหรือเป็นกลุ่มที่นั่น สวรรค์หมื่นอสูรได้รับการขนาน นามว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในดินแดนไร้ขอบเขตก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม อาจมีคนในแผ่นดินใหญ่ไม่มากนักที่จะเคยได้ยิน เรื่องสวรรค์หมื่นอสูร แต่ถ้าพูดถึงภูเขาหิมะสวรรค์ ทุกคนก็คงต้องเคย ได้ยินแน่นอน
ในบรรดา 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หากวัดในเรื่องพละกําลังส่วน บุคคล ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นภูเขาหิมะสวรรค์ ภูเขาหิมะแห่ง สวรรค์นั้นตั้งอยู่ลึกลงไปในใจกลางสวรรค์หมื่นอสูร เป็นหนึ่งในยอดเขา ที่เต็มไปด้วยหิมะของที่นั่น อาจกล่าวได้ว่าสวรรค์หมื่นอสูรเป็นเหมือน เขตพิทักษ์ภัยให้ภูเขาหิมะสวรรค์ ในขณะที่ภูเขาหิมะสวรรค์ปกครอง พื้นที่ที่อันตรายที่สุดในแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้จึงมีคํากล่าวว่า เมื่อเทียบกับภูเขาหิมะสวรรค์แล้ว เกาะ มณีสวรรค์เข้าได้ง่ายกว่ามาก
ภูเขาหิมะสวรรค์สร้างรากฐานขึ้นมาอย่างช้าๆ ในช่วงหลายพัน หลายหมื่นปี อสูรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในแอ่งสวรรค์หมื่นอสูร รวมกลุ่มกันและเติบโตขึ้นก่อนจะได้รับพลังเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ หลังจากผ่านการต่อสู้มากมาย ในที่สุดอสูรสวรรค์ก็ค่อยๆ รวมตัวกัน เพื่อก่อตั้งภูเขาหิมะสวรรค์ขึ้นมา พยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ เป็นเพียงผู้ปกครองของภูเขาหิมะสวรรค์เท่านั้น แต่ยังปกครองสวรรค์ หมื่นอสูรด้วย
นี่เป็นสาเหตุที่มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ เกรงกลัวภูเขาหิมะ สวรรค์มาก เพราะพวกเขาสามารถสั่งการอสูรสวรรค์ที่ทรงพลังทั้งหมด ภายในสวรรค์หมื่นอสูรได้ หากทั้ง 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้กันใน สงครามแห่งดินแดนและภูเขาหิมะสวรรค์ให้อสูรสวรรค์เข้าร่วมกองทัพ ของพวกเขา มันก็จะกลายเป็นหายนะสําหรับทั้งแผ่นดินใหญ่
แม้ว่าสวรรค์หมื่นอสูรจะอันตรายอย่างยิ่งเนื่องจากมีอสูรสวรรค์ที่ ทรงพลังและหายากที่สุดในโลก แต่มันก็ยังดึงดูดเหล่าจ้าวมณีสวรรค์ได้ อย่างน่าเหลือเชื่อ นอกจากนี้ หากพวกเขาสามารถเอาชนะอสูรสวรรค์ ที่ดุร้าย ทําให้มันเข้าใกล้ความตายและกักเก็บทักษะจากมัน อัตรา ความสําเร็จก็จะสูงกว่าวังกักเก็บทักษะมาก นอกจากนี้ ยังมีสมบัติ มากมายรอให้ค้นพบในสวรรค์หมื่นอสูร และแก่นพลังสวรรค์ของอสูร สวรรค์ก็ยังเป็นสมบัติล�าค่า ไม่ว่าจะใช้เป็นยาหรือสร้างหมึกศาสตรา มณียุทธ์ก็ตาม
