Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 57
ในความคิดของมูคยอม หากเป็นผู้ชายที่ออกกำลังกาย การยกของที่หนักกว่าตัวเองสองเท่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้โดยไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่เจ้าคนที่ไม่รู้กระทั่งน้ำหนักของสิ่งที่ลากและยกตอนฝึกซ้อม ในตอนนี้กลับกำลังโอ้อวดเรื่องน้ำหนักของตัวเองอยู่
อาจเป็นเพราะว่ายอมรับสิ่งที่มูคยอมพูด ในตอนนี้ฮาจุนเองจึงได้แต่พิงหน้าเขากับไหล่ของมูคยอมโดยไม่พูดอะไร ยกแขนขึ้นโอบคอ และกอดคนที่อุ้มอยู่ เมื่อเห็นอีกคนว่าง่ายแบบนี้ ก็ทำเอามูคยอมแอบคิดขึ้นมาว่าจะน่ารักไปถึงไหนกันนะ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้เกลียดอะไรเวลาที่ฮาจุนดื้อใส่
อ่างอาบน้ำที่มูคยอมใช้คืออ่างจากุชชี่แบบพิเศษที่สร้างเสร็จก่อนที่เขาจะย้ายเข้ามา เพราะมีคนคอยดูแลอยู่ต่างหาก อ่างกว้างนี้จึงมีน้ำอุณหภูมิคงที่ใส่เต็มอยู่เสมอ ทั้งยังมีขอบอ่างที่กว้างพอที่คนหนึ่งคนจะสามารถนอนราบลงไปได้อย่างสบายๆ มูคยอมพาฮาจุนไปนั่งบนขอบอ่างนั้น แล้วปลดกระดุมที่เหลืออยู่บนเสื้อเชิ้ตออกอย่างรวดเร็ว ฮาจุนมองมูคยอมที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออกสักชิ้น ก่อนพูดขึ้นด้วยเสียงที่ไม่ได้ดูโมโหอะไร
“นายเปียกหมดแล้ว”
“เอาไปก็ซักจบแล้ว จะสนใจทำไม”
มูคยอมตอบออกมาราวกับรู้สึกว่านั่นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ เขาดึงฝักบัวลงมาแล้วเปิดราดน้ำไปที่ขาของฮาจุน น้ำอุ่นเริ่มสัมผัสไปตั้งแต่ปลายเท้าที่เย็นเฉียบ และค่อยๆ ไล่ขึ้นไปส่งไออุ่นที่ช่วงตัวของฮาจุน
ไม่นานนักน้ำก็ไหลผ่านไปจนถึงเอว หลัง อก และลำคอ มูคยอมใช้นิ้วโป้งที่เปียกชื้นถูลงบนริมฝีปากของฮาจุนสองสามครั้ง ทำเช่นนั้นเสร็จก็วางฝักบัวลง หยิบแปรงสีฟันอันใหม่จากชั้นวางของหลังกระจกออกมาบีบยาสีฟัน แล้วยื่นให้คนตรงหน้า
“แปรงฟันก่อน นายจะขมปากเอา”
ฮาจุนรับสิ่งนั้นมาก่อนยัดเข้าปาก ระหว่างที่กำลังขัดถูไปตามซอกฟันจนมีเสียงเล็ดลอดออกมาเบาๆ มูคยอมก็ถอดเสื้อของตัวเองออก โดยมีฮาจุนที่นั่งแปรงฟันมองภาพนั้นอย่างเหม่อลอย ฮาจุนมองมูคยอมที่โยนเสื้อผ้าของตัวเอง เสื้อเชิ้ตของฮาจุน และถุงเท้าลงไปกองที่พื้นห้องน้ำอย่างลวกๆ เห็นเช่นนั้นฮาจุนก็นึกไปถึงใบเสร็จที่เขาได้ดูตอนที่อยู่ในร้านเสื้อ แค่เสื้อตัวเดียวแต่ราคาของมันไม่ใช่เล่นเลย ทว่าฮาจุนกลับทำมันสกปรกทันทีที่หยิบออกมาใส่
