Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 4
ในบรรดาผู้ชายที่เล่นกีฬา คนอ่อนโยนที่จะยอมเงี่ยหูฟังเรื่องราวของคนอื่นและช่วยครุ่นคิดไปด้วยกันนั้นไม่ได้มีมากมายนัก มากกว่าครึ่งที่ช่วยรับฟังและทำเป็นพูดดีว่านี่คือวิธีแก้ปัญหาสำหรับความกังวลของคนอื่น แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเพียงการพูดฉอดๆ ด้วยคำพูดไร้สาระ จนพวกคนที่มาขอปรึกษาต้องขอปลีกตัวออกไปก่อน
หลายทีมในยุโรปรวมทั้งกรีนฟอร์ดจะมีที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาหรือจิตแพทย์ที่เกี่ยวข้องคอยรับผิดชอบดูแลสภาพจิตของเหล่านักกีฬาอยู่ แต่สำหรับในประเทศเกาหลี ไม่ต้องมองไปไหนไกลแค่เพียงที่ซิตี้โซลเองก็อยู่ในสภาพที่วางเฉยต่อเรื่องพวกนั้นอย่างสิ้นเชิง
‘โค้ชฟิตเนสจำเป็นต้องทำกระทั่งหน้าที่นั้นด้วยเหรอ ไม่ใช่ว่าจะได้เงินเพิ่มสักหน่อยนี่’
แม้จะคิดเช่นนั้น แต่มูคยอมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะเขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำให้ตัวเองลำบากเพื่อความสบายของฮาจุน
อย่างไรก็ตาม ฮาจุนก็มาทำงานในฐานะโค้ชได้หลายวันแล้ว และฮาจุนกับมูคยอมก็กำลังอยู่รวมกันอย่างผิวเผิน โดยไม่มีการกระทบกระทั่งกัน รวมทั้งไม่ได้มีความสนิทสนมกันขึ้นมากมายด้วย
“สวัสดีครับ พี่มูคยอม”
“อืม”
ขณะที่กำลังจะเดินผ่านด้านข้างของฮาจุนที่กำลังพูดอยู่ในวงล้อมของเหล่านักกีฬา ใครคนหนึ่งก็ ไม่ละเลยที่จะเอ่ยทักมูคยอม มูคยอมไม่มีความคิดที่จะขัดบทสนทนาของพวกเขาเป็นพิเศษ จึงตั้งใจจะรับเพียงคำทักทายและเดินผ่านไป ทว่าการเอ่ยขอตัวของฮาจุนกลับเร็วกว่า
“ฉันต้องกลับไปที่สำนักงาน งั้นคงต้องขอตัวก่อน ไว้ค่อยคุยกันอีกคราวหลังนะ”
“อา งานยุ่งเหรอครับ ครับ ไปเถอะครับโค้ช”
…ไม่สิ อาจจะไม่ใช่อยู่รวมกันอย่างผิวเผินก็ได้
มองดูฮาจุนที่รวมกลุ่มพูดคุยกับคนอื่นอยู่ดีๆ แล้วจู่ๆ ก็เอ่ยลาปลีกตัวไปทันทีที่มูคยอมปรากฏตัวแล้ว มูคยอมก็พยายามบังคับควบคุมความรู้สึกคลางแคลงบางเบาที่พวยพุ่งขึ้นมาของตนลงไป
ความรู้สึกขัดแย้งที่มูคยอมสัมผัสได้ในวันแรก หลังจากวันนั้นก็ยังคงรู้สึกมาตลอด แต่จะให้ยกมาอธิบายว่าเป็นอย่างไรก็ค่อนข้างยาก ถึงอย่างนั้นมูคยอมก็ไม่สามารถสลัดความรู้สึกที่ว่า ฮาจุนกำลังคิดไม่ค่อยสะดวกใจกับตนอยู่ออกไปได้ และถ้าถามว่าทำไมถึงคิดเช่นนั้น ก็อย่างเช่นว่า