อาจกล่าวได้ว่าหากเข้าสู่สวรรค์หมื่นอสูรและรอดชีวิตกลับไป คนๆ นั้นจะได้รับผลกําไรมหาศาลอย่างแน่นอน หากพอมีโชคติดตัวอยู่ บ้าง ใครจะรู้ อยู่ดีๆ อาจสามารถหยิบแก่นพลังสวรรค์ขึ้นมาจากพื้นดิน ได้ง่ายๆ เพราะถึงอย่างไรอสูรสวรรค์ในสวรรค์หมื่นอสูรก็มีจํานวน มหาศาลอยู่แล้ว
ดังนั้นทุกๆ ปี จํานวนจ้าวมณีที่เข้าสู่สวรรค์หมื่นอสูรจึงสูงมาก แต่ ก็แน่นอนว่าผู้ที่รอดชีวิตออกมาก็มีน้อยมากเช่นกัน
ภูเขาหิมะสวรรค์ไม่ได้จัดการควบคุมสวรรค์หมื่นอสูรอย่างเข้มงวด ดังนั้นตราบใดที่พวกเขาไม่ได้เข้าไปในพื้นที่หลักซึ่งถูกจํากัดไม่ให้เข้า จ้าวมณีก็ไม่น่าจะบังเอิญพบสมาชิกคนใดจากภูเขาหิมะสวรรค์ได้ ถึง กระนั้น อสูรสวรรค์ที่ทรงพลังในสวรรค์หมื่นอสูรก็ยังคงมีพละกําลัง มหาศาล และพื้นที่ซึ่งลึกลงเข้าไปในสวรรค์หมื่นอสูรก็ถือเป็นเขตหวง ห้ามไม่ให้เผ่าธรรมดาใดๆ เข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน
ในที่สุด กลุ่ม 6 คนของโจวเหว่ยชิงก็เข้าสู่อาณาจักรวั่นโซ่ว หาก อ้างว่าพวกเขาไม่ประหม่าเลยก็คงจะเป็นเรื่องโกหก เพราะถึงอย่างไร อาณาจักรนี้ก็เป็นโลกใบใหม่สําหรับพวกเขาโดยสิ้นเชิง
อาณาจักรวั่นโซ่วไม่มีเมืองใดๆ เนื่องจากพวกเขาไม่จําเป็นต้องมี สิ่งเหล่านี้ หลังจากเดินไปตามถนนเป็นเวลา 2 วัน ในที่สุดพวกเขาก็ได้ เห็นค่ายของชนเผ่าเล็กๆตั้งอยู่เป็นกลุ่มแรก
เมื่อเทียบกับพรมแดนอาณาจักรจ้งเทียนที่เต็มไปด้วยการ เตรียมพร้อมรับมือกับศัตรู หากยังไม่ถึงเวลาบุกโจมตี อาณาจักรวั่นโซ่ว ก็ไม่มีกองทัพประจําการอยู่ที่ชายแดนด้วยซ�า ชนเผ่าต่างๆ จะกลับไป ยังพื้นที่ของตนและดําเนินชีวิตตามที่พวกเขาต้องการ ใน ประวัติศาสตร์ไม่เคยมีอาณาจักรใดคิดโจมตีพวกเขามาก่อน โจมตี
อาณาจักรวั่นโซ่วจะได้ประโยชน์อะไรเล่า? สภาพอากาศที่นั่นหนาวเย็น จนแทบจะอยู่อาศัยไม่ได้ นี่ยังต้องพูดถึงว่าไม่มีอะไรให้ปล้นชิง เนื่องจากสมบัติและแร่ที่สําคัญทั้งหมดอยู่ลึกเข้าไปในดินแดนของ อาณาจักรวั่นโซ่ว แต่หากส่งกองทัพลึกเข้าไปมากกว่านี้ ทุกคนก็ จินตนาการถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นได้แล้ว อาณาจักรวั่นโซ่วมีขนาดใหญ่ มาก และแม้ว่ากองทัพที่แข็งแกร่งนับล้านจะโจมตีพวกเขา ทั้งหมดก็ไม่ น่าจะรอดกลับไปได้อยู่ดี
“เราควรหยุดพักผ่อนสักครู่ดีไหม?” หลินเทียนอ้าวถามโจวเหว่ย ชิง
“เราจะหยุดพักผ่อนกันก่อน” อย่างไรก็ตาม คนที่ตอบกลับมาดัน ไม่ใช่โจวเหว่ยชิง แต่เป็นจ้านหลิงเทียนที่ยังคงขี่ม้าปีศาจผีของเขาอยู่ ชายหนุ่มใช้น�าเสียงออกคําสั่ง ไม่ได้มองไปที่คนอื่นๆ ทว่าส่งสัญญาณ มือให้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ขณะที่ตนเองเดินไปหาชนเผ่าข้างหน้า