หลังจากแปรงฟันไปสักพักฮาจุนก็ใช้น้ำจากแก้วที่มูคยอมยื่นให้ล้างปาก และนั่งอยู่เฉยๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกับคนโง่ ทันใดนั้นมูคยอมก็จับมือของฮาจุนมากำเอาไว้ เมื่อคว้ามือของฮาจุนไปบีบนวดที่ปลายนิ้ว หว่างคิ้วของคนสูงกว่าก็ยับย่นขึ้นมา
“มือเย็นนะ ยังรู้สึกไม่สบายท้องอยู่เหรอ”
“ตอนนี้ฉันโอเคแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเพราะนายตกใจเหรอเลยเป็นแบบนั้น ควรไปเช็กที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ต้องไปจริงๆ ฉันเครียดมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วล่ะ แล้วก่อนหน้านี้ก็คิดว่าไฟจะไหม้จริงๆ… คนเราก็มีตอนที่เป็นแบบนั้นนี่ ที่ตกใจจนพะอืดพะอม”
“รีบๆ ลงไปแช่น้ำสักหน่อยสิ”
มูคยอมแตะไหล่เบาๆ เป็นการเร่ง ฮาจุนที่นั่งเงียบอยู่สักพักพยักหน้าก่อนทิ้งตัวลงไปในอ่างอาบน้ำ
เมื่อน้ำอุ่นโอบล้อมทั้งร่าง อาการเกร็งและความรู้สึกคลื่นไส้ที่โจมตีก่อนหน้า หรือแม้แต่ร่างกายที่สั่นไหวจากส่วนที่ลึกภายในเหมือนกับมีแผ่นดินไหว อาการเหล่านั้นเหมือนถูกชำระล้างออกจนสงบลงไปราวกับเป็นเรื่องโกหก กล้ามเนื้อที่ตึงจนเจ็บคลายตัวลง ฮาจุนหลับตาลงและเอนตัวไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกระเพื่อมน้อยๆ และได้ยินเสียงบางอย่างกระทบกับน้ำ ฮาจุนลืมตาขึ้นและตั้งคอที่เอนไปข้างหลัง ตอนนี้มูคยอมได้ลงมาอยู่ในอ่างด้วยกันเป็นที่เรียบร้อย ทันทีที่สบตากัน มูคยอมก็กระตุกยิ้มขึ้น แล้วชี้ไปยังปุ่มกดที่อยู่บริเวณอ่าง
“ทำฟองในอ่างได้นะ เอาไหม”
“ไม่ดีกว่า”
“น่าเสียดายจัง ไหนๆ นายก็บอกว่าโอเคดีแล้ว นึกว่าจะได้สักยกในห้องน้ำซะอีก”
ฮาจุนยิ้มน้อยๆ ให้กับคำพูดนั้น
“ก็ทำได้นะ”
“ป่วยจนอ้วกออกมาเนี่ยนะ ถ้าร่างกายไม่โอเคนายก็ต้องบอกฉันสิ ปล่อยให้ทำตอนที่ป่วยแบบนั้นได้ยังไง ฉันตกใจหมด”
“มันเป็นแค่เมื่อกี้นิดเดียวเอง… ตอนนี้ฉันโอเคแล้ว”
พูดเช่นนั้นก่อนจ้องเขม็งไปที่มูคยอมโดยไม่พูดอะไร หากไม่ใช่ตอนที่มูคยอมพูดจาไม่สุภาพด้วยหรือตอนที่เล่นแง่ ฮาจุนก็ไม่ค่อยมาจ้องหน้ากันแบบนี้บ่อยนัก มูคยอมจึงเอ่ยถามออกไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
“ทำไม”
“เปล่า…”
เสียงบางเบาของฮาจุนเหมือนกับฟองสบู่ที่ลอยอยู่ในห้องน้ำ
“ทำไมนายต้องเอามือมารองด้วย มันสกปรกนะ”
“แค่นั้นเอง ล้างมือก็จบแล้ว ฉันทั้งดูดทั้งดึงไอนั่นของนายไหนจะข้างหลัง ทำขนาดนั้นเรื่องแค่นี้ยังจะสกปรกอะไรอีก”
น้ำเสียงที่ฟังดูตกใจและน่าขันในเวลาเดียวกันทำเอาฮาจุนหัวเราะคิกคัก มูคยอมที่มองใบหน้านั้นอยู่ในตอนแรกก็ค่อยๆ เผยยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้
