Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 161
เขาพึมพำและมองไปยังภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างช้าๆ โดยไม่รู้ตัว แสงไฟระยิบระยับเป็นประกายด้วยแสงสีทองอร่ามทุกหนทุกแห่ง หญิงสาวในชุดสวยๆ และชายหนุ่มในชุดสูทสง่างาม ดอกไม้ประดับและบันไดสูง ถึงแม้จะนั่งเฉยๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อ เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่อะไรเจ๋งๆ เต็มไปหมด
ในขณะที่ฮาจุนกำลังเพลิดเพลินกับปาร์ตี้อย่างเงียบๆ คนเดียวนั้นก็มีคนนั่งลงข้างๆ และทันทีที่นั่งลง หญิงสาวที่มีผมสีน้ำตาลทองเข้มในชุดเดรสสีฟ้าก็หันหน้าไปทางฮาจุน ฮาจุนกลืนน้ำลายแห้งให้กับรูปร่างที่เจิดจรัสโดยอัตโนมัติ
เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่กลับดูคุ้นหน้าคุ้นตา ยิ่งไปกว่านั้น แทนที่จะนั่งพักเฉยๆ แต่สายตาของเธอกลับดูเหมือนว่ามีเป้าหมายอยู่ที่ฮาจุน เธอเป็นฝ่ายที่ส่งรอยยิ้มให้และทักทายฮาจุนก่อน
“หวัดดี”
“…หวัดดี”
“ได้ยินมาว่าคุณเป็นคู่นอนคนใหม่ของคิมเหรอคะ”
จากคำพูดนั้นทำให้ฮาจุนเบิกตาโพลง เขาจำได้แล้วว่าเธอคือใคร โคลเอ้ ครอว์ฟอร์ด เธอคือหนึ่งในคนที่เคยสนิทกับมูคยอมอย่างแนบแน่นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
น่าจะประมาณเมื่อช่วง 3 ปีก่อน เดิมทีเธอทำงานทางด้านเดินแบบเท่านั้น แต่ภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอเมื่อปีที่แล้วได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและนั่นทำให้เธอมีชื่อเสียงในฐานะนักแสดง ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับมูคยอมแล้ว ฮาจุนก็โกรธตัวเองเล็กน้อยที่รู้ดีไปหมด แม้กระทั่งข้อมูลแบบนี้ ฮาจุนจึงแค่นหัวเราะออกมา
“ตอนที่อยู่เกาหลีพวกเราอยู่ทีมเดียวกันครับ ตอนนี้ผมเป็นหนี้บุญคุณเขาอยู่เพราะได้เข้าร่วมกรีนฟอร์ดน่ะครับ”
“คิมกับฉัน เราค่อนข้างเข้ากันได้ดีเลยค่ะ แล้วก็รู้จักกันมาค่อนข้างนานเลยน่ะค่ะ”
เธอคงรู้จักเขาแน่ๆ ใช่ไหมนะ เพราะว่าท่าทางของเธอที่เข้ามาคุยต่อทันทีโดยไม่แม้แต่จะแนะนำตัวเองเลยสักนิดช่างมุทะลุเสียจริง อีกฝ่ายอยากจะพูดเรื่องอะไรกันนะ ฮาจุนไม่สามารถหาคำมาตอบโต้ได้จึงใช้มือลูบบนเข่าของตนเองหนึ่งครั้ง
“เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารหรือเรื่องดนตรี พวกเราก็มีรสนิยมที่คล้ายกัน”
“อย่างนั้น…เองเหรอครับ”
