Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 136 การฝึกสามเดือน! (3)
โจวเหว่ยชิงกล่าวต่อว่า “เฟยเอ๋อร์กับข้าได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้ว่า เราต้องการเดินทางไปยังอาณาจักรวั่นโซ่ว เราได้เตรียมทุกอย่างที่ จําเป็นทั้งหมดเพื่อปลอมตัวเป็นพ่อค้าแล้ว ดังนั้นจึงไม่ควรมีอันตราย มากนัก ในส่วนนี้เจ้าทุกคนไม่จําเป็นต้องกังวล คราวนี้เราจะไปที่นั่น เพื่อค้นหาวัตถุดิบ สมบัติล�าค่าที่จะทําให้เราสามารถผลิตยาลับได้ ตัว ยาลับเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ที่มีพลังปราณสวรรค์แต่ยังไม่ได้ปลุกมณี ประจําตัวสามารถทําเช่นนั้นได้ แน่นอน ข้ายังไม่รู้แน่ชัดว่าเราจะหา วัตถุดิบเหล่านั้นได้จริงหรือไม่ หรือจะหาได้มากแค่ไหน แต่ข้าก็เชื่อว่านี่ จะมีความสําคัญอย่างยิ่งสําหรับพี่น้องของเรา”
“อะไรนะ?! มณีประจําตัวยังสามารถปลุกได้หลังจากผ่านช่วงอายุ ที่กําหนดไปแล้ว?” เว่ยเฟิงอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความประหลาดใจ ทันทีที่ได้ยินโจวเหว่ยชิงเอ่ยออกมา
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “ใช่ นั่นคือเหตุผลที่เราต้องออกเดินทาง ในครั้งนี้ รองผู้บัญชาการกองพันเว่ย เจ้ากลับไปเรียกรวมพลและบอก พวกเขาในสิ่งที่ข้าพูด นอกจากนี้ บอกพวกเขาด้วยว่าในบรรดาพี่น้อง 800 คนที่ไม่ได้ปลุกมณีประจําตัวของพวกเขา มีเพียงผู้ที่โดดเด่นที่สุด เท่านั้นที่จะมีโอกาสได้รับยาปลุกพลัง ในช่วงเวลาที่เราไม่อยู่ให้พวกเขา
ฝึกหนักเท่าที่เท่าการ ข้าเชื่อว่าด้วยแรงจูงใจในการเป็นจ้าวมณี นั่นจะ จุดประกายความหึกเหิมของพวกเขาอย่างแท้จริง นอกจากนี้ เจ้ายัง ต้องแจกจ่ายม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ชุดแรกออกไปด้วย จ้าวมณี ยุทธ์ทุกคนจะได้รับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์เป็นธนูยาว 1 กล่อง ตอนนี้เรามี 300 กล่อง หยุนลี่กับโตวโตวจะรีบสร้างให้คนที่เหลือ โดยเร็วที่สุด”
“หลังจากหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ธนูแล้ว ข้าต้องการให้เจ้า เลือกพี่น้องที่โดดเด่นที่สุด 150 คนที่ยังคงมีมณีว่างอยู่อีก 2 ดวง หลังจากมีธนู มอบม้วนคัมภีร์ปีกศาสตรามณียุทธ์ให้พวกเขา หากหาไม่ พบก็ให้เก็บม้วนคัมภีร์เอาไว้ก่อน ในกรณีนี้ เมื่อใครก็ตามที่ไปถึงระดับ นั้น เจ้าก็สามารถมอบให้เขาได้ แน่นอนว่ายังต้องเรียกเก็บเหรียญทอง สําหรับม้วนคัมภีร์เหล่านี้ด้วย สําหรับราคา เจ้าตัดสินใจตามจํานวนเงิน ที่พวกเขามีในขณะนั้นได้เลย ถึงอย่างไรเราก็ไม่อาจปล่อยให้สหาย เหล่านั้นรับทองคําจากบิดาผู้นี้อยู่ฝ่ายเดียว ถึงเวลาที่ข้าต้องเอาคืนบ้าง แล้ว”
เมื่อเขาพูดถึงจุดนั้น โจวเหว่ยชิงก็หัวเราะ แต่ดวงตาของเว่ยเฟิงก ลับแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้น เขาก็คุกเข่าลงกับพื้นและพูดว่า “ผู้ บัญชาการกองพัน ในนามของพี่น้องของเราทั้งหมด ข้าขอขอบคุณท่าน จากใจจริง” เขารู้ว่าการเก็บเงินที่ว่าทําไปพอเป็นพิธีเท่านั้น ถึงอย่างไร เว่ยเฟิงก็รู้ราคาของม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ในท้องตลาดเป็นอย่างดี
เพื่อให้จ้าวมณีในกองพันไร้พ่ายแต่ละคนได้รับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณี ยุทธ์ เขาต้องใช้เงินและความกล้าหาญแบบใดกันนะ?
