Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - ตอนที่ 108 วิญญาณมังกรกลายสภาพและชุดชังพสุธาไร้ที่ยก! (3)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- ตอนที่ 108 วิญญาณมังกรกลายสภาพและชุดชังพสุธาไร้ที่ยก! (3)
ในฐานะอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์และยอดฝีมือระดับเทพเจ้า ทั้ง 3 คนสามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าระดับพลังปราณของหลินเทียนอ้าวนั้นสูงกว่าโจวเหว่ยชิงมาก ในฐานะหัวหน้ากลุ่มนักรบเฟยหลี่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความสามารถและทักษะของเขานั้นอยู่ในสถานะที่ตายตัวและเป็นไปได้ว่าเขาได้หลอมรวมมณียุทธ์ส่วนใหญ่ของเขาไปแล้ว ในตอนนี้มันจึงสายเกินไปที่เขาจะสวมชุดในตำนาน ดังนั้นหากพวกเขาต้องออกแบบศาสตรามณียุทธ์สำหรับเขา มันก็น่าจะเป็นเพียงศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า ‘ธรรมดาๆ’ ด้วยทักษะของปรมาจารย์ทั้ง 3 ที่ทำงานร่วมกัน การออกแบบและสร้างศาสตรามณียุทธ์เพียงชิ้นเดียวนั้นค่อนข้างง่าย ดังนั้นเย่รุ่ยเฉินจึงวางแผนที่จะสร้างม้วนคัมภีร์ให้หลินเทียนอ้าวเสร็จเป็นคนแรกก่อนจะคุยกับเว่ยหยางและสิงเทียนอี้เกี่ยวกับชุดในตำนานของโจวเหว่ยชิง สำหรับพวกเขา นั่นเป็นงานที่สำคัญกว่า แม้ว่าแบบร่างจะมีเพียง 3 ชิ้น แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างแรงบันดาลใจและเป็นเชื้อเพลิงที่เป็นประโยชน์แก่พวกเขา
“เหว่ยชิง ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้านี้ควรเป็นของเจ้า ข้าไม่อาจรับไว้ได้” ในที่สุด หลินเทียนอ้าวก็เปล่งเสียงออกมาอย่างแน่วแน่ ต้องรู้ว่ามันยากแค่ไหนกว่าเขาจะเอื้อนเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกมาเพื่อปฏิเสธข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจดังกล่าวได้ เขาไม่มีพรสวรรค์สูงส่งเหมือนโจวเหว่ยชิง ไม่มีสถานะปีศาจกลายร่างหรือทักษะธาตุที่หายากจำนวนมากเหมือนเด็กหนุ่ม และเขาก็ไม่ได้เป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ อาจมีบางสิ่งที่โจวเหว่ยชิงอาจมองข้ามเพราะมีความสำคัญน้อย แต่สำหรับหลินเทียนอ้าวและประสบการณ์ของเขา พวกมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ง่ายๆ
โจวเหว่ยชิงยกมือขึ้นจับไหล่ของหลินเทียนอ้าวเพื่อบอกให้เขาเงียบ “หัวหน้า ไม่ต้องพูดแล้ว ครั้งนี้การที่เราเข้าสู่งานประลองได้ก็เพราะท่านเป็นผู้นำอย่างเป็นทางการ แม้ข้าอาจทำผลงานได้ดีกว่าเล็กน้อย แต่ถ้าไม่มีท่านหรือคนอื่นๆ ในกลุ่ม เราก็จะไม่สามารถเข้าสู่ 4 อันดับแรกได้เลย ท่านเป็นเสาหลักของพวกเราและเป็นจิตวิญญาณของกลุ่มด้วย นี่คือสิ่งที่ท่านสมควรได้รับอย่างแท้จริง นอกจากนี้ แม้ว่าท่านจะโต้แย้งว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่อย่าลืมว่าตอนนี้เราได้ลงเรือลำเดียว กันแล้ว ยิ่งท่านแข็งแกร่งเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีสำหรับข้าเท่านั้น นอกจากนี้ ข้ายังอยู่ในระดับมณี 3 ชุดเท่านั้น และข้าก็กำลังจะได้รับศาสตรามณียุทธ์อีก 3 ชิ้นด้วย ครานี้ข้าได้ทำการซื้อขายกับวังสวรรค์ไพศาลและอาจารย์ทั้งสามจะสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าให้ข้า 3 ชิ้น และนั่นก็เพียงพอให้ข้าใช้ได้อีกนาน ดังนั้น หัวหน้า ท่านไม่จำเป็นต้องเกรงใจข้า ยอมรับสิ่งที่ท่านสมควรได้เถอะ ท่านต้องการรางวัลนี้มากกว่าข้า”
ไม่มีใครในกลุ่มนักรบเฟยหลี่รู้เกี่ยวกับการค้าระหว่างโจวเหว่ยชิงกับวังสวรรค์ไพศาล มีเพียงเทียนเอ๋อร์เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้เล็กน้อย เมื่อหลินเทียนอ้าวได้ยินเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่เขาจะได้รับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า 3 ชิ้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ แม้ว่านี่จะเป็นเกาะมณีสวรรค์ แต่เมื่อใดกันที่ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้ากลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเช่นนี้!
