Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 132 ตายและฟื้ นคืนชีพ! (1)
ในฐานะผู้ใช้ทักษะย้อนเวลา โจวเหว่ยชิงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในพื้นที่จะไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าวไปด้วย
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ได้ยินเสียงเรียกของโจวเหว่ยชิงและกลับมามีสติ ท่ามกลางความเจ็บปวด เธอลืมตาขึ้นช้าๆ และเอ่ยเบาๆ ว่า “หืม? อ้วน น้อย เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
“เฟยเอ๋อร์ ฟังข้า เจ้าฟังข้านะ” โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างร้อนใจ เมื่อ ความเจ็บปวดในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสูงสุด เด็กหนุ่มก็กลัว ว่าในอีกไม่กี่อึดใจตัวเองจะไม่สามารถเอ่ยคําพูดได้อีกต่อไป
“เฟยเอ๋อร์ เจ้าต้องฟังข้าให้ดี สภาพปัจจุบันของข้าเป็นเพราะ ร่างกายอยู่ระหว่างการทะลวงผ่านระดับ มันเป็นส่วนหนึ่งของวิธีฝึก ปราณของข้า ไม่ได้ก่อความเสียหายถาวรแต่อย่างใด แต่ถ้าหากเจ้า ยังคงฝืนกอดข้าเอาไว้ มันจะทําให้ระบบหมุนเวียนเลือดของข้าถูกปิด กั้น ข้าได้ใช้ทักษะย้อนเวลากลับไปสู่เหตุการณ์ก่อนหน้า ตอนนี้เรามี โอกาสเดียวเท่านั้น หลังจากนี้ เมื่อร่างกายของเรากลับสู่สภาพเดิม ก่อนที่ข้าจะทําการย้อนเวลา เจ้าต้องผละออกจากร่างกายของข้าทันที อย่าพยายามแตะต้องตัวข้า แต่ก็ห้ามทิ้งระยะห่างออกไปเกินกว่า 10
เมตรด้วย ทุกอย่างจะย้อนกลับสู่จุดเริ่มต้นและเกิดขึ้นต่อจากเดิมอีก ครั้ง”
“ห๊ะ? นี่เจ้ากําลังพูดถึงอะไร?” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์อุทานขณะที่เธอ จ้องมองเขาพลางอ้าปากค้าง
โจวเหว่ยชิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าต้องทําตามคําสั่งของข้า มิฉะนั้นเราทั้งคู่จะต้องตาย จําเอาไว้!” เมื่อพูดถึงจุดนั้น ความเจ็บปวด อย่างรุนแรงและร่างกายที่กําลังสั่นเทาก็ทําให้เสียงของเขาแหบแห้งจน ยากเกินกว่าจะกล่าวอะไรต่อ
เป็นเพราะโจวเหว่ยชิงพูดเร็วเกินไป ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จึงยังคงอยู่ ในอาการตกตะลึง อย่างไรก็ตาม เธอสามารถสัมผัสได้ว่าคําพูดของเขา เป็นความจริง ร่างกายของเธอฟื้ นตัวอย่างรวดเร็ว พลังชีวิตและพลัง ปราณสวรรค์ที่หายไปก็หวนกลับคืนมาอีกครั้ง
ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การควบคุมของทักษะย้อนเวลา พวกเขากลับไปยังช่วงที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เพิ่งลงกระแทกลงบนพื้น พร้อมกับโจวเหว่ยชิง เวลาก่อนที่เธอจะกระโจนเข้าหาเขา ในขณะนี้ดู เหมือนว่าเวลาจะสงบลงและหยุดนิ่งไปชั่วอึดใจ
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จ้องมองไปรอบๆ ด้วยความแตกตื่น ทักษะธาตุ กาลเวลาเช่นนี้ทําให้เธอตกตะลึงจนขนลุก นี่คือพลังของอ้วนน้อยอย่าง นั้นหรือ!
