Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - ตอนที่ 57.3 10 ปะทะ 9!
หยุนลี่ประหลาดใจมากที่โจวเหว่ยชิงซึ่งเป็นเพียงอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางยังคงตรวจสอบแบบร่างของเขาอยู่ ด้วยสีหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยความหลงใหล ดูเหมือนว่าเขาจะไม่หยุดดูในเร็วๆ นี้ด้วยซ้ำ
พลังจิตวิญญาณของเจ้าเด็กนี่ยิ่งใหญ่กว่าข้าอีกหรือ? หยุนลี่รู้สึกตกใจอย่างแท้จริง เขามั่นใจในพลังจิตวิญญาณของตัวเองมาก ถึงแม้เขาจะยังไปไม่ถึงระดับปรมาจารย์ แต่เขาก็อยู่ไม่ไกลจากระดับนั้นเท่าไหร่แล้ว แน่นอนว่าประสบการณ์ 16 ปีของเขาในโลกอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ย่อมไม่ได้ผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์
อนิจจา เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าโจวเหว่ยชิงต้องได้รับการสนับสนุนจากพลังวิญญาณของเจ้าแมวอ้วนเพื่อให้ตนเองสามารถทนได้นานขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หยุนลี่เฝ้ามองเขาอยู่สักพัก โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกได้ว่าไอเย็นภายในจิตวิญญาณของตนนั้นค่อยๆ เลือนหายไป เขาจึงตื่นขึ้นจากภวังค์ทันที
“เอ๊ะ?” มีเพียงโจวเหว่ยชิงเท่านั้นที่มองไปรอบๆ อย่างพร่ามัว ราวกับเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่
“น้องโจว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หยุนลี่เห็นว่าเขารู้สึกตัวแล้วจึงถามอย่างรีบร้อน
การแสดงออกของโจวเหว่ยชิงเต็มไปด้วยความชื่นชม เขายกนิ้วให้อีกฝ่ายขณะกล่าวว่า “เป็นผลงานที่ไม่มีใครเทียบได้จริงๆ! ถ้าข้าเดาไม่ผิด นี่น่าจะเป็นชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานชุดแรกที่มีไว้สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ประเภทความว่องไว” อันที่จริงแบบร่างของหยุนลี่เป็นชิ้นส่วนแรกของชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานที่เหมาะกับจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณียุทธ์ประเภทความว่องไวเช่นหยุนลี่หรือซ่างกวนปิงเอ๋อร์
หยุนลี่พยักหน้าและกล่าวว่า “น้องโจวมีสายตาเฉียบแหลมยิ่งนัก แบบร่างของเจ้าก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ไม่มีใครเทียบได้! นอกจากนี้ยังเป็นชิ้นส่วนแรกของชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานเช่นกัน! ดูเหมือนว่านี่คือการจับคู่ให้พวกเรามาพบกันโดยแท้จริง ในบรรดาอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ทั้งหลาย ข้ากล้าพูดได้เลยว่าผู้ที่ครอบครองแบบร่างชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานนั้นมีน้อยกว่า 10 คนแน่! คาดไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะได้พบเจอกันเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยที่น้องโจวมั่นใจในการเดิมพันครั้งนี้มาก”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเบิกบานใจและกล่าวว่า “แน่นอน! แต่โชคของข้าก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก แม้ว่าแบบร่างของเราจะเป็นชิ้นส่วนแรกของชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนาน แต่ก็ยังต้องดูว่าชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานชุดใดมีคุณภาพสูงกว่ากัน”
หยุนลี่ชะงักไปก่อนจะพูดว่า “เราจะเปรียบเทียบได้อย่างไร? เว้นเสียแต่ว่าเราจะสามารถสร้างพวกมันขึ้นมาเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเราก็คงจะไม่มีวิธีเปรียบเทียบได้อย่างแท้จริง อย่างไรแบบร่างทั้ง 2 ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ข้าอาจแย้งได้ว่าข้ามีข้อได้เปรียบของความเร็วในขณะที่เจ้าอาจเถียงได้ว่าของตัวเองได้เปรียบในเรื่องความแข็งแกร่ง”
โจวเหว่ยชิงส่ายหัวและพูดว่า “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าเอ่ยถึง ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่พี่หยุนลี่ลืมไป นั่นก็คือปริมาณ อีกวิธีหนึ่งที่ใช้กำหนดคุณภาพของชุดศาสตรามณียุทธ์ก็คือจำนวนศาสตรามณียุทธ์ทั้งหมดในชุดนั้น ยิ่งชุดศาสตรามณียุทธ์นั้นถูกสร้างขึ้นมาจากม้วนคัมภีร์จำนวนมากเท่าไหร่ ตามธรรมชาติแล้วพลังของมันย่อมแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น ข้าพูดถูกหรือไม่?”
