Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 130 เปลวไฟสีเขียวทอง! (1)
โซ่สีเหลือง 2 เส้นนั้นถูกปลดปล่อยออกมาโดยเซินจี้ โดยมีเส้นหนึ่งพุ่งไปหาโจวเหว่ยชิงและอีกเส้นหนึ่งตรงไปยังซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ ผู้ซึ่งมีปฏิกิริยาตอบโต้เช่นเดียวกับโจวเหว่ยชิง นั่นก็คือปลดปล่อยเกราะป้องกันเทพเจ้าออกมา
เมื่อได้เห็นพวกเขาทั้งสองคนอัญเชิญศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าออกมาอีกเป็นครั้งที่ 3 พร้อมๆ กัน ทุกคนก็ต้องตกตะลึงอ้าปากค้าง ไม่เว้นแม้แต่ทหารกองพันไร้พ่าย พวกเขาอดไม่ได้ที่จะคิดกับตัวเองว่า สองคนนี้มีศาสตรามณียุทธ์กี่ชิ้นกันแน่ฟะเนี่ย!
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ปลดปล่อยเกราะป้องกันเทพเจ้าออกมา 2 ชั้น ปีกศาสตรามณียุทธ์และเกราะหน้าอกของเธอปรากฏขึ้นมาทันที เนื่องจากระดับพลังของหญิงสาวไม่ได้ต่ำไปกว่าเซินจี้ 12 ระดับ โซ่สีเหลืองจึงถูกปิดกั้นเอาไว้ได้โดยเกราะป้องกันเทพเจ้าทั้ง 2
อนิจจา ฝ่ายโจวเหว่ยชิงนั้นไม่ได้โชคดีนัก เนื่องจากมณี 4 ชุดกับ 8 ชุด ด้วยระดับพลังปราณที่แตกต่างกันมากขนาดนี้ โซ่สีเหลืองจึงเจาะทะลุผ่านเกราะป้องกันเทพเจ้าของเขาเข้ามาได้ทันที ตรงเข้าเกี่ยวพันรอบเอวของเขาโดยไม่ชะงักแม้แต่วินาทีเดียว
พริบตาถัดมาโจวเหว่ยชิงก็สัมผัสถึงพลังอันแสนอุกอาจจากโซ่สีเหลืองที่พยายามลากเขาออกไป
“ย๊ากกกก” โจวเหว่ยชิงตะโกนออกไปเสียงดัง ศีรษะของเด็กหนุ่มพุ่งไปโขกศีรษะของจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุดที่เขาจับตัวอยู่ทันที และนั่นก็ส่งผลให้อีกฝ่ายสลบเหมือดไปในพริบตา เด็กหนุ่มใช้เท้าซ้ายยันพื้นไว้อย่างมั่นคง เขาเหวี่ยงร่างที่หมดสติออกไปหาคนอื่นๆ ในขณะที่เกราะมือวิญญาณยักษ์หยินหยางก็จับค้อนคู่ในตำนานไว้แน่น เด็กหนุ่มงอเข่าในท่าย่อตัวเพื่อให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง เขารวบรวมพลังทั้งหมดแล้วพุ่งกระโจนออกไป ด้วยชุดศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า 3 ชิ้นและสถานะปีศาจกลายร่าง ทำให้ความแข็งแกร่งของโจวเหว่ยชิงสทรงพลังจนน่ากลัว แม้แต่แรงฉุดกระชากอันยิ่งใหญ่ของเซินจี้ก็ยังไม่สามารถลากเขาออกไปได้
แม้ว่าจะพยายามอย่างหนัก แต่หลังจากถูกโซ่สีเหลืองจำกัดการเคลื่อนไหว โจวเหว่ยชิงก็ตระหนักว่าเขาไม่สามารถใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาได้ และในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นเอง เด็กหนุ่มจึงไม่อาจดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการของโซ่ได้เลย กล่าวคือตอนนี้การเคลื่อนไหวของเขาถูกจำกัดไปโดยสิ้นเชิง
