Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - ตอนที่ 101-3 ทักษะ 7 ดาราคลอเคลียพระจันทร์! (3)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- ตอนที่ 101-3 ทักษะ 7 ดาราคลอเคลียพระจันทร์! (3)
ไม่ช้าลูกศรอื่นๆ ก็พุ่งเข้าใส่เธอเช่นกัน ทว่าไม่มีดอกไหนฝ่าเข้าไปถึงตัวหญิงสาวได้ แม้จะมีดอกหนึ่งสามารถลอดผ่านกรงเล็บของเธอเข้าไป แต่มันก็ถูกทำลายโดยเกราะป้องกันจากพลังปราณสวรรค์ของเธอเช่นกัน
สิ่งที่ตามมาหลังจากทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์เป็นทักษะควบคุมหรือทักษะลดพลังอีก 3 ชนิด นั่นก็คือทักษะคำสาป ทักษะโซ่ตรวนวายุ และทักษะสัมผัสมืด
แม้ว่าระดับพลังปราณของโจวเหว่ยชิงจะต่ำกว่าอีกฝ่ายมาก แต่ทว่าหญิงสาวก็กำลังตกอยู่ภายใต้ผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ และทักษะควบคุมทั้ง 3 ก็สามารถทำให้เธอช้าลงมากขึ้นเมื่อทั้งหมดมีผล
ลูกศรดอกที่ 5 คือดอกที่สามารถลอดผ่านกรงเล็บที่เคลื่อนไหวช้าลงของเธอและถูกทำลายลงด้วยม่านพลังปราณสวรรค์ แต่นี่เป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญที่สุดของโจวเหว่ยชิง เป็นทักษะที่ทำให้เขาผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากมาได้มากมาย นั่นก็คือทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์
สิ่งที่มาพร้อมกับระเบิดครั้งใหญ่คือผลลัพธ์อันทรงพลังของทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์ อนิจจา สมาชิกหญิงกลุ่มนักรบจ้งเทียนกลับแสดงพลังที่น่าสะพรึงกลัวของเธอออกมาอีกครั้ง ด้วยผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ ทักษะควบคุมทั้ง 3 และพลังที่แท้จริงของทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์ ตามปกติแล้วศาสตรามณียุทธ์ของเธอควรจะถูกหยุดและสลายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม แทนที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้นเธอกลับระเบิดพลังออกมาอย่างเต็มที่ แสงสีทองเหลือบดำ 2 สายพุ่งออกมาจากกรงเล็บและปลอกแขนศาสตรามณียุทธ์ของเธอทันที ท่ามกลางแรงระเบิดของทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์ ศาสตรามณียุทธ์ของเธอเริ่มสั่นไหวและหรี่แสงลง แต่จริงๆ แล้วมันกลับยังคงแข็งแกร่งดีและไม่ถูกทำให้สลายไป! หญิงสาวผู้นี้สามารถต่อต้านทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์ได้สำเร็จ!
โจวเหว่ยชิงซึ่งตอนนี้เฝ้าดูอยู่ข้างสนามขณะฟื้นฟูพลังปราณสวรรค์อย่างต่อเนื่องอดไม่ได้ที่จะกู่ร้องขึ้นมาในใจ เวรแล้ว!! ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป! แม้จะได้รับผลกระทบจากทักษะจำนวนมากของข้า นางก็ยังสามารถต้านทานพลังของทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์ได้! หึ…นั่นทำให้แผนการของข้าพังไม่เป็นท่า นางไม่ได้สูญเสียศาสตรามณียุทธ์ไป อีกทั้งทักษะการยิงธนู 7 ดาราคลอเคลียพระจันทร์ของข้าก็ยังไม่มีพลังเพียงพอจะล้มนางได้
จากลูกศร 7 ดอก ตอนนี้ผ่านไป 5 ดอกแล้ว น่าแปลกที่ 2 ดอกสุดท้ายไม่ได้ตรงเข้าโจมตีเธอโดยตรง แต่กลับมุ่งเข้าหากันกลางอากาศแทน
โจวเหว่ยชิงทำพลาดหรือ? ไม่…แน่นอนว่าคำตอบคือไม่ใช่