‘· เวลาคุยกับคนอื่นอยู่หากคิมมูคยอมเข้ามา อีฮาจุนจะปลีกตัวไปทันที
·· เวลาที่โค้ชหลายคนช่วยดูแลนักกีฬาพร้อมกัน ไม่รู้ทำไม แต่อีฮาจุนจะไม่ถูกส่งมาหาคิมมูคยอมโดยเด็ดขาด
·· หากเป็นชั่วโมงที่อีฮาจุนช่วยดูแลนักกีฬาเพียงลำพัง เวลาที่ปฏิบัติกับนักกีฬาคนอื่นกับเวลาที่ปฏิบัติกับคิมมูคยอม เขาจะสามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างที่ซับซ้อนซึ่งไม่สามารถอธิบายออกมาได้
·· การอยู่ด้วยกันสองต่อสองของคิมมูคยอมกับอีฮาจุนไม่เคยเกิดขึ้นเลย’
ทว่าจะมูคยอมหรือฮาจุน จนตอนนี้พวกเขาก็เพิ่งเข้ามาร่วมทีมได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น รวมทั้งสิ่งเหล่านั้นก็อยู่ในระดับที่มูคยอมสามารถมองว่าทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญหรือคิดไปเอง และปล่อยผ่านไปได้
ความจริง สำหรับมูคยอมถึงอีกฝ่ายจะคิดไม่สะดวกใจกับเขา นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจำเป็นจะใส่ใจ เดิมทีไม่ว่าจะที่ไหน คนที่ไม่สะดวกใจกับมูคยอมก็มีมากกว่าคนที่สะดวกใจกับมูคยอมอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ได้แปลกใหม่อะไร
อย่างนั้นแล้วจะใส่ใจไปทำไม มูคยอมบ่นคนเหมือนพูดคนเดียวในใจ แล้ววิ่งไปกลางสนามฝึกพร้อมกับที่เสียงนกหวีดบอกหมดเวลาพักดังขึ้น ตั้งแต่นี้ไปพวกเขาจะย้ายสถานที่ฝึกซ้อมเข้ามายังสนามฝึกซ้อมในร่ม และรับการฝึกที่เพิ่มขึ้นมาใหม่
เหล่านักกีฬาของซิตี้โซลจะเล่นพิลาทิส[1]สัปดาห์ละสองครั้งตามความเห็นของฮาจุน ซึ่งนี่เป็นเรื่องปกติมากสำหรับมูคยอม เพราะที่กรีนฟอร์ดพิลาทิสถูกเลือกใช้เป็นโปรแกรมฝึกหลักอยู่แล้ว ทั้งยังมีการเรียนโยคะตามสภาพร่างกายของเหล่านักกีฬาด้วย แต่สำหรับนักกีฬาส่วนใหญ่ของซิตี้โซลเหมือนจะยังคงไม่คุ้นเคยกับกีฬานี้ จึงรวมตัวภายในสนามฝึกซ้อมในร่มและขยับร่างกายตามที่ฮาจุนบอกอย่างเก้งก้าง
