Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - ตอนที่ 102 ปรมาจารย์การต่อสู้ระยะประชิด! (2)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- ตอนที่ 102 ปรมาจารย์การต่อสู้ระยะประชิด! (2)
“อ้วนน้อยโจว เจ้ากล้าหรือ!” ในช่วงเวลานั้น เมื่อเธอต้องทักษะคำสาปลงทัณฑ์ สมาชิกหญิงกลุ่มนักรบจ้งเทียนก็หยุดต่อต้านและจ้องมองโจวเหว่ยชิงด้วยความโกรธเกรี้ยวก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง แน่นอนว่าคราวนี้เธอใช้เสียงดั้งเดิมของตนเอง เป็นน้ำเสียงที่ไพเราะและกระจ่างชัดซึ่งมาพร้อมกับความโกรธที่อัดแน่นอยู่ภายใน หญิงสาวยกมือขึ้นและเอียงกรงเล็บเล็กน้อย หน้ากากที่สร้างขึ้นมาเป็นอย่างดีก็หลุดออกจากใบหน้าของเธอ
โจวเหว่ยชิงที่กำลังพุ่งเข้าใส่เธอด้วยพลังทั้งหมดที่มีพร้อมกับทักษะพายุสลาตันพลันตื่นตกใจกับภาพที่อยู่เบื้องหน้าเขา เด็กหนุ่มกำลังตกตะลึงที่เห็นว่าใบหน้าธรรมดาๆ ของสมาชิกกลุ่มนักรบจ้งเทียนตอนนี้…แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เหมือนกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ทุกประการ!
แม้ความรู้สึกจะบอกเขาว่านี่ไม่อาจเป็นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้เนื่องจากระดับพลังของอีกฝ่ายแตกต่างกันมากเกินไป แต่เขาก็ไม่อาจจู่โจมต่อไปได้อีก หากนี่เป็นพี่สาวคนใดคนหนึ่งของเธอ เขาจะทำร้ายพวกนางได้อย่างไร?
โจวเหว่ยชิงพยายามสลายค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนานในมือของเขาทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ขาขวาของเขากระแทกพื้นอย่างโหดเหี้ยม เสเปลี่ยนทิศทางทันเวลาก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าใส่เธออย่างจัง
สำหรับแม่มดน้อย เมื่อเธอเห็นสมาชิกหญิงกลุ่มนักรบจ้งเทียนเปิดเผยรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงออกมา เธอก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน หญิงสาวถอนทักษะนักล่าเงาของตนเองออกอย่างรวดเร็วและขยับไปด้านข้างเล็กน้อย
เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงพุ่งผ่านเธอไป สมาชิกหญิงกลุ่มนักรบจ้งเทียนก็รู้สึกได้ถึงความโกรธที่เพิ่มขึ้นภายในใจและอดไม่ได้ที่จะยกเท้าขึ้นเตะก้นของเขาอย่างรวดเร็ว
คู่ต่อสู้คนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ พี่สาวคนรองของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ หลังจากที่ถูกโจวเหว่ยชิงขโมยจูบแรกของเธอไป ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็รู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เธอจึงยั่วยุให้จ้านหลิงเทียนให้โกรธจัดจนลอบนำเธอเข้าไปในกลุ่มนักรบจ้งเทียนและใช้หน้ากากเพื่อปิดบังอำพรางตัว ด้วยวิธีนี้ เธอจึงสามารถเข้าสู่งานประลองมณีสวรรค์รอบชิงชนะเลิศเพื่อหาทางแก้แค้นได้
แม้ว่าระดับพลังปราณของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จะไม่สูงเท่าซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ แต่เธอก็มีความสามารถเฉพาะตัวสูงมาก ถือว่าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะอันดับต้นๆ ของคนรุ่นใหม่ที่มีมณียุทธ์แปรสภาพคู่ ทั้งยังเป็นหนึ่งในการแปรสภาพที่หายากและทรงพลังกว่าคนอื่นๆ หากไม่ใช่เพราะเธอมีสถานะสำคัญในวังสวรรค์ไพศาล เธอจะมีอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าจำนวนมากคอยช่วยออกแบบและสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานรูปแบบเฉพาะเจาะจงเช่นนี้ได้อย่างไร? เพราะท้ายที่สุดแล้วอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าเหล่านี้ก็มีสถานะสูงส่งเป็นอย่างยิ่งในวังสวรรค์ไพศาล และพวกเขาก็ไม่มีภาระหน้าที่อื่นใดนอกจากคอยช่วยเหลือเจ้าวังและทายาทสายตรงของพวกเขาสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์สวรรค์ไพศาลไร้สิ้นสุด นอกจากนี้ วังสวรรค์ไพศาลก็ยังไม่อาจบังคับให้พวกเขาช่วยเหลือหากพวกเขาไม่ต้องการ ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ตามเซ้าซี้และรังควานเหล่าอาจารย์อย่างไม่หยุดหย่อนด้วยเล่ห์เหลี่ยมทั้งหมดของเธอ ก่อนที่จะได้รับศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าทั้ง 4 มาครอบครองในที่สุด ปีศาจน้อยแห่งวังสวรรค์ไพศาลนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งเกาะมณีสวรรค์ บางทีชื่อของเธออาจเป็นที่รู้จักมากกว่าพี่สาวของเธออย่างซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ ทายาทและจ้าววังคนต่อไปด้วยซ้ำ!