เส้นผมยาวสลวยที่เคยร่วงหล่นลงต่อหน้าเธอ…ปอยผมสีเขียวได้ หวนกลับมาแล้ว
ในขณะนั้น ทักษะย้อนเวลาพลันสิ้นสุดลงอย่างกะทันหันและเวลา ก็กลับมาเดินตามปกติอีกครั้ง ทว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นเหมือนเดิม สําหรับโจวเหว่ยชิง เขาย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรที่เกิดขึ้นกับ ตัวเองได้ กล่าวคือ…ในการกลับมาครั้งนี้ อาจมีบางอย่างส่งผลต่อการ เปลี่ยนแปลงในอนาคต แต่ตัวเขาจะไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เกือบจะโผเข้าหาโจวเหว่ยชิงอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นร่างของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง เธอก็ต่อสู้กับความขัดแย้งที่ เกิดขึ้นในหัวใจและคําสั่งของเขา
ย้อนเวลา…โจวเหว่ยชิงมีทักษะเช่นนี้จริงๆ แต่เดี๋ยวก่อน…เขาต้อง โกหกข้าแน่ หากการสัมผัสเขาก่อนหน้านี้ส่งผลกระทบกับอีกฝ่ายจริงๆ โจวเหว่ยชิงจะยังใช้ทักษะนี้ได้ยังไง?
การที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เติบโตขึ้นในวังสวรรค์ไพศาลทําให้ไม่ควร มองข้ามความคิดของหญิงสาวผู้นี้เป็นอันขาด มองเพียงปราดเดียวเธอ
ก็สามารถบอกได้ว่าทักษะที่น่าสะพรึงกลัวนี้จะต้องเผาผลาญพลัง ปราณสวรรค์ไปมากมายเพียงใด
โจวเหว่ยชิงจะโกหกข้าทําไม? นี่ข้าคิดมากไปหรือเปล่านะ? หรือ ว่านี่จะเป็นเพราะวิชาฝึกปราณของเขาจริงๆ?
เมื่อมาถึงจุดนี้ สติของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ตื่นขึ้นมาจริงๆ แล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง โจวเหว่ยชิงก็สัมผัสได้ว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เชื่อฟัง เขาและไม่ได้เข้ามากอดตนเองในครั้งนี้ เด็กหนุ่มจึงรู้สึกเป็นสุขในใจ อย่างยิ่ง เขารู้ว่าทุกวินาทีที่ผ่านไปหมายความว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จะ ปลอดภัยมากขึ้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจะดําเนินไปตามเส้นทางดังก่อน หน้านี้ของมัน
“อ้วนน้อย เจ้าโกหกข้าใช่ไหม? ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้ากอดเจ้า… หลังจากนั้นข้าก็จําอะไรไม่ได้อีกแล้ว ข้า…ข้า…ตาย? หรือ…ได้รับ บาดเจ็บสาหัส? เจ้ากลัวข้าจะตาย ดังนั้นจึงใช้ทักษะย้อนเวลาเพื่อให้ ทุกอย่างย้อนกลับมาใช่ไหม?”
ตอนนี้โจวเหว่ยชิงอยากจะร้องไห้ออกมาเสียเหลือเกิน…น่า เสียดาย…เขาไม่สามารถพูดได้อีกต่อไป หากพูดได้ เด็กหนุ่มก็คงจะ อยากจะพูดกับซ่างกวนเฟยเอ๋อร์หนึ่งประโยค “พี่ใหญ่ เจ้าอย่าเพิ่งมา ฉลาดตอนนี้จะได้ไหม!”
อย่างน้อยตอนนี้อารมณ์ของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็คงที่มากกว่าเดิม หญิงสาวกล่าวต่อ “อ้วนน้อย เจ้าจะไม่เป็นไรใช่ไหม? แต่…ดูเหมือนเจ้า จะเจ็บปวดมาก พลังปราณในร่างกายของเจ้าก็ดูสั่นสะเทือนเสียรุนแรง ข้า…ข้ากลัวเหลือเกินว่าเจ้าจะจากไป ข้าไม่อยากตาย ข้าอยากร่วมทาง ไปกับเจ้า แต่…ถ้า…ถ้าเจ้าตาย ข้าจะทํายังไง? การกระทําก่อนหน้านี้ ของข้าช่วยชีวิตเจ้าใช่ไหม? ถ้าไม่ อย่างน้อยก็ช่วยบอกอะไรข้าบ้างสิ!”