“มันคิดว่ามันเป็นใคร? ผู้นําของเรางั้นรึ?” หม่าฉุนแสดงความ กราดเกรี้ยวออกมา
โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “ช่างเขาเถอะ”
หม่าฉุนถามด้วยน�าเสียงกดต�า “หัวหน้า ท่านคงไม่ได้กลัวสหายคน นั้นหรอกใช่ไหม?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “เจ้าไม่จําเป็นต้องพยายามเสี้ยมเขาให้วัวชน กันหรอก ข้ารู้ว่าตัวเองกําลังทําอะไรอยู่ มาเถอะ หลังจากที่เร่งเดินทาง มา 2 วัน ในที่สุดก็ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว” ตอนนี้เป็นเวลาเย็น และเมื่อ เลยขึ้นไปทางเหนือก็หมายความว่าอุณหภูมิจะต�ากว่าปกติด้วยซ�า
ทั้งกลุ่มได้ก้าวไปยังพื้นที่ตั้งค่ายของชนเผ่านั้นอย่างรวดเร็ว สถานที่แห่งนี้ไม่ใหญ่มากนัก มีกระโจมขนาดใหญ่เกือบ 50 หลังตั้งอยู่ บนพื้นที่ราบ ข้างกระโจมมีลําธารเล็กๆ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลหลักที่พวก เขาเลือกตั้งค่ายที่นี่
ชนเผ่าของอาณาจักรวั่นโซ่วหลายเผ่าเป็นชนเผ่าเร่ร่อน และเห็น ได้ชัดว่านี่เป็นเพียงการตั้งถิ่นฐานชั่วคราวของชนเผ่านี้โดยเฉพาะ
เมื่อจ้านหลิงเทียนไปถึง เขาก็กระโดดลงจากหลังม้า เมื่อถึงจุดนั้น ชายร่างกํายําสองคนก็เดินออกมาจากค่าย
โจวเหว่ยชิงเคยเห็นสมาชิกชนเผ่าหมาป่ามาก่อน หากเปรียบกัน แล้ว ชายร่างกํายําทั้งสองนี้สูงใหญ่กว่ามนุษย์หมาป่าด้วยซ�า ความ แตกต่างที่เห็นได้ชัดอีกอย่างคือฝ่ายนั้นยังมีเขาคู่หนึ่งบนศีรษะ ดูแปลก ประหลาดมาก
เมื่อเห็นกลุ่มมนุษย์เข้ามาใกล้ค่ายของพวกเขา ชายร่างกํายําทั้ง สองก็ไม่ได้แสดงท่าทีแปลกใจ หนึ่งในพวกเขาเดินมาทักทายกลุ่มของ
โจวเหว่ยชิงและกล่าวว่า “แขกมนุษย์ เจ้าต้องการพักผ่อนในกระโจม ของเราก่อนเดินทางต่อไปหรือไม่? เรามีนมกวางและชีสแสนอร่อย บริการด้วย”
คนที่เหลือในกลุ่มลงจากหลังม้า และจ้านหลิงเทียนก็กล่าวอย่างผ่า เผย “ขอกระโจมที่สะอาดสะอ้านเป็นพิเศษให้พวกเราหน่อย เราจะพัก ที่นี่ในวันนี้”
การแสดงออกของชายร่างกํายําที่มีเขาทั้งสองคนเปลี่ยนไป คนที่ อยู่ทางซ้ายพลันกล่าวว่า “ข้าต้องขอโทษด้วย แต่เราไม่มีกระโจมพิเศษ และสามารถแบ่งให้ได้เพียงหลังเดียวเท่านั้น คืนละ 10 เหรียญทอง พร้อมอาหารและเครื่องดื่ม”
การแสดงออกของจ้านหลิงเทียนเปลี่ยนไปเช่นเดียวกับที่เขา ตะคอกออกมา “ไอ้พวกบัดซบ อยากให้ทุกคนยัดอยู่ในกระโจมเดียวกัน งั้นรึ?” เขาคุ้นเคยกับอํานาจในวังสวรรค์ไพศาล และสาวกรุ่นน้องทุก คนต่างก็เชื่อฟังเขา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติ สูงส่งเช่นนี้