“นั่นเป็นหนึ่งในทักษะที่น่ารำคาญที่สุดของทักษะธาตุดิน โซ่แห่งสงคราม เมื่อถูกโซ่นี้จับตัวไว้ได้ เว้นแต่พลังปราณสวรรค์ของเขาจะถูกใช้จนหมดหรือตายไปแล้ว มิฉะนั้นมันก็จะไม่มีทางสลายไป เป็นทักษะระดับ 9 ดาวที่มีพลังสูงส่งมาก” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ตะโกนบอกเขา
“หึ เจ้ากำลังบังคับข้าเองนะ” โจวเหว่ยชิงพึมพำกับตัวเองอย่างโกรธเคือง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเด็กหนุ่มถูกจำกัดการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องด้วยโซ่แห่งสงครามนี้ มันจะลดความสามารถในการต่อสู้โดยรวมของเขาลงไปอย่างมาก และนั่นก็จะทำให้โจวเหว่ยชิงถูกจับในตอนท้ายสุด ขณะที่สูญเสียความคล่องตัว เขาก็ถูกปล่อยให้เผชิญหน้ากับเซินปู้และศัตรูอีก 2 คนในสถานะที่เลวร้ายมาก และในกรณีนี้ เด็กหนุ่มก็รู้ว่าพลังป้องกันตัวของเขาจะไม่สามารถช่วยอะไรได้
คลื่นพลังปราณสวรรค์อันยิ่งใหญ่และหนาทึบพุ่งออกมาจากร่างของโจวเหว่ยชิงทันที ภาพทักษะสวรรค์สีแดงม่วงของปีศาจมังกรสาวปรากฏขึ้นอย่างเงียบงัน ลอยคว้างอยู่เหนือศีรษะของเขา
นั่นคือความสง่างามอันน่าเกรงขาม ในเวลาเดียวกันร่างของโจวเหว่ยชิงก็ยังคงนิ่งสงบราวกับถูกตอกตะปูลงในท่านั้น แม้ว่าเด็กหนุ่มจะยังไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของโซ่แห่งสงครามได้ แต่เซินจี้ก็ไม่สามารถลากเขาออกไปได้อยู่ดี
เมื่อเห็นภาพทักษะแห่งสวรรค์เหนือศีรษะของโจวเหว่ยชิง ทุกคนก็ก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับการยกเว้น นั่นก็คือเซินปู้
เซินปู้และเซินจี้เป็นศิษย์ร่วมสำนักของอาจารย์คนเดียวกัน และทันทีที่เธอเห็นโจวเหว่ยชิงติดอยู่ในพันธนาการของโซ่แห่งสงคราม หญิงสาวก็เริ่มโจมตีออกไปโดยไม่รู้ตัว นี่คือความเคยชินของศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ฝึกฝนและทำงานประสานกันมายาวนาน
ลูกไฟสีเขียวทองขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาโจวเหว่ยชิงพร้อมกับเสียงคำรามโหยหวน ในขณะที่ภาพทักษะสวรรค์ลอยขึ้นเหนือศีรษะของเขา บอลอัคคีก็เหลือระยะห่างจากเขาเพียง 3 ฉื่อเท่านั้น