เมื่อเห็นทั้ง 2 คนพยายามหลีกทางให้กันและกัน สิงเทียนอี้ก็พยักหน้าอย่างชอบใจเล็กน้อย ส่วนเว่ยหยางก็เผยรอยยิ้มเล็กๆ แม้แต่สายตาของเย่รุ่ยเฉินที่กระวนกระวายก่อนหน้านี้ก็ดูอ่อนโยนขึ้น
ในฐานะอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือสามารถค้นคว้าแบบร่างและสร้างศาสตรามณียุทธ์ชิ้นที่ดีที่สุดขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน พวกเขาหวังก็ว่าศาสตรามณียุทธ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นจะถูกใช้โดยผู้ที่มีจิตใจดี ไม่ว่าจะเป็นโจวเหว่ยชิงหรือหลินเทียนอ้าว ทั้งสองต่างก็เต็มใจที่จะมอบม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าให้แก่กันและกัน นี่ก็เกินพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนเห็นนิสัยใจคอของเด็กหนุ่มทั้งสอง แม้ว่าอาจารย์ทั้ง 3 จะไม่ได้พูดอะไร แต่พวกเขาต่างก็กำลังพยักหน้าให้กับตัวเอง
หลินเทียนอ้าวยังคงลังเล แต่โจวเหว่ยชิงก็ได้ลากเขาไปข้างหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแฝงเลศนัย “ผู้เฒ่าเย่ แม้ว่าพี่ชายของข้าคนนี้จะต้องการศาสตรามณียุทธ์เพียงชิ้นเดียว แต่ความยากของมันก็สาหัสมาก พี่ใหญ่ แสดงให้อาจารย์ทั้ง 3 ท่านเห็นศาสตรามณียุทธ์ปัจจุบันของท่านที”
ในฐานะอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ โจวเหว่ยชิงรู้ว่าการสร้างศาสตรามณียุทธ์สำหรับหลินเทียนอ้าวนั้นยากเพียงใด สำหรับโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ของเขา ยิ่งเพิ่มชิ้นส่วนเข้าไปมากเท่าไหร่ ความยากในการสร้างชิ้นต่อไปก็เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณเท่านั้น ตัวอย่างเช่น โล่ชิ้นแรกของเขาเป็นเพียงม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับพื้นฐาน ชิ้นที่ 2 อยู่ในระดับกลาง ชิ้นที่ 3 เป็นระดับสูง ในขณะที่ชิ้นที่ 4 และ 5 เป็นระดับปรมาจารย์
เพื่อที่จะทำให้โล่ประสานศาสตรามณียุทธ์นี้ดำเนินต่อไป มันจะต้องยากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่ต้องสงสัยแน่ หากเป็นเพียงแค่การสานต่อโล่ชิ้นที่ 6 ของเขา มันก็จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าทั้ง 3 คนนี้ เพราะถึงอย่างไรม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะก็ใช้เวลาออกแบบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทว่าตามกฎงานประลองมณีสวรรค์ หลินเทียนอ้าวควรได้รับศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า และหากพวกเขาพยายามที่จะเพิ่มศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าเป็นโล่ชิ้นที่ 6 ในชุดประสานศาสตรามณียุทธ์ของเขา นั่นก็จะเป็นงานที่ยากกว่าเดิมมาก