ภาพที่น่าอัศจรรย์พลันเกิดขึ้นเป็นลำดับถัดมา เมื่อลูกศรทั้ง 2 ชนกัน พวกมันก็ปล่อยแสงสีเขียวและแสงสีเงินออกมาตามลำดับ แสงทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งกลางอากาศ และแสงสีเขียวเงินนั้นก็กระพริบวูบวาบ ใบมีดสีเขียวเงินขนาดเล็กพลันได้โอกาสทะยานออกไปหาสมาชิกหญิงกลุ่มนักรบจ้งเทียนทันที
แม้จะสามารถต้านทานทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงได้ แต่ทักษะควบคุมก็ยังคงมีผลกับเธออยู่ เมื่อถึงวินาทีนั้น เธอจึงเผาผลาญพลังปรานทั้งหมดของตนเอง ใช้ประโยชน์จากทักษะที่ติดมากับกรงเล็บศาสตรามณียุทธ์ของตนต้านทานทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์ ในขณะนี้พลังปราณของเธอจึงอยู่ในสถานะกำลังฟื้นตัวและไม่ยังไม่สมดุลดีนัก
แสงสีเขียวเงินนี้เป็นทักษะการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของโจวเหว่ยชิงก่อนที่เขาจะครอบครองทักษะสายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืด มันคือทักษะกระชากมิติสีเงิน ทักษะผสานระหว่างทักษะกระชากมิติและทักษะสะบัดปีกเฉือนนั่นเอง
เมื่อเห็นการโจมตีนั้น แม่มดน้อยผู้ซึ่งพร้อมจะปลดปล่อยทักษะการโจมตีของเธอควบคู่ไปกับการโจมตีครั้งสุดท้ายของโจวเหว่ยชิงเพื่อให้ได้ผลสูงสุดก็พลันตกละลึงไป เธอจึงเสียจังหวะเพราะลงมือช้าและล้มเหลวในการโจมตีพร้อมกับโจวเหว่ยชิง
ลูกศร 7 ดอกพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ด้วยทักษะที่ให้ผลต่อเนื่องเช่นนี้ ลูกศรแต่ละดอกจึงเต็มไปด้วยทักษะกักเก็บ ที่สำคัญกว่านั้นคือ การระเบิดครั้งสุดท้ายเป็นทักษะผสานที่สร้างขึ้นด้วยลูกศร 2 ดอก! ช่างเป็นทักษะการยิงธนูที่น่าทึ่งเสียจริงๆ! นี่เป็นครั้งแรกที่แม่มดน้อยได้เห็นโจวเหว่ยชิงแสดงความสามารถเช่นนี้ออกมา
ทักษะกระชากมิติสีเงินยังคงถูกปิดกั้นไว้ด้วยกรงเล็บของหญิงสาวขณะที่เธอไขว้มือป้องกันตนเองเอาไว้เบื้องหน้า ถึงกระนั้น ตัวเธอเองก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก ไม่เพียงแต่การจู่โจมของเธอจะหยุดลงกลางคันเท่านั้น มือก็ถูกกระแทกขึ้น เพราะอีกฝ่ายสามารถฝ่าการป้องกันของเธอเข้ามาได้
เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวผู้นี้แสดงให้โจวเหว่ยชิงและแม่มดน้อยรู้ว่าพลังที่เธอแสดงออกมานั้นไร้ขีดจำกัด
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยเช่นนี้ เธอได้ตัดสินใจลงมือทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
แสงสีทองเหลือบดำอีก 2 สายพุ่งออกมาจากร่างของเธอ ทีละสาย ทีละสาย ครั้งแรกยาวนานเป็นวินาที ก่อนจะตามมาด้วยอีกสายหนึ่ง
คราวนี้โจวเหว่ยชิงและแม่มดน้อยอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสีหน้าอีกครั้ง
แท้จริงแล้วนั่นคือศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าอีก 2 ชิ้น!
ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าเป็นศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงสุด โดยแต่ละชิ้นมีความสามารถที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่งและคู่ควรกับการพลิกสถานการณ์ในการต่อสู้ ก่อนหน้านี้สมาชิกหญิงกลุ่มนักรบจ้งเทียนสามารถกำราบแม่มดน้อยได้ด้วยเพียงปลอกแขนและถุงมือกรงเล็บเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอได้เปิดตัวศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าใหม่อีก 2 ชิ้น วังสวรรค์ไพศาลนี่ร่ำรวยเกินไปแล้วจริงๆ!
