Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 106
“อีฮาจุนเหรอ”
ฮาจุนยืนอยู่ในเสาฝั่งตรงข้ามที่มองไม่เห็นได้จากโต๊ะที่เขาอยู่ มูคยอมเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่กำลังทำตัวประหม่าราวกับถูกจับได้
“นายมาทำอะไรที่นี่”
“…เพราะว่าคนจากสถานีโทรทัศน์มา ฉันเป็นห่วงนายเลยแวะมาดูสักพักน่ะ เผื่อว่าจะมีปากเสียงกัน…”
“คนที่จะทะเลาะด้วยไม่แม้แต่จะมาด้วยซ้ำ คนที่มาคือผู้ประกาศข่าวที่เจอเมื่อตอนนั้นน่ะ”
“ฉันรู้ ได้ยินเสียงแล้ว”
ฮาจุนยื่นใบหน้าออกมาจากหัวมุมเพื่อที่จะหันไปมองด้านหลัง มูคยอมจึงรีบโอบไหล่ของอีกฝ่ายให้หันไปมองด้านหน้า
“รีบไปกันเถอะ ในระหว่างฝึกซ้อมไม่ควรออกมานานอย่างนี้สิ”
เสียงที่น่าอึดอัดใจด้วยความไม่สบอารมณ์ออกมาจากริมฝีปากของชายหนุ่มที่ออกมาจากสนามฝึกซ้อมตามอำเภอใจ สุดท้ายฮาจุนก็ไม่ได้หันกลับไปมองด้านหลัง มูคยอมจึงกอดคอของอีกฝ่ายเดินออกจากประตูไป ตอนที่เดินคู่กันไปนั้น เขาหันไปมองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่าย
มูคยอมดูเหมือนจะไม่สนใจ แต่ในวันนี้เขาได้ผูกเชือกรองเท้าของใครสักคนอีกครั้ง สำหรับตัวเขาแล้วมันอาจจะไม่มีอะไร แต่ความมีน้ำใจที่เหมาะสมที่สุดในเวลาที่จำเป็นที่สุดนั้นผู้รับจะจดจำมันเอาไว้เป็นเวลานาน
นี่มันเป็นส่วนที่ไม่สามารถอธิบายเป็นอย่างอื่นได้นอกจากบอกว่าเป็นอะไรที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดหรือเปล่านะ ถึงแม้ฮาจุนจะไม่ค่อยทราบเกี่ยวกับแม่ของมูคยอมมากนัก ไม่รู้เหมือนกันว่าบางทีมูคยอมอาจจะมีนิสัยที่คล้ายกับแม่ก็ได้ ต่างจากที่มูคยอมยืนกรานว่าเขานั้นคล้ายกับพ่อ
“คิมมูคยอม”
“หืม”
“ในความคิดฉัน ฉันว่านายไม่ต้องพยายามอย่างไร้ความความหมายเพื่อที่จะใช้ชีวิตหรอก นายใช้ชีวิตตามที่นายต้องการเลย ไม่จำเป็นต้องพยายามใช้ชีวิตแล้วนึกถึงพ่อไปด้วยเลย”
“ทำไมจู่ๆ ถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ”
“ก็แค่…นึกได้น่ะ”
มูคยอมมองฮาจุน ราวกับว่าเขาไม่เข้าใจสถานการณ์ และก่อนที่จะเข้าไปในสนามฝึกซ้อม พวกเขาก็จูบกันอย่างรวดเร็วในมุมอับของอาคารที่ผู้คนมองไม่เห็น ฮาจุนเบิกตากว้าง แต่มูคยอมกลับยิ้มแล้วกลับไปกอดคออีกฝ่ายราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อย่างไรก็ตาม ฉันชอบนะที่มันดูเหมือนคำชม”
“นายอย่าทำอะไรแบบนี้พร่ำเพรื่อสิ ถ้ามีใครมาเห็นเข้าจะทำอย่างไร”
ฮาจุนที่มีใบหน้าแดงก่ำดุมูคยอมราวกับว่าตัวเขาวุ่นวายใจจริงๆ ที่มูคยอมทำเช่นนั้น ในขณะที่มูคยอมพูดอย่างหน้าไม่อายว่าบรรดานักเตะที่อังกฤษก็จุ๊บกันบ่อยนั้นเงียบไปทันทีเมื่อโดนขู่ว่า ถ้าขืนทำแบบนี้บ่อยๆ แล้วล่ะก็คงยากที่พวกเขาจะอยู่ทีมเดียวกัน
