Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - ตอนที่ 36.1 ตัวประหลาดในหมู่คนอัจฉริยะ (1)
ในพริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว ฮูเหยียนเอ้าป๋อได้สอนพื้นฐานการสร้างศาสตรามณียุทธ์ให้กับโจวเหว่ยชิงทั้งหมด นั่นประกอบไปด้วยขั้นตอนต่างๆ ตลอดจนความรู้ยิบย่อยมากมาย
การสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์จำเป็นต้องใช้กระดาษชนิดพิเศษและกระดาษนี้เรียกว่ากระดาษศาสตรามณียุทธ์ ส่วนประกอบหลักในการสร้างกระดาษพวกนี้คือแก่นพลังของอสูรสวรรค์ระดับเทวะ แน่นอนว่าหลังจากพวกมันถูกบดละเอียดจนกลายเป็นผง แก่นพลังหนึ่งอันก็สามารถใช้ทำกระดาษศาสตรามณียุทธ์ได้มากกว่า 10,000 แผ่นเพราะแต่ละแผ่นต้องการผงที่ว่านั่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผงแก่นพลังนั้นจะถูกนำมาบดผสมรวมกับมณีไพฑูรย์ตาแมวที่ถูกบดเป็นผงเช่นกัน (ซึ่งก็มีความหมายโดยนัยว่าต้องอาศัยทักษะธาตุมิติของจ้าวมณี) รวมทั้งต้องอาศัยวัตถุดิบหายากและราคาแพงชนิดอื่นๆอีกมากมายเพื่อสร้างกระดาษแผ่นนี้ขึ้นมา
โดยทั่วไปแล้ว กระดาษศาสตรามณียุทธ์มักจะมีวางขายเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ บางเมืองเท่านั้น และกระดาษจำนวน 10,000 แผ่นจะมีราคาเกือบ 50,000 เหรียญทอง แน่นอนว่านั่นเป็นราคาขั้นต่ำของกระดาษที่สร้างจากแก่นพลังของอสูรสวรรค์ระดับเทวะชั้นล่างๆ ถ้ามันมาจากอสูรสวรรค์ระดับสูงกว่า ราคาก็จะพุ่งสูงขึ้นอีกเช่นกัน
หลังจากมีกระดาษศาสตรามณียุทธ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวาดแบบ ก่อนอื่นผู้สร้างจะต้องกำหนดประเภทของอาวุธ รูปลักษณ์ การใช้งาน และทักษะธาตุต่างๆ ของศาสตรามณียุทธ์เสียก่อน อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดและเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนที่สุด
ขั้นตอนสุดท้ายคือการสร้างม้วนคัมภีร์จริงซึ่งค่อนข้างยุ่งยากมากและมีขั้นตอนซับซ้อนหลายขั้นตอน ปัญหาที่ยุ่งยากที่สุดคือการผสมหมึกศาสตรามณียุทธ์ ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์แต่ละแผ่นจะใช้หมึกต่างชนิดกัน อีกทั้งยังมีขั้นตอนการผสมหมึกที่แตกต่างกัน โดยปกติแล้วมันคือการผสมเลือดอสูรสวรรค์ แก่นพลัง อัญมณี สมุนไพรและวัตถุดิบหายากอื่นๆ อีกมากมาย เพียงแค่วัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ก็แทบจะนับมูลค่าไม่ได้แล้ว
แน่นอนว่าฮูเหยียนเอ้าป๋อเป็นอาจารย์ที่ใจดีมาก เขาอธิบายกระบวนการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์อย่างละเอียดทุกขั้นตอน การยกตัวอย่างง่ายๆ ของเขายังช่วยแสดงแนวคิดการออกแบบต่างๆ ที่เข้าใจยาก นั่นรวมไปถึงวิธีการผสมหมึก วัตถุดิบหลากหลายชนิด และพื้นฐานอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อให้โจวเหว่ยชิงเข้าใจพวกมันได้อย่างถ่องแท้แทนที่จะท่องจำเพียงอย่างเดียว หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ โจวเหว่ยชิงก็เข้าใจพื้นฐานคร่าวๆ เกี่ยวกับวิธีสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์แล้ว