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าแม้จะใช้พลังทั้งหมดของตนเองไปแล้ว เธอก็ยังจะพ่ายแพ้การรวมพลังระหว่างโจวเหว่ยชิงและแม่มดน้อย! แม้ว่าพวกเขาสองคนจะทำงานร่วมกัน แต่เธอก็มีชุดศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าถึง 4 ชิ้น และพวกมันก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของชุดในตำนานด้วย!
โจวเหว่ยชิงยังคงลอยอยู่กลางอากาศ เขาปะทะเข้ากับลูกเตะของเธอและสูญเสียการทรงตัวทันที *ตูม* เด็กหนุ่มชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ก่อนที่จะร่วงลงบนพื้น
อย่างไรก็ตาม การเตะครั้งนี้ก็ทำให้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ประหลาดใจมากเช่นกัน เมื่อเท้าของเธอสัมผัสกับโจวเหว่ย ชิง แรงยืดหยุ่นอันทรงพลังก็ระเบิดออกมาจากกล้ามเนื้อของเขาโดยไม่รู้ตัว คลื่นกระแทกถึงกับทำให้เท้าขวาของเธอชาดิกไปชั่วขณะ ในขณะเดียวกันก็เห็นได้ชัดเจนว่ามีแสงสีขาวแปลกแปลกประหลาดก่อตัวเป็นวังวนรอบๆ จุดที่เธอเตะโดนและกระจายพลังปราณสวรรค์ที่เธอปลดปล่อยใส่เขาออกไปรอบๆ ร่างแทน
แม้ในการเตะครั้งนี้เธอจะไม่ได้ใช้พลังปราณสวรรค์มากนัก แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการป้องกันของโจวเหว่ยชิงนั้นอยู่เหนือกว่าจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุดทั่วๆ ไป แม้จะคำนึงถึงสถานะปีศาจกลายร่างแล้วก็ตาม
ในระยะไกลๆ แม่มดน้อยจ้องมองพวกเขาสองคนด้วยความประหลาดใจ “เหว่ยชิง เกิดอะไรขึ้น?”
โจวเหว่ยชิงกระโดดกลับขึ้นมาจากพื้น ถอนสถานะปีศาจกลายร่างกลับขณะจ้องมองไปที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์อย่างเศร้าหมองก่อนจะพูดว่า “ข้าจะรู้ได้ไงว่าเกิดอะไรขึ้น? นางไม่ใช่ปิงเอ๋อร์แน่นอน…และข้าก็ไม่คิดว่าจะเป็นซ่างกวนเสว่เอ๋อร์เช่นกัน…เจ้า…เจ้าคือซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ใช่หรือไม่?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “ฮึ่ม! เจ้าก็ยังจำได้ว่านี่ว่าข้าเป็นใคร! โจวเหว่ยชิง ถ้าวันนี้เจ้ากล้าแตะต้องข้าอีก ข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้ลงเอยกับปิงเอ๋อร์แน่นอน!”
“เจ้ากล้าขู่ข้าหรือ?” โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างโมโห “ข้าออมมือให้เจ้าแล้วนะ!”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พูดอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า “พวกเจ้าต่อสู้กับข้าแบบสองต่อหนึ่ง แต่กลับกล้าบอกว่าว่าพวกเจ้าออมมือให้ข้างั้นรึ? ข้าแอบเข้ามาในงานประลองมณีสวรรค์ก็เพราะเจ้านั่นแหละ!”