* * *
หน้าจอกลายเป็นสีดำและเครดิตตอนจบก็ปรากฏขึ้นมา ฮาจุนจ้องมองไปที่หน้าจอด้วยสีหน้าว่างเปล่าราวกับยังคงตกอยู่ในห้วงอารมณ์ที่หลงเหลืออยู่ มันไม่ได้เป็นหนังที่แย่ แต่มูคยอมก็ไม่อาจตกอยู่ในห้วงอารมณ์เฉกเช่นฮาจุนได้ เพราะวันนี้เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการมองดูสีหน้าของฮาจุนมากกว่าดูหนัง
เมื่อฉากที่ตลกขบขันปรากฏขึ้นมา เขาหัวเราะแล้วหันไปดูว่าฮาจุนกำลังหัวเราะอยู่หรือเปล่า และเมื่อฉากเศร้าปรากฏขึ้นมา เขาก็หันไปดูเผื่อว่าฮาจุนจะร้องไห้ อีกฝ่ายไม่ได้ร้องไห้ แต่กลับขมวดคิ้วและจดจ่ออยู่กับหน้าจอ ฮาจุนที่ยิ้มออกมาทีหลังหันไปมองมูคยอม
“ที่นี่ดีจัง ฉันว่าดีกว่าดูที่โรงหนังอีก เราสามารถพูดคุยกันโดยไม่ต้องสนใจคนอื่น และมีแค่เราสองคนเท่านั้น”
“ใช่ไหมล่ะ เบาะก็สบาย เทียบกับเก้าอี้ในโรงหนังเลยหรือเปล่านะ”
“จากที่ดูแค่หนังแอคชั่น มันก็นานมาแล้วที่ฉันได้ดูหนังสบายๆ แบบนี้ สนุกกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย คงต้องดูหนังแนวนี้บ่อยๆ แล้ว”
แม้ว่ามูคยอมจะได้พบเจอกับผู้หญิงมานับไม่ถ้วนในสถานที่หรูหราในตอนกลางคืน แต่มูคยอมแทบไม่มีประสบการณ์ในการทำสิ่งใดที่พอจะเรียกว่าการออกเดตได้เลย และเมื่อคืนหลังจากทั้งคู่เล่าเรื่องสัพเพเหระจบร่างทั้งสองก็ซ้อนทับกันอีกครั้งและรุนแรงกว่าในครั้งแรกเสียอีก ขณะที่ฮาจุนผล็อยหลับไปขณะที่ร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของมูคยอม ระหว่างนั้นเขาก็ศึกษาหลักสูตรการออกเดตอย่างขยันขันแข็งให้สมกับเป็นชายหนุ่มวัย 26 ปีทั่วๆ ไป
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกซ้อมของวันนี้ มูคยอมก็พาฮาจุนไปที่ซีเล็คต์ช็อปที่เขาจองเวลาส่วนตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว ก่อนอื่นเลยก็ต้องซื้อเสื้อผ้าก่อน เขาบอกให้อีกฝ่ายเลือกรถที่อยากได้ได้เลย แต่กลับถูกปฏิเสธโดยบอกว่าไม่เป็นไร และเขายังพยายามให้บัตรเครดิตกับอีกฝ่ายเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ใช้มันได้อย่างตามใจชอบ แต่อีกฝ่ายบอกว่ามันมากเกินไป มูคยอมจึงยอมแพ้เพราะฮาจุนปฏิเสธด้วยความเกรงใจจนถึงวินาทีสุดท้าย
เพราะฮาจุนกลัวว่าถ้าเอาเสื้อผ้าและรองเท้าราคาแพงแบบนี้ที่ซื้อมานั้นกลับบ้าน ครอบครัวก็คงจะคิดว่ามันแปลกๆ อีกฝ่ายเลยตัดสินใจเก็บมันไว้ที่บ้านของมูคยอม ดีเสียอีก เพราะฮาจุนจะได้ไปนอนที่บ้านของเขาบ่อยขึ้น พรุ่งนี้เขาคิดว่าคงต้องเรียกคนมาจัดห้องอีกห้องหนึ่งให้กลายเป็นห้องแต่งตัวของฮาจุน