สำหรับฮูเหยียนเอ้าป๋อ การผสมหมึกเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ง่ายมาก แม้ว่าวัตถุดิบอาจจะยุ่งยากไปบ้างเล็กน้อย แต่ตัวเขาเองเชี่ยวชาญสูตรการผสมหมึกมากกว่า 1,000 ชนิดแล้ว ภายในไม่กี่ปีข้างหน้าโจวเหว่ยชิงก็จะสามารถจดจำและคุ้นเคยกับพวกมันได้เป็นอย่างดี สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องเรียนรู้ในตอนนี้คือการออกแบบ แน่นอนว่าการออกแบบเป็นขั้นตอนที่สามารถเกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายที่สุดเนื่องจากจำเป็นต้องพิจารณาว่าจ้าวมณีแต่ละคนจะต้องใช้กระดาษชนิดไหน
ความจริงแล้วโจวเหว่ยชิงไม่ได้เป็นคนสมองทึบ แต่ด้วยข้อมูลที่อัดแน่นเข้าสู่สมองเขาอย่างไม่ขาดสายเช่นนี้ เขาจึงรู้สึกราวกับว่าตนกำลังมึนงงอยู่ตลอดเวลา โชคดีที่โจวเหว่ยชิงไม่ใช่คนที่มัวจมจ่ออยู่กับสิ่งที่เขาไม่อาจควบคุมได้ เขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำความเข้าใจและซึมซับแนวคิดการออกแบบทั้งหมดที่ฮูเหยียนเอ้าป๋อกำลังสอนเขา อย่างไรก็ตาม ก็เหมือนกับที่ฮูเหยียนเอ้าป๋อได้กล่าวเอาไว้ เขาไม่จำเป็นต้องเร่งรีบจดจำสูตรผสมหมึกศาสตรามณียุทธ์ชนิดต่างๆในตอนนี้เนื่องจากในอนาคตเขาก็จะค่อยๆจดจำไปได้เอง
โจวเหว่ยชิงคิดว่าการออกแบบนั้นเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญมากทีเดียว รายละเอียดบางอย่างที่ซับซ้อนในการออกแบบจึงควรเรียนรู้ภายใต้การสั่งสอนของอาจารย์ในตอนนี้ ดีกว่าจะต้องไปนั่งไขปริศนาด้วยตัวเองในอนาคต
“เหว่ยน้อย ในช่วง2-3วันที่ผ่านมาข้าได้สอนเจ้าไปหลายอย่างแล้ว เจ้าน่าจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการจดจำมันทั้งหมด ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะเพิ่มเวลาฝึกอีก 4 ชั่วโมง เจ้าจะเรียนรู้และจดจำทุกอย่างได้เร็วขึ้นเมื่อลองสร้างม้วนคัมภีร์ด้วยตัวเอง การได้หยิบจับและลงมือทำจะช่วยให้เจ้าเข้าใจและตระหนักได้ด้วยตัวเอง หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับเราชาวอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์คืออัตราความสำเร็จของสิ่งที่เราสร้างขึ้น ด้วยมาตรฐานปัจจุบันของข้า แม้ว่าจะสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ในระดับพื้นๆ ที่สุด อัตราความสำเร็จของข้าก็จะอยู่ที่ประมาณ 3 ใน 10 ส่วนเท่านั้น เอาล่ะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญของอัตราความสำเร็จ?” ในขณะที่ฮูเหยียนเอ้าป๋อกำลังสอนโจวเหว่ยชิง เขามักก็จะเปลี่ยนเป็นคนที่จริงจังและอาจถือได้ว่าเป็นอาจารย์ที่เข้มงวดมากคนหนึ่ง
โจวเหว่ยชิงตอบทันที “ปัจจัยสำคัญคือเงิน กระดาษศาสตรามณียุทธ์ทุกแผ่นที่เสียไปก็คือ 5 เหรียญทองที่ต้องทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ หากรวมค่าใช้จ่ายของหมึกศาสตรามณียุทธ์ที่ผสมแล้ว นั่นจะเท่ากับเสียไปทั้งหมดเกือบ 12 เหรียญทอง”
ฮูเหยียนเอ้าป๋อพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ อย่างไรเขาเป็นคนขี้เหนียวจริงๆ นั่นแหละ “นั่นถูกต้อง ทุกความล้มเหลวก็คือการสูญเสียเงินทอง เวลา และพลังงานมหาศาล ดังนั้นเมื่อเจ้าสร้างม้วนคัมภีร์ เจ้าต้องมีสมาธิและจดจ่อกับทุกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเต็มที่ ในช่วงเวลานี้ เจ้าควรทุ่มเทจิตวิญญาณของเจ้าด้วยความกระตือรือร้นอย่างถึงที่สุด ให้ตอนนี้ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์คือทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้า”