ในคราแรก ด้วยทักษะการยิงธนู 7 ดาราคลอเคลียพระจันทร์ เขาและแม่มดน้อยต่างก็กำลังได้เปรียบอย่างแท้จริง หากแม่มดน้อยปลดปล่อยทักษะโจมตีของเธอออกมา พวกเขาก็มั่นใจว่าจะชนะ
อนิจจา ใครจะรู้ว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาจะมีศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าที่ทรงพลัง 2 ชิ้นนี้อยู่ด้วย และด้วยเกราะป้องกันเทพเจ้า เธอจึงสามารถช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากการจู่โจมที่เกิดขึ้นได้ อย่าได้ประมาทเวลา 2 วินาทีสั้นๆ นี้เด็ดขาด มันไม่เพียงแต่ป้องกันไม่ให้เธอพ่ายแพ้ แต่ยังทำให้หญิงสาวสามารถเลื่อนเวลาออกไปได้อีกมากเพื่อให้ทักษะการควบคุมส่วนใหญ่ของโจวเหว่ยชิงหมดประสิทธิภาพลง โดยมีเพียงทักษะคำสาปลงทัณฑ์เท่านั้นที่ยังคงมีผลอยู่ ที่สำคัญกว่านั้นคือมันยังทำให้เธอมีเวลาฟื้นฟูพลังช่วงสั้นๆ
ในความเป็นจริง เธอได้ตัดสินผิดพลาดไปเล็กน้อย; หรืออาจจะถูกต้องกว่าหากบอกว่าข้อผิดพลาดและความล่าช้าของแม่มดน้อยได้ช่วยกลุ่มของพวกเขาเอาไว้! เดิมทีเธอเคยคิดว่าแม่มดน้อยจะลงมือทันทีหลังจากการโจมตีของโจวเหว่ยชิงพุ่งเข้ามา ด้วยเหตุนี้ เธอจึงได้เปิดใช้เกราะป้องกันเทพเจ้าทันทีหลังจากปัดป้องทักษะกระชากมิติสีเงินของโจว เหว่ยชิงออกไปได้แล้ว โดยทั้งหมดมีจุดประสงค์หลักเพื่อสกัดกั้นการโจมตีของแม่มดน้อย ระดับพลังของหญิงสาวทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก และถึงแม้ว่ามันจะเป็นทักษะการจู่โจมที่ทรงพลัง แต่เธอก็รู้ดีว่าแม่มดน้อยไม่น่าจะทำลายเกราะป้องกันเทพเจ้าของเธอได้ง่ายๆ
น่าเสียดาย การตัดสินของเธอกลับผิดพลาดไป ใครจะคาดคิดว่าแม่มดน้อยจะประหลาดใจกับการโจมตีครั้งสุดท้ายของโจวเหว่ยชิงจนทำให้การโจมตีของเธอช้าลงในเสี้ยววินาที นั่นส่งผลให้แม่มดน้อยสามารถมองเห็นสัญญาณเริ่มต้นของเกราะป้องกันเทพเจ้าได้ ด้วยเหตุนั้น เธอจึงยับยั้งการโจมตีนั้นไว้เพื่อรอเวลาที่เหมาะสมกว่านี้
ครานี้เกราะไหล่สีทองเข้มยื่นออกมาจากไหล่ของหญิงสาวผู้นั้นดูงดงามมาก ก่อให้เกิดเป็นลวดลายอันน่าพิศวง เกราะไหล่ยื่นออกมาจรดด้านหลังและปกคลุมทั่วแผ่นหลังของเธอเอาไว้ จากนั้นปีกสีทองคู่หนึ่งก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากด้านหลัง โดยด้านนอกของปีกเป็นสีทองเหลือบดำซึ่งเต็มไปด้วยลวดลายที่สวยงาม ด้านขอบปีกเรืองรองไปด้วยแสงสีทองบริสุทธิ์ ตัดกันกับสีของศาสตรมณียุทธ์ ทำให้เกิดภาพที่น่าอัศจรรย์ใจ
จ้าวมณีสวรรค์ระดับ 6 ชุดที่มีศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า 4 ชิ้น อีกทั้งพวกมันยังดูคล้ายจะเป็นส่วนหนึ่งของชุดในตำนาน นั่นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว หญิงสาวคนนี้ต้องเป็นหนึ่งในยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่วังสวรรค์ไพศาลได้ทุ่มเทเวลา ความพยายามและทรัพยากรมากมายในการบ่มเพาะขึ้นมา!