พวกเขาไปทานอาหารในร้านอาหารส่วนตัวที่จองไว้ล่วงหน้า และสุดท้ายก็ไปดูหนังกลางแจ้งในรถยนต์ส่วนตัว มันเป็นการออกเดตที่ค่อนข้างเรียบง่าย เป็นครั้งแรกเลยที่เขามาที่แบบนี้ แต่เขาก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจที่ฮาจุนดูมีความสุขมาก
ทันทีที่เอียงตัวไปจูบ ฮาจุนไม่แม้แต่จะปฏิเสธเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งยังอ้าปากต้อนรับเขาอย่างอ่อนโยนอีกต่างหาก ถ้าเป็นในโรงหนัง ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนแต่ก็เป็นเรื่องยากอยู่ดี เพราะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องกล้องวงจรปิด
“ฉันเพิ่งเคยมาที่แบบนี้เป็นครั้งแรก คนเยอะเลยจังเลยนะ”
ฉันเองก็เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกเหมือนกัน มูคยอมตอบฮาจุนในใจ และฟังอีกฝ่ายพูดด้วยความสุขใจ ทันใดนั้น จากคำพูดนั้นก็ทำให้รู้เขารู้สึกติดใจ
“นายเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกเหรอ”
“อืม ร้านอาหารที่เพิ่งไปมาตะกี้ก็ครั้งแรกเหมือนกัน มันแพงมากเลยใช่ไหม ไวน์รสชาติดีมากเลยละ”
มูคยอมยิ้มออกมาอัตโนมัติกับคำพูดของฮาจุนที่บอกว่าไวน์รสชาติดี ทันทีที่อีกฝ่ายจิบเข้าไปเพียงแค่อึกเดียว ตาก็เบิกโตขึ้น และถึงแม้ว่าจะดื่มไปเพียงไม่กี่ครั้ง แต่รสชาติมันก็ต่างจากที่เคยดื่มไปอย่างสิ้นเชิง เป็นครั้งแรกที่ได้ลิ้มรสไวน์แสนอร่อยอย่างนี้ และยังคงรู้สึกประทับใจกับรสชาติของมันอยู่เรื่อยๆ
เมื่อมองดูท่าทางเช่นนั้น ถึงจะบอกว่าไม่เคยกินแต่ก็รับรู้ได้ถึงรสชาติได้เป็นอย่างดี ที่จริงแล้วโค้ชอีต้องฉลาดมากแน่ๆ คราวหน้าสงสัยเขาต้องเตรียมคอร์สชิมให้ตั้งแต่แรกเลย
“เงินแค่ไม่เท่าไรน่า ได้โปรดอย่าคิดที่จะประหยัดเงินของฉันเลย คิดจะใช้มันหน่อยเถอะนะ เพราะว่านายบอกว่าจะไม่รับบัตรเครดิตของฉัน เพราะงั้นถ้าหากว่านายอยากไปที่ไหน อยากกินอะไร มีของที่อยากได้ หรือมีที่ที่จะใช้เงินแล้วละก็นายต้องบอกฉันนะ แล้วนายไม่มีที่ที่นายอยากไปอีกเหรอ”
“ไม่รู้สิ… อันที่จริงฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอก ฉันชอบหมดเลย ไม่ว่าจะทำอะไร หรือว่าไปที่ไหน ทุกอย่างก็แทบจะเป็นครั้งแรกหมดเลย”
“ทำไมนายถึงเคยทำทุกอย่างเป็นครั้งแรกล่ะ ไม่เคยออกเดตเหรอ”
ฮาจุนยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย
“อือ… แทบจะไม่เลย”
