Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - ตอนที่ 91 เมื่อแม่มดน้อยเข้าร่วมด้วย! (1)
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่มดน้อย โจวเหว่ยชิงก็พูดด้วยสีหน้าคลางแคลงใจ “เจ้าเต็มใจให้กลุ่มนักรบคาลิเซยอมแพ้จริงๆหรือ?! นิกายปีศาจสวรรค์จะถอดใจไม่เข้าสู่เกาะอัญมณีสวรรค์แล้ว? ในบรรดา 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ว่าพวกเจ้ามีโอกาสเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์ได้น้อยที่สุดหรอกหรือ?”
แม่มดน้อยถอนหายใจเบาๆ พลางกล่าวว่า “ไม่มีใครกระตือรือร้นอยากเข้าไปในเกาะมณีสวรรค์มากเท่ากับพวกข้าแล้ว แต่ก็เป็นเพราะเหตุผลนั้นเอง ข้าจึงไม่เต็มใจที่จะเสี่ยง…เดิมพันด้วยโอกาสเพียงครึ่งเดียว แน่นอนว่าเหตุผลอื่นๆย่อมเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วย”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งตัวข้าและนิกายปีศาจสวรรค์ก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เป็นศัตรูกับเจ้า และอย่างน้อยก็ต้องทำให้เจ้ารู้สึกดีกับพวกเราขึ้นมาบ้าง ด้วยเหตุนี้ข้าจึงตั้งใจมาเสนอตัวยอมแพ้ในรอบก่อนรองชนะเลิศนี้อย่างจริงใจ แน่นอน เรื่องก็เป็นอย่างที่ข้าพูดไปก่อนหน้า นี่คือข้อตกลงระหว่างพวกเรา ไม่ใช่ของกำนัลอันใด ข้าจึงมีเงื่อนไขที่เจ้าต้องตกลงก่อนที่พวกข้าจะขอถอนตัว”
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า กลุ่มนักรบเฟยหลี่ก็เผยแววตาอยากรู้อยากเห็นออกมาทันที
หลินเทียนอ้าวกล่าวว่า “เอาล่ะแม่นางอู๋ โปรดบอกข้อเสนอของเจ้ามา พวกเราจะได้ตัดสินใจ” อันที่จริงหากพวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงการประลองครั้งต่อไปและเข้าสู่ 4 อันดับแรกโดยไม่ต้องต่อสู้ นั่นจะกลายเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มนักรบเฟยหลี่โดยไม่ต้องสงสัย ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสามารถเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์ได้ แต่ทุกคนยังสามารถรักษาความแข็งแกร่งทั้งหมดของตนเองไว้ได้เต็มกำลังสำหรับรอบรองชนะเลิศที่กำลังจะมาถึง ทั้งยังอาจจะไปได้ไกลกว่านั้นด้วย! แน่นอนว่าตอนนี้หลินเทียนอ้าวได้ถูกหญิงสาวล่อลวงเข้าให้แล้ว ทว่าหากข้อเสนอของเธอเลวร้ายเกินไป เขาก็คงต้องปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดให้มากความ
สีหน้าของแม่มดน้อยดูจริงจังขึ้น หญิงสาวมองพวกเขาก่อนที่จะพูดออกมาในที่สุด “ข้อเสนอของข้าไม่ได้ยากเย็นอะไร ทั้งยังเป็นเงื่อนไขที่มีแต่ได้กับได้ ข้าต้องการเข้าร่วมกลุ่มนักรบเฟยหลี่และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพวกท่าน ด้วยวิธีนี้ย่อมมั่นใจได้ว่าตัวข้าจะได้อยู่ในกลุ่มที่ติดหนึ่งใน 4 อันดับแรกด้วย ทั้งยังสามารถเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์กับพวกเจ้าไปโดยปริยาย ที่สำคัญกว่านั้นคือป้ายผ่านทางมณีสวรรค์”
สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ต่างก็คาดเดากันไปว่าข้อเสนอของแม่มดน้อยจะเป็นเช่นไร บางทีหญิงสาวอาจจะให้พวกเขาทำอะไรบางอย่างให้ หรือไม่ก็ต้องเกี่ยวข้องกับโจวเหว่ยชิงเป็นแน่ ทว่าถึงกระนั้นก็ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเธอจะเสนอเงื่อนไขเช่นนี้จริงๆ พวกเขาจึงได้แต่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความตกตะลึงอยู่พักใหญ่
ท้ายที่สุดแล้ว ‘ข้อเสนอ’ ของแม่มดน้อยก็ไม่ได้ส่งผลเสียใดๆกับพวกเขาเลยด้วยซ้ำ อันที่จริงแล้วมันกลับมีประโยชน์ต่อกลุ่มมากต่างหาก! กลุ่มนักรบจะประกอบด้วยสมาชิก 8 คน โดยมีสมาชิกในกลุ่มหลัก 5 คนและสมาชิกสำรองอีก 3 คน แต่ขณะนี้กลุ่มนักรบเฟยหลี่มีสมาชิกเพียง 7 คนเท่านั้นเพราะซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้จากไปก่อนหน้า ด้วยเหตุนี้จึงมี “ที่ว่าง” เหลืออยู่หนึ่งที่ และการให้แม่มดน้อยเข้าร่วมกลุ่มก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาเสียหายอะไร
อย่างไรก็ตาม ความกังวลที่เกิดขึ้นในใจพวกเขาคือตัวตนของเธอต่างหาก แม่มดน้อยผู้นี้มาจากนิกายปีศาจสวรรค์และยังเป็นหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์ของนิกาย หากตัวตนและสถานะของเธอถูกค้นพบโดยเจ้าหน้าที่ของอาณาจักรจ้งเทียน ไม่เพียงแต่คนทั้งกลุ่มจะเดือดร้อนและอาจถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขัน สิ่งที่แย่กว่านั้นคือมันจะทำให้อาณาจักรเฟยหลี่ของพวกเขาถูกมองว่าให้ที่ซ่อนนิกายปีศาจสวรรค์ ทั้งยังจะได้รับการปฏิบัติจากอาณาจักรจ้งเทียนและอาณาจักร อื่นๆ ในฐานะศัตรู
ราวกับว่าหญิงสาวสามารถอ่านสีหน้าวิตกกังวลของพวกเขาได้ แม่มดน้อยยิ้มน้อยๆ พลางพูดว่า “เจ้าทุกคนไม่จำเป็นต้องกังวลไป แม้ว่าซ่างกวนหลงหยินจะพยายามตรวจสอบข้าเหมือนที่เขาทำกับโจวเหว่ยชิง แต่เขาก็จะไม่พบสิ่งใดในตัวข้าเช่นกัน นั่นเป็นเพราะข้าเป็นหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์ของนิกายปีศาจสวรรค์ ข้าจึงไม่ได้ถูกจำกัดด้วยสายเลือดหรือตราประทับของนิกาย ดังนั้นหากข้าไม่ใช้ทักษะธาตุปีศาจ ปัญหาก็จะไม่เกิดแน่นอน ข้าสามารถสาบานกับมณีพลังของข้าได้”
สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ตกอยู่ในความเงียบขณะกรุ่นคิดกับตนเอง เงื่อนไขของแม่มดน้อยไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรเลย หรืออาจกล่าวได้ว่าดีเกินไปด้วยซ้ำ…ดีจนแทบไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว แต่ทว่าก็เป็นเพราะเงื่อนไขนี้ดีมากเกินไปนั่นเอง พวกเขาจึงไม่กล้าเชื่ออีกฝ่ายอย่างสนิทใจ
แม่มดน้อยถอนหายใจเบาๆ และพูดว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทุกคนอาจไม่เชื่อข้าง่ายๆ ขนาดนั้น หรือไม่ก็ไม่ต้องการยอมรับเงื่อนไขของข้า ทว่าข้าจริงใจกับข้อเสนอนี้อย่างแท้จริงและจะขออธิบายเหตุผลให้พวกเจ้าฟังดังนี้ ประการแรก ข้าจำเป็นต้องได้รับการยืนยันว่าข้าจะได้รับป้ายมณีสวรรค์ในครั้งนี้จริงๆ เนื่องจากนิกายปีศาจสวรรค์ของเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากจึงต้องการมันอย่างยิ่งยวด