“อีฮาจุน มานี่ เดี๋ยวฉันสระผมให้”
“ฉันจะสระเอง”
“เวลาที่ฉันบอกว่าจะทำอะไรให้ก็ช่วยอยู่เฉยๆ บ้างได้ไหม”
“แต่นายสระผมไม่ได้เรื่องเลยนะ”
“อะไร มันทำไม ฉันสระผมยังไง”
แม้ปากจะบ่นอยู่แต่มูคยอมก็ไม่ได้อารมณ์เสียแต่อย่างใด ฮาจุนที่เคยแข็งกร้าวกับเขา ในตอนนี้กลับทำตัวสบายๆ เป็นพิเศษ ก่อนหน้านี้มูคยอมเป็นกังวลว่าฮาจุนจะเป็นอะไรไป แต่ในตอนนี้มูคยอมกลับรู้สึกดีขึ้น อาจเป็นเพราะว่าเรื่องราวนั้นเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ เท่านั้น
“เวลาที่นายสระให้ฟองเข้าตาหมด ฉันแสบตานะ”
“ไม่ใช่เพราะฉันสระไม่ดีสักหน่อย มันเป็นความผิดของนายต่างหาก นายก็ต้องเอนหัวมาข้างหลังหน่อยสิ ฟองจะได้ไม่ไหลเข้าตา”
มูคยอมที่อ้อมไปอยู่ข้างหลังนั่งลงบนขอบอ่างอาบน้ำ ระหว่างที่กำลังบีบแชมพูลงบนมือตัวเอง ฮาจุนก็เอนตัวไปด้านหลังพลางบ่นงุบงิบไปด้วย ส่วนหลังของหัวที่เปียกโชกเอนมาสัมผัสกับกล้ามท้องของมูคยอม เมื่อผมม้าที่เปียกชื้นหล่นไปข้างหลัง หน้าผากขาวมนกลมจึงถูกเผยให้เห็น
ระหว่างที่แช่ตัวอยู่ในน้ำอุ่น พวงแก้มที่เคยซีดเซียวก็กลับมามีเลือดฝาดขึ้นเล็กน้อย ทำให้ภาพของตุ๊กตาที่เหมือนจะแตกสลายเมื่อก่อนหน้าได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะที่ก้มลงมองใบหน้านั้น มุมปากของมูคยอมก็โค้งขึ้น
ร่างกายที่เขาไม่ได้กกกอดมาเกือบ 2 สัปดาห์ พูดแบบไม่เกินจริงเลย ว่ามูคยอมรอที่จะพาฮาจุนเข้าบ้านแล้วจับกอดมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่เขาก็ไม่ได้มีรสนิยมแย่ๆ อย่างการจับคู่นอนมานอนแผ่เหมือนศพ แล้วปลดปล่อยตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว แม้ในตอนนี้อีกฮาจุนจะดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ใครจะรู้หากเขาทำรุนแรงเกินไปก็อาจจะเป็นอะไรขึ้นมาอีกก็ได้ วันนี้เขาจึงทำได้แค่ยอมแพ้
การที่แข็งจนเกือบแตก ทั้งยังไม่ได้ปลดปล่อยความต้องการ มันเป็นอะไรที่ทรมานมากก็จริง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้มูคยอมอารมณ์เสียถึงขนาดนั้น ทันทีที่ขยี้ลงไปเหนือศีรษะที่เต็มไปด้วยฟองนุ่ม มูคยอมก็ได้เพลิดเพลินไปกับสัมผัสของผมนุ่มที่แทรกผ่านระหว่างนิ้ว
กลุ่มฟองไหลลงมาไปบริเวณลำคอขาว หลังจากนวดศีรษะของฮาจุนตามใจต้องการ มูคยอมก็ยกที่เปิดฝักบัวขึ้น พลางใช้สายน้ำที่ตกลงมาเบาๆ ชะล้างฟองออก ระหว่างนั้นฮาจุนก็หลับตาโดยไม่เอื้อนเอ่ยคำใด
“ฝีมือฉันวันนี้เป็นไง”
ทันทีที่มูคยอมถามขึ้นมาหลังจากล้างฟองออกจนเกลี้ยง ฮาจุนก็ลืมตาขึ้น ลูกตาดำเหลือบมองขึ้นไปที่มูคยอม ก่อนใบหน้าที่ปรายไปด้วยหยดน้ำจนขาวกว่าเดิมจะเผยรอยยิ้มออกมา