มูคยอมถูกใจกับโปรแกรมใหม่นี้ เพราะอย่างไรการฝึกกำลังกายของซิตี้โซลหากเทียบกับของกรีนฟอร์ดแล้วก็มีความแตกต่างกันอย่างมากไม่ว่าจะทางปริมาณหรือคุณภาพ มูคยอมจึงกำลังมองหาสถานที่ที่จะใช้เทรนส่วนตัวอยู่พอดี แต่ถึงบอกว่าเป็นโปรแกรมฝึกใหม่ที่ถูกสร้างเพิ่มขึ้นมา ที่นี่ก็ไม่มีทั้งอุปกรณ์สำหรับฝึกในน้ำและไม่มีทั้งจากุซซี่ด้วย รวมทั้งเวทเทรนนิ่งหรืออุปกรณ์พิลาทิสที่กำลังจะเริ่มฝึกอยู่ตอนนี้เองก็ไม่ได้ถูกอัพเกรดเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้น มูคยอมก็คิดว่ายังดีกว่าไม่ได้ฝึกเลย
พวกโค้ชกำลังวุ่นวายช่วยกันดูแลเหล่าชายหนุ่มที่กระจัดกระจายอย่างเงอะงะอยู่ท่ามกลางเครื่องออกกำลังกายแต่ละชนิดและอุปกรณ์อื่นๆ และแน่นอนว่าคนที่ออกความเห็นเสนอให้นำโปรแกรมฝึกใหม่นี้เข้ามาใช้ก็เป็นคนที่ดูจะงานยุ่งที่สุดในบรรดาโค้ชเหล่านั้น
“ขยับขาไปทางซ้ายอีกนิด ดี เวลาทำท่านี้จะให้กระดูกเชิงกรานเบี้ยวไม่ได้”
“แบบนี้เหรอครับ”
“ใช่ ดีขึ้นเยอะเลย”
“จริงเหรอครับ”
“แน่นอนสิ”
ฮาจุนจับเอวของนักกีฬาคนหนึ่งและช่วยจัดท่าทางให้ พร้อมกับพูดคุยหัวเราะร่อต่อกระซิกไปด้วยกัน ฮาจุนไม่เพียงเพิ่งเริ่มงานปัจจุบันได้ไม่นาน และช่องว่างระหว่างอายุกับพวกนักกีฬาก็ไม่ได้มากขนาดนั้น ดังนั้นถึงฮาจุนจะไม่ตอบรับการให้คำปรึกษาอะไรพวกนั้น ก็ยังสมควรที่พวกนักกีฬาจะคิดว่าเขาเป็นมิตร เหตุการณ์อย่างนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับนักกีฬาอายุน้อยเท่านั้น กับนักกีฬาที่อายุมากกว่าตนเอง ฮาจุนก็ปฏิบัติด้วยอย่างนุ่มนวลและถ่ายทอดคำสั่งออกไปโดยที่ไม่ทำให้พวกเขารู้สึกหงุดหงิด
“ตอนนี้พี่กำลังใช้ฝั่งของกระดูกสันหลังเพียงแค่นิดเดียวครับ เพราะอย่างนั้น เวลาออกกำลังกาย ควรต้องออกทางฝั่งซ้ายเพิ่มอีก ต้องทำอย่างนั้นจึงจะสมดุลครับ”
“จริงด้วย ก่อนหน้านี้ที่โรงพยาบาลก็เคยบอกมาอย่างนั้น งั้นที่บางครั้งรู้สึกเจ็บเอวเอง ก็คงเพราะอย่างงั้นด้วยสินะ”
“ก็อาจจะนะครับ ดูสิครับ ถ้ากดตรงนี้จะเจ็บใช่ไหมล่ะครับ เพราะไม่สมดุล กล้ามเนื้อด้านนี้เลยถูกใช้มากกว่าทำให้เกิดอาการแข็งเกร็งครับ ถ้าทำต่อไปก็จะเป็นภาระกับร่างกายครับ”
มูคยอมกำลังออกกำลังกล้ามเนื้อหน้าท้องอยู่บนยิมบอล[2] และมองมองไปที่ ฮาจุนให้คำแนะนำพวกนักกีฬาทีละคนๆ และกำลังค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้มูคยอมฮาจุนสอนคนหนึ่งใช้ยางยืดออกกำลังกาย[3]ฝึกปรับสมดุลของกระดูกเชิงกราน และสอนออกกำลังกายกล้ามเนื้อหน้าท้องโดยใช้เครื่องรีฟอร์เมอร์[4]ให้อีกหนึ่งคน