“เจ้ากล้าดูถูกเราหรือ?” แสงที่ดุร้ายฉายชัดในดวงตาของชายร่าง กํายําทางซ้าย เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ร่างอันทรงพลังพลัน ปรากฏต่อหน้าจ้านหลิงเทียน
จ้านหลิงเทียนถือว่าสูงมากและมีกล้ามเนื้อตึงแน่นตามมาตรฐาน ของมนุษย์ แต่ตอนนี้เขากลับเตี้ยกว่าชายร่างกํายําคนนั้นครึ่งศีรษะเป็น อย่างน้อย ทันใดนั้นเอง มือใหญ่ยักษ์ของอีกฝ่ายก็พุ่งเข้าหาจ้านหลิง เทียน
จ้านหลิงเทียนจะปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีสําเร็จได้อย่างไร ขา ของเขาก็เตะออกไปที่ชายร่างท้วมอย่างเย็นชาราวสายฟ้าฟาด
“หยุด ใจเย็นๆ ก่อน” เสียงของโจวเหว่ยชิงดังออกมาในตอนนั้น ทันที เกิดเสียงปะทะดังสนั่น และเท้าของจ้านหลิงเทียนก็กระแทกเข้า กับเท้าขวาของโจวเหว่ยชิงที่ยกขึ้นมาทันแบบเฉียดฉิว
แม้ว่าชายร่างกํายําที่มีเขาบนศีรษะจะไม่ได้รับลูกเตะของจ้านหลิง เทียน แต่คลื่นกระแทกจากการปะทะของขาทั้งสองก็ทําให้เขาหงาย หลังล้มตึงไปในทันที เห็นได้ชัดว่าถ้าคนๆ นี้ถูกเตะโดยจ้านหลิงเทียน เขาก็อาจจะตายไปแล้ว
“เจ้ากําลังทําอะไร?!” จ้านหลิงเทียนจ้องมองโจวเหว่ยชิงด้วยความ โกรธ ตอนนี้เขาถอนขาออกแล้ว ด้วยระดับพลังปราณของจ้านหลิง เทียน เขาต้องรู้สึกตกใจเมื่อพบว่าขาของตนเองรู้สึกชาหนึบหลังจาก ปะทะกับขาที่โจวเหว่ยชิงยื่นมาขวางไว้
ในทางกลับกัน โจวเหว่ยชิงก็ประหลาดใจยิ่งกว่า ถึงอย่างไรเขาก็ ใช้ขาขวาปีศาจซึ่งเป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกายแล้ว แม้จะไม่ได้ ใช้สถานะปีศาจกลายร่าง แต่จ้านหลิงเทียนก็ไม่ได้ปลดปล่อยมณี สวรรค์ของเขาเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าเมื่อสักครู่ขาทั้งสองข้างเป็นการ ปะทะกันระหว่างร่างกายและความแข็งแกร่งทางกายภาพล้วนๆ แต่ใน ระหว่างนั้น ขาของโจวเหว่ยชิงก็เกือบจะกระเด็นออกไปแล้ว จากสิ่งนั้น เพียงอย่างเดียว เขาสามารถบอกได้แล้วว่าร่างกายของจ้านหลิงเทียน ทรงพลังเพียงใด ไม่น่าแปลกใจที่เฟยเอ๋อร์บอกว่าพลังโดยรวมของ สหายคนนี้ยิ่งใหญ่กว่าตัวเธอเอง
โจวเหว่ยชิงไม่ได้แสดงความคิดภายในใจตนเองออกมา แต่ส่ง สัญญาณให้จ้านหลิงเทียนและพูดว่า “พี่จ้าน เราจะต่อสู้ที่นี่ได้อย่างไร เล่า? ท่านจะสู้กับทุกเผ่าที่เราเจอเลยหรือ? อย่าลืมเป้าหมายสูงสุดของ เราสิ” ขณะพูดอย่างนั้น เขาก็หันไปหาชายรูปร่างกํายําทั้งสองแล้วยิ้ม น้อยๆ “พี่ใหญ่ทั้งสองท่านนี้ ข้าขอโทษแทนพี่ชายของข้าด้วย นี่ไม่ได้มี ความหมายอื่นใด เขาแค่อารมณ์ไม่ดี กระโจมหนึ่งนั้นหลังไม่เป็นไร ใน สภาพอากาศเช่นนี้แค่มีสถานที่พักผ่อนก็ดีมากแล้ว เพื่อเป็นการขอ โทษและแสดงน�าใจ เราจะจ่ายเงินสองเท่าเพื่อพักที่นี่ ทั้งหมด 20 เหรียญทอง ตกลงไหม?”