ทว่าแม้นั่นจะมีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่เพียงแค่สามารถเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์โดยอาศัยการเป็น 4 อันดับแรกก็เพียงพอให้ข้าสามารถซื้อสิ่งของจำเป็นบางอย่างได้เช่นกัน ดังนั้นป้ายมณีสวรรค์เพียงแผ่นเดียวก็เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของพวกเราได้แล้ว อย่างน้อยก็ในตอนนี้น่ะนะ อย่างไรก็ตาม หากข้าปะทะกับกลุ่มของเจ้าจริงๆ ข้าก็ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยว่าจะชนะและผ่านมันไปได้ด้วยดี ถึงอย่างไรสิ่งนี้ก็สำคัญเกินไปสำหรับพวกเรา ข้าจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะได้รับป้ายมณีสวรรค์มาครอง ซึ่งการเข้าร่วมกับพวกเจ้าก็ตรงกับความต้องการของข้ามากกว่าการเสี่ยงออกไปต่อสู้และอาจจะไม่ได้อะไรติดมือกลับไปเลย”
“ นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือข้าต้องการให้เขามองข้าในแง่ดี” เมื่อพูดอย่างนั้น หญิงสาวก็ชี้ไปที่โจวเหว่ยชิง “วันนั้น ในระหว่างที่กลุ่มของเจ้าต่อสู้กับกลุ่มนักรบตันตุ้น พลังและความสามารถที่เขาแสดงออกมาทำให้เราต้องประเมินเขาใหม่อีกครั้ง และนั่นก็ทำให้ความสำคัญของเขาสูงขึ้นมากทีเดียว เราอาจไม่ได้เริ่มต้นกันด้วยดี แต่นิกายปีศาจสวรรค์ของเราย่อมไม่ต้องการให้เขาเป็นศัตรูของเราแม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจเข้าร่วมกับเราก็ตาม พวกเรายังคงหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะยังคงมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ดังนั้นหลังจากชั่งน้ำหนักทุกอย่างแล้ว ข้าจึงตัดสินใจทำเช่นนี้
หลังจากหยุดไปชั่วขณะหนึ่ง เธอก็พูดต่อ “นี่เป็นข้อตกลงที่มีแต่ได้กับได้ และเมื่อข้าเข้าร่วมกับกลุ่มนักรบเฟยหลี่ พวกเจ้าทุกคนก็จะได้รับผลประโยชน์มากมาย ประการแรกคือกลุ่มของเจ้าไม่มีจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ชุดเลย ในการเอาชนะกลุ่มนักรบตันตุ้นนั้น อย่าได้คิดว่าเป็นเพราะความสามารถของพวกเจ้าเพียงอย่างเดียว นั่นเป็นเพราะพวกเจ้าโชคดีมากต่างหาก เมื่อรวมกับการที่พวกเขาประเมินเจ้าต่ำเกินไป ทั้งหมดนั้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเจ้าคว้าชัยชนะมาได้ นอกจากนี้ ในบรรดากลุ่มตัวเต็งทั้งหลาย กลุ่มนักรบตันตุ้นนั้นอ่อนแอที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งในเวลานี้พวกเจ้าเอาชนะกลุ่มนักรบตันตุ้นได้แล้ว พวกเขาย่อมไม่ประมาทเจ้าอีกต่อไป หลังจากเข้าสู่ 4 อันดับแรกแล้ว หากเจ้าต้องการจะก้าวไปให้ไกลกว่านั้น เจ้าจะต้องการพลังที่มากขึ้นและต้องแข็งแกร่งอย่างแท้จริง โดยส่วนตัวแล้วข้ามั่นใจมากว่าจะสามารถเอาชนะใครก็ตามที่มีระดับเดียวกันกับตัวเองได้ ทั้งยังสามารถช่วยให้พวกเจ้าได้รับชัยชนะหนึ่งหรือสองครั้งได้อย่างแน่นอน”
หลินเทียนอ้าวและคนอื่นๆเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ การต่อสู้ของคนในกลุ่มกับหญิงสาวในป่าก่อนหน้านี้ยังคงสดใหม่อยู่ในใจของพวกเขา และพลังที่แท้จริงของเธอก็น่าสะพรึงกลัวไม่น้อย