นอกจากนี้ ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าทั้ง 4 ของเธอยังแตกต่างจากศาสตรามณียุทธ์ทั่วๆ ไปเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่ความจริงที่ว่าพวกมันเป็นส่วนหนึ่งของชุดในตำนาน แต่มณียุทธ์ของเธอยังเป็นมณียุทธ์แปรสภาพคู่ ด้วยเหตุนี้ ศาสตรามณียุทธ์แต่ละชิ้นจึงมีขนาดใหญ่กว่า…และมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามลำดับเช่นกัน นี่เป็นข้อได้เปรียบอย่างแท้จริงและทำให้เธอมีพื้นที่ในการป้องกันตัวเองมากขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว หากจ้าวมณีสวรรค์ต้องการชุดเกราะที่ใช้ปกปิดร่างกายทุกส่วนของตนเอง พวกเขาจะต้องมีอย่างน้อย 10 ชิ้นถึงจะครอบคลุมทั่วร่าง ทว่าหากดูจากรูปลักษณ์ของศาสตรามณียุทธ์ของอีกฝ่ายแล้ว เธออาจจะต้องใช้เพียง 8 ชิ้นเท่านั้น และนั่นก็รวมถึงกรงเล็บที่น่าสะพรึงกลัวคู่หนึ่งและปีกขนาดใหญ่ที่ด้านหลังของเธอด้วย!
ในทันทีที่เกราะป้องกันเทพเจ้าของศาสตรามณียุทธ์หายไป แม่มดน้อยก็เริ่มจู่โจมในที่สุด
แสงสีน้ำเงินเข้มทะยานออกไปหาคู่ต่อสู้ กระทบร่างกายอีกฝ่ายราวกับจุมพิตแผ่วเบาจากคนรัก คล้ายสายฝนที่พัดมาตามสายลม นุ่มนวลอ่อนโยน แต่ไม่หยุดหย่อนและแผ่กระจายไปทั่ว
สมาชิกหญิงกลุ่มนักรบจ้งเทียนมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาก 2 วินาทีขณะที่กำลังฟื้นตัวช่วยยืดเวลาให้เธอและยังทำให้ผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์รวมถึงทักษะควบคุมอื่นๆ หายไปด้วย ทว่าทักษะคำสาปลงทัณฑ์ยังคงมีผลอยู่และเธอก็ไม่มีเวลาที่จะกำจัดมันเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังไม่อาจทรงตัวได้ และแม่มดน้อยก็กำลังใช้พลังเต็มที่ขณะอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงต้องรีบตอบสนองอย่างฉับพลัน
ในขณะที่แสงสีน้ำเงินกระทบเข้ากับกรงเล็บ…คราวนี้ไม่มีการปะทะหรือการระเบิดที่รุนแรง มีเพียงเสียงสั่น สะเทือนเบาๆ เท่านั้น
แม่มดน้อยยืนนิ่ง ร่างของเธอไหวเอนเล็กน้อยจากคลื่นกระแทก แสงสีน้ำเงินรอบตัวเธอหายไปพร้อมกับลวดลายบนตัว หลังจากปลดปล่อยการโจมตีนี้ออกไป เธอก็ไม่สามารถรักษาสถานะปีศาจกลายร่างต่อไปได้อีก
ในเวลาเดียวกัน แสงสีเทา น้ำเงินก็กระพริบวูบในดวงตาของสมาชิกหญิงกลุ่มนักรบจ้งเทียน เธอเดินเซถอยหลังไป 7 ก้าว แต่มันก็ไม่ง่ายดายเพียงแค่นั้น แต่ละก้าวที่เธอกำลังถอยกลับ ร่างกายดูเหมือนจะแกว่งเล็กน้อย ราวกับว่าเธอกำลังไหลไปตามกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก ด้วยวิธีนี้ ในแต่ละก้าว เธอจึงสามารถต่อต้านการโจมตีของแม่มดน้อยได้ทีละนิด หลังถอยหลังครบ 7 ก้าว ในที่สุดเธอก็สามารถกลับมายืนตัวตรงได้ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาและพ่นเลือดสดๆ ออกมาเต็มปาก
สิ่งที่แปลกก็คือทันทีที่เลือดถูกพ่นออกมา มันก็แปรเปลี่ยนเป็นแสงสีเทา น้ำเงินและหายไปในอากาศทันที ในเวลาเดียวกัน แสงสีเทาอมน้ำเงินในดวงตาของเธอก็สลายไปอย่างช้าๆ
เสียงหอบหายใจดังออกมาจากทั้งแม่มดน้อยและคู่ต่อสู้ของเธอ ในการโจมตีครั้งนี้ แม่มดน้อยได้ใช้พลังปราณสวรรค์ไปเป็นจำนวนมาก ส่วนคู่ต่อสู้ของเธอก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าสมาชิกหญิงกลุ่มนักรบจ้งเทียนคนนี้จะใช้ชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนาน 4 ชิ้นของเธอเพื่อต้านทานการโจมตีครั้งนี้ ทว่าในที่สุดเธอก็ยังคงได้รับบาดเจ็บอยู่ดี
การต่อสู้ทั้งหมดใช้เวลาไม่นาน แต่ทั้งสองฝ่ายก็เกิดอาการเหนื่อยล้ากันเสียแล้ว แม้ว่าในวันนี้โจวเหว่ยชิงและแม่มดน้อยจะร่วมมือกันอย่างสุดกำลัง แต่พวกเขาก็เหนือกว่าสมาชิกหญิงกลุ่มนักรบจ้งเทียนคนนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งยังไม่อาจเอาชนะเธอได้อย่างราบคาบ!