ไม่ว่าพลเมืองของอาณาจักรวั่นโซ่วจะใช้ชีวิตเรียบง่ายแค่ไหน พวกเขาก็สามารถบอกดิอย่างง่ายดายว่ากลุ่มเด็กที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา
ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป นอกจากนี้ โจวเหว่ยชิงยังจ่ายเงินเพิ่มให้เป็น การขอโทษ พวกเขาจึงไม่ได้พูดอะไรอีก พาพรรคพวกกลับเข้าไปใน ค่ายเพื่อหากระโจมขนาดใหญ่ให้พวกเขา
ทันทีที่เข้าไปในกระโจม ก่อนที่ทั้งกลุ่มจะนั่งลง จ้านหลิงเทียนก็ เดินไปตรงหน้าโจวเหว่ยชิงพร้อมกับพูดอย่างโกรธๆว่า “ข้าขอเตือน เจ้าว่าอย่าพยายามยุ่งกับธุระของข้าอีก ไม่อย่างนั้นก็อย่าโทษแล้วกัน หากข้าเอาไปลงกับเจ้าแทน”
หลังจากกล่าวเช่นนั้น เขาก็เดินไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของกระโจม และนั่งลง
หลินเทียนอ้าว อู่หยาและหม่าฉุนหันไปมองโจวเหว่ยชิงโดยไม่รู้ตัว ในสายตาของพวกเขา จ้านหลิงเทียนคนนี้หยิ่งผยองเกินไป และแม้แต่ ตัวพวกเขาเองก็แทบจะทนมองไม่ไหวแล้ว
โจวเหว่ยชิงส่ายหัวให้พวกเขา ส่งสัญญาณให้ทุกคนห้ามลงมือใดๆ เขาเดินไปด้านข้างและนั่งลงเช่นกัน รอยยิ้มบางๆยังคงประดับอยู่บน ใบหน้า
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์มองจากด้านข้างอย่างเย็นชา เธอไม่เข้าใจว่าโจว เหว่ยชิงกําลังคิดอะไรอยู่ เจ้าอันธพาลนั่นไม่เคยยอมเสียเปรียบง่ายๆ เช่นนี้ ก่อนหน้านี้ในเขตแดนมิติสะท้อน เขากล้าทําลายกระดูกของ
จ้านหลิงเทียน แต่ตอนนี้ด้วยจํานวนพวกพ้องที่มีมากกว่า เขาจะยัง จะต้องกลัวสิ่งใดอีก? โจวเหว่ยชิงต้องมีอุบายหรือแผนการกับจ้านหลิง เทียนแน่นอน…หญิงสาวคิดกับตัวเองในใจ
แน่นอน โจวเหว่ยชิงย่อมมีแผนการต่ออีกฝ่ายอยู่แล้ว เมื่อมีมือ สังหารที่ทรงพลังเช่นจ้านหลิงเทียน เด็กหนุ่มจะไม่อยากใช้ ความสามารถของเขาอย่างเต็มที่ได้อย่างไร เขาจะอดทนในตอนนี้ไป ก่อน แต่ถึงแม้ว่าเจ้าอ้วนน้อยที่รักของเราจะยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ จอมแสบผู้นี้ก็ยังเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นที่สามารถกักเก็บความขุ่นเคือง ไว้ได้เป็นเวลานาน!
………………………………………………….