ด้วยมีโซ่แห่งสงครามที่จำกัดการเคลื่อนไหวอยู่ โจวเหว่ยชิงจึงไม่มีโอกาสหลบหลีกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขายังอยู่ในระหว่างการปลดปล่อยทักษะผนึกมังกรเงียบของตนเอง ทักษะผนึกมังกรเงียบนั้นทรงพลังอย่างมาก แต่ต้องใช้เวลาสั้นๆอย่างน้อยหนึ่งวินาทีในการเปิดใช้งานเพื่อให้วงล้อทักษะธาตุของเขาหมุนไปถึงตำแหน่งของธาตุ เวลา 1 วินาทีอาจดูเหมือนเป็นระยะสั้นๆ แต่ในระหว่างการต่อสู้ นั่นอาจหมายถึงความแตกต่างระหว่างชัยชนะและพ่ายแพ้ ในขณะนี้โจวเหว่ยชิงเองก็กำลังเผชิญกับปัญหาที่ว่าเช่นกัน
มองเพียงปราดเดียวเด็กหนุ่มก็สามารถบอกได้ว่าบอลอัคคีขนาดใหญ่จากเซินปู้สามารถเคลื่อนที่ติดตามเป้าหมายได้ กล่าวคือ แม้ว่าเขาจะพยายามหลบหลีกโดยกาเขยื้อนโซ่แห่งสงครามด้วยพลังทั้งหมด มันก็ยังจะติดตามเขาต่อไปได้ และหากขยับตัวเช่นนั้นจริงๆ มันก็จะขัดขวางการเรียกใช้ทักษะผนึกมังกรเงียบด้วย ทั้งหมดอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่คราวนี้โชคดันเข้าข้างเซินปู้เสียอย่างนั้น
เนื่องจากโจวเหว่ยชิงไม่อยากจะยกเลิกทักษะผนึกมังกรเงียบกลางคัน เขาจึงได้ตัดสินใจ ณ ขณะนั้น เด็กหนุ่มยังคงมีความมั่นใจในการป้องกันของตัวเองอยู่บ้าง เขาจึงยกค้อนหน้าร้องไห้ฟาดใส่ลูกไฟสีเขียวทองทันที ทักษะผนึกมังกรเงียบเองก็เสร็จสมบูรณ์ในเวลาเดียวกับที่บอลอัคคีมาถึงร่างของเขา
“คราวนี้มาดูกันว่าเจ้าจะป้องกันได้ยังไง!” เซินปู้มั่นใจในการโจมตีของตนเองเป็นอย่างยิ่ง บอลอัคคีสีเขียวทองเป็นทักษะโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอ และแม้แต่ยอดฝีมือระดับ 7 มณีก็ยังจะต้องได้รับบาดเจ็บหนักหากพวกเขาไม่ใช่ประเภทป้องกันขั้นสุดยอด ไม่ว่าทักษะของโจวเหว่ยชิงจะทรงพลังเพียงใด เขาก็ยังคงเป็นเพียงจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 4 ชุด เช่นนี้อีกฝ่ายจะปิดกั้นการโจมตีของเซินปู้ได้อย่างไร?
ในเวลาเดียวกันกับที่ค้อนและบอลอัคคีปะทะกัน โจวเหว่ยชิงก็เร่งหลุมดำพลังปราณ ณ จุดตายของเขาไปถึงขีดสุด มุ่งเน้นไปที่วิชาเทพอมตะเพื่อนำเกราะเทพอมตะออกมาใช้งาน และแม้จะอยู่ภายใต้สถานะปีศาจกลายร่าง ทั้งตัวของเขากลับยังสามารถส่องแสงสีขาวทึบออกมาได้
*ตูม*!
บอลอัคคีสีทองสีเขียวพุ่งเข้าใส่ค้อนยาวของโจวเหว่ยชิงอย่างโหดเหี้ยม และรอยยิ้มเย็นเยียบก็ผุดข้างริมฝีปากของเซินปู้
เป็นศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าแล้วอย่างไรล่ะ? เจ้าจะไม่สามารถปิดกั้นการโจมตีของข้าได้เพราะเปลวไฟสีเขียวทองนั้นมีฤทธิ์กัดกร่อน!