ทันใดนั้นความหวาดกลัวก็ตรงเข้าเกาะกุมหัวใจของหยุนลี่ “เจ้าพูดถูก นั่นเป็นเรื่องจริง อย่างไรก็ตาม ชุดศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าในตำนานก็มีทั้งหมด 9 ชิ้น…เป็นไปได้ไหมว่าของเจ้า…อาจแตกต่างออกไป?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “หึๆ…ข้าต้องขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย” ในขณะที่พูดเช่นนั้น เขาก็โบกมือรอบสร้อยมิติและนำแบบร่างทั้งหมดของตนออกมาวางไว้บนโต๊ะ
หยุนลี่กวาดสายตามองไปที่แบบร่างเหล่านั้นก่อนจะแสดงท่าทีตกตะลึง “สะ…สิบ…สิบชิ้น?”
ใบหน้าของโจวเหว่ยชิงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจขณะที่กล่าวว่า “ในอดีตเมื่ออาจารย์ผู้ก่อตั้งนิกายของข้าออกแบบชุดศาสตรามณียุทธ์นี้ขึ้นมา ยังไม่ทันได้ลองสร้างม้วนคัมภีร์จริง เขาก็ต้องล่วงลับไปก่อนแล้วเพราะใช้พลังจิตวิญญาณมากเกินไประหว่างการสร้างแบบร่างนี้ เขาเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับพระเจ้าที่น่ายกย่องที่สุด ชุดศาสตรามณียุทธ์ทั้ง 10 ชิ้นนี้ก็สามารถกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่พิเศษไม่เหมือนใครเช่นกัน การสร้างมันขึ้นมาได้ย่อมต้องผ่านความยากลำบากมามาก นี่จึงควรถูกจัดให้อยู่บนจุดสูงสุดของชุดศาสตรามณียุทธ์ที่เคยถูกสร้างขึ้นมา! ดังนั้นเพียงแค่เปรียบเทียบคุณภาพของแบบร่างเพียงอย่างเดียว ข้าก็กลัวว่าชัยชนะจะกลายเป็นของข้าไปเสียแล้ว”
เมื่อโจวเหว่ยชิงเห็นว่าการออกแบบที่หยุนลี่นำออกมานั้นเป็นชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานเช่นกัน เขาก็ต้องตกตะลึงไปชั่วขณะ ทว่าไม่นานเขาก็สงบลงได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารอบนี้จะลงเอยด้วยการเสมอกัน เขาก็ยังถือว่าไม่แพ้หยุนลี่อยู่ดีเพราะสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เขาคำนวณไว้ก่อนหน้านี้คือการเสมอกันอยู่แล้ว หลังจากสงบสติอารมณ์ลงได้ ในที่สุดเขาก็นึกถึงสิ่งที่ฮูเหยียนเอ้าป๋อเคยบอกเขาไว้ในอดีต แม้ว่าชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานของเขาจะไม่เคยถูกสร้างจนสำเร็จมาก่อน แต่มันก็เป็นเพียงชุดพิเศษที่มีชุดเดียวบนโลก! แบบร่างนี้ได้ใช้เลือดเนื้อ จิตวิญญาณและพลังชีวิตของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าหล่อหลอมขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เคยมีชุดศาสตรามณียุทธ์ 10 ชิ้นมาก่อนบนโลก!
ชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานหมายถึงชุดศาสตรามณียุทธ์ที่ออกแบบโดยอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าอย่างน้อย 8 ชิ้น โดยปกติแล้วทั้งหมดจะมี 9 ชิ้น ทว่าอย่าดูถูกความแตกต่างที่เพิ่มขึ้นมา 1 ชิ้นเด็ดขาด การเพิ่มชิ้นส่วนพิเศษเข้าไป 1 ชิ้นนี่แหละที่ทำให้ผู้ก่อตั้งนิกายของโจวเหว่ยชิงต้องใช้พลังปรานและจิตวิญญาณไปทั้งหมดจนถึงขั้นเสียชีวิต จากสิ่งนี้ย่อมเห็นได้ชัดว่ากว่าจะสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์ชุดนี้ขึ้นมาได้นั้นยากเย็นแค่ไหน
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเหว่ยชิง สีหน้าของหยุนลี่ก็ดูน่าเกลียดขึ้นทันที ดวงตาของเขาพลันมืดมนและปรากฏความไม่สบายใจ ในขณะนี้การประลองของพวกเขาสิ้นสุดลงแล้ว ทว่าสำหรับคนอย่างเขา คนที่มีอาจารย์ผู้ก่อตั้งนิกายเป็นอาจารย์ระดับเทพเจ้าจะเต็มใจเป็นผู้ติดตามของโจวเหว่ยชิงได้อย่างไร? นั่นคงเป็นความอัปยศอดสูที่เขาไม่อาจชำระล้างออกไปได้เสียแล้ว นอกจากนี้ยังไม่มีทางหนีรอดไปได้อีกด้วย ผู้ติดตามตลอดชีพ นั่นหมายถึงการถูกประทับตราไปตลอดชีวิต เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดราวกับถูกงูพิษนับพันรัดเอาไว้แน่น ใบหน้าของเขาค่อยๆ มืดครึ้มขึ้นจนดูน่ากลัว เขากำหมัดแน่น เมื่อจ้องมองไปยังแบบร่างทั้ง 10 ชิ้นบนโต๊ะ เขาก็ต้องต่อสู้กับจิตใจตนเองอย่างหนักหน่วง
ฆ่ามัน! ฆ่ามันซะ! มีเสียงร้องตะโกนอยู่ในใจของหยุนลี่ หากเขาฆ่าโจวเหว่ยชิง ไม่เพียงแต่เขาจะรอดพ้นเงื่อนไขการเดิมพันในครั้งนี้ แต่เขายังจะได้รับแบบร่างชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานที่ดูน่าเหลือเชื่อนี้ไปด้วย นั่นเป็นชุดที่มีถึง 10 ชิ้น! อย่างมากเขาก็แค่หนีออกจากอาณาจักรเฟยหลี่ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ด้วยทักษะและพรสวรรค์ของเขา อาณาจักรอื่นย่อมต้องอ้าแขนรับเขาแน่
ปีศาจร้ายในใจกำลังถือกำเนิดขึ้นมาและตรงเข้าต่อสู้กับศีลธรรมและจริยธรรมในใจของหยุนลี่อย่างโหดเหี้ยม ทันทีที่มันสามารถฉีกกระชากความดีในตัวเขาออกมาได้ เขาจะลงมือกับโจวเหว่ยชิงทันที ในสายตาของหยุนลี่ ด้วยระดับมณี 4 ดวงของเขา การฆ่าโจวเหว่ยชิงผู้ครอบครองมณี 3 ดวงย่อมง่ายดายมาก ทั้งสองคนเป็นจ้าวมณีสวรรค์ธาตุมิติและตัวเขาเองก็มีมณียุทธ์ประเภทความว่องไว หลังจากฆ่าเขาแล้วก็เป็นเรื่องง่ายที่จะหลบหนีออกไป
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความคิดเช่นนี้หยุนลี่ก็ยังไม่ขยับตัว ในขณะที่เขากำลังต่อสู้กับตัวเองในส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจอยู่นั้น ร่างกายของเขาก็พลันสั่นสะท้าน ดวงตาเผยให้เห็นรังสีกระหายเลือด ทว่าเขาก็ยังไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวใดๆ
แม้ว่าเขาจะหยิ่งในศักดิ์ศรี แต่เขาก็ไม่เคยกลับคำของตนเอง! แม้จะไม่เต็มใจ แม้จะมีความรู้สึกสับสนไม่มั่นคง แต่เขาก็ยังไม่อยากจะกลายเป็นบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าทรยศ คนไม่ซื่อสัตย์ หรือคนที่ผู้อื่นดูถูกเหยียดหยาม อย่างไรก็มีฝูงชนข้างนอกจำนวนมากที่เห็นการเดิมพันครั้งนี้แล้ว เขาจะกลับคำพูดของตนได้อย่างไร? ที่สำคัญกว่านั้น แม้ว่าเขาจะกลับคำจริงๆ แต่นั่นก็จะทิ้งบาดแผลไว้ในใจของเขาตลอดกาล ด้วยบาดแผลนั้น เขาย่อมไม่มีทางไปถึงจุดสูงสุดในโลกอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ได้เลย…จุดสูงสุดที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด…นั่นก็คือการเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า