สีหน้านั้นช่างน่ารักน่าชัง แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เขาเจ็บปวดใจเช่นกัน ผู้ชายที่พบเจอมาจนถึงตอนนี้คงไม่ใช่แค่คนสองคน แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ลองทำอะไรเป็นครั้งแรกเยอะขนาดนี้กันนะ มูคยอมใช้ชีวิตโดยที่ไม่สนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องเซ็กส์ แม้ว่าจะคิดถูก แต่เขาก็ไม่คิดว่าฮาจุนจะเป็นอย่างนั้น
พอได้รู้จักแล้ว เขาก็คิดว่าฮาจุนนั้นเป็นลูกวัวที่มักมีความสัมพันธ์แค่ชั่วข้ามคืนโดยที่ไม่ให้ใครรู้ แต่โดยพื้นฐานแล้วคนที่อ่อนโยนและจริงใจกับผู้อื่น อีกฝ่ายคงจะมีแต่ความสัมพันธ์แบบนั้นเสมอไม่ใช่เหรอ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเจอแต่คนแบบไหน ถึงแทบไม่เคยออกเดตเลย
ไอ้ระยำคนไหนมันถึงกล้าทิ้งอีฮาจุนไปได้กันนะ
ทันทีที่เริ่มนึกถึงเรื่องนี้ ทรวงอกก็รู้สึกร้อนขึ้นอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็นึกถึงความจริงที่ว่า เขาคงจะอยู่ในมุมหนึ่งของหัวใจของฮาจุนอยู่เสมอและมันก็ปลอบประโลมความรู้สึกโกรธของเขาเอาไว้ได้ พวกมันเป็นแค่คนรักที่เคยคบอยู่แค่ช่วงหนึ่ง เป็นแค่เศษทิชชู่เช็ดจมูกเท่านั้นละ
ฮาจุนเบิกตาขึ้นเล็กน้อยราวกับกำลังประเมินมูคยอมอยู่และเอ่ยถามออกไป
“นายกำลังคิดเรื่องอะไรแปลกๆ อยู่ใช่ไหม”
“อะไร ฉันจะไปคิดเรื่องอะไรได้ล่ะ เปล่าหรอก”
รถได้ออกไปทีละคันสองคัน มูคยอมเองก็รีบสตาร์ตรถอย่างรวดเร็วราวกับกำลังเปลี่ยนเรื่อง
“ไปบ้านฉันได้ใช่ไหม”
“อื้อ”
“ค้างนอกบ้านสองวันติดกันแล้วนะ แม่ของนายไม่ว่าอะไรเลยเหรอ”
“ช่วงนี้แม่ฉันคลั่งนายมาก แม้ฉันจะบอกว่าอยู่บ้านนาย แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังบอกให้นายไปหาที่บ้านอีก”
“คุณแม่เป็นคนที่น่ายกย่องจริงๆ แค่เห็นครั้งแรกฉันก็รู้เลย”
รู้สึกดีขึ้นมาในชั่วพริบตา
“วันนี้ก็เป็นวันที่พิเศษสินะ เพราะว่าได้มาที่นี่กับฉันเป็นครั้งแรก” มูคยอมเอ่ยขึ้นมาในขณะที่รถกำลังแล่นบนถนน
“แน่นอนสิ ไว้ฉันจะเขียนมันในไดอารี่”
“นายเขียนไดอารี่ด้วยเหรอ”
“อืม ฉันเขียนที่นายพูดอะไรประหลาดๆ กับฉันไว้ในนั้นหมดเลย”
“นายล้อเล่นใช่ไหม”
แทนที่จะตอบฮาจุนกลับเอาแต่ยิ้ม เหมือนเป็นเรื่องล้อเล่น แต่เมื่อดูจากที่อีกฝ่ายจดบันทึกเป็นปกตินั้น ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย บทสนทนาจึงดูน่าหวาดเสียวขึ้นมา เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะลืมสภาพอันน่าเกลียดในอดีตให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่มีความเป็นไปได้ที่มันอาจจะถูกจดบันทึกเอาไว้… ถ้ามันเป็นเรื่องจริง เขาจะต้องฉวยโอกาสนี้และเผามันทิ้งเสีย