หญิงสาวคนนั้นนั่งไขว่ห้างและใช้ปลายรองเท้าส้นสูงแตะหน้าแข้งเขาเบาๆ ฮาจุนตกใจจนหุบขาเข้าหากันและมองไปยังหญิงสาว รอยยิ้มที่ลึกซึ้งและมีเสน่ห์ดึงดูดมากกว่าเดิมหันไปทางฮาจุน
“ไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันจะสื่อเหรอคะ”
“อะไรนะครับ”
“ที่ฉันบอกว่าคิมกับฉันเรามีรสนิยมที่คล้ายกันยังไงคะ”
ใบหน้าของฮาจุนที่กะพริบตาปริบๆ อยู่ครู่หนึ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เขาชะเง้อมองไปรอบๆ เพื่อหามูคยอมอย่างไม่รู้ตัว แต่มูคยอมกลับไปที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีผู้คน แม้แต่เส้นผมสักเส้นก็ยังหาไม่เจอ ฮาจุนลุกขึ้นจากโซฟาอย่างลุกลี้ลุกลน
“ขอโทษนะครับ พอดีว่าผมมีธุระนิดหน่อย”
“เฮ้อ”
ฮาจุนยืนขึ้นแล้วรีบออกจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เขาปล่อยให้หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาราวกับเสียใจ ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหน แต่เขาก็อยากหนีจากสถานการณ์นี้อยู่ดี
แน่นอนอยู่แล้วว่า มูคยอมเคยคบกับผู้หญิงที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมาก ฮาจุนจึงไม่แปลกใจเลยที่พวกเธอจะปรากฏตัวในที่แบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่สามารถเดาได้เลยว่าคนที่เคยมีความสัมพันธ์กับมูคยอมนั้นจะเข้าหาเขา
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเข้าหาเขาเพื่อจุดประสงค์นั้นอีก ฮาจุนรู้สึกมึนงงที่ได้เห็นด้านหนึ่งของชีวิตที่ผ่านมาของคิมมูคยอม ที่ในช่วงเวลาหนึ่งเรื่องแบบนี้อาจจะไม่นับเป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
‘ที่บอกว่าคู่นอนคนใหม่คืออะไรกัน ข่าวลือแปลกๆ แพร่สะพัดไปแล้วเหรอ ไม่สิ เขาเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นานก็มีข่าวลืออะไรแบบนี้แล้วเหรอ’
ความกังวลและความคิดต่างๆ ที่วนเวียนอยู่ในหัวของฮาจุนอย่างวุ่นวายนั้น ท้ายที่สุดแล้วมันก็ถูกทำให้เจือจางลงแล้วสลายไปด้วยความรู้สึกอันแรงกล้าเกี่ยวกับคนที่เพิ่งเจอกันเมื่อครู่
‘ช่าง…ช่างสวยจริงๆ’
ฮาจุนจำเรื่องอื้อฉาวของมูคยอมได้ทุกปี และเขาก็รู้แม้กระทั่งผู้หญิงที่อีกฝ่ายเคยคบหาด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ฮาจุนเคยเห็นพวกเธอในรูปถ่ายหรือในวิดีโอเพียงเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอพวกเธอในชีวิตจริง เข้ามาประชิดอยู่ตรงหน้าเลย