โจวเหว่ยชิงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยุงเขาขึ้น “รองผู้บัญชาการ เว่ย นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เรายังมีช่วงเวลาดีๆ อีกมากมายรอคอยอยู่ ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องเตือนพวกเขาว่าหากอยากได้ม้วนคัมภีร์ ศาสตรามณียุทธ์มากขึ้น พวกเขาควรเร่งฝึกปราณอย่างหนักด้วยกําลัง ทั้งหมดที่มี นี่เป็นเพียงม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์สําหรับมณี 3 ดวง แรกเท่านั้น…ตราบใดที่พวกเขาทํางานหนักมากพอ ข้าก็สามารถมอบ ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ทั้ง 9 ชิ้นให้โดยไม่มีปัญหา”
เว่ยเฟิงโค้งคํานับเพื่อแสดงความเคารพแบบทหารให้โจวเหว่ยชิง
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ ใช่แล้ว รอจนกว่าพวก เราจะออกไปก่อนค่อยแจ้งให้คนอื่นทราบ ข้าไม่ต้องการให้คนจาก ภายนอกรู้เรื่องนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ‘คนอื่น’ ที่โจวเหว่ยชิงกล่าวถึงคือจ้านหลิง เทียน ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างกลอกตาใส่เขา
เว่ยเฟิงรีบออกไป โจวเหว่ยชิงหันไปหาหยุนลี่และโตวโตว “คืนนี้ เฟยเอ๋อร์จะส่งพวกเจ้ากลับ สถานที่ความเป็นอยู่ จํานวนวัตถุดิบ และ ความปลอดภัยในเมืองเทียนเป่ยนั้นดีกว่าที่นี่มาก ทั้งยังหาซื้อสิ่งของ
ใดๆ ที่ต้องการได้ง่ายกว่า พี่ใหญ่หลินจะเข้าร่วมกับข้าเพื่อเดินทางไป ยังอาณาจักรวั่นโซ่ว ดังนั้นพี่หยุน ท่านจะเป็นผู้รับผิดชอบด้านการเงิน หากท่านจําเป็นต้องซื้อวัตถุดิบใดๆ ก็จัดการได้เลยตามความจําเป็น”
หยุนหลี่ส่งเสียงฮึ่มในลําคอและพูดว่า “เจ้าใช้งานพวกข้าจนหยด สุดท้ายจริงๆ”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอีกครั้งและกล่าวว่า “แม้ว่าท่านจะไม่ใช่ ผู้ติดตามของข้าอีกต่อไปแล้ว แต่การเดิมพันว่าใครจะไปถึงขั้นระดับ เทพเจ้าก่อนก็ยังมีผลอยู่ แน่นอนว่าเราจะต้องเปลี่ยนการเดิมพัน หาก ท่านกลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าก่อนและช่วยข้า สร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า ข้าจะมอบแบบคัดลอก ชุด ‘ชังพสุธาไร้ที่ยก’ ของข้าให้”
“หา!?” ดวงตาของหยุนลี่สว่างวาบขึ้น “จริงหรือ!?”
โจวเหว่ยชิงขยิบตาให้เขา มองไปยังสาวน้อยจอมมึนที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะพูดว่า “ข้าจะนับมันเป็นของขวัญแต่งงานของท่าน ถึงอย่างไร ท่านก็ยังต้องผ่านด่านผู้เฒ่าสิงไปก่อน นอกจากนี้ ข้าจะขอให้ท่านห้าม เผยแพร่แบบร่าง ‘ชุดชังพสุธาไร้ที่ยก’ ให้ผู้อื่น ท่านสามารถศึกษา ค้นคว้าเพื่อการเรียนรู้ของตัวเองได้เท่านั้น “
“นั่นไม่ใช่ปัญหา เจ้าเตรียมแบบร่างของเจ้าเอาไว้ได้เลย” สําหรับ อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ สิ่งใดจะสามารถดึงดูดความสนใจของพวก เขาไปได้มากกว่าแบบร่างชุดในตํานานเล่า?