เนื่องจากทักษะย้อนเวลาทําให้เสื้อผ้าของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ได้รับ การซ่อมแซม แต่โจวเหว่ยชิงกลับยังคงเปลือยกายอยู่เพราะเสื้อผ้าของ เขาหายไปก่อนหน้านี้แล้ว
หัวใจของโจวเหว่ยชิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขากลัวอย่าง แท้จริงว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จะพุ่งเข้ามาโอบกอดเขาอีกครั้ง แต่เด็ก หนุ่มไม่รู้จะตอบสนองต่อคําพูดของเธอได้อย่างไร เขาไม่แม้แต่จะขยับ นิ้วหรือพูดได้ด้วยซ�า แล้วจะพิสูจน์เรื่องนี้ได้อย่างไรล่ะ?
ทันใดนั้น โจวเหว่ยชิงก็คิดวิธีแก้ปัญหาได้ในฉับพลัน…แม้นั่นจะ ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาจริงๆ ก็ตามที ในใจของเขาเขาเริ่มคิดย้อนกลับไป ก่อนหน้านี้ เวลาที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เปลือยเปล่า เขาไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ปฏิกิริยาทางร่างกายดังกล่าวก็ยังคงอยู่ นอกเหนือข้อจํากัดที่ว่านั่น เมื่อเป็นเช่นนี้…ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จึงได้เห็น ‘ปฏิกิริยา’ ของเขาในทันทีทันใด
“เจ้า…เจ้าคนไร้ยางอาย!” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เห็นเห็ดสีชมพูแสนชั่ว ร้ายตั้งตระหง่านขึ้นมา และเธอก็ต้องหลับตาลงด้วยความลําบากใจ
ความจริงได้ถูกพิสูจน์แล้ว และความพยายามของโจวเหว่ยชิงก็ ได้ผล เวลานั้นซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ขบคิดกับตัวเองว่า หากยังสามารถทํา เช่นนั้นได้ เขาก็คงจะสบายดีนั่นล่ะ! “อ้วนน้อย ถ้าเจ้าตายจริงๆ ข้าก็จะ ตายไปกับเจ้า ดังนั้นเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปเถอะ” ท้ายที่สุดซ่างกวนเฟย เอ๋อร์ก็ทําตามคําสั่งของโจวเหว่ยชิงและล้มเลิกความคิดที่จะโอบกอด เขาเพื่อให้ความช่วยเหลือ เธอนั่งลงข้างๆ อีกฝ่าย หมุนเวียนพลังปราณ สวรรค์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง
ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงดําเนินต่อไปราวกับประวัติศาสตร์ที่กําลังซ�า รอย เมื่อโจวเหว่ยชิงบังคับทะลวงจุดตายของตนเองอย่างรุนแรง ซ่าง กวนเฟยเอ๋อร์ก็ตกตะลึงก่อนจะกระโจนเข้ามาสวมกอดเขาในที่สุด โชค ดีที่เมื่อถึงจุดนั้น พลังของสายเลือดทั้งสองภายในร่างกายเด็กหนุ่มก็ หยุดต่อสู้กันแล้ว พลังที่น่าหวาดหวั่นนั้นจึงไม่ได้โจมตีเธออีกต่อไป
หญิงสาวหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ของตนเข้าสู่ร่างกายของโจว เหว่ยชิง ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์สามารถรับรู้ได้ว่าภัยคุกคามภายในร่างของ เขากําลังค่อยๆ ลดลง จากนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลังจากทะลวงผ่านจุดตายได้สําเร็จอีกครั้ง สภาพอากาศ แปรปรวนรอบตัวก็หายไป โจวเหว่ยชิงทะลวงผ่านระดับที่ 17 เป็นรอบ ที่สองและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ที่ตายไปแล้วก็นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ทว่าความแตกต่างอีกประการก็คือโจวเหว่ยชิงไม่ได้มีพลังปราณ เต็มเปี่ ยมอีกต่อไป หลังจากผ่านการย้อนเวลา พลังปราณสวรรค์ของ เขาก็ถูกระบายออกไปจนหมด