หลินเทียนอ้าวมองไปที่โจวเหว่ยชิงสักพัก ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก ชายหนุ่มหมุนเวียนพลังปราณเพื่อปลดปล่อยมณีสวรรค์และเรียกโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ของเขาออกมาให้อาจารย์ทั้ง 3 ได้มองอย่างชัดเจน เมื่อโล่ก่อตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา มันก็ก่อให้เกิดเสียงอื้ออึงดังไปทั่วห้องโถงที่เงียบงัน และเมื่อมองไปที่โล่ทั้ง 5 ที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว แม้แต่ปรมาจารย์ทั้ง 3 ก็อดไม่ได้ที่จะเผยให้เห็นใบหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
อาจกล่าวได้ว่าชุดประสานศาสตรามณียุทธ์นั้นไม่ได้หายาก แต่สำหรับผู้ที่เริ่มต้นด้วยชุดประสานศาสตรามณียุทธ์ตั้งแต่ชิ้นแรกและเดินทางต่อไปจนถึงชุดที่ 5 นั้นกลับหายากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนประเภทหลินเทียนอ้าว คนที่มีทักษะธาตุเป็นประเภทป้องกันขั้นสุดยอดและชุดประสานศาสตรามณียุทธ์เป็นส่วนเสริม คนที่มีความสุดขั้วแบบนี้หาได้ยากกว่าเป็นไหนๆ
นอกจากนี้ โดยทั่วไปแล้วชุดประสานศาสตรามณียุทธ์ส่วนใหญ่มักจะเป็นอาวุธ เนื่องจากจ้าวมณีสวรรค์เหล่านี้จะพึ่งพาชุดประสานอาวุธและพลังจู่โจมที่รุนแรงเพื่อจัดการศัตรูของพวกเขาอย่างฉับไว ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเคยเลือกใช้โล่ประสานศาสตรามณียุทธ์มาก่อน แต่เป็นเรื่องยากมากที่จ้าวมณีสวรรค์จะละทิ้งความสามารถในการรุกของตนเองไปโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้ โล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ก่อนหน้านี้จึงมักจะมีไม่เกิน 2-3 ชิ้น
เย่รุ่ยเฉินพยักหน้าเล็กน้อยๆ และกล่าวว่า “น่าสนใจ…น่าสนใจมากจริงๆ สหายน้อย เจ้ากำลังคิดที่จะใช้โล่ประสานศาสตรามณียุทธ์นี้ต่อไปหรือต้องการสร้างอาวุธที่ทรงพลังขึ้นมาล่ะ?”
ก่อนที่หลินเทียนอ้าวจะตอบกลับ เว่ยหยางก็เม้มริมฝีปากของเธออย่างดูถูกเหยียดหยามจากด้านข้างและพูดว่า “เจ้าอย่าโง่เง่าจะได้ไหม? เหว่ยชิงกล่าวแล้วว่านี่จะเป็นงานยากสำหรับพวกเรา นั่นหมายความว่าเขาต้องการให้พวกเราสร้างชุดประสานศาสตรามณียุทธ์นี้ต่อไป ไม่เช่นนั้นม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าธรรมดาๆ จะสร้างปัญหาให้เราได้อย่างไร? เอาเถอะ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร นี่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับพวกเราอยู่ดี”
เย่รุ่ยเฉินกล่าวอย่างเคืองๆ “ไม่ใช่ปัญหาใหญ่?! หากจะสร้างโล่ชิ้นที่ 6 เป็นศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย นอกจากนี้ อนาคตของเขาจะเป็นอย่างไร…เขาจะต้องให้ศาสตรามณียุทธ์ชิ้นต่อๆ ไปเป็นระดับเทพเจ้าด้วย มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถใช้ชุดประสานศาสตรามณียุทธ์นี้ต่อไปได้ นั่นจะไม่เป็นปัญหาใหญ่ได้อย่างไร?”