บนโต๊ะมีแผ่นกระดาษศาสตรามณียุทธ์ที่กางออกเผยให้เห็นลายเส้นและลวดลายต่างๆ ที่ปลดปล่อยพลังออกมา ก่อกำเนิดเป็นกลไกที่สลับซับซ้อน การออกแบบนี้เป็นสิ่งที่โจวเหว่ยชิงสร้างขึ้นเมื่อวาน ทำขึ้นมาโดยมีโล่ซวนอู่ของฮูเหยียนเอ้าป๋อเป็นต้นแบบและการออกแบบโล่นี้ก็เน้นไปที่การป้องกันเป็นหลัก หลังจากออกแบบโครงร่างเสร็จสิ้น ขั้นตอนการสร้างจริงก็จะใช้หมึกศาสตรามณียุทธ์ควบคู่ไปกับทักษะธาตุมิติเพื่อหลอมรวมมันเข้ากับกระดาษศาสตรามณียุทธ์ ทั้งหมดทั้งมวลนำไปสู่ผลงานสุดท้ายนั่นก็คือม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์นั่นเอง
โจวเหว่ยชิงหยิบแปรงขนพังพอนที่มีด้ามจับทำจากหยกจุ่มลงในหมึกศาสตรามณียุทธ์ที่ฮูเหยียนเอ้าป๋อเตรียมไว้ให้เขา เขาสูดหายใจเข้าลึกพร้อมกับปลดปล่อยมณีสวรรค์ออกมา หมุนวงล้อทักษะธาตุของเขาไปยังพื้นที่สีเงินและเพ่งสมาธิไปยังกระดาษศาสตรามณียุทธ์เบื้องหน้าเขาอย่างเต็มที่ จากนั้นก็ค่อยๆ จุ่มพู่กันลงไป
หมึกศาสตรามณียุทธ์นั้นเป็นสีทองอ่อนๆ ในขณะที่เขาค่อยๆ หมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ของเขาเข้าไปที่พู่กัน มันก็เริ่มเปล่งแสงสีเงินออกมาอย่างรวดเร็ว โจวเหว่ยชิงทำตามคำแนะนำของฮูเหยียนเอ้าป๋อ ค่อยๆขยับพู่กันอย่างช้าๆและมั่นคง เคลื่อนมือไปบนกระดาษตามโครงที่เขาร่างเอาไว้อย่างแข็งขัน
ฮูเหยียนเอ้าป๋อที่ยืนอยู่ข้างหลังกำลังจ้องมองผลงานของโจวเหว่ยชิงแบบตาไม่กระพริบด้วยความพึงพอใจ มณียุทธ์ของโจวเหว่ยชิงเป็นประเภทความแข็งแกร่งดังนั้นจึงช่วยให้ฝีแปรงของเขามั่นคงมาก และการค้นพบนี้ก็ทำให้เขาพึงพอใจอย่างคาดไม่ถึง
ในขณะที่โจวเหว่ยชิงเพิ่งจะขยับมือวาดไปได้ไม่ถึงระยะ 1 นิ้ว เขาก็รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างกำลังแตกร้าว ทันใดนั้นภาพร่างที่มีแสงเรืองรองขึ้นมาหลังถูกพู่กันของเขาลากผ่านก็ค่อยๆจางลงและหายไปในที่สุด
“หยุดก่อน” ฮูเหยียนเอ้าป๋อกล่าวอย่างเคร่งขรึม
โจวเหว่ยชิงเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาสับสน
ฮูเหยียนเอ้าป๋อกล่าวว่า “เจ้าเพิ่งเริ่มสร้างม้วนคัมภีร์ จำไว้ว่าต้องทำอย่างช้าๆ ให้หมึกรวมเข้ากับทักษะธาตุมิติของเจ้าก่อน จากนั้นถึงค่อยให้พวกมันหลอมรวมเข้ากับกระดาษศาสตรามณียุทธ์ที่เหลือ เมื่อทำเช่นนั้นเสร็จถึงค่อยลากไปจุดอื่นได้ อย่างไรก็ตาม จงอย่าลืมว่าเจ้าก็ไม่อาจชักช้าเกินไปได้เช่นกัน ไม่เช่นนั้นหมึกจะถูกทิ้งไว้ที่จุดใดจุดหนึ่งมากเกินไปจนทำให้กระดาษเสียหาย ในการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ สิ่งที่ยากที่สุดคือการกะเวลาที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นเจ้าจะทำสำเร็จก็ต่อเมื่อผ่านการฝึกมานับครั้งไม่ถ้วน จนกว่ามันจะฝังแน่นอยู่ในความจำของกล้ามเนื้อ หมึกศาสตรามณียุทธ์และกระดาษศาสตรามณียุทธ์แต่ละชนิดจะมีอัตราความเข้ากันได้ที่แตกต่างกัน ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมันหลอมรวมกันแล้วก็ยังให้สัมผัสที่แตกต่างกันออกไปด้วย เจ้าเพิ่งเริ่มต้นเรียนดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ หากไม่ผ่านมืออย่างน้อย 10,000 แผ่นเจ้าก็ยังไม่อาจประสบความสำเร็จได้ เพราะฉะนั้นเจ้าจะต้องอดทนและใจเย็น”
โจวเหว่ยชิงพูดด้วยสีหน้าเศร้าใจ “หากเป็นเช่นนั้น กระดาษศาสตรามณียุทธ์แผ่นนี้ก็ใช้การไม่ได้แล้วหรือขอรับ? เพียงพริบตาเดียวก็เสียไปแล้วตั้ง 5 เหรียญทอง! นี่คือการเผาเงินเผาทองทิ้งอย่างแท้จริง! อาจารย์ ข้าไม่กล้าคิดว่าราคาที่ท่านตั้งไว้สำหรับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ของท่านมีราคาแพงอีกต่อไป!”