บางครั้งคนดังก็มาเยี่ยมชมสนามฟุตบอลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน ตอนที่ยังเป็นนักเตะ เขาเองก็เคยได้สัมภาษณ์สั้นๆ ฮาจุนคิดว่าบรรดาคนที่เขาได้พบในตอนนั้นสวยมากแล้ว แต่ทันทีที่หญิงสาวเมื่อครู่นั่งลงข้างๆ เขา เธอก็สวยจนทำเอาเขาพูดไม่ออกและลืมกะพริบตาไปเลย
มูคยอมเจอคนแบบนั้นมาโดยตลอด แค่จินตนาการถึงพวกเขาที่ยืนเคียงข้างกันก็เหมือนกับเป็นภาพวาดกว้างๆ ภาพหนึ่งแล้ว ช่างเข้ากันได้ดีราวกับดอกไม้ที่ถักทอกันเป็นช่ออันสวยสดงดงามที่สุดในโลก
ขณะที่มัวแต่เดินไปเรื่อยๆ ฮาจุนก็สบตากับเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกติดผนังที่ประดับด้วยกรอบหรูหรา เขาหยุดฝีเท้าและจ้องมองตัวเองในกระจกที่อยู่ตรงหน้า
ฮาจุนไม่ได้ไม่พอใจในรูปลักษณ์ภายนอก ถึงแม้ว่าเขาจะได้ยินบ่อยๆ ว่าตนเองดูดี แต่ว่าก็เทียบไม่ได้เลยกับนักแสดงที่เพิ่งพบเมื่อสักครู่นี้อย่างแน่นอน ถึงแม้จะใส่ชุดสูทราคาแพง แต่ก็ไม่สามารถสร้างบรรยากาศที่ทั้งมีเสน่ห์และเซ็กซี่เหมือนกับคิมมูคยอมได้
มูคยอมที่เคยพบเจอแต่บรรดาผู้คนที่งดงามราวกับเทพธิดา แต่แล้วกลับมาคบกับฮาจุนที่สุดแสนจะธรรมดาอย่างนั้นเหรอ
‘ดูท่าทางคิมมูคยอมคงจะชอบฉันมากเลยสินะ…’
ขณะที่พึมพำกับตัวเองอย่างเหม่อลอย ทันใดนั้น ฮาจุนก็ตระหนักได้ว่าเขากำลังหลงตัวเองอยู่หน้ากระจกเพียงลำพัง และใบหน้าของเขาก็อุ่นขึ้นเล็กน้อย
นี่เขากำลังทำตัวเหมือนคิมมูคยอมที่มั่นใจในตัวเองอยู่เสมอหรือเปล่านะ เขารู้สึกอยากรับลม เพื่อให้หัวใจที่เต้นตึกตักสงบลงจากการเจอกันโดยบังเอิญอย่างกะทันหันกับคนที่เขาไม่ได้รู้จักมักคุ้น
ระหว่างที่เดินอยู่นั้น ฮาจุนก็ชะเง้อมองไปรอบๆ และมุ่งหน้าไปยังหน้าต่างบานยาวที่ต่อไปจนถึงเพดาน ไม่รู้ว่ามันเป็นหน้าต่างอัตโนมัติหรือเปล่า เพราะในขณะที่ฮาจุนสงสัยและผลักออกไป หน้าต่างที่มีน้ำหนักก็เปิดออกราวกับถูกพับเอาไว้ เผยให้เห็นระเบียงกว้าง
ระเบียงเปิดออกไปยังด้านหลังของคฤหาสน์ ฮาจุนลืมเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นและเบิกตาโตพร้อมกับชื่นชม สวนกว้างสไตล์ฝรั่งเศสที่มองไม่เห็นจากด้านหน้าของอาคาร ตอนนี้มันเปิดกว้างอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับแสงไฟที่ส่องสว่างในยามค่ำคืน
ฮาจุนไม่ใช่แขกเพียงคนเดียวของระเบียง เช่นเดียวกันกับคนจำนวนน้อยที่ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ต่างก็เอนกายพิงราวระเบียงมองออกไปที่สวน หรือไม่ก็พูดคุยกระซิบกระซาบกันเอง
