Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - ตอนที่ 100 คู่วิญญาณยุทธ์ปีศาจขาว-ดำ (2)
โจวเหว่ยชิงมองกลับไปที่เจ้าแมวอ้วน ยิ้มกว้างขณะที่เขาพูดว่า “เฮ้ ถ้าเจ้าอยากจะชื่นชมข้าก็รีบพูดมาเร็วๆ สิ! เจ้าไม่คิดว่าวันนี้ข้าสง่างามเป็นพิเศษหรอกหรือ? ข้าถึงกับขับไล่คู่รักจากหุบเขาหลงใหลออกไปจากการประลองได้อย่างง่ายดาย”
เจ้าแมวอ้วนแค่นเสียงในลำคอ “สง่างามอะไรไม่ทราบ? ก็แค่พวกโง่สองคนที่เปิดโอกาสให้เจ้าเอาชนะพวกเขา”
แม้ว่าเทียนเอ๋อร์จะพูดแบบนั้น แต่ความจริงแล้ว ลึกๆ ในใจเธอรู้สึกทึ่งกับรูปแบบการต่อสู้ของโจวเหว่ยชิงรวมถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาสามารถแกล้งออมมือในลักษณะที่เหมือนจริง แสดงละครว่ากำลังติดอยู่ในปราการชะลอความเร็ว ทำให้พวกเขาลดความระมัดระวังและประเมินโจวเหว่ยชิงต่ำลงไปอีก อาจกล่าวได้ว่านั่นเป็นการแสดงที่สมบูรณ์แบบเลยทีเดียว ทุกขั้นตอนมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าตลอดจนถึงขั้นตอนสุดท้าย แม้ว่าตัวเธอเองจะมีมณี 7 ชุด แต่คู่รักจากหุบเขาหลงใหลก็มีความเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ประสานกันเป็นอย่างดี หากเธอต้องเผชิญหน้ากับทั้งคู่ แม้จะมั่นใจทว่าสามารถเอาชนะพวกเขาได้ แต่แน่นอนว่าก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเช่นกัน การจะโค่นพวกเขาลงอย่างง่ายดายโดยไร้การสูญเสียใดๆ ทั้งยังทำให้ตนเองฟื้นตัวอย่างเต็มที่เช่นเดียวกับโจวเหว่ยชิงนั้น…เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากอย่างแน่นอน…แทบจะน่าเหลือเชื่อสำหรับคนอื่นๆ เลยทีเดียว!
โจวเหว่ยชิงกล่าวต่อว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อนไป ข้าต้องทำสมาธิสักพักเพื่อดูดซึมพลังปราณสวรรค์ของพี่เอ้าเล่อ” ท้ายที่สุดแล้วพลังที่กลืนกินเข้ามาก็ยังไม่ได้เป็นของเขาโดยสมบูรณ์ ตราบใดที่เด็กหนุ่มไม่ได้ถ่ายเทมันออกไประหว่างต่อสู้ในเวลาอันใกล้นี้ เขาก็จะต้องชำระล้างมันให้บริสุทธิ์ก่อนจะดูดซับเข้ามาเป็นของตัวเอง
พลังปราณสวรรค์ของเอ้าเล่อไม่ได้แข็งแกร่งเกินกว่าความสามารถในการดูดซับของโจวเหว่ยชิง เนื่องจากมีเจ้าแมวอ้วนและต้าหวงคอยปกป้องเขาอยู่ โจวเหว่ยชิงจึงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการดูดซับพลังปราณทั้งหมด ดังนั้นไม่เพียงแต่เขาจะกลับมามีพลังปราณเต็มร้อยและอยู่ในสภาพสมบูรณ์สูงสุดเท่านั้น แต่พลังของเขายังพัฒนาขึ้นอีกด้วย เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังของตนเองใกล้แตะระดับขั้นที่ 15 มากขึ้นเรื่อยๆ
โจวเหว่ยชิงคงใช้เวลาไม่นานสำหรับการก้าวข้ามไปสู่ระดับถัดไป แต่ก็แน่นอนว่าเขาจะไม่เสี่ยงทะลวงสู่ระดับต่อไปในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ทุกอย่างสามารถรอได้จนกว่างานประลองมณีสวรรค์จะสิ้นสุดลง
…
ป่าแห่งนี้มีขนาดใหญ่เกินไป และก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว วันเวลาก็ล่วงเลยไป 3 วันแล้ว โจวเหว่ยชิงและแมวอ้วนเดินทางไปด้วยกัน สลับต้าหวางและเอ้อหวางออกมาเป็นระยะเพื่อร่วมสำรวจป่า ระหว่างทาง พวกเขาเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่มีพลังไม่แก่กล้า ดังนั้นจึงไม่มีอันตรายร้ายแรงอะไรนัก