โจวเหว่ยชิงยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ เขาไม่ได้พยายามบังคับหรือโน้มน้าวหยุนลี่แต่อย่างใด เพียงแค่ยืนรอการตัดสินใจของเขาอย่างเงียบๆ แม้จะมีตราประทับที่ใช้ควบคุมอีกฝ่ายได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ อย่างไรเสียระหว่างผู้ติดตามที่เต็มใจและผู้ติดตามที่ทำหน้าที่เพียงภายนอกแต่แอบคิดกบฏในใจนั้นก็แตกต่างกันเป็นอย่างมาก สิ่งที่โจวเหว่ยชิงต้องการคือผู้ติดตามที่ทำงานให้เขาอย่างเต็มกำลังด้วยหัวใจ
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงโจวเหว่ยชิงก็รู้สึกกังวลใจมากเช่นกัน นั่นไม่ได้เกิดจากความกลัวว่าหยุนลี่จะโจมตีเขา จากการคาดการณ์ของโจวเหว่ยชิง แม้ว่าหยุนลี่จะมีมณี 4 ดวง แต่เขาก็มีศาสตรามณียุทธ์เพียง 2 ชิ้นเท่านั้น แม้แต่ หมิงฮัวที่มีชุดศาสตรามณียุทธ์ 4 ชิ้นก็ยังสู้โจวเหว่ยชิงไม่ได้ แล้วหยุนลี่จะเป็นข้อยกเว้นได้อย่างไร! หากพวกเขาต้องต่อสู้อย่างแท้จริง โจวเหว่ยชิงมั่นใจมากว่าจะเอาชนะหรือแม้แต่ฆ่าอีกฝ่ายทิ้งได้
“ข้าแพ้แล้ว” ในที่สุดทั้ง 3 คำก็หลุดออกมาจากปากของหยุนลี่ด้วยความยากลำบากและขมขื่น หลังจากพูดคำเหล่านั้น เขาก็ล้มพับลงไปที่เก้าอี้นวมด้านหลังเหมือนลูกโป่งที่ถูกเจาะจนแฟบ ดวงตาของเขาปิดลงขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่อาจควบคุมได้
“เป็นความทะนงตัวของข้าที่กลับมาทำร้ายตนเอง อาจารย์ ข้าทำให้ท่านขายหน้าแล้ว ข้าแพ้แล้ว…แพ้ให้กับอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ที่มีพลังปราณและระดับต่ำกว่าข้า” จู่ๆ หยุนลี่ก็ร้องไห้ออกมา ร่างกายของเขาสั่นสะท้านเนื่อง จากสูญเสียการควบคุมตนเองไปแล้ว
เมื่อเทียบกับเสียงร้องไห้ของหยุนลี่ ฝั่งโจวเหว่ยชิงกลับยิ้มอย่างผ่อนคลาย ด้วยเหตุนี้เขาจึงตระหนักได้ว่าตอนนี้เขามีผู้ติดตามคนแรกแล้ว นี่เป็นสหายที่เขาสามารถไว้ใจได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่โจวเหว่ยชิงเองก็ยังไม่มั่นใจว่าตนจะตัดสินใจแบบเดียวกันเพราะเขาอาจกลับคำพูดของตัวเองก็ได้ แต่ถึงกระนั้นหยุนลี่ก็ยังตัดสินใจทำตามที่พูดอย่างยากลำบาก เพราะอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้เขียนสัญญาหรือทำพันธะอะไรไว้แต่แรกเลยด้วยซ้ำ หากเขาต้องการหนีจริงๆ โจวเหว่ยชิงก็ไม่อาจหยุดเขาไว้ได้อยู่แล้ว
โจวเหว่ยชิงนั่งลงเงียบๆ และค่อยๆ เก็บแบบร่างของตัวเอง
เขาไม่ได้รีบร้อนอะไรจึงปล่อยให้หยุนลี่ร้องไห้ออกมาให้หมด ท้ายที่สุดแล้วเพื่อนที่น่าสงสารคนนี้ก็เพิ่งจะสูญเสียอิสรภาพของตนเองไปตลอดชีวิต เขาจะไม่ให้อีกฝ่ายได้มีเวลาระบายได้อย่างไร?
ขณะนี้โจวเหว่ยชิงที่รักของเรากำลังยิ้มกริ่มอยู่ในใจ แม้ว่าจะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่ในที่สุดเขาก็สามารถทำให้อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงมาเป็นผู้ติดตามของตนเองได้แล้ว! ความโชคดีเช่นนี้อาจไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 แน่นอน อย่างน้อยก็ก่อนที่เขาจะมีพลังมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ฉินเฟิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างนอกต่างตกใจกับเสียงร้องไห้ที่ดังมาจากภายในห้อง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์บอกได้ทันทีว่าเสียงร้องไห้นั้นไม่ใช่ของโจวเหว่ยชิง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอหยุดวิตกกังวลแม้แต่น้อย
“สาวน้อย ใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้พวกเรายังเข้าไปไม่ได้” ฉินเฟิงรีบหยุดอีกฝ่ายไม่ให้พยายามวิ่งเข้าไปข้างใน อย่างไรเขาก็พูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนพวกเขาในห้องนั้น
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก แต่ในขณะนั้นจู่ๆ เสียงนุ่มๆ ก็ดังลอดเข้ามาในหูของเธอ เธอชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นไม่นานก็เงียบเสียงลง ใบหน้าซีดเซียวและหวาดกลัวของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอมชมพูอีกครั้ง ทั้งยังมีรอยยิ้มจางๆ ติดอยู่บนริมฝีปากอีกด้วย
………………………………