กลับกันรอยยิ้มค่อยๆ หายไปจากหน้าของมูคยอมที่กำลังก้มมองใบหน้าของฮาจุน เป็นสีหน้าที่ไร้อารมณ์แบบสุดๆ ของคนที่กำลังจดจ่ออยู่กับบางอย่าง
“100 คะแนนไปเลย”
เมื่อฮาจุนเปิดปากพูดขึ้น มูคยอมที่ล็อกสายตาเหมือนคนที่จิตหลุดไปครู่หนึ่งก็ยกมุมปากราวกับว่าได้สติขึ้นมา
“ดูสิ ฝีมือฉันใช้ได้เลยเถอะ ที่ครั้งก่อนเป็นแบบนั้นเพราะความผิดของนายจริงๆ สินะ”
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ”
ฮาจุนยอมรับออกมาในทันที ก่อนจะเอนตัวไปด้านหลังมากกว่าเดิม เขานิ่งเงียบไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่งขณะเงยมองมูคยอมด้านหลังที่นั่งอยู่เหนือตัวเอง ฮาจุนเผยยิ้มจางๆ ออกมา พลางพูดพึมพำกับตัวเอง
“ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ สินะ…”
“อะไร”
แทนที่จะตอบกลับไป ฮาจุนเลือกที่จะหุบยิ้มที่อยู่บนใบหน้าลงช้าๆ และจ้องเขม็งไปที่มูคยอม มูคยอมคิดว่าฮาจุนคงจะเจ็บที่ต้องเอนหัวมาข้างหลังแบบนี้ เลยตั้งใจจะเอาหัวอีกคนลงแล้วบอกให้นั่งดีๆ แต่ฮาจุนกลับเรียกชื่อของมูคยอมขึ้นมาก่อน
“คิมมูคยอม”
มูคยอมยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ทำไม”
ฮาจุนกะพริบตาสองครั้ง และพูดต่อโดยไม่เปลี่ยนระดับเสียง
“ฉันชอบนาย”
เสียงที่ส่งออกมาดังไปถึงเพดานห้องน้ำก่อนจางหายไปในชั่วพริบตา รอบตัวเงียบลงราวกับเวลาหยุดหมุน
มีเพียงเสียงน้ำไหลจากฝักบัวที่ยังคงกระทบลงบนพื้นเหมือนกับเสียงฝน
มูคยอมไม่พูดอะไรและทำเพียงแค่มองฮาจุน เช่นเดียวกับฮาจุนที่กำลังจ้องมองคนที่อยู่เหนือหัวอย่างสงบนิ่ง สีหน้าของฮาจุนที่ระเบิดคำสารภาพออกไปอย่างกะทันหัน เหมือนกับว่าเพิ่งพูดถึงเรื่องตารางฝึกซ้อม หรือกำลังบอกว่าชอบเมนูไหนในโรงอาหารสโมสร
มูคยอมถามกลับไปอย่างเรียบนิ่งเหมือนกับคนที่พูดก่อนหน้า ราวกับว่าต้องการจะให้โอกาสได้ไตร่ตรองอีกครั้ง
“นี่ฉันได้ยินผิดหรือเปล่า ว่าไงนะ”
“ฉันชอบนาย”
แต่ถึงอย่างนั้นฮาจุนก็ยังไม่ลดละ ลูกกระเดือกของมูคยอมที่จ้องมองกันอยู่ส่งเสียงสั้นๆ ออกมา
นี่มูคยอมกำลังตกใจแต่ไม่มากถึงขนาดนั้นใช่ไหม มูคยอมจะโมโหแล้วถามว่าพูดบ้าอะไรหรือเปล่า ถึงเขาจะโพล่งพูดออกไปเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่ทุกประสาทสัมผัสของฮาจุนกลับมุ่งอย่างเต็มที่ไปยังการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของมูคยอม เขารู้สึกว่าความเงียบที่เกิดขึ้นนั้นยาวนานหลายวินาทีจนเหมือนจะดำเนินไปตลอดกาล