อย่างไรก็ตาม มาคิดในทางที่ดีกันเถอะ อีกฝ่ายบอกว่าอะไรก็ตามที่เป็นครั้งแรกนั้นมันพิเศษ คือเรื่องของบรรดาผู้ชายที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขา
พวกเขาจอดรถในลานจอดรถ และทั้งคู่ก็ขึ้นลิฟต์เคียงข้างกัน มูคยอมกำลังจะเอาคีย์การ์ดไปวางทาบที่ประตูหน้า แต่ฮาจุนหยุดเขาโดยการคว้าเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไร”
ในระหว่างที่มือของมูคยอมหยุด ฮาจุนก็หยิบกระเป๋าเงินออกจากกระเป๋าของตนเอง ซึ่งในนั้นมีคีย์การ์ดที่ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นเขาไม่ได้ให้อีกฝ่ายเลย แต่กลับเพิ่งให้วันนี้
กระเป๋าเงินของฮาจุนเข้าไปใกล้เครื่องตรวจจับ มีเสียงปลดล็อกดัง ‘ติ๊ด’ ออกมา แม้ว่าจะเปิดประตูออกมาแล้ว แต่ฮาจุนก็แอบยิ้มจนหน้าแดงระเรื่อ คงเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นเขินอายกับการกระทำของตนเอง
“ฉันเปิดประตูบ้านของนายละ”
จากนั้นมูคยอมที่จ้องฮาจุนโดยที่ยังเบิกตากว้างก็รีบวิ่งตามฮาจุน และเขาก็ได้ถอดรองเท้าและกอดไหล่ฮาจุนก่อนที่จะเดินเข้าไป
ทันทีที่เขาจูบลงบนแก้มขาวนวลของอีกฝ่าย ผิวของฮาจุนก็อุ่นขึ้นในทันที ในที่สุดพวกเขาก็ประกบริมฝีปากกัน ลมหายใจร้อนก็ทำให้อุณหภูมิร่างกายของกันและกันสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในการจูบโดยที่ไม่ทันตั้งตัวนั้น ฮาจุนกลั้นหายใจราวกับรู้สึกงงงวยอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่นานอีกฝ่ายก็คล้องคอของมูคยอมและต้อนรับชายหนุ่มที่พุ่งเข้ามาหาตนเองด้วยแรงที่เหมือนกับสุนัขที่พยายามจะเข้ามาเลียหน้า เสียงของมูคยอมที่บ่นพึมพำปนออกมาจากริมฝีปากที่ประกบจูบสั้นๆ
“เป็นเพราะนาย ฮ่าา ฉันเลยไม่สามารถเดาได้เลยว่าจะมีอารมณ์ที่ไหนได้ หรืออย่างไร”
“แล้วทำไมตอนนี้นายถึงได้คึกคักล่ะ…”
เลือดไหลเวียนไปจนสุดศีรษะเพราะการตำหนิที่ปะปนมากับการหายใจหอบเป็นระยะๆ แขนของมูคยอมยกขึ้นพร้อมกับรองรับเอวและบั้นท้ายของฮาจุน จากนั้นจึงค่อยๆ เดินขึ้นไปยังห้องนั่งเล่น
อีกฝ่ายโค้งตัวลงอย่างฉุกละหุกและฮาจุนก็พูดเหน็บแนมใส่มูคยอมขณะที่ทิ้งน้ำหนักลงบนตัวเขา
“ฉันเองก็มีเท้าเหมือนกัน ทำไมนายถึงเอาแต่อุ้มล่ะ ตัวฉันก็ไม่ได้เบานะ อย่าเอาแต่อุ้มบ่อยๆ สิ ถ้าอวดว่ามีแรงแล้วเอวเคล็ดขึ้นมาจะทำยังไง”
“ถ้าอย่างนั้นอีฮาจุนจะขึ้นไปข้างบนและก็ขย่มเอวให้น่ะสิ”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ อย่าคิดว่าการบาดเจ็บมันเป็นเรื่องเล็กๆ สิ”
“โอ้ แฟนของฉันช่างเบาบางราวกับขนนก”
ฮาจุนหัวเราะอย่างพูดไม่ออกกับคำพูดนั้น และไม่ได้พูดอะไรอีกเลยราวกับหมดความตั้งใจที่จะโต้เถียง