เมื่อลืมตาขึ้น เด็กหนุ่มก็เห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของ ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ น�าตาจึงไหลลงมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้
หลังจากที่คนๆ หนึ่งได้สูญเสียบางสิ่งไป เขาก็จะได้เรียนรู้การทะนุ ถนอมสิ่งนั้นเอาไว้ การได้พบกันอีกครั้งจึงกระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพุ่ง ขึ้นสู่จุดสูงสุด ทว่าจู่ๆ ความมืดกลับตรงเข้าครอบงําสายตาของโจว เหว่ยชิงอีกครั้ง เมื่อความเหนื่อยล้าผสมเข้ากับพลังปราณสวรรค์ที่แห้ง เหือดไปโดยสิ้นเชิงและอารมณ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอดเวลา ในที่สุดเด็ก หนุ่มก็เป็นลมหมดสติไป
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก แต่ตอนนี้เธอกําลังแนบ อยู่กับร่างของโจวเหว่ยชิงและสามารถรับรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นเพียงการ หมดสติธรรมดา ไม่ใช่อะไรร้ายแรง
ไม่ช้าดวงตาของเธอก็เริ่มพร่ามัวเมื่อจ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นน�าตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของเขา หญิง สาวพลันรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น เขาร้องไห้เพราะข้างั้นหรือ? เกิดอะไรขึ้นก่อนการย้อนเวลา? ข้าตายแล้วหรือ?
“อ้วนน้อย…ข้าควรจะปฏิบัติกับเจ้ายังไง! ข้าตกหลุมรักผู้ชายของ น้องเล็กจริงๆ หรือ? ข้า…”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิงพลางควบคุมลมหายใจ ของตนเอง หมุนเวียนพลังปราณสวรรค์เพื่อฟื้ นฟูร่างของเธอ ใน ขณะเดียวกันก็ส่งพลังปราณสวรรค์ไปยังร่างของโจวเหว่ยชิงตัวอย่าง นุ่มนวลเพื่อช่วยให้เขาฟื้ นคืนพลัง กระตุ้นให้พวกมันกลับมาหมุนเวียน อีกครั้ง
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ก่อนหน้านี้พวกเขาสองคนออกจาก ค่ายกองพันไร้พ่ายก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดเพราะ โจวเหว่ยชิงวางแผนจะ อาศัยช่วงเวลาหลังจากที่กองทัพรับประทานอาหารเย็นและกําลังผ่อน คลายลักลอบเดินทางผ่านไป ทว่าในตอนนี้เวลากลับผ่านไปมากและ ล่วงเลยมาถึงกลางดึกแล้ว
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะพวกเขากําลังเผชิญหน้ากับความตาย ดังนั้น แม้ว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จะเห็นโจวเหว่ยชิงเปลือยกาย แต่เธอก็ยังไม่ได้ คิดอะไรมากนัก ทว่าหลังจากเหตุการณ์อันตรายทั้งหมดได้จบสิ้นลง
แล้ว พวกเขาก็กําลังนิ่งเงียบและอยู่กันตามลําพัง เธอจึงไม่สามารถสงบ ใจเมื่ออยู่ต่อหน้าร่างเปลือยของเขาได้อีกต่อไป
ผิวของโจวเหว่ยชิงไม่ใช่สีขาว แต่เป็นสีน�าผึ้งสุขภาพดี แม้ว่าเวลา กลางคืนจะมืดมิด แต่ด้วยระดับพลังและการมองเห็นของซ่างกวนเฟย เอ๋อร์ เธอจะมองไม่เห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจนได้อย่างไร?