แต่บรรยากาศที่แข็งทื่อก็อยู่ได้ไม่นาน ดวงตาและรูปปากที่ดูเคร่งเครียดของมูคยอมค่อยๆ ผ่อนลง หางตาที่ก่อนหน้านี้จ้องมองฮาจุนอย่างดุดันวาดโค้งขึ้น เช่นเดียวกับริมฝีปากที่โค้งน้อยๆ ก่อนรอยยิ้มที่ดูขมขื่นนิดๆ จะปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ตั้งแต่เมื่อไหร่…”
ขณะที่พูดขึ้นเช่นนั้นมูคยอมก็หยุดไป แล้วเปลี่ยนเป็นถามกลับไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ เหมือนกับว่ากำลังหยอกเล่น
“เรื่องอย่างว่านายก็ชอบเหรอ”
“…ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ”
ฮาจุนรู้อยู่แล้ว
และก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้
ไม่รู้เพราะความชอบที่มีหรือเปล่า แต่ฮาจุนถึงได้ยิ้มขึ้นมาดื้อๆ เมื่อเห็นสีหน้าของมูคยอมที่จะพูดแบบนั้นออกมา เขายิ้มไปพร้อมๆ กับมูคยอมที่กำลังยิ้มอยู่ มือใหญ่ขยี้ผมที่ล้างแชมพูออกหมดจนยุ่งเหยิง
“ฉลาดเหมือนกันนะโค้ชอี รู้อยู่แล้วว่าถ้าพูดตอนป่วยฉันก็ตอบโต้อะไรไม่ได้ ใช้โอกาสตอนที่ตัวเองอ่อนแอมาปลดปล่อยความรู้สึกเลยนะ”
“ก็ใช่”
“นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าความสัมพันธ์ของเรา การพูดอะไรแบบนั้นมันผิดกฎน่ะ? เพราะว่าวันนี้นายป่วยฉันจะมองข้ามไปครั้งหนึ่งนะ”
ฮาจุนยิ้มและพยักหน้ากลับไป
“อื้อ”
พูดจบมูคยอมก็หย่อนตัวลงในน้ำ หลังของฮาจุนสัมผัสกับแผ่นอกและหน้าท้องกำยำ ฮาจุนหันไปข้างๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ด้านข้างอย่างพอดิบพอดี มูคยอมกำลังจ้องมองเขาด้วยแววตาที่เหมือนกำลังพิจารณามองสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจและเหลือเชื่ออยู่
แม้จะเป็นมูคยอม แต่นี่ก็น่าจะเป็นครั้งแรกเลยไหมนะ ที่ได้ยินคำสารภาพอย่างไม่ตั้งตัวขณะที่กำลังอาบน้ำอยู่อย่างตอนนี้ ถ้าอย่างนั้นมันก็เพียงพอที่จะให้มูคยอมมองกันด้วยสายตาที่เหลือเชื่อแบบนี้สินะ อย่างที่คิดไว้ มูคยอมกระตุกยิ้มขึ้น แล้วพูดหยอกล้อพลางแสดงความตกตะลึงออกมาอย่างดูเกินจริง
“ยิ่งรู้จักก็ยิ่งไม่เหมือนใครเลยจริงๆ นะเนี่ยโค้ชของฉัน ในโลกนี้จะมีที่ไหนอีก คนที่มาอ้วกต่อหน้าคนอื่นเขา แล้วพูดอะไรแบบนี้ใส่ตอนที่อาบน้ำกันอยู่”
“นั่นสิ”
แน่นอนว่าฮาจุนรู้ว่าตัวเองกำลังถูกปฏิเสธ และต่อให้มองในมุมของคนนอกเขาก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นสถานการณ์ที่แย่เลยทีเดียว แต่ไม่รู้เพราะอะไรฮาจุนถึงไม่ได้รู้สึกอะไรขนาดนั้น ไม่สิ กลับกลายเป็นว่าเขาเอาแต่หัวเราะออกมาอย่างไม่มีเหตุผล เหมือนคนที่สูดแก๊สหัวเราะเขาไป เหมือนคนที่กำลังเก็บซ่อนความรู้สึกอุ่นใจ ราวกับว่าได้รับคำตอบตกลงจากคำสารภาพนั้น มันฟังดูเหมือนการอ้างของคนที่อยากหนีไปจากสถานการณ์ที่น่าขายหน้าไหมนะ