หากพวกมันเป็นอสูรสวรรค์ระดับเทวะหรือต่ำกว่านั้น โจวเหว่ยชิงก็จะสามารถจัดการได้อย่างง่ายดายด้วยความช่วยเหลือของหนึ่งในหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็ง เนื่องจากมีหมีตัวใหญ่ยักษ์และแข็งแกร่งคอยเฝ้าอยู่ข้างหน้าเป็นเกราะกำบัง โจวเหว่ยชิงจึงสามารถแอบอยู่ด้านหลังได้อย่างลับๆ ก่อนจะลอบจู่โจมด้วยทักษะควบคุมและปลดปล่อยการโจมตีออกไป แน่นอนว่าหากสัตว์เหล่านั้นเป็นเพียงอสูรสวรรค์ที่ยังไปไม่ถึงระดับปรมะ พวกมันก็จะถูกกำจัดไปได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ต้าหวงหรือเอ้อหวงกวาดมือออกไปเท่านั้น และหมีทั้งสองก็ได้สังหารเหล่าอสูรสวรรค์ที่มีพลังต่ำกว่าระดับเทวะได้จำนวนหนึ่ง
มีเพียงครั้งเดียวที่พวกเขาตกอยู่ในอันตราย นั่นก็คือขณะที่พบกับลิงปีศาจดุร้ายระดับเทวะขั้นกลาง มันทรงพลังมากเสียจนหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็งไม่สามารถต้านทานได้ ในท้ายที่สุด โจวเหว่ยชิงจึงถูกบังคับให้เข้าสถานะปีศาจกลายร่างและใช้ความแข็งแกร่งงัดข้อกับพละกำลังของอีกฝ่าย แม้ต้าหวงจะอยู่เคียงข้างเขา โจวเหว่ยชิงก็ยังเกือบจะล้มลิงตัวนั้นไม่ได้
ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เจ้าแมวอ้วนไม่ได้ลงมือช่วยเขาเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ พวกเขายังไม่ได้พบกับมนุษย์คนอื่นในช่วงเวลานี้เลย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือศัตรู ในเวลาเดียวกัน มณีสะท้อนก็ยังคงเงียบกริบ เห็นได้ชัดว่ายังไม่มีใครถูกกำจัดออกจากงานประลองนี้
“แมวอ้วน เจ้าคิดว่าเราจะเป็นแบบนี้ไปตลอดทั้งเดือนเลยหรือเปล่า? ป่าที่กว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ หากเราไม่โชคดีหรือโชคร้ายเป็นพิเศษ มันก็เป็นไปได้ยากที่จะได้พบกับคนอื่นๆ!”
แมวอ้วนปฏิเสธที่จะใช้ร่างมนุษย์ของเทียนเอ๋อร์ของตนเอง เธอนั่งลงบนไหล่ของเขาขณะที่พูดว่า “ข้าไม่รู้ แต่เนื่องจากวังสวรรค์ไพศาลได้กำหนดให้รอบชิงชนะเลิศของงานประลองจัดขึ้นที่นี่ ฉะนั้นต้องมีบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของพวกเขาแน่ เวลาผ่านไป 1 ใน 10 แล้ว…บางทีไม่นานอาจจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นก็ได้”
ทันทีที่เธอพูดเช่นนั้นก็ราวกับว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงบางอย่าง มณีสะท้อนบนนิ้วของโจวเว่ยชิงพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและเสียงของซ่างกวนหลงหยินก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เวลาของรอบชิงชนะเลิศผ่านไปแล้ว 1 ใน 10 ส่วน และพื้นที่การแข่งขันก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง เจ้าทุกคนจะถูกย้ายไปยังพื้นที่สุ่มใหม่ โปรดเตรียมตัวให้พร้อม การเคลื่อนย้ายจะเริ่มใน 10 วินาที เริ่มนับถอยหลังในตอนนี้ 10…9…8…”