ตามความคาดหมายของเซินปู้ ทันทีที่ลูกไฟสีเขียวทองปะทะกับค้อน มันจะทำให้เกิดระเบิดทันที แต่พลังของมันจะไม่ได้กระจายไปในอากาศ แต่จะไหลตามค้อนลงไปหาเจ้าของ ก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนอง โจวเหว่ยชิงก็จะถูกเปลวไฟสีเขียวทองกลืนร่างไปทั้งหมด
“อ้วนน้อย!” เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นเมื่อเห็นร่างของโจวเหว่ยชิงถูกกลืนหายไปกับเปลวไฟสีเขียวทองอันแสนทรงพลัง ในวินาทีนั้นซ่างกวนเฟยเอ๋อร์แทบคลั่ง
จู่ๆ หญิงสาวก็รู้สึกราวกับว่าเลือดทั้งหมดในกายกำลังเดือดพล่าน ประสาทสัมผัสทั้งหมดที่มีก่อนหน้านี้ดับไปวูบหนึ่ง ในขณะนั้น ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์รู้สึกราวกับว่าเธอได้สูญเสียบางสิ่งที่สำคัญไป บางสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เหตุผลต่างๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาของหญิงสาวแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือดเหมือนกับโจวเหว่ยชิงขณะเขาเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง
กลางอากาศ ร่างที่ผอมบางของเธอสั่นเทา จู่ๆ เซินจี้ที่อยู่ในระหว่างต่อสู้พัวพันกับหญิงสาวก็เห็นเปลวไฟสีขาวลุกพรึ่บขึ้นจากร่างของเธอทันที เปลวไฟสีขาวนั้นค่อนข้างมีเอกลักษณ์ โดยมีสีแดงเลือดผสมอยู่ภายในด้วย ภายในเสี้ยววินาทีนั้น เปลวไฟสีขาวแปลกประหลาดพลันแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์อย่างรวดเร็ว รัศมีความกดดันและกลิ่นอายที่หญิงสาวปล่อยออกมาก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลานั้นด้วย
เซินจี้เคยเห็นเปลวไฟเช่นนี้มาก่อน เขาจึงร้องออกมาด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด “ทักษะสวรรค์ไพศาลขั้นสุดยอด เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุด!”
แท้จริงแล้วในช่วงเวลานั้นซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ได้ปลดปล่อยทักษะขั้นสูงสุดของวังสวรรค์ไพศาล เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุดออกมา สิ่งนี้คล้ายกับการเผาผลาญพลังชีวิตของผู้ที่มีทักษะธาตุชีวิตหรือเปลวไฟแห่งชีวิตของผู้ที่มีทักษะธาตุไฟ ทำให้พวกเขาสามารถยกระดับพลังขึ้นไปอีกขั้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ความจริงแล้วทักษะลับของวังสวรรค์ไพศาลมีผลข้างเคียงน้อยกว่าและไม่ต้องสังเวยพลังมากนัก นี่เป็นหนึ่งในมรดกสืบทอดชั้นยอดของวังสวรรค์ไพศาล มีเพียงศิษย์สายในเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เรียนรู้
*เปรี้ยง* *เปรี้ยง* *เปรี้ยง*
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พุ่งเข้าหาเซินจี้โดยไม่หลบหลีกอีกต่อไป ด้วยการกวาดมือออกไปสองครั้ง เธอฉีกกระชากกำแพงดินฝั่งหนึ่งออกจากกันก่อนจะเหวี่ยงหมัดไปทางเซินจี้อย่างโหดเหี้ยม
เซินจี้รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่อยู่เหนือร่างของตนเอง ทำให้ปลอกแขนของชายหนุ่มแตกสลายไปในพริบตา นี่ไม่ใช่แค่พลังบริสุทธิ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงแรงระเบิดทำลายล้างอันน่าหวาดกลัวที่เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุดเสริมให้การโจมตีของเธอ ทำให้เซินจี้กระเด็นกลับออกไปในทันที
ปีกของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กางออกอย่างไม่ลังเล หญิงสาวกระพือพวกมันในอากาศขณะที่บินด้วยความเร็วสูงสุดไปยังโจวเหว่ยชิงด้วยดวงตาแดงก่ำ