แต่ถึงอย่างนั้นมูคยอมก็กำลังยิ้มอยู่ไม่ใช่เหรอ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เตรียมใจมา แต่มูคยอมก็ไม่ได้แสดงท่าทีโมโห หรือไม่พอใจอะไรกับคำสารภาพที่เขาโพล่งออกไป หรือไม่ว่าจะเป็นการทำหน้าตาน่ากลัวดูถูกดูแคลน ตะโกนไล่ให้ออกไปจากบ้าน ขู่ตะคอกว่าเรามาจบความสัมพันธ์นี้กันเถอะ ในตอนนี้การตอบกลับที่เลวร้ายที่ฮาจุนเคยนึกไว้ไม่ปรากฏให้เห็นที่นี่เลยสักอย่าง
สิ่งที่ปรากฏ ณ ที่แห่งนี้ มีเพียงมูคยอมกับฮาจุนที่กำลังยิ้มอยู่ และความจริงที่จะไม่เปลี่ยนไปว่าร่างกายของเรากำลังสัมผัสอยู่ในอ่างอาบน้ำเดียวกัน
ความรู้สึกและจินตนาการที่ไม่ถูกต้องและคลุมเครือไหลออกจากตัวเหมือนกับจุดเล็กๆ มีเพียงความจริงที่ดำรงอยู่เท่านั้นที่ปรากฏให้เห็น ทุกสิ่งอย่างที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเก็บซ่อนและความกังวลก่อนหน้ากลับหมดความหมาย อคติที่เคยบดบังสายตาได้ถูกถอดออก มีเพียง ‘เรื่องจริง‘ ที่ไร้ข้อกังขาเท่านั้นที่ฉายชัดในสายตา
หากให้สรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงระหว่างเขาและมูคยอม เริ่มจากที่มูคยอมซื้อเสื้อผ้าราคาสิบล้านวอนให้เขา ไปดูงานที่เขานำเสนอทั้งที่ตัวเองไม่ได้รับเชิญ ใช้มือรองอ้วกให้ จับอุ้มมาที่ห้องน้ำ แล้วยังล้างตัวให้อีก
ช่วยเลือกเนกไทที่เข้ากับผิว ทั้งยังมาผูกให้เองกับมือ ช่วยบีบมือในตอนที่กังวล มาหาตอนเช้ามืด แล้วเอาตุ๊กตามาให้ในตอนที่ตัวเองเมา ถึงท้ายที่สุดนั่นจะไม่ใช่ของขวัญของฮาจุน แต่แค่นั้นก็น่าดีใจมากแล้ว เพราะการที่มูคยอมเอาของมาให้เขาเพราะจำได้กระทั่งเรื่องที่ได้ยินผ่านหูทั้งๆ ที่ไม่เคยบอกด้วยซ้ำ นั่นก็เป็นความจริงไม่ใช่เหรอ
ความเจ็บปวดเล็กๆ น้อยๆ ที่รู้สึกได้หลังความยินดีที่เกิดขึ้น เป็นเพียงแค่ความเศร้าของฮาจุนเพียงคนเดียว เพราะมูคยอมเองก็ไม่เคยสัญญาอะไร หรือมีหน้าที่ที่จะต้องมาดูแลอะไรเขามาตั้งแต่แรก
“ขึ้นกันเถอะ แช่น้ำนานไปเดี๋ยวจะหน้ามืด”
หลังคำพูดของมูคยอม ฮาจุนก็พยักหน้าแล้วลุกจากอ่างอาบน้ำ และออกมาใช้ฝักบัวล้างตัวอีกครั้ง ตอนนี้อุณหภูมิร่างกายของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว
ฮาจุนฉีดน้ำลงบนใบหน้าของตัวเอง ล้างหยาดน้ำตาที่กำลังไหลออกมาโดยไม่ทันได้รู้ตัว แม้จะเป็นมูคยอม แต่ถ้าได้มาเห็นน้ำตานี่ก็คงจะยิ้มไม่ออก จนถึงตอนนี้เขาไม่อยากจะให้บรรยากาศมันแย่โดยเปล่าประโยชน์