“เอ๊ะ?” โจวเหว่ยชิงรู้สึกตื่นตระหนกทันที ในขณะที่เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แสงสีทองก็ปรากฏขึ้นจากบนท้องฟ้า ส่องลงมาห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้ทั้งหมด มณีสะท้อนบนนิ้วของเขาก็สว่างวาบขึ้นด้วย
“เร็ว! นำข้าและต้าหวงกลับเข้าไปในแหวนมิติ!” เจ้าแมวอ้วนร้องเตือน
โจวเหว่ยชิงพลันตระหนักถึงสิ่งที่เธอกล่าวและตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยการดึงทั้งสองเข้าสู่แหวนมิติของเขา
“4…3…2…1…เคลื่อนย้าย”
สิ่งที่มาพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำของซ่างกวนหลงหยินคือแสงสีทองที่สว่างขึ้นจนทำให้มองไม่เห็นสิ่งอื่นๆ อีก วัตถุรอบตัวดูคล้ายกับภาพพร่ามัวที่ไม่ใช่ความจริง ในวินาทีต่อมา โจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งรอบตัวเขากำลังผันผวนและบิดเบี้ยว แสงสีทองพลันสว่างวาบขึ้นอีกครั้งและเขาก็รู้สึกเหมือนเมื่อ 3 วันที่แล้ว แต่คราวนี้ใช้เวลาประมาณครึ่งนาทีก่อนที่สภาพแวดล้อมเบื้องหน้าเขาจะดูชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้โจวเหว่ยชิงโชคดีกว่ามาก และเขาปรากฏตัวบนพื้นดินโดยตรง และข้างหน้าห่างจากเขาไม่ไกลมีต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง
“ระวัง!” เสียงของเจ้าแมวอ้วนดังขึ้นอีกครั้งและเธอก็พุ่งออกมาจาแหวนมิติด้วยตัวเอง ในเวลาเดียวกัน แสงสีทองก็โผล่ออกมาห่อหุ้มรอบๆ ร่างของโจวเหว่ยชิง พวกมันล้วนแต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเทพเจ้า
ควันสีดำและสีเทาที่ผสมกันอยู่อย่างหนาแน่นพลันฉวยโอกาสพุ่งเข้าหาพวกเขาทันที ทว่ามันกลับกระทบเข้ากับโล่สีทองรอบตัวโจวเหว่ยชิง ทำให้เกิดเสียงดังก้องไปทั่วป่า และในทันใดนั้นเอง ม่านแสงสีทองนั้นก็พลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
โจวเหว่ยชิงกระเด็นลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ปลดปล่อยทักษะปั่นป่วนเวลาออกมา ทำให้อากาศ รอบๆ กายเริ่มแปรปรวน แม้ว่าจะใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดการหยุดชะงักขึ้นชั่วขณะ ควันสีเทาดำนั้นพลันสูญเสียจังหวะและคลาดเป้าหมายไป โจวเหว่ยชิงกระโดดถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็วและหนีไปหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่
“เอ๋? เหว่ยชิง นั่นเจ้าหรือ?” น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังออกมาไม่ไกลนัก
ขณะนี้ร่างของโจวเหว่ยชิงอาบไปด้วยเหงื่อเย็นๆเพราะในชั่วพริบตานั้นเขากลับรู้สึกได้ถึงความรู้สึกถึงอันตรายที่รุนแรง ราวกับว่าชีวิตของเขาสามารถจบลงได้ในวินาทีนั้น เด็กหนุ่มเกือบจะเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง แต่เมื่อได้ยินเสียงและหวนนึกถึงการโจมตีประเภทนั้นได้ หัวใจของเขาก็ค่อยๆ เต้นช้าลง และโจวเหว่ยชิงก็ล้มเลิกความคิดที่จะเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่างทันที
“แม่มดน้อย นี่ข้าเอง! นี่เจ้ากำลังพยายามจะฆ่าสามีที่รักของเจ้ารึ?” โจวเหว่ยชิงลุกขึ้นจากพื้น