ในขณะนี้เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับโจวเหว่ยชิง เธอจะสังหารคนเหล่านี้ทั้งหมดเพื่อเป็นการชดใช้ ในขณะนี้หญิงสาวเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ เธอเสียใจที่บอกให้โจวเหว่ยชิงสัญญาว่าจะไม่ฆ่าใคร มิฉะนั้นสิ่งนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น แน่นอนว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์รู้ว่าลูกไฟสีเขียวทองเป็นอย่างไร แท้จริงแล้วเซินปู้ก็เป็นถึงจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ชุด แม้จะอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง แต่โจวเหว่ยชิงก็ไม่สามารถป้องกันเปลวไฟเหล่านั้นได้แน่นอนเพราะเขาไม่มีศาสตรามณียุทธ์ประเภทป้องกันใดๆ เลย
อ้วนน้อย อ้วนน้อยของข้าจะต้องรอด…
น้ำตาที่ไหลออกมาสะท้อนแสงแดดเป็นประกายวาววับขณะที่มันปลิวผ่านอากาศบนท้องฟ้าผ่านไปข้างหลังอย่างแผ่วเบา ในเวลานี้ ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ไม่สงสัยอีกต่อไปแล้วว่าโจวเหว่ยชิงมีความสำคัญเพียงใดในใจของเธอ
อย่างไรก็ตาม เมื่อใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหญิงสาวพุ่งไปข้างหน้า ในช่วงเวลาถัดมา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำเช่นนั้น นั่นเป็นเพราะโจวเหว่ยชิงที่เธอจินตนาการว่าตายหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ อีกทั้งเปลวไฟสีเขียวทองก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน
เหนือศีรษะของผู้โจมตีทั้ง 3 มีสัญลักษณ์เล็กๆ สีม่วงแดงหมุนวนอยู่
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ไม่ใช่คนเดียวที่จ้องมองด้วยอาการกรามค้าง คนที่ตกใจที่สุดย่อมเป็นเซินปู้ผู้ใช้ทักษะอย่างไม่ต้องสงสัย
เปลวไฟสีเขียวทองอาจดูเหมือนบอลอัคคีที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ แต่จริงๆ แล้วมันได้รับการส่งเสริมจากปีกเปลวไฟศาสตรามณียุทธ์ที่อยู่ด้านหลังของเธอและปลดปล่อยออกมาพร้อมกับพลังปราณมากกว่า 4 ใน 10 ส่วน! พลังปราณสวรรค์ 4 ใน 10 ส่วนของจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ชุด และนั่นก็มากกว่าพลังปราณสำรองทั้งหมดของโจวเหว่ยชิงด้วย ซ้ำ!
แต่…เธอเพิ่งได้เห็นอะไรไปกันแน่?
เมื่อเปลวไฟสีเขียวทองปกคลุมทั่วร่างโจวเหว่ยชิง หญิงสาวก็คิดว่าตัวเองชนะแล้ว แม้ภายในใจจะรู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อยก็ตาม พลังทำลายล้างที่แท้จริงของเปลวเพลิงสีทองเขียวนั้นรุนแรงมากเกินไป การโจมตีใส่โจวเหว่ยชิงเช่นจึงมีแนวโน้มว่าจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยแม้แต่เถ้ากระดูกของเขา คงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่บุคคลมีพรสวรรค์ต้องตายเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าทั้ง 3 ชิ้นที่ต้องสูญสลายไป
อย่างไรก็ตาม ความภาคภูมิใจและความรู้สึกผิดนั้นคงอยู่แทบจะไม่ถึงวินาที เพราะในช่วงเวลาต่อมา เธอก็ต้องตกใจหลังจากเห็นเปลวไฟหายวับไป
ใช่แล้ว หายไปโดยสิ้นเชิงราวกับว่ามันซึมเข้าสู่ผิวของเขา โจวเหว่ยชิงยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังประหลาดใจและตกใจอยู่ไม่น้อย
หากตรวจสอบอย่างใกล้ชิด พวกเขาจะพบว่าภายใต้สถานะปีศาจกลายร่างดั้งเดิมของเขา ลายเสือดำเทา ที่หมุนวนอยู่นั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเนื่องจากมีแสงสีแดงสลัวเพิ่มเข้ามาด้วย แน่นอนว่าเนื่องจากลวดลายเหล่านั้นเกี่ยวพันกันเป็นลอนคลื่น หากใครไม่ได้มองอย่างละเอียดก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสังเกตเห็น
ประสบการณ์ที่โจวเหว่ยชิงได้สัมผัสนั้นแจ่มชัดและแตกต่างออกไปอย่างแท้จริง เมื่อเห็นเปลวไฟสีทองเขียวไหลวูบผ่านค้อนลงมาและห่อหุ้มตนเอง เด็กหนุ่มก็รู้ว่าเขามีปัญหาใหญ่แล้ว โจวเหว่ยชิงประเมินการโจมตีของเซินปู้ต่ำเกินไป!
……………………………………………………….