แล้วก็มาถึงลำดับของมูคยอมในวันนี้ ฮาจุนก้มลงมองมูคยอมที่นอนอยู่บนยิมบอล ก่อนจะเบนสายตาไปหาสมุดโน้ตที่ถืออยู่
“นายไม่ได้มีปัญหาอะไรพิเศษ แต่มีแนวโน้มว่าจะใช้แรงข้อเท้าด้านขวามากกว่า แต่ยังไงก็คงเป็นแบบนั้นเพราะใช้ขาด้านขวาในการก้าวมากกว่าละนะ ถ้าลดภาระของขาขวาได้ก็ดี แต่การเพิ่มความแข็งแกร่งของข้อเท้าซ้ายเพื่อให้สมดุลกันก็เป็นวิธีที่ดีเหมือนกัน ต้องทำแบบนั้นจึงจะเพิ่มพลังเตะได้ และแน่นอนว่าควรต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวด้วย”
“ฉันรู้”
“มาทางนี้สิ รอบแรกใช้ยางยืดออกกำลังกาย ต่อไปค่อยใช้เครื่องรีฟอร์เมอร์ มา เอานี่คล้องไว้ที่ข้อเท้า”
การออกกำลังกายที่ฮาจุนบอก เป็นสิ่งที่มูคยอมเองก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี มูคยอมคล้องยางยืดออกกำลังกายที่ข้อเท้าตามคำสั่งของฮาจุนและเดินไปประจำตำแหน่ง จากนั้นจึงทำท่าฝึกกล้ามเนื้อหลายท่า เช่น ยกขาขึ้น หรือขึ้นไปบนเครื่องรีฟอร์เมอร์แล้วใช้ขาข้างหนึ่งดันแผ่นกระดาน ท่าทางคุ้นเคยต่างจากนักกีฬาคนอื่นๆ ทำให้ฮาจุนยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ทำได้ขนาดนี้ถึงไม่บอกนายก็คงรู้หมดแล้วสินะ สำหรับการออกกำลังกายฝึกกล้ามเนื้อ ช่วยทำทางด้านซ้ายเพิ่มเป็นสองเท่านะ”
“อืม”
“ร่างกายส่วนบนกับร่างกายส่วนล่างถูกเชื่อมกันเป็นแนวทแยง ดังนั้นเวลาออกกำลังหน้าท้อง ลองพยายามตั้งใจเกร็งร่างกายส่วนบนทางด้านขวาให้มากแล้วยกขึ้น ส่วนกระดูกก้นกบช่วยลดลงอีกหน่อย”
ฮาจุนยิ้มและกำลังจะเดินผ่านไป แต่มูคยอมก็เรียกเขาไว้
“โค้ช”
“หืม”
“มีแค่นี้เหรอ ไม่มีอย่างอื่นอีกเหรอ”
“อย่างอื่นเหรอ”
มูคยอมที่ขึ้นไปยืนบนเครื่องรีฟอร์เมอร์ก้มลงจ้องเขม้งมองฮาจุน ฮาจุนเบิกตาโตและทำหน้าเหมือนถามว่า ‘ทำไม’ และหันมาเผชิญหน้ากับมูคยอม
“ไม่มีอะไร”
และเมื่อมูคยอมทำมือว่าไม่มีอะไร ฮาจุนก็เพียงฉีกยิ้มออกมาครั้งหนึ่งราวกับแค่เขินและหมุนตัวเดินเพื่อไปดูสภาพของนักกีฬาคนต่อไป มูคยอมมองดูภาพของฮาจุนที่กำลังสอนนักกีฬาคนนั้น และในวันนี้ วินาทีนี้ หลังจากโค้ชกายภาพคนใหม่เข้ามาทำงานได้หลายวัน มูคยอมก็เข้าใจตัวตนที่แท้จริงของความรู้สึกขัดแย้งที่รบกวนมุมหนึ่งในหัวใจของเขาขึ้นมาได้อย่างแจ่มชัด