แม่มดน้อยเองก็ปรากฏตัวขึ้นจากหลังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล เมื่อมองเห็นโจวเหว่ยชิง เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ใครเป็นสามีที่รักของข้ากัน? ไว้เจ้าเข้าร่วมนิกายปีศาจสวรรค์แล้วค่อยพูดเถอะ ข้าจะไม่คัดค้านเลย”
ในขณะที่พูดเช่นนั้น เธอหัวเราะคิกคักและกระโดดเข้ามาปรากฏตัวต่อหน้าโจวเหว่ยชิงในพริบตา
การได้พบกับแม่มดน้อยที่นี่ทำให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในกลุ่มนักรบเฟยหลี่ทั้งหมดในปัจจุบัน เธอเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด แม้แต่หลินเทียนอ้าวก็ยังเทียบไม่ได้ หากเขาสามารถต่อสู้ร่วมกับเธอได้ ไม่ว่าพวกเขาจะเจอศัตรูแบบไหน โจวเหว่ยชิงก็จะมั่นใจในการปะทะกับอีกฝ่าย
“แม่มดน้อย เจ้าเจอคนอื่นหรือฝั่งตรงข้ามบ้างไหม?” โจวเหว่ยชิงถามอย่างกังวล
แม่มดน้อยส่ายหัวพลางพูดว่า “ที่นี่ใหญ่เกินไป ตั้งแต่งานประลองรอบชิงชนะเลิศเริ่มต้นขึ้นจนถึงตอนที่เราถูกส่งตัวมาที่นี่ เจ้าคือคนแรกที่ข้าได้พบหน้า”
“อ้วนน้อย ถอยห่างจากนางซะ เมื่อกี้เจ้าไม่เห็นหรือว่านางพยายามจะฆ่าเจ้า? หากไม่ใช่เพราะข้า ตอนนี้เจ้าก็คงตายไปแล้ว” เสียงของเจ้าแมวอ้วนดังออกมา เทียนเอ๋อร์ยืนอยู่บนไหล่ของโจวเหว่ยชิง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเป็นศัตรูขณะจับจ้องไปที่แม่มดน้อยด้วยความโกรธ
แม่มดน้อยมองเธอด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “โอ้? พี่เทียนเอ๋อร์ ทำไมท่านถึงไม่ซ่อนตัวต่อไปอีกหน่อย ล่ะ? ในที่สุดท่านก็ตัดสินใจที่จะพูดแล้วสินะ?”
แมวอ้วนแค่นเสียงตอบว่า “ข้าจะพูดหรือไม่พูดก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ระวังตัวไว้ให้ดี นั่นเป็นเพราะเวลานี้เจ้าเป็นสมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ ดังนั้นข้าจึงจะยกโทษให้เจ้าสักครั้ง แต่หากเจ้ากล้าลงมือทำเรื่องไม่ดีอีก ข้าจะฆ่าเจ้าทันที”
แม่มดน้อยเหยียดริมฝีปากพลางพูดว่า “ข้ายอมรับว่าระดับพลังปราณของท่านสูงกว่าของข้า อีกทั้งศาสตรามณียุทธ์ของท่านก็ดีกว่าเล็กน้อยเช่นกัน แต่หากท่านต้องการฆ่าข้า ข้าก็เกรงว่าท่านจะยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ถึงอย่างไรก็เถอะ ใครบอกว่าข้าต้องการฆ่าเหว่ยชิงล่ะ เมื่อกี้ข้ารู้สึกว่ามีใครบางคนอยู่ใกล้ๆ และคิดว่าเป็นฝ่ายศัตรู ข้าจึงเริ่มโจมตีออกไปโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นของโจวเหว่ยชิง แม้ว่าเขาจะเข้ามาโจมตีข้าจริงๆ ท่านคิดว่าการโจมตีของข้าจะทำให้เขาตายหรือบาดเจ็บสาหัสได้หรือ? ย่อมเป็นเพียงอาการเจ็บๆ คันๆ เท่านั้น”
เมื่อสัมผัสถึงความเป็นศัตรูระหว่างผู้หญิงทั้งสองคน โจวเหว่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัว “ข้าว่า…เจ้าสองคน…สงบศึกกันก่อนจะดีไหม? ตอนนี้พวกเราอยู่ในเรือลำเดียวกันแล้ว ก็ควรจะร่วมมือกันให้ดีสิ หากพวกเจ้ายังคงต่อสู้กันไปเรื่อยๆ พวกเราจะรอดชีวิตในงานประลองครั้งนี้ไปได้อย่างไร?”
แม่มดน้อยเม้มริมฝีปาก ใบหน้าฉายแววเศร้าโศกขณะที่เธอพูดด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น “เหว่ยชิง พูดมา…เจ้าต้องการข้าหรือนาง?”