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “เรื่องต่อมา ส่งม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ที่ เจ้าทําเสร็จแล้วให้ข้า นอกเหนือจากการส่งมอบบางส่วนให้กับพี่น้อง กองพันไร้พ่ายของเราแล้ว เพราะข้ากําลังจะไปที่อาณาจักรวั่นโซ่วใน ฐานะพ่อค้า ข้าจึงจําเป็นต้องมีสินค้าเพื่อทําการค้าขาย หากสามารถ ซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ เราก็ไม่จําเป็นต้องออกไปล่า พวกอสูรด้วยตัวเอง นั่นจะช่วยเราประหยัดเวลาได้มากขึ้นเช่นกัน”
หยุนลี่พยักหน้าเห็นด้วย ชายหนุ่มรู้สึกแสบร้อนภายในใจ ทั้งหมด ที่เขาคิดได้ในตอนนี้คือแบบร่างในตํานาน ‘ชุดชังพสุธาไร้ที่ยก’ อย่างไร ก็ตาม เขาเคยเห็นแบบร่างชิ้นหนึ่งมาก่อน ในแง่ของคุณภาพ ความ ซับซ้อน และความยากลําบาก แม้กระทั่งพลังของมันก็ยังเหนือกว่าชุด ในตํานาน 9 ชิ้นที่เขาเป็นเจ้าของ ที่สําคัญกว่านั้น หลักการออกแบบ ของชุดในตํานานทั้งสองชุดนี้ก็แตกต่างกันอย่างมาก แน่นอน นั่นจะ เป็นประโยชน์สูงสุดในการศึกษาสําหรับเขา ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยแบบร่าง ในตํานาน 2 ชุดในมือ ในอนาคตหากเขาไปที่เกาะมณีสวรรค์เพื่อขอผู้ อาวุโสสิงแต่งงานกับโตวโตว เขาก็จะมีความมั่นใจมากขึ้น นั่นคือ ความหมายที่แท้จริงซึ่งซุกซ่อนอยู่ในคําพูดของโจวเหว่ยชิงขณะบอก เขาเกี่ยวกับของขวัญแต่งงาน
โจวเหว่ยชิงหันไปหาหลินเทียนอ้าวและพูดว่า “พี่ใหญ่ คราวนี้ พวกเราจะมุ่งหน้าไปที่อาณาจักรวั่นโซ่ว ท่านจะต้องตามข้าไป นอกจากตัวท่าน เฟยเอ๋อร์และข้าแล้ว ท่านคิดว่าใครเหมาะสมที่จะพา ไปด้วยบ้าง”
โจวเหว่ยชิงให้ความเคารพหลินเทียนอ้าวมาโดยตลอดและปฏิบัติ ต่อเขาเหมือนพี่ใหญ่อย่างแท้จริง
หลินเทียนอ้าวครุ่นคิดครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ข้าขอแนะนําให้พาอู่ห ยาและหม่าฉุนไป หม่าฉุนพัฒนาขึ้นด้วยความเร็วที่น่าจับตาเลยทีเดียว นอกจากนี้ แม้ว่ามณียุทธ์ของเขาจะไม่ใช่ประเภทความแข็งแกร่ง แต่ ความแข็งแกร่งตามธรรมชาติของเขาก็ทรงพลังมาก ความก้าวหน้าของ เขาในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาทําให้พวกเราทุกคนตกตะลึงอย่าง แท้จริง และเนื่องจากโตวโตวได้สร้างศาสตรามณียุทธ์ที่ทําขึ้นมา โดยเฉพาะเพื่อเขา หม่าฉุนจึงมีชุดโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ 3 ชิ้น แล้ว เมื่อมีความแข็งแกร่งเหนือธรรมชาติของเขาเป็นตัวเสริม หม่าฉุน จะสามารถป้องกันของตัวเองได้อย่างแน่นอน”
“โอ้ เจ้าหม่าฉุนนั่น เขาพัฒนาขึ้นเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?” โจวเหว่ย ชิงก็ประหลาดใจเช่นกัน
หลินเทียนอ้าวยิ้มอย่างแผ่วเบาและกล่าวว่า “ถ้าความแข็งแกร่ง ของเจ้าอ่อนแอกว่าภรรยา เจ้าก็คงจะขยันมากกว่าเขา”
“อ้อ มีข่าวดีอีกอย่าง แต่อู่หยาและหม่าฉุนต้องบอกกับเจ้าเป็นการ ส่วนตัวเอง” เขาพูดต่อด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ
โจวเหว่ยชิงหัวเราะและกล่าว “อย่าบอกนะว่าพวกเขามีลูกแล้ว?!”