ฮาจุนเหลือบมองผู้คนไปรอบๆ ภาพของชายหญิงสองคนที่กำลังสูบบุหรี่ปรากฏเข้ามาในสายตาของเขา ฮาจุนลืมแม้กระทั่งความคิดที่ว่ามันไร้มารยาทและจ้องมองควันที่พวยพุ่งออกมา
เขาไม่ได้แตะบุหรี่เลยตั้งแต่เริ่มใช้ชีวิตอยู่กับมูคยอม เดิมทีฮาจุนสูบบุหรี่ในปริมาณที่ไม่มากนัก ดังนั้นเขาจึงเลิกสูบบุหรี่ได้ไม่ยาก แต่ท่ามกลางความวุ่นวาย เมื่อได้เผชิญกับภาพการสูบบุหรี่ของคนอื่น จู่ๆ ควันที่ทำให้ใจของเขาสงบลงจากอาการตกอกตกใจ ก็ดึงดูดเขาได้มากเลยทีเดียว
“ถ้าหากว่าคุณต้องการมัน ผมให้คุณสักมวนไหมครับ”
ชายหนุ่มที่กำลังสูบบุหรี่ในตอนนั้นเอ่ยออกมา จากนั้นฮาจุนจึงตระหนักได้ว่าตนเองจ้องมองพวกเขาอย่างชัดเจนเกินไปและส่ายหน้าด้วยความตกใจ
“ขอโทษที่เสียมารยาทครับ ไม่เป็นไรครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ถ้าเจอกันในสถานที่แบบนี้ ก็ถือว่าทุกคนคือเพื่อนกันหมดเลยใช่ไหมล่ะ”
ชายหนุ่มที่สวมสูทและปัดผมไปด้านหลังนั้นดึงกล่องบุหรี่ออกมาแล้วยื่นบุหรี่ให้ด้วยท่าทางสง่างาม ฮาจุนลังเลเล็กน้อยและรับมันมา
“ไฟไหม”
“รบกวนด้วยครับ”
ไหนๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องปฏิเสธอีกต่อไป ชายคนนั้นหยิบไฟแช็กออกมาจุดไฟ จากนั้นฮาจุนก็เข้าไปใกล้ๆ แล้วสูบบุหรี่เข้าไป
ปลายบุหรี่ไหม้อย่างรวดเร็วและควันก็เข้าไปในปอด จิตใจที่วุ่นวายของเขาก็ค่อยๆ สงบลง ฮาจุนเห็นพวกเขาแย้มรอยยิ้มออกมา
“ขอบคุณครับ”
“ขอบคุณอะไรกันครับ ขอให้สนุกกับค่ำคืนนี้นะครับ”
ฮาจุนยืนพิงราวบันไดอีกครั้ง เขามองสวนและสูบบุหรี่ต่อไป มันเป็นบุหรี่ที่มีลักษณะที่แตกต่างจากบุหรี่ของเกาหลีและมีกลิ่นที่เฉพาะตัว
เขาอาจจะถูกมูคยอมจับได้ว่าสูบบุหรี่ แน่นอนว่าถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่เคยบอกให้เขาเลิกสูบบุหรี่ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ต้องการที่จะบังคับให้เขาต้องทำอะไร อย่างเช่นการให้สูดควันจากบุหรี่ของคนอื่นเช่นกัน และเมื่อได้ฟังเรื่องที่พูดเกี่ยวกับผู้จัดการทีมพัคนั้น เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีทัศนคติที่ดีต่อการสูบบุหรี่นัก
ทันทีที่ได้สูบบุหรี่หลังจากที่ไม่ได้สูบมานาน ฮาจุนก็พ่นควันออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างไม่มีเสียงเมื่อนึกถึงภาพของคิมมูคยอมที่เคยเจอกันเมื่อตอนยังเด็ก ขณะที่ทำอย่างนั้น เขาก็รู้สึกถึงการจ้องมองจึงได้หันหน้าไป ชายหนุ่มที่ให้ยืมบุหรี่เมื่อสักครู่กำลังมองที่เขาอยู่