เว่ยหยางส่งเสียงหึในลำคออย่างเหยียดหยามและพูดว่า “เจ้าจะไปรู้อะไร! โล่ 5 ชิ้นแรกของเขามีพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมมาก พวกมันได้รับการออกแบบและจัดวางเป็นชั้นๆ เป็นอย่างดี โล่ชิ้นที่ 6 นี้อาจไม่เหมาะที่จะเป็นศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าโล่ชิ้นต่อๆ ไปในอนาคตจะไม่ดีไปด้วย ความจริงมันเป็นเรื่องง่ายที่จะแก้ปัญหาของเขา ตราบใดที่เราช่วยเขาสร้างชุดประสานศาสตรามณียุทธ์ก่อนหน้าชิ้นที่เป็นระดับเทพเจ้า ทุกอย่างก็จะเข้าที่เองโดยธรรมชาติ”
ขณะพูดอย่างนั้น เธอก็หันไปหาหลินเทียนอ้าวและพูดต่อ “สถานการณ์จะเป็นเช่นนี้สหายน้อย ถ้าเจ้าอยากจะเดินตามเส้นทางสายป้องกันของตนเองต่อไปให้ได้มากที่สุด และทำให้ชุดประสานศาสตรามณียุทธ์ของเจ้ารุ่งเรืองไปจนสุดทาง โล่ชิ้นที่ 6 ของเจ้าไม่อาจเป็นระดับเทพเจ้าได้ มิฉะนั้น เจ้าจะไม่สามารถไปถึงโล่ชิ้นที่ 10”
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า แต่เมื่อพวกเขาช่วยผู้อื่นคำนวณเส้นทางการพัฒนาความแข็งแกร่งในอนาคต พวกเขาจะไม่โง่คำนวณไปถึงมณีชุดที่ 12 การคำนวณจะนับถึงระดับราชา (10ชิ้น) เท่านั้น และมันก็มักจะเป็นจำนวนสูงสุดอยู่แล้ว แน่นอนว่าชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานนั้นอยู่นอกเหนือจากสถานการณ์ปกติเหล่านี้
หลินเทียนอ้าวโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพในองศาที่มากกว่าโจวเหว่ยชิงและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสได้โปรดให้คำแนะนำข้าน้อยด้วย ข้าจะฟังและปฏิบัติตามแน่นอน”
เว่ยหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าชอบเหว่ยชิงมากและข้าก็เห็นว่าเจ้าสองคนสนิทกัน ดีมาก นี่เป็นวันโชคดีของเจ้าแล้ว ตามสถานการณ์ปัจจุบันของโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ของเจ้า ข้าจะแนะนำว่าชิ้นที่ 6 7 และ 8 ของเจ้าต้องทำจากม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะ และมีเพียงชิ้นที่ 9 เท่านั้นที่จะอยู่ในระดับเทพเจ้า ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่เจ้าจะสามารถดำเนินการต่อตามลำดับชุดประสานศาสตรามณียุทธ์ปัจจุบันของเจ้าได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างรากฐานสำหรับชิ้นต่อๆ ไปอย่างเหมาะสมด้วย และต่อไปในอนาคต แม้จะเจ้าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า แต่เมื่อประกอบโล่ทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว พลังโดยรวมก็จะเพิ่มมากขึ้นแบบทวีคูณ ในขณะเดียวกัน ตามทฤษฎีแล้ว อย่างน้อยก็ยังช่วยให้โล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ของเจ้าสามารถยกระดับไปจนถึง 12 ชิ้นได้ เหตุผลที่ข้าแนะนำให้เจ้าเริ่มต้นใช้ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าที่มณีชุดที่ 9 นั้นเป็นเพราระดับเทวะขั้นสูงสุดถือเป็นด่านยากลำบากสำหรับจ้าวมณีสวรรค์เกือบทั้งหมด เมื่อเจ้าไปถึงระดับนั้น หากมีศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าคอยช่วยเหลือ มันก็จะทำให้เจ้าสามารถฝ่าไปยังระดับราชาได้”
เมื่อได้ยินเว่ยหยาง อาจารย์ระดับเทพเจ้าที่มีประสบการณ์มากมายกล่าวคำแนะนำของตนเองให้ฟัง หลินเทียนอ้าวก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีประตูบานใหม่เปิดออกตรงหน้าเขา เป็นเส้นทางที่แจ่มชัดมาก เขาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ขอบคุณผู้อาวุโส แต่ข้าจะได้ม้วนคัมภีร์โล่ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะอีก 3 ชิ้นที่ว่ามาได้อย่างไร?”