นี่ไม่ใช่ระดับแค่คิดว่าไม่สะดวกใจธรรมดาๆ แล้ว เพราะอีฮาจุนน่ะ ไม่ยอมแตะต้องตัวเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
เวลาที่ปรับท่าให้ ฮาจุนมักจะวางมือลงบนร่างของพวกนักกีฬาและขยับสัมผัสโดยตรง มากกว่าจะทำไปเพราะจำเป็น ดูเหมือนจะเป็นการกระทำที่ทำไปตามความเคยชินมากกว่า ตอนกดตรวจกล้ามเนื้อเองก็ไม่เขินอาย ส่วนมากจะยื่นมือออกไปสัมผัสร่างกายของพวกนักกีฬาแทบทุกครั้ง และในตอนนี้เองเขาก็กำลังทำเช่นนั้นอยู่
แน่นอนว่า ไม่ใช่ว่าฮาจุนไม่แตะต้องมูคยอมเลยแม้แต่น้อย แต่ความรู้สึกที่ว่าเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสัมผัสมูคยอมอย่างมีสติและสัมผัสให้น้อยที่สุดจริงๆ นั้นก็ส่งผ่านมายังมูคยอมด้วย มูคยอมมั่นใจว่า ระหว่างหลายวันหลังจากที่ฮาจุนมาถึง นักกีฬาที่ไม่โดนมือของฮาจุนสัมผัสมากขนาดนี้ ที่นี่ในตอนนี้มีเพียงแค่มูคยอมเท่านั้น
เหมือนจะเป็นคนที่มีมุมแอบใจแคบเล็กๆ ต่างจากหน้าตา เพราะเขาจำฮาจุนไม่ได้ในวันที่พบกันครั้งแรก ฮาจุนเลยรู้สึกไม่พอใจอย่างนั้นเหรอ
คิดอย่างไรก็ไม่ถูกต้อง ถ้าจำเป็นต้องปรับท่าทางก็ต้องปรับ และถ้าจำเป็นต้องกดตรวจก็ต้องกดตรวจ นั่นเป็นหน้าที่ของโค้ชฟิตเนส จริงอยู่ที่ฮาจุนอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นเลยไม่ทำก็ได้ แต่การที่ไม่แตะต้องมูคยอมเพียงคนเดียวแบบนี้ ไม่ว่าจะคิดยังไงก็แปลก มากกว่าจะเป็นการกระทำที่ทำไปตามความจำเป็น มูคยอมคาดเดาได้เพียงว่ามีสาเหตุมาจากความสัมพันธ์ระหว่างกัน
“โค้ช”
มูคยอมเรียกฮาจุนที่กำลังเดินผ่านหน้าตนไปเอาไว้อีกครั้ง ฮาจุนเบิกตากว้างและมองมูคยอม
“หืม”
“ช่วงนี้เหมือนจะเจ็บเอว ช่วยดูให้หน่อยได้ไหม”
“อะไรนะ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูเหมือนจะไม่มีปัจจัยที่จะทำให้เป็นอย่างนั้นได้เลยนะ”
“ไม่รู้สิ เหมือนจะเป็นมาได้ประมาณสองวันแล้ว”
ฮาจุนพยักศีรษะ และรีบกางเสื่อลงบนพื้น
“งั้นอาจจะเกิดอาการเจ็บปวดอย่างเฉียบพลันก็ได้ ลองนอนคว่ำตรงนี้เดี๋ยวสิ”
มูคยอมทำตามที่ถูกสั่งไปพร้อมกับแอบสงสัยอยู่ในใจ ‘ใจดีกว่าที่คิด เขาอาจจะคิดไปเองหรือเข้าใจผิดไปจริงๆ งั้นสินะ’
“โค้ชจองครับ!”