มองทำไมเหรอ ทันทีที่ฮาจุนจ้องมองพวกเขาทั้งสองคนด้วยท่าทางเช่นนั้น หญิงสาวก็พูดด้วยรอยยิ้ม
“สไตล์ของคุณเท่มากเลยนะคะ”
ผู้คนจะใจกว้างมากขึ้นเมื่อมางานปาร์ตี้เหรอ ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาก็กำลังได้ยินคำพูดอันเป็นมิตรเป็นพิเศษ หรืออาจจะเป็นเพราะเสื้อผ้าเป็นปีก จากสูทตัวใหม่ที่
มูคยอมซื้อให้และทรงผมที่จัดแต่งก่อนจะมาที่นี่
“ขอบคุณครับ”
ฮาจุนก้มหัวเล็กน้อยเพื่อรับคำชมด้วยรอยยิ้มบางเบาและหันกลับไปมองที่สวนอีกครั้ง
ขณะที่เขากำลังมองหาที่ที่จะทิ้งก้นกรองบุหรี่อันเล็กนี้ ความรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นก็ค่อยๆ บรรเทาลง ภูมิทัศน์อันน่าประหลาดใจก็เข้ามาในสายตาของฮาจุน
* * *
มูคยอมที่กลับมายังโซฟาที่ฮาจุนเคยนั่งอยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มีเพียงคนที่เขาไม่รู้จักที่นั่งอยู่บนโซฟาเท่านั้น และพอกวาดตามองไปรอบๆ มูคยอมก็ไม่พบกับคนรักของตนเองอยู่ใกล้ๆ เลย โอ๊ย เสียงของความเจ็บปวดดังออกมาโดยอัตโนมัติ
ไหนบอกว่าจะนั่งรออย่างเรียบร้อยไง ลูกวัวที่ถูกปลดสายบังเหียนหายไปไหนแล้วล่ะ
“ไม่ทราบว่า เห็นผู้ชายเอเชียที่นั่งอยู่ตรงนี้หรือเปล่าครับ คนที่หน้าขาวๆ สูงประมาณ 6 ฟุตและหน้าตาดีมากๆ เลยน่ะครับ” มูคยอมเอ่ยปากถามคนที่อยู่แถวๆ นั้นก่อน
“ไม่ครับ ไม่เห็นเลยนะครับ”
มูคยอมจึงลองต่อสายหาอีกฝ่ายดู แต่กลับมีเพียงแค่เสียงสัญญาณและไม่มีคนรับสาย ทั้งสถานที่จัดงานปาร์ตี้นั้นอึกทึกครึกโครมและทั้งสติที่วุ่นวาย มันจึงง่ายต่อการพลาดสายโทรศัพท์
มูคยอมกระเดาะลิ้น งานปาร์ตี้วันนี้เป็นงานปาร์ตี้ขนาดใหญ่ ตัวอาคารจึงมีขนาดใหญ่และซับซ้อนเช่นกัน ดังนั้นเมื่อแยกตัวออกไปแล้ว ถ้าไม่โทรศัพท์ติดต่อกันก็คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเจอกันอีกครั้ง ไม่รู้เลยว่าฮาจุนไปถึงไหนแล้ว
ถึงแม้ว่าการระดมทุมจะเป็นข้ออ้างการจัดงานปาร์ตี้ของชนชั้นสูง แต่ลักษณะของงานปาร์ตี้ที่จัดในบ้านพักตากอากาศสำหรับการพักผ่อนในฤดูร้อนก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้เลย แม้ว่าจะแสร้งทำเป็นว่ามีมารยาท แต่ยิ่งเวลาผ่านไปดึกขึ้นเท่าไร ยิ่งเผยให้เห็นถึงธาตุแท้มากขึ้นเท่านั้น
มูคยอมกังวลขึ้นมาในทันที เขาชะเง้อมองไปรอบๆ ห้องขณะที่ขยับเท้าก้าวเดิน โชคดีที่เขาเป็นคนตัวสูง เพราะมันเป็นประโยชน์ในการมองไปรอบๆ ทั่วทั้งห้องโถง
“โอ๊ะ คิม”