โจวเหว่ยชิงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย “หือ? เจ้าแอบเข้ามาในงานประลองเพราะข้า? ทำไมล่ะ? เจ้าก็ตกหลุมรักข้าด้วยงั้นรึ?!”
“เจ้าโง่! เจ้าเอาเปรียบข้าแต่ตอนนี้เจ้ากลับพยายามจะปฏิเสธงั้นรึ? ถ้าเจ้าไม่ให้ข้าคิดบัญชีกับเจ้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กำลังโกรธเกรี้ยวได้ที่ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ เธอถูกฟูมฟักด้วยความรักตั้งแต่ยังเด็กและไม่มีใครกล้าฉวยโอกาสกับเธอแม้แต่น้อย แต่ถึงกระนั้น จูบแรกของเธอกลับเพิ่งถูกขโมยไปเช่นนั้น ความโกรธ ของเธอจึงเกินกว่าที่ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์รู้สึกเสียด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ก็เป็นทายาทสายตรงและจ้าววังคนต่อไปของวังสวรรค์ไพศาล เธอได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่ยังเด็กๆ และนิสัยของเธอก็เหมาะสมมากกว่าเช่นกัน นั่นก็คือการเป็นคนที่มีเหตุมีผลและถูกฝึกให้การคิดอย่างมีตรรกะ น่าเสียดาย ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ย่อมแตกต่างกับพี่สาวของเธออย่างสุดขั้ว และเธอก็เป็นคนประเภทตามผูกพยาบาทอย่างแท้จริง หญิงสาวผู้นี้จะปล่อยให้โจวเหว่ยชิงหนีไปง่ายๆ ได้อย่างไร
แม่มดน้อยมองโจวเหว่ยชิงด้วยแววตาแปลกประหลาดและพูดว่า “เหว่ยชิง เจ้าเลวทรามเกินไปแล้ว แม้แต่พี่สาวของปิงเอ๋อร์เจ้าก็ไม่ยอมละเว้นหรือ? เอาล่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว เจ้าสองคนเชิญจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองก็แล้วกัน ข้าไปจะรออยู่ด้านนู้น” ขณะพูดเช่นนั้น เธอก็หันหลังกลับและเดินออกไป
และก็ถึงคราวที่โจวเหว่ยชิงต้องรู้สึกโมโหจัดบ้าง “เลวทรามบ้านเจ้าสิ! เจ้าไม่เห็นหรือว่านางหน้าตาเหมือนกับปิงเอ๋อร์ขนาดไหน? พวกนางเป็นแฝดสาม ใครจะไปแยกพวกนางออกจากกันได้ล่ะ? ข้าไม่ได้ตั้งใจฉวยโอกาสกับนางเสียหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น มันก็แค่เพียงจูบเล็กๆ น้อยๆ…ครั้งนั้นซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ตบหน้าข้าจนบวมหลายวัน แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเล่นงานข้าเสียขนาดนี้แล้ว!”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พยายามปกป้องตัวเองโดยกล่าวว่า “หากไม่โทษเจ้าแล้วจะให้ข้าโทษผู้ใดกัน! ใครขอให้เจ้าไม่มองให้ดีก่อนจะวิ่งเข้ามาเอาเปรียบข้า? ไม่ว่าจะยังไงข้าก็ไม่สนใจทั้งนั้น เจ้าจูบข้าไปแล้ว ดังนั้นเจ้าควรชดใช้ให้ข้าซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่”
โจวเหว่ยชิงแค่นเสียงก่อนจะพูดว่า “เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าต้องการเถอะ หากทำได้ก็ฆ่าข้าเสีย”
ในขณะที่บรรยากาศเยือกเย็นขึ้นและสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็กำลังดำเนินต่อไป ทันใดนั้นเอง จู่ๆท้องฟ้าก็สว่างวาบขึ้นอีกครั้งหนึ่งจากพลุสัญญาณไฟของวังสวรรค์ไพศาล
สีหน้าของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เปลี่ยนไปทันที แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่ชอบทำตามอำเภอใจและเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง แต่เธอก็ยังสามารถนำความต้องการของส่วนรวมไปไว้หน้าความต้องการส่วนตัวได้ เมื่อเห็นไฟสัญญาณที่สองสว่างขึ้นก็อาจมีความหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น กลุ่มนักรบจ้งเทียนกำลังพบปัญหาใหญ่หลวง