ฮูเหยียนเอ้าป๋อแค่นเสียงพร้อมกับกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าการฝึกอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์คนหนึ่งเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้นเลยหรือ! นั่นมันผลาญทั้งเวลาทั้งเงินทอง! เจ้ายังมีเวลาร่วมกับข้าอีก 4 เดือน ข้าหวังว่าเมื่อถึงเวลาที่เจ้าต้องออกจากโรงเรียนฝึกทหารเฟยหลี่ เจ้าจะสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับพื้นๆ ได้สำเร็จ 1 ใบ และเมื่อเจ้าทำสำเร็จแล้ว เจ้าก็ยังต้องฝึกฝนทุกวันต่อไปเรื่อยๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะกลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับแรกได้ภายใน 3 ถึง 5 ปี อย่าลืมว่าความรู้พื้นฐานมีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นเจ้าจะต้องมั่นใจว่าเข้าใจมันเป็นอย่างดี อย่างไรเสีย เจ้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องวัตถุดิบ ข้าจะจัดเตรียมเอาไว้ให้เจ้าเอง”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้า แม้ว่าเขาจะไม่อาจทำใจผลาญเงินและวัตถุดิบทิ้งไปเช่นนี้ แต่เขาก็ทำได้เพียงโยนเศษกระดาษทิ้งไปด้านข้างอย่างจำใจ มองไปที่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะ จากนั้นก็หยิบกระดาษแผ่นใหม่จากกองกระดาษที่วางอยู่ที่นั่น ฮูเหยียนเอ้าป๋อกล่าวว่า “เจ้าค่อยๆ ฝึกไปช้าๆ ก็แล้วกัน ข้าจะเรียกเจ้าเมื่อถึงเวลากินข้าว”
“อย่างน้อยการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์นัก แม้ว่ามันจะไม่ช่วยเพิ่มระดับพลังปราณสวรรค์ของเจ้า แต่มันก็เป็นการฝึกฝนที่ดีมากในแง่ของการขัดเกลาจิตใจและจิตวิญญาณ อีกทั้งยังช่วยให้เจ้าสามารถควบคุมพลังปราณสวรรค์ได้ดียิ่งขึ้นด้วย ในขณะที่เจ้าฝึกสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ เจ้าจะพบว่าความสามารถในการควบคุมทักษะที่กักเก็บไว้ของเจ้าดีขึ้นมาก เอาล่ะ เจ้าฝึกต่อเถิด ข้าจะไปพักผ่อนก่อน” ฮูเหยียนเอ้าป๋อไม่ใช่เด็กหนุ่มอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องการเวลาพักฟื้นหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาเป็นเวลานานถึง 2 ปี
หลังจากฮูเหยียนเอ้าป๋อจากไปแล้ว โจวเหว่ยชิงก็พยายามสร้างคัมภีร์อีกครั้ง ทว่าคราวนี้เขาก็ยังคงล้มเหลวหลังจากวาดไปได้ไม่ถึง1นิ้ว แม้ว่าความล้มเหลวในครั้งนี้จะเกิดจากการที่เขาลากมือช้าเกินไปจนทำให้หมึกไปรวมตัวกระจุกกันอยู่ในจุดเดียว
เขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนขณะที่หมึกและกระดาษกำลังหลอมรวมเข้าด้วยกัน ฮูเหยียนเอ้าป๋อชี้ให้เห็นหลายประเด็นที่เขาจำเป็นต้องจดบันทึก แต่เมื่อเขาลงมือทำจริงๆ ขณะหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ไปที่พู่กัน เขาก็พบว่ามันไม่ได้ควบคุมง่ายอย่างที่เขาคิด เช่นเดียวกับสิ่งที่ฮูเหยียนเอ้าป๋อเคยพูดเอาไว้ มันเป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างลึกล้ำและแปลกประหลาดเมื่อทั้งกระดาษและหมึกหลอมกำลังผสานเข้าด้วยกัน อาจกล่าวได้ว่าสำหรับกระดาษเกือบทุกแผ่นนั้น แม้ว่าพวกมันจะทำมาจากแก่นพลังชิ้นเดียวกัน แต่พวกมันก็ยังแตกต่างกันเล็กน้อย บางครั้งความแตกต่างเพียงเล็กน้อยนี่แหละที่ทำให้กระบวนการทั้งหมดของเขาล้มเหลว