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ฮาจุนก็ใส่ชุดคลุมอาบน้ำแล้วไปเช็ดผมให้แห้ง ก่อนจะไปนอนทีเตียงตามที่มูคยอมบอก มูคยอมก้มมองฮาจุนและพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ประดับรอบยิ้มจางๆ อยู่เช่นเคย
“นอนเถอะ นายอาจจะยังมึนๆ อยู่ ตื่นมาน่าจะได้สติขึ้น”
คนที่อยู่สูงกว่าพูดออกมาราวกับคิดว่าคำสารภาพที่ถูกส่งออกไปแบบไม่ทันตั้งตัวนั้นเป็นผลพวงจากสภาพร่างกายของเขา ฮาจุนวางหัวลงบนหมอนอย่างว่าง่ายและพยักหน้ากลับไป เมื่อเห็นว่ามูคยอมหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ และกำลังหันหลังเหมือนจะออกไปจากห้อง คนที่นอนอยู่ก็เรียกมูคยอมแล้วตั้งตัวตรงขึ้นมา
“คิมมูคยอม”
ฮาจุนเปิดปากขึ้นเหมือนกับถูกยุยง มากกว่าจากความตั้งใจของตัวเอง อาจเป็นเพราะว่าได้ลิ้มรสอากาศภายนอกไปแล้ว ความรู้สึกที่ถูกปล่อยออกมาครั้งหนึ่งหลังจากที่เคยถูกข่มเอาไว้ มันเทียวแต่อยากจะออกมาข้างนอกอย่างไม่รู้จักหยุดจักหย่อน เมื่อมูคยอมส่งสายตามา ฮาจุนจึงรีบพูดออกไป
“มานอนด้วยกันเถอะ”
ครั้งนี้มูคยอมขมวดคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าสับสน และถามกลับไปด้วยความรู้สึกที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าตอนถูกสารภาพว่าชอบในห้องน้ำ
“ตรงนี้เหรอ”
“เตียงนายก็ออกจะกว้าง”
“ทำไม”
“ฉันก็แค่อยากนอนด้วย วันนี้ป่วยเลยไม่อยากอยู่คนเดียว”
คำพูดงอแงเหมือนกับเด็กๆ ที่ออกมา ทำเอามูคยอมหลุดหัวเราะ คนที่ยืนอยู่ก้มลงมองฮาจุนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนยักไหล่ขึ้น แล้วเดินมานั่งลงที่ขอบเตียง
“ยังไงอีก”
“หือ?”
“พูดต่อสิ ดูเหมือนนายกำลังบอกว่าวันนี้ป่วยมาก และพยายามจะรบเร้าเอาอะไรเหมือนกับเด็กเล็กๆ เลย ว่ายังไง อะไรที่ต้องทำก็ทำไม่ได้ แต่ดูเหมือนจะมีสิ่งที่อยากได้เยอะเลยนะวันนี้”
ฮาจุนไม่ได้ปฏิเสธไปแต่อย่างใด
“นอนลงข้างๆ ฉัน แล้วกอดหน่อย ขอจูบด้วย”
“แต่เมื่อกี้นายเพิ่งอ้วกไป”
“ฉันแปรงฟันสะอาดแล้วนะ…”
ฮาจุนรู้สึกห่อเหี่ยวลงเล็กน้อย เพราะไม่สามารถที่จะรบเร้าต่อไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นการมาตื๊อขอให้คนอื่นจูบหลังจากที่ตัวเองอ้วกไป มันก็ค่อนข้างน่าลำบากใจ ไม่ว่าใครก็น่าจะรู้สึกไม่โอเคอยู่แล้ว
“หมดแล้วเหรอ”
“…อื้อ”
“ทำไมถึงของ่ายขนาดนี้ อ่อนไปนะ พูดมาอีกสิ”
มูคยอมพูดเยาะเย้ยออกมา ขณะเดียวกันฮาจุนที่ท้อไปแล้วคิดคำที่จะพูดต่อไม่ออก แต่เอาจริงๆ เขาก็ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้แล้วล่ะ