แสงสีทองกระพริบวูบวาบขึ้นมากลางอากาศ และแมวอ้วนก็แปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์อีกครั้งที่อีกด้านของโจวเหว่ย ชิง หญิงสาวคล้องแขนกับเขาอย่างไม่รังเกียจและกดร่างของเธอให้แนบชิดกับเขามากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน หน้าอกที่มีขนาดน่าประทับใจของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าใหญ่กว่าของแม่มดน้อยก็แนบไปกับต้นแขนของเขา เทียนเอ๋อร์มองไปที่แม่มดน้อยอย่างยั่วยุและพูดว่า “แน่นอน เขาต้องการข้า เมื่อสองวันก่อนเขาเพิ่งสารภาพรักกับข้า เราอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว ทั้งอาบน้ำด้วยกัน ทั้งนอนด้วยกัน…แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าเคยหรือไม่?! เจ้าก็เป็นเพียงแค่คนนอกเท่านั้น”
เมื่อสัมผัสถึงความประชับ สัมผัสนุ่มหยุ่นและความเร่าร้อนที่กดทับอยู่ข้างแขน โจวเหว่ยชิงก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่ามเนื่องจากเทียนเอ๋อร์มีอีกมือที่วางไว้ใกล้เส้นประสาทใต้ชายโครงของเขา หากเขากล้าลงมือต่อต้าน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะจัดการเขาอย่างไร
คำพูดของเทียนเอ๋อร์ทำให้เขารู้สึกเวียนหัว แม้ว่าทุกสิ่งที่เธอพูดจะเป็นความจริง พวกเขาทั้ง ‘นอนหลับ’ ด้วยกันและ ‘อาบน้ำ’ ด้วยกัน…แต่ก็เห็นได้ชัดว่าโจวเหว่ยชิงไม่ได้มีความสุขกับ ‘ผลประโยชน์’ ที่กอบโกยมาจากเหตุการณ์ดังกล่าวเลย…
แม่มดน้อยมองไปยังสายตายั่วยุของเทียนเอ๋อร์และรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เพียงพริบตาเดียว เธอก็ไปปรากฏตัวขึ้นที่อีกด้านหนึ่งของโจวเหว่ยชิง จับแขนอีกข้างของเขาแล้วกอดไว้ขณะที่เธอพูดอย่างเย้ยหยัน “วัวนมมีอะไรดีกัน? มีน้ำนมมากกว่างั้นรึ? หึ! ถ้าจำไม่ผิด คนบางคนมีคู่หมั้นอยู่แล้วนี่นา แต่ก็ยังอยากจะอยู่กับเหว่ยชิงอีกงั้นรึ? เจ้าคิดว่าตาแก่ของเจ้าจะเห็นด้วย? ยิ่งไปกว่านั้น คู่หมั้นของเจ้าจะต้องตามราวีเหว่ยชิงแน่! เหว่ยชิง ข้าขอเตือนเจ้าก่อนว่าบิดาของเทียนเอ๋อร์นั้นโมโหง่ายมาก และคู่หมั้นของนางก็ดุร้ายและโหดเหี้ยมมากด้วย หากเจ้ายังกล้าที่จะครองคู่กับนาง…หึหึ…เจ้าย่อมไม่มีวันเวลาดีๆ รออยู่ข้างหน้าแน่นอน”
โจวเหว่ยชิงมองไปทางซ้ายแล้วก็หันไปทางขวา แม้ว่าเขาจะรู้สึกดีจากการถูกสองสาวงามประกบ แต่เด็กหนุ่มก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามว่า “โอ้ เจ้าสองคนรู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้วเหรอ? พวกเจ้าคนหนึ่งมาจากนิกายปีศาจสวรรค์ ส่วนอีกคนมาจากภูเขาหิมะสวรรค์ เหตุใดดูเหมือนคุ้นเคยกันขนาดนี้ล่ะ?”
แม่มดน้อยกล่าวว่า “ทุกๆ 10 ปี 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะจัดงานพบปะชุมนุมกัน ดังนั้นพวกเราจึงเคยพบกันมาก่อน”
เทียนเอ๋อร์กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ถูกต้องแล้ว เป็นงานชุมนุมของ 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในทุกๆ 10 ปี และผู้นำนิกายปีศาจสวรรค์ก็มักจะครองตำแหน่งผู้อาวุโสลำดับสุดท้ายเสมอ จากสิ่งที่ข้าเห็น ไม่นาน 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็คงจะกลายเป็น 4 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์เสียแล้ว อ้วนน้อย ตราบใดที่เจ้าสามารถเอาชนะคู่หมั้นของข้าและได้รับการยอมรับจากท่านพ่อ เมื่อมีภูเขาหิมะสวรรค์หนุนหลังอยู่ แม้แต่วังสวรรค์ไพศาลก็ยังไม่กล้าทำอะไรเจ้า!”
………………………………………………………..