“หืม ว่าไง”
ในตอนนั้นเองฮาจุนก็เรียกโค้ชอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง หูของมูคยอมที่นอนคว่ำอยู่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเดินใกล้เข้ามา และบทสนทนาของทั้งสองก็ดังขึ้นด้านหลัง
“นักกีฬาคิมมูคยอมบอกว่าเจ็บเอว คุณช่วยกดตรวจให้หน่อยได้ไหมครับ คุณเชี่ยวชาญกว่าผมนี่ครับ”
“อา ได้สิ”
โค้ชจองกับฮาจุนนั่งคุกเข่าลงข้างมูคยอม มูคยอมหันศีรษะไปด้านข้างและเงยขึ้นมองฮาจุน แล้วฮาจุนที่กางสมุดโน้ตเตรียมพร้อมจดบันทึกด้วยใบหน้าจริงจังก็ถามขึ้น
“เจ็บด้านไหน”
“…ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว”
“หะ”
“ไม่เป็นไรแล้วครับ โค้ชจอง”
เมื่อมูคยอมขยับตัวลุกขึ้นนั่ง โค้ชจองก็ถามกลับเพียงว่า “งั้นเหรอ” ครั้งหนึ่งโดยไม่สงสัยอะไรต่อและกลับไปทำงานที่ค้างไว้อีกครั้ง มูคยอมที่นั่งอยู่บนเสื่อและฮาจุนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างกันนั้นจ้องมองกันและกัน ฮาจุนผายมือไปที่เสื่อราวกับทำอะไรไม่ถูก
“นายบอกว่าเจ็บนี่ ลองนอนคว่ำอีกครั้งสิ ต้องตรวจให้แน่ชัดก่อนถึงจะปล่อยผ่านไปได้นะ”
“ถ้าโค้ชอีช่วยดูให้ด้วยตัวเองก็น่าจะดีนะ”
“อะไรนะ”
“ดูด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นทำ”
ฮาจุนทำเพียงกะพริบตาราวกับไม่เข้าใจความหมายของคำพูดของมูคยอม ระหว่างที่เขานั่งอยู่โดยไม่พูดอะไร มูคยอมก็ไม่รอคำตอบและนอนคว่ำลงบนเสื่ออีกครั้ง ก่อนรู้สึกได้ว่าฮาจุนที่เงียบไปครู่หนึ่งเดินโดยใช้เข่าขยับเข้ามาด้านข้างของตน ฮาจุนวางสมุดที่เคยถืออยู่ลงบนพื้นของโรงยิมพร้อมกับปากกา
มูคยอมหันศีรษะไปและแอบมองท่าทางของเขา ฮาจุนก้มลงจ้องเขม้งเพียงฝั่งเอวของมูคยอมและถามว่า
“เจ็บด้านไหน”
“ด้านซ้าย”
มูคยอมให้คำตอบไปเท่าที่จะทำได้แล้วรอการเคลื่อนไหวต่อไปของฮาจุน ฮาจุนก้มลงมองเอวของมูคยอมนิ่งๆ แล้วพ่นลมหายใจยาวออกมาทางจมูกเบาๆ พร้อมกับขมวดคิ้วแบบแทบจะมองไม่เห็น
หลังจากนั้นจึงขยับมือ และวางมือลงบนหลังของมูคยอมในท้ายที่สุด มูคยอมรู้สึกได้ถึงส่วนข้อต่อของทั้งสี่นิ้วและส่วนปลายของนิ้วโป้งที่ค่อยๆ กดลงมาที่เอวฝั่งซ้าย แล้วฮาจุนที่ใช้แรงกดลงบนเอวก็ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“เจ็บไหม”
“ไม่ ลงไปข้างล่างอีกหน่อย”
“ตรงนี้เหรอ”
มือของฮาจุนย้ายที่ไปเรื่อยๆ พร้อมกับกดหนักๆ ลงมาบนเอว ‘แรงมือไม่เลวเลย’ มูคยอมคิด ความรู้สึกราวกับสัตว์ตัวเล็กๆ เดินย่ำไปมาบนแผ่นหลัง ทำให้อารมณ์ของมูคยอมค่อยๆ ผ่อนคลายลง
ทว่าสภาพของฮาจุนนั้นตรงกันข้าม มูคยอมเอียงศีรษะไปด้านข้างสังเกตดูสีหน้าของเขา แม้จะมองเห็นความยุ่งยากใจเล็กๆ บนสีหน้าของฮาจุนในตอนแรก แต่แล้วบนใบหน้าที่จริงจังก็ค่อยๆ ปรากฏความตัดสินใจลำบากและความกังขาขึ้น แน่นอนสิ เพราะความจริงแล้ว เอวของมูคยอมน่ะปกติดีทุกอย่างและไม่เคยมีอาการเจ็บปวดเลยสักนิด