โจวเหว่ยชิงยังคงพยายามต่อไป กระทั่งผ่านไป 7 แผ่นแล้ว ทั้งหมดก็ยังคงล้มเหลว ตอนนี้หน้าผากของเขาเคลือบไปด้วยชั้นเหงื่อบางๆ เขาเพ่งสมาธิและจดจ่อมากเกินไปจนตอนนี้ดวงตาของเขาแทบจะปูดโปนออกมาแล้ว
โจวเหว่ยชิงวางพู่กันลงพร้อมกับพึมพำกับตัวเอง เขาพยายามกรุ่นคิดด้วยความรู้ที่เขามีทั้งหมด “เวลาที่พอดี…ประสาทสัมผัส…เวลา…ประสาทสัมผัส…ข้าจะใช้ประสาทสัมผัสควบคุมเวลาให้พอเหมาะได้อย่างไร? นี่มันยากเกินไปจริงๆ ไม่แปลกใจที่อาจารย์บอกว่าต้องฝึกฝนอย่างน้อย 10,000 แผ่นถึงจะทำสำเร็จได้ ข้าคงต้องพักสักครู่เพื่อจะได้เพ่งสมาธิได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง มิฉะนั้นโอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็คงจะน้อยลงไปอีก”
ในขณะที่เขาคิดเช่นนั้น โจวเหว่ยชิงก็นอนลงกับพื้น ปลดปล่อยพลังปราณสวรรค์และมณีของเขาออกมา ในขณะที่เขาพักผ่อนจู่ๆ แสงสว่างแห่งปัญญาก็ผุดขึ้นมาช่วยชีวิตเขาไว้ได้ทันที
ทักษะธาตุ…กาลเวลา ทันใดนั้นโจวเหว่ยชิงก็พลิกกลับขึ้นไปนั่งด้วยดวงตาทอประกายความยินดี “ใช่แล้ว! นั่นไม่ใช่กุญแจสำคัญในการจับจังหวะเวลาให้พอดีหรอกหรือ? ถ้าข้าไม่อาจควบคุมประสาทสัมผัสได้ ทำไมไม่ควบคุมเวลาไปโดยตรงเลยล่ะ? อย่างไงซะ ทักษะธาตุที่ 6 ของข้าก็คือทักษะธาตุกาลเวลาอยู่แล้วนี่นา!”
เมื่อคิดได้แบบนั้น จิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น หลังจากได้รับมณีชุดที่ 2 ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ที่กักเก็บไว้ในมณีดวงแรกของเขาก็วิวัฒน์ขึ้นเช่นกัน แต่ประสิทธิภาพของมันยังคงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับทักษะอื่นๆ ของเขา ระยะโจมตีเพิ่มขึ้นจาก 5 หลาเป็น 6 หลา ในแง่ของระยะเวลาที่ควบคุมได้ก็เพิ่มระดับขึ้นเช่นกัน ข้อดีเพียงอย่างเดียวของทักษะนี้คือมันใช้เวลาฟื้นฟูต่ำมาก หรือก็คือ 3 วินาทีเท่านั้น ทว่า มันก็เผาผลาญพลังปราณสวรรค์ของเขาไปค่อนข้างมากเช่นกัน ด้วยระดับพลังปราณในปัจจุบันของเขา เขาสามารถใช้มันได้ 8 ครั้งต่อเนื่องกัน และด้วยพลังฟื้นฟูของหลุมดำพลังปราณ เขาก็สามารถใช้ทักษะนี้ต่อเนื่องกันได้มากที่สุด 9 ครั้ง ด้วยระยะการโจมตีสั้นๆ และความสามารถในการหน่วงเวลาเพียง 1 วินาทีดังกล่าว โจวเหว่ยชิงจึงคิดว่าทักษะนี้มีประโยชน์ในการต่อสู้ไม่มากนัก อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้เพราะเขารู้สึกเสมอว่าการหน่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั้นไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่
………………………………
Related