ในตอนนั้น มูคยอมหยุดเดินเพราะเสียงของใครบางคนที่เอ่ยออกมาราวกับรู้จักเขา หญิงสาวที่ใส่เดรสสีฟ้ากำลังเดินมาหาเขาจากทางด้านข้าง มูคยอมยิ้มอย่างขมขื่น
“โคลเอ้”
“นานมากเลยนะเนี่ย นายยังคงสบายดีใช่ไหม”
“แน่นอนสิ แต่ตอนนี้ฉันยุ่งมาก ขอตัวนะ”
“ฉันเจอคู่ขาคนใหม่ของนายด้วย หน้าตาดีเลยนะ ช่วงที่ผ่านมาดูเหมือนว่ารสนิยมของนายจะกว้างขึ้นนะ”
หลังจากทักทายกันสั้นๆ มูคยอมที่กำลังจะย้ายที่ก็หยุดยืนอยู่กับที่
“เธอเจอฮาจุนเหรอ”
“ใช่ เมื่อกี้นั่งอยู่โซฟาตรงโน้นน่ะ”
“แล้วเขาไปไหนแล้ว”
“ฉันเองก็ไม่รู้ พอเปิดฉากคุยกัน เขาก็ไปเลย”
“เธอบอกว่าคุยกันเหรอ ไม่ได้พูดเรื่องอะไรที่มันแปลกๆ ใช่ไหม”
“เรื่องแบบไหนล่ะที่เรียกว่าแปลก”
“อย่าบอกนะว่าพูดเรื่องที่พวกเราเคยคบกันเมื่อนานมาแล้ว”
“มันเป็นเรื่องที่ฉันไม่ควรพูดเหรอ นายใส่ใจเรื่องแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
มูคยอมเสยผมขึ้นแล้วถอนหายใจสั้นๆ ต่อหน้าหญิงสาวที่กำลังยักไหล่สงสัยในระหว่างที่พวกเขาทั้งคู่เอาแต่ถามคำถามกันซ้ำไปซ้ำมา
คำพูดของหญิงสาวไม่ผิดเลย คิมมูคยอมใส่ใจเรื่องพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เรารู้จักกันมานานหลายปี ไม่มีทางที่หญิงสาวจะไม่รู้ มูคยอมก้าวเท้าโดยไม่พูดอะไรต่อ
แน่นอนว่าแม้เธอจะไม่ได้พูดมันออกมา มันก็มีความเป็นไปสูงที่ฮาจุนจะจำเธอได้ก่อน เพราะโค้ชอีฮาจุนผู้มีความสามารถนั้นรับรู้ถึงเรื่องอื้อฉาวที่เล็กที่สุดของเขาหมดแล้ว
ถ้ามันเป็นการสนทนาธรรมดาๆ ฮาจุนคงไม่แม้แต่จะลุกจากที่นั่งโดยไร้คำพูดหรอก แล้วหล่อนพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ แน่นอนว่ามูคยอมสามารถตรวจสอบเรื่องนี้กับหญิงสาวได้ แต่เขาไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดไปมากกว่านี้ เขาเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าหลังจากที่ฮาจุนได้ฟังเรื่องราวในอดีตอันไร้ประโยชน์พรรค์นั้น อีกฝ่ายจะเจ็บปวดใจหรือโมโหหรือเปล่า
มูคยอมเพิกเฉยต่อผู้คนที่เดินมาคุยกับตนเอง และในขณะที่ก้าวเดินด้วยระยะฝีเท้าอันกว้างนั้นเขาก็มองไปรอบๆ สถานที่จัดงานปาร์ตี้ และมีสถานที่ที่หนึ่งที่ผู้คนไปรวมตัวกัน มีอะไรสนุกขนาดนั้นเหรอ พวกเขาเหล่านั้นถึงได้หัวเราะคิกคักกันเองอย่างนั้น มูคยอมที่ตั้งใจจะผ่านไปเฉยๆ หยุดเดินในทันที ภาพด้านหลังของชายหนุ่มที่ยืนหันหลังอยู่ช่างดูคุ้นตาเขาเหลือเกิน