แม่มดน้อยกล่าวต่อ “เจ้าทุกคนไม่เคยเข้าสู่ 4 อันดับแรกมาก่อน ดังนั้นเจ้าอาจจะไม่รู้ประโยชน์ของการเป็น 4 อันดับแรกและอย่างอื่นนอกเหนือจากป้ายมณีสวรรค์ ข้าจะบอกอะไรให้ รางวัลสำหรับ 4 อันดับแรกจากวังสวรรค์ไพศาลนั้นน่าประทับใจมากทีเดียว ที่สำคัญคือยิ่งอันดับของเจ้าสูงมากเท่าไหร่ ของรางวัลก็จะยิ่งยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น ในความเป็นจริงถ้าเจ้าสามารถขึ้นเป็นผู้ชนะลำดับแรกได้ หัวหน้ากลุ่มจะได้รับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าเป็นรางวัล ในขณะที่สมาชิกที่เหลือจะได้รับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับปรมาจารย์ที่ออกแบบและสร้างขึ้นเป็นพิเศษโดยอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะของวังสวรรค์ไพศาลสำหรับความต้องการของแต่ละคน สำหรับของรางวัลสำหรับกลุ่มที่ได้ลำดับต่อๆ มานั้นจะแย่กว่าเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีส่วนลดที่ใช้ได้หนึ่งครั้งแต่มีมูลค่าค่อนข้างมากสำหรับใช้ซื้อสินค้าระหว่างการเดินทางไปยังเกาะมณีสวรรค์ ตัวอย่างก็เช่น กลุ่มที่ได้อันดับแรกจะได้รับส่วนลดถึงครึ่งหนึ่ง! อย่าได้ดูถูกส่วนลดนี้เชียว อย่างที่พวกเจ้าทราบกันดีว่าวัตถุดิบและม้วนคัมภีร์ระดับสูงนั้นมีราคาแพงมาก หากเจ้าซื้อของมูลค่าหนึ่งร้อยล้านเหรียญทอง เจ้าก็จะประหยัดไปได้ถึงห้าสิบล้านเหรียญทอง แล้ว!”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของแม่มดน้อย หัวใจของสมาชิกในกลุ่มก็เต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น การเข้าสู่ 4 อันดับแรกและรางวัลที่น่าทึ่งต่างๆ นั้นน่าดึงดูดใจมากเหลือเกิน
ทว่าโจวเหว่ยชิงกลับยังคงสงบนิ่งและเอ่ยถามอย่างไม่ยินดียินร้าย “ในความคิดของเจ้า ถ้าเจ้าเข้าร่วมกลุ่มของเรา เจ้าคิดว่าอันดับสุดท้ายที่พวกเราจะได้คืออะไร?”
แม่มดน้อยยิ้มน้อยๆ มองไปที่แมวอ้วนจากนั้นก็พูดประโยคที่ทำให้สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง “รับประกันว่าไม่ต่ำกว่าอันดับที่ 2 และเรายังสามารถต่อสู้เพื่อชิงอันดับ 1 ได้ด้วย”
ใบหน้าของโจวเหว่ยชิงดูครุ่นคิดอย่างจริงจัง เขาพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “ดีมาก ถ้าเจ้าสาบานกับมณีพลัง ข้าจะเชื่อเจ้า”
“หัวหน้า?” สองคำสุดท้ายของเขามุ่งเป้าไปที่หลินเทียนอ้าว มองไปยังผู้นำที่หนักแน่นของกลุ่ม เมื่อสายตาของพวกเขาสบกัน หลินเทียนอ้าวพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย
แม่มดน้อยหัวเราะคิกคักขณะที่เธอยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “เอาล่ะ ได้เลย ต่อจากนี้ไปข้าจะเป็นสมาชิกคนที่ 8 ของกลุ่มนักรบเฟยหลี่ ข้ารู้ว่าพวกท่านทุกคนยังคงสงสัยในตัวข้า และข้าก็จะพิสูจน์ตัวเองผ่านการกระทำของในอนาคต ก่อนอื่นการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ เมื่อข้าทำให้กลุ่มนักรบคาลิเซยอมแพ้แล้ว หลังจากนั้นข้าจะตามหาพวกเจ้าเพื่อทำการสาบาน ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทุกคนจะให้เกียรติคำพูดของตัวเองในวันนี้เช่นกัน”