ขณะที่สวมกอดค้างเอาไว้อย่างนั้นแล้วก็นั่งลงบนโซฟา มูคยอมไล่จูบตั้งแต่หน้าผากที่เกลี้ยงเกลาลงไปจนถึงสันจมูก ใต้ตา แก้มและริมฝีปาก ใบหน้าที่เคยบวมขึ้นมาชั่วครู่กลายเป็นเหมือนกลีบกุหลาบอันอ่อนนุ่ม มูคยอมถอนหายใจและซบใบหน้าลงบนท้ายทอยของฮาจุน
“ทำไมนายถึงได้น่ารักขึ้นเรื่อยๆ อย่างนี้”
“ฉันไปทำอะไรอีกล่ะ”
“เด็กก็ไม่ใช่ นายภูมิใจเหรอที่ได้เปิดประตูด้วยตัวเอง”
จากนั้นใบหน้าของฮาจุนก็แดงระเรื่อขึ้น
“ก็เพราะว่าเป็นครั้งแรกน่ะสิ ฉันเกรงว่าจะเป็นแบบนี้ทุกวัน”
แถมยังน่ารักอีกด้วยที่บอกว่าชอบเพราะว่าเป็นครั้งแรก โอเค สำหรับผู้คนแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องมีทั้งแรกทั้งนั้น และคนที่คิดว่าครั้งแรกมันพิเศษก็ได้อยู่ตรงนี้แล้ว
แต่ไม่ใช่ว่าคำวิสามานยนามที่มีคำว่า ‘แรก’ นั้น มีอยู่หลายคำหรอกเหรอ รักแรก จูบแรก ก้าวแรก ประสบการณ์แรก…
“…”
เมื่อคิดถึงตรงนั้น ความคิดของมูคยอมก็ค่อยๆ หยุดลงอย่างช้าๆ
มูคยอมที่หยุดจูบราวกับเครื่องจักรที่แบตเตอรี่หมดหลังจากที่พูดเสียงดังพลางประกบริมฝีปาก ตอนแรกฮาจุนรออย่างอดทน แต่เมื่อความเงียบงันมันยาวนานขึ้น อีกฝ่ายจึงจ้องมองมาที่เขาอย่างสงสัย
“คิมมูคยอม”
เป็นครั้งแรกที่ความสับสนถาโถมเข้าใส่มูคยอมอย่างกะทันหัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ชีวิตมาอย่างยาวนานขนาดนั้น แต่เขาก็เพิ่งรู้ว่ามีอะไรหลายอย่างบนโลกใบนี้ที่เขายังไม่เคยประสบมาก่อนเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม มูคยอมก็คิดว่าตัวเองเป็นชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ที่ได้ผ่านอุปสรรคมาอย่างมากมายเมื่อเทียบกับอายุของเขา ความสับสนต่างๆ ที่เขารู้สึกเมื่อได้เจอกับฮาจุน ยังคงเป็นประสบการณ์แรกทางจิตใจที่ทั้งแปลกใหม่ ทั้งน่าอายและเขาเองก็ไม่อยากมองย้อนกลับไปในตอนนั้น แต่ก็มันก็เป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลง
ประสบการณ์ทางร่างกายครั้งแรกของเขาเป็นอย่างไรเหรอ ก่อนที่จะเดินทางไปยังลอนดอน จุนซองอยู่กับมูคยอมในฐานะผู้ปกครองของเขา และเจ้าตัวเองก็เป็นเด็กวัยรุ่นใสๆที่วันๆเอาแต่ออกกำลังตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น พอกลับถึงบ้านก็รีบเข้านอนแต่หัววัน ไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศไม่เคยแม้แต่จะจูบด้วยซ้ำนับประสาอะไรกับการมีเซ็กส์
คู่นอนคนแรกของเขาคือผู้ประกาศข่าวกีฬาที่เจอกันในงานปาร์ตี้ที่มูคยอมไปกับเพื่อนร่วมงานหลังจากย้ายมาที่กรีนฟอร์ดได้ไม่นาน ปรากฏว่าความสัมพันธ์ของเขากับเธอ ผู้ที่โด่งดังในฐานะนักฆ่านักเตะหน้าใหม่ที่กำลังมีชื่อเสียงนั้นเป็นความสัมพันธ์เพียงแค่คืนเดียว