มือของฮาจุนขยับไปทางซ้ายที ทางขวาที ขึ้นด้านบน ลงด้านล่างอยู่ตลอด และสำรวจไปบนแผ่นหลังของมูคยอมอย่างตั้งอกตั้งใจเพื่อหาสาเหตุของอาการปวด ฮาจุนสัมผัสอยู่แค่ช่วงเอวที่เดียวแล้วคงคิดว่าไม่ใช่ สุดท้ายจึงเริ่มคลำที่กระดูกเชิงกราน และบริเวณก้นกบ สีข้าง รวมกระทั่งต้นขาด้านข้างและด้านหลัง
‘มือนุ่มจังแฮะ’ มูคยอมนอนคว่ำใช้มือรองคางและหลับตา ปล่อยให้มือนั้นขยับไปราวกับกำลังเพลิดเพลินกับการนวดตัว
ยิ่งตรวจสอบพบว่าร่างกายของมูคยอมสมบูรณ์ไร้ที่ติ สีหน้าของฮาจุนก็ยิ่งค่อยๆ เคร่งเครียดมากขึ้น ฮาจุนที่กดตรวจตรงนั้นตรงนี้ สุดท้ายก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าออกมาราวกับยอมแพ้ เขาขยับตัวลุกขึ้นหยิบสมุดโน้ตขึ้นอีกครั้ง เสียงของฮาจุนฟังเหมือนพยายามแสร้งจะพูดอย่างปกติแต่ก็ฟังดูหมดกำลังใจอยู่ในที
“ฉันยังไม่เก่งพอเลยไม่ค่อยแน่ใจ ที่เอวหรือกล้ามเนื้อส่วนท้องไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ถ้าบอกว่ามีอาการปวดก็เป็นไปได้ว่าอาจเป็นอาการปวดต่างที่[5]ที่มีสาเหตุมาจากจุดอื่น แต่กระดูกเชิงกรานหรือฝั่งขาเองก็เหมือนกล้ามเนื้อจะไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย… นายไปรับการตรวจอย่างละเอียดจากทีมแพทย์น่าจะดีกว่า เดี๋ยวฉันจะแจ้งไว้ให้”
จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากขนาดนี้เลยเหรอ ตอนเข้าสโมสรเขาก็ทำการตรวจร่างกายเสร็จไปหมดแล้ว และการทดสอบครั้งสุดท้ายก็เพิ่งผ่านไปไม่นานเองด้วย มูคยอมก็อยากจะแหย่ฮาจุนเท่านั้น เขาไม่ได้มีความคิดที่จะทำให้หลายๆ คนต้องทำอะไรที่ไม่จำเป็นด้วยการป่วยการเมือง จึงเอ่ยขึ้นเพื่อกุเรื่องขึ้นมาส่งๆ
“เมื่อสองวันก่อน”
“หืม?”
“บังเอิญพลาดไปกระแทกเตียงน่ะ อาจจะเป็นเพราะสาเหตุนั้นหรือเปล่า”
ฮาจุนมองมูคยอมด้วยสีหน้าเหมือนจะถามว่าพูดอะไร แล้วไม่ช้าก็ร้อง ‘อ่า’ ออกมาราวกับเข้าใจความหมายของคำพูดนั้น ก่อนจะอ้าปากค้างไปเล็กน้อย
…………………………………………….
[1] พิลาทิส (Pilates) คือ การออกกำลังกายที่เน้นไปที่การสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และสร้างความยืดหยุ่นควบคู่ไปด้วยทั่วร่างกาย
[2] ยิมบอล (Gym Ball) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการออกกำลังกาย มีลักษณะเป็นลูกบอลทรงกลมขนาดใหญ่
[3] ยางยืดออกกำลังกาย (Resistance Band) อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับฝึกกล้ามเนื้อโดยอาศัยแรงต้าน มีหลายประเภทและมีความต้านทานหลายระดับ
[4] เครื่องรีฟอร์เมอร์ (Reformer) เครื่องออกกำลังกายขนาดใหญ่สำหรับออกกำลังกายแบบพิลาทิส ประกอบไปด้วยแผ่นรองเคลื่อนที่ได้ที่ขึงไว้กับสปริง บาร์ และสายรัด
[5] อาการปวดต่างที่ (Referred pain) เป็นความเจ็บปวดในตำแหน่งอื่นที่ต่างจากส่วนของร่างกายที่ได้รับสิ่งเร้าอันก่อให้เกิดความเจ็บปวด เช่น ความรู้สึกเจ็บปวดจากอวัยวะภายใน อาจทำให้ปวดในส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้