ในขณะที่มูคยอมสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ การพูดคุยกันของพวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงดำเนินต่อไป
“แล้วผมล่ะ ผมเหมือนอะไรครับ” ชายผมหยักศกถามชายที่ยืนหันหลัง
“ไม่ใช่แพนด้าเหรอครับ ตรงนี้ ตรงนี้มันดำปี๋แบบนี้เลยนี่ครับ”
จากนั้นผู้คนก็หัวเราะจนเอนไปด้านหลังอีกครั้ง มูคยอมแตะมือเข้าที่ไหล่ของชายหนุ่มที่ยืนหันหลังอยู่
“หืม”
ชายหนุ่มที่หันกลับมาก็คือลูกวัวที่ถูกปลดสายบังเหียนที่เขาเดินตามหาอยู่นั่นเอง
มูคยอมถอนหายใจ แต่ฮาจุนกลับยิ้มกว้างและเรียกชื่อของเขาด้วยความยินดี
“มูคยอม”
ระหว่างที่หายตัวไปจากสายตา ดวงตาสีนิลของอีกฝ่ายก็เบิกโตขึ้นอย่างชัดเจนและเป็นประกายราวกับมีเรื่องสนุกๆ เกิดขึ้น มูคยอมยิ้มและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อหาอีกฝ่ายเจอแล้ว แต่แล้วไม่นาน เขาก็ทำหน้าบูดเบี้ยวและตำหนิอีกฝ่าย
“จะไปไหนทำไมไม่บอก ฉันเป็นห่วงแทบแย่”
“ขอโทษนะ ฉันอยากรับลมนิดหน่อยเลยออกมาที่ระเบียง แต่ว่า…”
ในตอนนั้นเองที่ผู้คนที่อยู่รอบๆ ตัวของฮาจุนนั้นเร่งอีกฝ่าย
“จุน คุณจะไม่ตั้งชื่อเล่นให้อีกเหรอครับ”
ชายคนหนึ่งที่ดูเมานิดหน่อยยื่นแขนไปให้ฮาจุน มูคยอมจ้องตาเขม็งแล้วปัดมือนั้นออก
คนที่ถูกสัมผัสมือในสถานการณ์ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นไม่ได้โกรธและมองไปที่มูคยอมอย่างเหม่อลอย ปกติแล้วฮาจุนควรจะบ่นถึงการกระทำของมูคยอม แต่อีกฝ่ายกลับตอบพวกเขาเหล่านั้นด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มเท่านั้น
“ขอโทษครับ เจอเพื่อนร่วมทางแล้วครับ”
“ถ้าได้เจอกันอีกก็คงจะดีนะครับ”
หลังจากที่ฮาจุนบอกลา พวกเขาก็ทิ้งบรรยากาศของเมื่อครู่นี้แล้วหัวเราะออกมาในทันที เป็นสีหน้าที่ดูรู้สึกเสียดายจากใจจริง สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มูคยอมถามพลางเดินตามฮาจุนที่คว้าข้อมือของตนเองไปด้วย
“ชื่อเล่นงั้นเหรอ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ฉันแค่เห็นคนอื่นแต่งตัวดูน่าสนุกดีเลยถามออกไปว่าไม่ได้แต่งตัวไปสำหรับแสดงเหรอ ทุกคนก็เลยบอกให้ทายว่าพวกเขาแต่งเป็นอะไร ฉันก็เลยกำลังบอกพวกเขาอยู่น่ะ นี่คืองานเลี้ยงสวมหน้ากากเหรอ มีคนที่แต่งตัวแบบนั้นแล้วมาที่งานด้วยแฮะ”
มูคยอมหันกลับไปมองยังผู้คนที่คุยกับฮาจุน เป็นคนที่มางานปาร์ตี้ในชุดทักซิโด้และชุดเดรส ในสถานที่ธรรมดาๆ มันก็คงจะดูหรูหรา แต่ในสถานที่แบบนี้ มันไม่มีส่วนไหนโดดเด่นพอที่จะเรียกได้ว่าเป็นการแต่งตัวเพื่อการแสดงเลย