หลินเทียนอ้าวกล่าวอย่างเคร่งขรึม “หากเป็นเช่นนั้นพวกเราก็ตกลง”
แม่มดน้อยลุกขึ้นยืน มองโจวเหว่ยชิงอย่างกรุ้มกริ่มและพูดว่า “โจวเหว่ยชิง พาข้าไปที่ห้องของเจ้าหน่อย”
โจวเหว่ยชิงชะงักไปเล็กน้อย มองไปที่หญิงสาวด้วยท่าทีระมัดระวัง “เจ้าต้องการจะทำอะไร? ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าข้าเป็นคนที่ซื่อสัตย์และน่านับถือมาก ไม่ใช่พวกเจ้าชู้มักมากแน่นอน! แม้ว่าเจ้าจะเข้าร่วมกลุ่มของพวกเรา ข้าก็จะไม่พลีร่างกายของข้าให้ง่ายๆ หรอกนะ”
*พรืด* ขี้เมาเป่าหลุดหัวเราะออกมาทันที “ใช่ๆ…เจ้าไม่ใช่คนเจ้าชู้มักมาก…หากคนอย่างเจ้าเป็นเช่นนั้นจริง….บนโลกนี้ก็คงไม่มีคนเจ้าชู้แล้ว! อย่างไรก็เถอะ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ถูกแม่มดน้อยเอาเปรียบแน่ ฮ่าๆๆๆ”
แม่มดน้อยส่งเสียงหึในลำคอก่อนจะพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้าตามลำพัง” เมื่อหญิงสาวพูดจบ เธอก็เดินนำออกไปก่อนทันที
สี่น้อยถอนหายใจเสียงดังพลางพูดว่า “กะหล่ำปลีหัวดีๆ ล้วนถูกหมูบ้านแทะกินให้เสียของไปแล้ว เฮ้อ…ทำไมเรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับข้าบ้างนะ”
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างโกรธเคือง “อย่าแม้แต่จะพยายามคิดเช่นนั้นเชียว ถ้าท่านทำลายชื่อเสียงของข้า ข้าจะยกเลิกของขวัญม้วนคัมภีร์ของท่าน!” เมื่อพูดจบ ช่วยหนุ่มก็เดินตามแม่มดน้อยไปที่ห้องของเขาทันที
*วูบ* เจ้าแมวอ้วนกระโดดขึ้นไปนั่งบนไหล่ของโจวเหว่ยชิงอย่างรวดเร็ว ลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ ประกายความอยากรู้อยากเห็นพลันฉายชัดออกมา
แม่มดน้อยกำลังรอโจวเหว่ยชิงอยู่ด้านนอกประตู และเมื่อทั้งสองคนเข้าไปในห้องของเด็ดหนุ่มแล้ว เจ้าแมวอ้วนก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียงทันที ทันทีที่เธอทำเช่นนั้น เธอก็จ้องมองไปที่แม่มดน้อยโดยไม่ปกปิดท่าทีไม่เป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย
แม่มดน้อยไม่ได้หันไปมองแมวอ้วน แต่กลับยิ้มขณะที่เดินไปหาโจวเหว่ยชิงและนั่งลงข้างๆ เขา จากนั้นก็โผเข้ากอดเขาไว้ทั้งตัวขณะยกแขนขึ้นโอบรอบคอของอีกฝ่าย เธอพูดเบาๆ ว่า “ที่รัก ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจ้ามีพลังมากมายขนาดนี้ แม้แต่ปีศาจน้อยเซินก็ยังไม่คู่ควรกับเจ้าหรอก นี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ! น่าอัศจรรย์มากทีเดียว!”
แขนของแม่มดน้อยเลื้อยไปเหมือนงูน้ำ พวกมันทั้งอ่อนนุ่มและดูเหมือนไม่มีกระดูก เมื่ออยู่ในระยะใกล้ๆ เช่นนี้ โจวเหว่ยชิงก็แทบจะได้กลิ่นหอมจางๆ แผ่ออกมาจากตัวของอีกฝ่าย หัวใจของเขาเต้นระรัว จากนั้นก็โอบแขนรอบเอวบางของเธออย่างอาจหาญ “ข้ากลายเป็นที่รักของเจ้าเร็วขนาดนี้ได้ยังไง? ก็อย่างที่ข้าบอกไปเมื่อกี้ ข้าไม่ใช่คนเจ้าชู้มักมากเสียหน่อย”
…………………………………………………………..