ไหล่ของเขากว้างผึ่งผาย เส้นกล้ามเนื้อชัดเจน หนักแน่นและมั่นคง ให้ความรู้สึกปลอดภัย แขนของเขาล�าหนา มีกล้ามเนื้อ ‘ปีก’ ไว้ลายเส้น ชัดเจน สรุปแล้ว มันก็คือความแข็งแกร่งและความสง่างาม
หลังจากมองไปสักพัก ใบหน้าที่สวยงามของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก�า หญิงสาวรีบดึงเสื้อผ้าสํารองจากแหวนมิติของ ตัวเองออกมาปกปิดร่างกายของอีกฝ่ายทันที
อย่างไรก็ตาม ถึงอย่างไรเธอก็ยังคงเป็นปีศาจน้อยแห่งวังสวรรค์ ไพศาล นิสัยของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จึงทั้งกล้าหาญและซุกซนมาโดย ตลอด หลังจากปล่อยให้หัวใจเต้นแรงครู่หนึ่ง ความอยากรู้อยากเห็น ของเธอก็เผยโฉมออกมาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้หญิงสาวจ้องมองไปที่กล้าม อกของเขาและไม่ได้มองต�าลงไปข้างล่าง ร่างกายของผู้ชาย…มีอะไร แตกต่างจากผู้หญิงกันนะ…?
ด้วยเหตุนี้ หลังจากทําสงครามห�าหั่นกับตัวเองอยู่พักหนึ่ง ซ่างกวน เฟยเอ๋อร์ก็เอื้อมมือเล็กๆ ที่สั่นเทาของตัวเองออกไปยกเสื้อผ้าขึ้นอย่าง ระมัดระวัง มองดูข้างใต้ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
แค่ดูครั้งเดียว ข้าจะรีบดูเร็วๆ ไม่มีอันตรายอะไรในนั้นใช่มั้ยนะ? ตอนนี้โจวเหว่ยชิงดูปลอดภัยแล้ว เธอจึงอารมณ์ดีเพราะไม่รู้แน่ชัดว่า เกิดอะไรขึ้นกับตนเองใน ‘อนาคต’ ก่อนหน้านี้บ้าง พอเป็นเช่นนั้น ความ อยากรู้อยากเห็นของปีศาจน้อยจึงโผล่หางออกมา และเธอก็เริ่ม ปฏิบัติการถ�ามองร่างกายใต้ร่มผ้าของผู้ชายคนหนึ่งทันที ในบรรดาพี่ น้องซ่างกวนทั้ง 3 มีเพียงซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เท่านั้นที่จะกล้าทําอะไร เช่นนี้
“เฟยเอ๋อร์!” จู่ๆ โจวเหว่ยชิงก็ตะโกนเสียงดังลั่นและผุดลุกขึ้นนั่ง อย่างกะทันหัน เมื่อพลังปราณสวรรค์ของเขาเริ่มฟื้ นตัว ในที่สุดโจว เหว่ยชิงก็ตื่นขึ้นจากอาการสลบ เมื่อได้สติขึ้นมา สิ่งแรกที่เด็กหนุ่มนึก ถึงคือความปลอดภัยของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ โจวเหว่ยชิงกลัวว่าสิ่งที่ เกิดขึ้นเมื่อครู่จะเป็นเพียงความฝัน ร่างที่ไร้วิญญาณของเธอพลันโผล่ เข้ามาในความคิดของเขา
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ไม่คาดคิดมาก่อนว่าโจวเหว่ยชิงจะผุดลุกขึ้นนั่ง กะทันกัน จู่ๆ เสียงตะโกนของเขาก็ทําให้เธอสะดุ้งจนตัวสั่น ในเวลานั้น หญิงสาวอยู่ระหว่างท่ายกเสื้อผ้าขึ้นและจ้องมองไปที่ ‘ความแตกต่าง
ระหว่างชายและหญิง’ เมื่อโจวเหว่ยชิงสะดุ้งตื่นขึ้นมากะทันหัน สมอง ของเธอก็พลันว่างเปล่า ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จึงทําได้เพียงตัวแข็งทื่อใน ท่าทางที่น่าอึดอัดเช่นนั้น
……………………………………………………….