หลินเทียนอ้าวยิ้มน้อยๆแต่ไม่ได้พูดอะไร ที่ด้านข้าง ซ่างกวนเฟย เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแทรกว่า “เจ้าคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนเจ้าหรือไง? มีแต่ความคิดสกปรกๆ เต็มไปหมด”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่และกล่าวว่า “ข้าก็แค่ชอบคิด สกปรกนี่นา แล้ว…เจ้าคลอดลูกให้ข้าได้ไหมล่ะ?”
จู่ๆ ก็กลับกลายเป็นสถานการณ์ที่หลินเทียนอ้าวและคนอื่นๆ ต้อง ประหลาดใจแทน แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะเห็นสัญญาณบอกเป็นนัย ว่าความสัมพันธ์ระหว่างโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ไม่ได้เรียบ ง่ายอย่างที่เห็น แต่พวกเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งต่างๆ จะคืบหน้ามาถึง ขนาดนี้
ใบหน้าที่งดงามของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์แดงก�าขณะที่เธอจ้องมอง โจวเหว่ยชิงด้วยความโกรธ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยเจตนาร้าย
ปฏิกิริยาตอบสนองของโจวเหว่ยชิงรวดเร็วมาก เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาก็รีบเปลี่ยนเรื่อง “แล้วเราจะทําเช่นไรกับพี่จ้านของเจ้า? เรากําลัง
จะออกเดินทางในอีกประมาณ 3 วัน เจ้าสามารถส่งเขาออกไปก่อนหน้า นั้นได้หรือไม่?”
ตามที่คาดไว้ เมื่อซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ได้ยินโจวเหว่ยชิงพูดถึงจ้านห ลิงเทียน เธอก็ขมวดคิ้วทันที “ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่เขาจะไม่ ยอมฟังข้าแน่ เอาเป็นว่า เจ้าไปพบเขาด้วยตัวเองเป็นอย่างไร?”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าตอบรับขณะที่กล่าว “เอาล่ะ เจ้าพาเขามา ที่นี่เถอะ” เด็กหนุ่มรู้ดีว่าเป็นการพบกับจ้านหลิงเทียนเป็นเรื่องที่ หลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้นซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จึงออกไปตามหาจ้านหลิงเทียน โจวเหว่ย ชิงได้มอบหมายงานให้กับทุกคนแล้ว ตามแผนของพวกเขา ทั้งหมดจะ ออกเดินทางภายในสามวัน พวกเขาจะใช้เส้นทางการค้าเพียงเส้นทาง เดียวระหว่างอาณาจักรจ้งเทียนและอาณาจักรวั่นโซ่วมุ่งตรงไปยังใจ กลางอาณาจักรวั่นโซ่ว
ไม่นานผนังกระโจมก็ถูกยกขึ้น ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และจ้านหลิง เทียนก็เดินเข้ามาด้วยกัน
จ้านหลิงเทียนดูคล้ายกับโจวเหว่ยชิงอย่างน่าแปลกประหลาด เขา ผอมกว่าครั้งก่อนๆ ที่เด็กหนุ่มเคยเห็นมาก แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะ อาการบาดเจ็บรุนแรงที่เขาได้รับก่อนหน้านี้
เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิง ไอความเป็นปฏิปักษ์รุนแรงก็ปรากฏขึ้นใน ดวงตาของจ้านหลิงเทียน และเขาก็ถูหมัดตนเองโดยไม่รู้ตัว
จ้านหลิงเทียนโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆ ในสาวกรุ่นราวคราว เดียวกันของวังสวรรค์ไพศาลตั้งแต่อายุยังน้อย แม้จะเทียบกับซ่างกวน เสว่เอ๋อร์ เขาก็ยังมั่นใจว่าสู้อีกฝ่ายได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีชุดสวรรค์ ไพศาลไร้สิ้นสุด หญิงสาวก็คงจะไม่แข็งแกร่งมากไปกว่าเขา อย่างไรก็ ตาม สิ่งต่างๆเหล่านี้ได้พัฒนาขึ้นกลายเป็นความภาคภูมิใจและทัศนคติ ที่แสนเย่อหยิ่ง