ทักษะการสังเกตคนของโจวเหว่ยชิงนั้นยอดเยี่ยมมาก และเขาก็ตัดบทอย่างรวดเร็ว “พี่ใหญ่ ท่านผิดแล้ว ท่านควรจะขอบคุณท่านน้าเว่ยหยางเร็วๆ ท่านน้าเว่ยหยางได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว นั่นหมายความว่านางยินดีที่จะช่วยท่านทำโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะทั้งหมดให้เสร็จเช่นกัน!”
เมื่อได้ยินโจวเหว่ยชิงเรียกเธอว่าน้า เว่ยหยางก็ชะงักไป อย่างที่โบราณเคยกล่าวไว้ ตีงูเลื้อยขึ้นตามท่อนไม้ และหลังจากคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ เว่ยหยางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกับตัวเอง
ดวงตาของเย่รุ่ยเฉินเบิกกว้างก่อนจะร้องว่า “เหว่ยชิง สหายน้อย เจ้าเรียกนางว่าอะไรนะ? ท่านน้า? นางสามารถเป็นย่าของเจ้าได้แล้ว อีกไม่กี่ปีก็จะลงโลงอยู่แล้ว!”
โจวเหว่ยชิงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจพลางพูดว่า “จริงหรือ! แต่…จากที่ข้าเห็น ท่านน้าเว่ยยางอายุเกือบเท่าท่านน้าของข้าเลย! ผู้เฒ่าเย่ ท่านไม่ควรพยายามหลอกผู้น้อยคนนี้นะขอรับ”
ก่อนที่เย่รุ่ยเฉินจะอ้าปากพูดอีกครั้ง เว่ยหยางก็กล่าวว่า “ถ้าเขาอยากเรียกข้าว่าท่านน้าก็ช่างเถอะ! เหว่ยชิงพูดถูก หลินเทียนอ้าวฝากโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ของเจ้าไว้กับข้าเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าไปตลอดทางจนถึงชิ้นที่ 9 เอง แต่สำหรับม้วนคัมภีร์ม้วนถัดๆ ไปของเจ้า มันก็จะต้องขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเว่ยหยาง หลินเทียนอ้าวก็รู้สึกดีใจ และโค้งคำนับอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ เขารู้ดีว่าหากสามารถดำเนินตามเส้นทางโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ของเขาไปจนถึงมณีชุดที่ 9 ได้ นั่นจะเป็นความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน นอกจากนี้หนึ่งในนั้นยังเป็นศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าด้วย! การก้าวผ่านไปยังระดับราชาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ แม้แต่คนที่มีพรสวรรค์เทียบเท่าโจวเหว่ยชิงก็มีความเป็นไปได้ที่จะติดอยู่ที่ระดับมณี 9 ชุด ด้วยเหตุนี้ การที่สามารถเข้าถึงความแข็งแกร่งสูงสุดในระดับ 9 มณีได้จึงเป็นสิ่งที่จ้าวมณีสวรรค์เกือบทุกคนพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มาครอบครอง
หากโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ของหลินเทียนอ้าวสามารถไปได้ถึง 9 ชิ้นได้จริงๆ เมื่อรวมกับคุณสมบัติป้องกันขั้นสุดยอดของเขา เขาก็จะกลายเป็นป้อมปราการขนาดใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย ในตอนนั้น แม้แต่ยอดฝีมือระดับราชาก็อาจไม่สามารถทลายการป้องกันของเขาได้
สิงเทียนอี้ยิ้มน้อยๆขณะกล่าวว่า “หากเป็นเช่นนั้น เราก็เริ่มกันเถอะ ข้าจะเริ่มผสมและสร้างหมึกศาสตรามณียุทธ์สำหรับชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานทั้ง 3 ชิ้นของเหว่ยชิง เว่ยหยาง รุ่ยเฉิน เจ้าสองคนร่วมมือกันเพื่อออกแบบโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ที่เหลือและสร้างขึ้นมา เมื่อเจ้าสองคนทำเสร็จแล้วให้มาช่วยข้า และพวกเรา 3 คนก็จะผนึกกำลังกันเพื่อสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานให้สำเร็จ”
เว่ยหยางและเย่รุ่ยเฉินพยักหน้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นเป็นแผนที่ดีที่สุดแล้ว ด้วยทักษะในการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ของพวกเขา ด้วยแบบร่างในมือ แม้แต่ชุดในตำนานก็ยังถือว่าไม่ยากจนเกินไป
…………………………………………………………