เธอมีโด่งดังในเรื่องที่ไม่เหลียวหลังให้กับผู้ชายที่เธอนอนด้วย และอย่าว่าแต่เสียใจกับทัศนคติแบบนี้เลย เพราะดูเหมือนว่ามูคยอมจะได้รับการสอนว่ามีวิธีการแบบนี้ด้วย นับแต่นั้นเป็นต้นมา เรื่องราวอื้อฉาวอันน่าดึงดูดใจก็เริ่มสยายออกมาราวกับปีก ดังนั้นสำหรับมูคยอมแล้วเซ็กส์ครั้งแรกมันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรนอกจากการเริ่มต้น กล่าวได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ได้มีความพิเศษอะไร
ต่างจากฮาจุน
ความหมายของความสัมพันธ์ครั้งแรกต้องยิ่งใหญ่สำหรับฮาจุน ผู้ที่รักแม้แต่ครั้งแรกที่เล็กน้อยที่สุด ดังนั้นความทรงจำในครั้งนั้นจึงจะต้องบันทึกอยู่ในหัวอันพิเศษของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี บางครั้งอาจได้ลิ้มรสสิทธิพิเศษของการถูกเรียกว่าเป็น ‘คนแรก’ จากดวงตาที่ราวกับอัญมณีก็ไม่อาจรู้ได้ อีกฝ่ายคงบันทึกลงไดอารี่ด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก
แม้ว่าจะรู้สึกอิจฉา แต่ครั้งแรกที่ผ่านไปแล้วนั้นจะไม่หวนกับคืนมา ไม่ว่ามูคยอมจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเป็นคนแรกที่พิเศษของอีกฝ่ายได้
คนแบบไหนกันนะ คนที่โชคดีคนไหนกันที่ได้เป็นคู่นอนคนแรกของอีฮาจุน
เมื่อเขาเริ่มเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ ก็เหมือนกับว่าความอิจฉาที่เคยหยุดลงไปจากตอนที่ดูหนังกลางแจ้งในรถกำลังแผดเผาหัวใจของเขา ถ้าหากว่าไม่ตัดสินใจที่จะตั้งใจปิดบัง ความในใจของมูคยอมก็จะเปิดเผยออกมาอย่างง่ายดาย ฮาจุนสังเกตเห็นความไม่พอใจ อีกฝ่ายจึงถอนหายใจและถามออกมา
“คิดอะไรอยู่ทำไมไม่พูด”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“ไม่ได้คิดอะไร แต่ทำไม จู่ๆ ถึงทำตัวเหมือนแบตเตอรี่หมดอย่างนี้ล่ะ”
“ฉันแค่กำลังคิดว่าจะเริ่มจูบจากตรงไหนดี”
หลังจากที่มูคยอมพูดเช่นนั้น เขาก็จูบที่หางตาอีกครั้ง และฮาจุนก็เอาแขนโอบรอบคอของมูคยอมราวกับเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ริมฝีปากที่ประทับที่หางตาเลื่อนลงมาที่แก้มเรียบเนียน เขาประทับมันลงไปอีกครั้ง และลากยาวลงไปถึงลิ้นจนนำไปสู่การจูบที่ลึกล้ำ ในระหว่างนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันสักพัก
มูคยอมเงยหน้าขึ้นเมื่ออากาศในห้องนั่งเล่นที่จริงๆ แล้วอุณหภูมิไม่เคยเปลี่ยนแปลงเริ่มรู้สึกอุ่นขึ้นมา เขาลูบใบหน้าขณะที่หลับตาซุกอยู่บนท้ายทอยอันอบอุ่นของฮาจุนและพูดออกมาราวกับพึมพำ