ในเขตแดนมิติสะท้อนระหว่างงานประลองมณีสวรรค์วันนั้น เขา ราวกับถูกโจวเหว่ยชิงตบหน้าและถีบส่งลงมาจากสรวงสวรรค์ตรงสู่ฝุ่น ดิน ชายหนุ่มไม่เพียงแต่พ่ายแพ้ ทว่ายังแพ้อย่างน่าสยดสยองด้วย อาการบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะวังสวรรค์ไพศาลมีจ้าวมณี สวรรค์ที่ครอบครองทักษะธาตุชีวิตที่ทรงพลังจนสามารถช่วยรักษาเขา ได้ จ้านหลิงเทียนก็คงต้องพิการไปตลอดชีวิตแล้ว
สิ่งสําคัญคือความพ่ายแพ้ครั้งนั้นเกิดขึ้นต่อหน้ายอดฝีมือรุ่นเยาว์ ระดับสูงจากมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด! เมื่อต้องเสียหน้าเช่นนี้ จ้านหลิงเทียนก็ไม่อาจทนรับไหว ความเกลียดชังที่เขามีต่อโจวเหว่ยชิง จึงอาจกล่าวได้ว่าอยู่ในระดับที่น่ากลัว จนกระทั่งเขาได้ยินว่าบ้านเมือง
ของโจวเหว่ยชิงถูกทําลาย อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ถูกกวาดล้างจน พังพินาศ ความเกลียดชังของเขาจึงลดลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ความสูญเสียครั้งนั้นก็มีผลต่อชายหนุ่มเป็นอย่าง มาก ทําให้จ้านหลิงเทียนหมกมุ่นกับความเกลียดชังเป็นระยะเวลาหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ ซ่างกวนเทียนหยางจึงต้องให้คําแนะนําเขาด้วยตัวเอง ก่อนที่จ้านหลิงเทียนจะปีนขึ้นจากหลุมแห่งความโกรธเกลียดออกมาได้ ในที่สุด เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โจวเหว่ยชิงก็มีแนวโน้มที่จะเป็น น้องเขยของเขา จ้านหลิงเทียนจึงทําได้เพียงซ่อนความเกลียดชังนั้นไว้ ในใจของตนเอง
สําหรับความพ่ายแพ้ในเขตแดนมิติสะท้อนนั้น จ้านหลิงเทียน ไม่ได้พอใจแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรระดับพลังปราณของโจวเหว่ยชิงก็ต�า กว่าเขามาก ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าชายหนุ่มถูกจู่โจมกะทันหันใน ช่วงเวลาที่พลังปราณสวรรค์ถูกระบายออกไปจํานวนมาก ทั้งยังถูก ทักษะผนึกมังกรเงียบจัดการ จ้านหลิงเทียนก็เชื่อว่าเขาสามารถฉีกทึ้ง ร่างเด็กน้อยคนนั้นได้อย่างรวดเร็วและไร้ปัญหา เมื่อเผชิญหน้ากับเด็ก หนุ่มอีกครั้ง เขาก็แค่ต้องระวังไม่ให้โจวเหว่ยชิงมีโอกาสใช้ทักษะผนึก มังกรเงียบ เช่นนั้นเด็กนี่ก็จะไม่มีทางเทียบเขาได้อย่างแน่นอน!
เมื่อถูกส่งมายังชายแดนทางเหนือเพื่อตรวจสอบบางอย่างในคราว นี้ เขาก็รู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นว่าโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์
อยู่ที่นี่ ในเวลานั้น เขาแทบไม่สามารถต้านทานความรู้สึกอยากมีเรื่อง กับโจวเหว่ยชิงได้เลย หลังจากกรุ่นคิดอยู่นาน โดยเฉพาะกับซ่างกวน เฟยเอ๋อร์ที่คอยจับตาดูอยู่ เขาจึงต้องละทิ้งความคิดนั้นไปก่อนอย่าง เสียไม่ได้
ตอนนี้เมื่อได้เห็นโจวเหว่ยชิงอีกครั้ง แม้ว่าจ้านหลิงเทียนจะ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมตัวเอง แต่ความเกลียดชังและความ เป็นศัตรูของเขากลับไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้ง่ายๆ
โจวเหว่ยชิงเดินมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ยื่นมือขวาไปทาง จ้านหลิงเทียนขณะที่พูดว่า “พี่จ้าน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
………………………………………………