แม่มดน้อยยิ้มจางๆ ก่อนจะพูดว่า “หากเจ้ามีศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าอีก 1 ชิ้น พวกเราจะต้องแพ้แน่ น่าเสียดายที่เจ้ามีเพียง 4 ชิ้น ถ้าข้าเดาไม่ผิด ชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานนี้น่าจะได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเจ้าโดยอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าของวังสวรรค์ไพศาลใช่ไหม?”
ความหมายของเธอชัดเจนมาก การโจมตีก่อนหน้านี้ได้ใช้พลังปราณสวรรค์ของเธอไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว หากสมาชิกหญิงกลุ่มนักรบจ้งเทียนมีศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าอีกชิ้น เพียงแค่เกราะป้องกันเทพเจ้าก็จะทำให้เธอสามารถป้องกันการโจมตีของแม่มดน้อยได้แล้ว ทั้งยังไม่ต้องถูกบังคับให้รับการโจมตีเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากมันเกิดขึ้นจริงนั่นจะทำให้เธอตกเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างไร
สมาชิกหญิงกลุ่มนักรบจ้งเทียนเผยประกายซับซ้อนออกมา หญิงสาวไม่เคยมีความคิดที่ว่าเธอจะพ่ายแพ้เพราะมั่นใจในพลังและความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ ในวังสวรรค์ไพศาล แม้แต่จ้านหลิงเทียนที่มีระดับพลังสูงกว่าเธอ เขาก็ยังไม่สามารถกำจัดเธอได้ง่ายๆ กระนั้น…ในขณะนี้เธอกลับรู้สึกเหนื่อยหลังจากการต่อสู้กับทั้งสองคน
นั่นไม่ใช่เพราะแม่มดน้อยที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างแน่นอน แต่เป็นเพราะนักธนูที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเธอต่างหาก โจวเหว่ยชิง หรือไม่ก็การรวมพลังกันของทั้งสองคน หากมีแม่มดน้อยอยู่ที่นั่น แม้เธอจะต้องการโจมตีโจวเหว่ยชิง มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เมื่อมีโจวเหว่ยชิงอยู่ข้างๆ เธอก็จะถูกจำกัดพลังและต้องคอยระวังการโจมตีของเขาอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้หญิงสาวได้ใช้ชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานทั้ง 4 ของเธอไปหมดแล้ว ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นการระบายพลังปราณสวรรค์ของเธอออกไปอย่างมหาศาลด้วย
ในขณะนี้ โจวเหว่ยชิงค่อยๆ เดินออกมาจากที่กำบังหลังต้นไม้ หลังจากกลืนกินพลังปราณสวรรค์จากต้าหวงและเอ้อหวง เขาก็ฟื้นคืนพลังกลับมาถึงจุดสูงสุดแล้ว แน่นอนว่านั่นไม่ใช่พลังปราณสวรรค์ของเขาเองและเขาต้องก็ใช้รีบใช้มันออกไปให้เร็วที่สุด หรือไม่ก็หลอมรวมเข้าเป็นของตัวเอง มิฉะนั้นมันก็กลายเป็นสิ่งสูญเปล่า แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ด้วยความช่วยเหลือจากทักษะกลืนกิน เขาก็ได้รับความสามารถในการต่อสู้กลับคืนมาอยู่แล้ว
เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิง ปฏิกิริยาของสมาชิกหญิงกลุ่มนักรบจ้งเทียนผู้นั้นก็ดูยิ่งใหญ่ผิดธรรมชาติ เธอจ้องมองเขาด้วยความตกใจและอุทานว่า “อะไรนะ? เป็นเจ้าจริงๆ รึ?!”
โจวเหว่ยชิงแสยะยิ้มและพูดว่า “เห แม่มดน้อยกับข้าเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกัน เช่นนั้นจะไม่เป็นข้าได้อย่างไร? เจ้าบอกว่าลูกศรของข้าไม่เร็วไม่ใช่เหรอ? เป็นอย่างไรบ้างล่ะ? ทักษะ 7 ดาราคลอเคลียพระจันทร์ของข้าให้ความรู้สึกอย่างไรบ้างหรือ?”
…………………………………………………………..