“ข้าจะจัดการกับเจ้าภายหลัง! เมื่อพูดอย่างนั้น เธอก็หมุนตัวกลับและทะยานออกไปอย่างรวดเร็วตามทิศทางของพลุไฟ
เมื่อมองไปยังร่างที่กำลังถอยห่างออกไป โจวเหว่ยชิงก็มีสีหน้าเศร้าหมอง ข้าจะทำอย่างไรละเนี่ย?! สำหรับการต่อสู้และคู่ต่อสู้ในอนาคต เพียงแค่ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ก็ทำให้ข้าปวดหัวอย่างหนักหน่วงแล้ว ทว่าตอนนี้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์น้องสาวผู้ไร้เหตุผลก็ถูกเพิ่มเข้ามาในเรื่องวุ่นวายนี้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น พลังของเธอก็ยังแข็งแกร่งมาก และเขาคนเดียวคงไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายได้ด้วยตัวเอง เมื่อรวมกับแม่มดน้อยที่ซุกซนและคาดเดาอะไรไม่ได้กับเทียนเอ๋อร์ผู้แสนวิเศษแต่มาพร้อมปัญหาในอ้อมแขนของเขา…นั่นยังไม่ได้เอ่ยถึงปิงเอ๋อร์ที่รักของเขาเลยด้วยซ้ำ…
มีคำพูดที่ว่า ‘ผู้หญิงเพียง 3 คนก็สามารถสร้างโรงงิ้วได้’ แต่ตอนนี้กลับมี 5 คนอยู่ข้างๆ เขาเสียนี่! นอกจากนั้นแต่ละคนมีภูมิหลังที่น่าสะพรึงกลัว ทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับเขา แล้วเขาจะใช้ชีวิตต่อจากนี้ได้อย่างไร!
เมื่อเห็นว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จากไปแล้ว แม่มดน้อยจึงหันหน้าไปหาโจวเหว่ยชิงและกล่าวขอโทษ “เหว่ยชิง ข้าไม่รู้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้าคิดว่าเจ้าไปรังแกเอาเปรียบนางจริงๆ เจ้าจะไม่โทษข้าใช่ไหม?”
โจวเหว่ยชิงมองเธออย่างเคืองๆและพูดว่า “โทษเจ้าเรื่องอะไร? ไปดูกันดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มนักรบจ้งเทียน เหตุใดพวกเขาจึงต้องใช้พลุสัญญาณไฟถึง 2 ครั้ง” ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ต้องพยายามจบงานประลองมณีสวรรค์ครั้งนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากที่เขาออกจากเกาะมณีสวรรค์ ทะเลอันเวิ้งว้างย่อมปล่อยให้ปลากระโจนเล่นได้อย่างอิสระและท้องฟ้าที่กว้างใหญ่จะทำให้นกโผบินได้อย่างเสรี อย่างมากที่สุดเขาก็แค่หนีไปจากพวกนางทั้งหมดเสีย และเมื่อเขามีพลังมากพอ เขาก็จะกลับมาเพื่อนำปิงเอ๋อร์จากไป มีผู้หญิงเยอะเกินไปก็เป็นสาเหตุของอาการปวดหัวได้เช่นกัน! แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะชมชอบหญิงงาม แต่เขาก็กลัวปัญหาที่ตามมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้น นอกเหนือจากเทียนเอ๋อร์ซึ่งเขามีความรู้สึกลึกซึ้งมอบให้แล้ว ทั้งซ่างกวนเสว่เอ๋อร์และซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ต่างก็ถือเป็นศัตรูของเขาครึ่งหนึ่ง หรือแม้แต่แม่มดน้อยก็ยังอยู่ร่วมกับเขาเพราะข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน เมื่อวิ่งหนีจากพวกนางไปได้ โจวเหว่ยชิงก็จะไม่รู้สึกว่ามีภาระใดๆ ในใจอีกต่อไป
แม่มดน้อยโผเข้าใกล้โจวเหว่ยชิง เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นชาจากเขาอย่างชัดเจนจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย ชายหนุ่มคนนี้ดูเป็นคนซื่อสัตย์และไร้เดียงสาเพียงเปลือกนอก แต่ภายในเขากลับเฉลียวฉลาดเป็นอย่างมาก เขาอาจทำตัวเป็นพวกอันธพาลหรือหื่นกามในบางครั้ง แต่ความจริงแล้วไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ข้างใน เป็นนิสัยที่แปลกประหลาดและไม่อาจคาดเดาได้เลย ช่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ
จากมุมมองของแม่มดน้อย ความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อโจวเหว่ยชิงคือไม่ชอบชายหนุ่มคนนี้เลย เหตุผลเดียวที่เธอติดตามอยู่ข้างกายเขา แม้กระทั่งยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อตามจีบและหลอกล่อเขา ทั้งหมดนี้ก็เพื่อนิกายปีศาจสวรรค์ทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น เธอก็รู้ว่าโจวเหว่ยชิงมักจะทำให้เธอประหลาดใจอยู่เสมอ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุด แต่เขากลับสามารถทำสิ่งที่ไม่มีใครทำได้
ผู้หญิงมักชอบผู้ชายที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีภูมิหลังเป็นมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหมือนเธอ ผู้ซึ่งเคยพบ เห็นอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์มามากมาย เพื่อที่จะพิชิตใจพวกเธอ อย่างแรกคือต้องมีพลังมากพอจะเอาชนะพวกเธอให้ได้เสียก่อน
โดยธรรมชาติแล้วในตอนนี้โจวเหว่ยชิงย่อมไม่มีพลังมากพอที่จะทำเช่นนั้นได้ แต่ความสามารถที่น่าเหลือเชื่อของเขาก็แสดงออกมาให้ทุกคนเห็นอย่างชัดเจนตลอดงานประลองมณีสวรรค์ เขาอาจจะไม่ได้หล่อเหลา แต่เขามีเสน่ห์ก็แบบพวกชายหนุ่มอันธพาลที่ดึงดูดสายตาของแม่มดน้อยได้ทีละเล็กทีละน้อย ในช่วงเวลาที่โจวเหว่ยชิงหันหน้าจากไป ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกราวกับสูญเสียบางอย่าง เธอรู้ดีว่าในใจของโจวเหว่ยชิง เธอไม่มีทางเทียบได้กับเทียนเอ๋อร์ นับประสาอะไรกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์
ในขณะที่แม่มดน้อยกำลังหลงอยู่ในความคิดที่บ้าคลั่งนั้น จู่ๆ เธอก็มองเห็นว่าเทียนเอ๋อร์ในร่างแมวอ้วนได้กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของโจวเหว่ยชิงและมองมาที่เธอด้วยสีหน้ายั่วยุ
แม่มดน้อยจ้องมองเธอก่อนที่จะกระโจนขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็วและไล่ตามโจวเหว่ยชิงไป ในขณะเดียวกัน ทักษะการฟื้นฟูของทักษะธาตุชีวิตก็พุ่งเข้าหาโจวเหว่ยชิงเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่เขาได้รับจากลูกเตะของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ด้วย
โอกาส เธอต้องอดทนรอช่วงชิงโอกาส! นี่เป็นเพียงความคิดเดียวในใจของแม่มดน้อย ส่วนโอกาสดังกล่าวจะปรากฏขึ้นเมื่อใดเธอย่อมไม่ทราบ แต่เธอเชื่อในใจว่าในที่สุดโอกาสนั้นจะปรากฏให้เธอเห็นแน่นอน
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่พวกเขาชุลมุนกันอยู่นั้น ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็หายไปไกลแล้ว อย่างไรก็ตาม สัญญาณพลุนั้นก็วูบวาบชัดเจนในระยะไกลๆ พวกเขาจึงไม่มีปัญหาในการไล่ตามเธอไป
โจวเหว่ยชิงไม่ได้เดินหน้าเร็วนักเนื่องจากเขายังคงต้องหมุนเวียนวิชาเทพอมตะของเขาเพื่อฟื้นฟูพลังปราณสวรรค์ นอกจากนี้ แม่มดน้อยก็ใช้พลังปราณสวรรค์ไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน และเธอก็ยังฟื้นฟูเร็วไม่เท่าโจวเหว่ยชิง ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงพุ่งไปตามทิศทางของเปลวไฟอย่างไม่รีบร้อน
……………………………………………………..